ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะประสบความสำเร็จและเพื่อจะเป็นคนชั้นสูงที่มีรากฐานมั่นคงในต่างประเทศ จางเจียต้งได้ทุ่มเทไปมากมาย แม้กระทั่งชีวิตและเลือดเนื้อของเขา เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้ากู้หยุนหลานได้อย่างมั่นใจและสารภาพความรักที่เขามีต่อกู้หยุนหลาน พากู้หยุนหลานไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่ต่างประเทศ แต่ตอนนี้ความพยายามที่ทุ่มเทไปทั้งหมดล้วนสูญเปล่าไปกับคำพูดของเพียงคำเดียวของกู้หยุนหลาน สายตาที่จางเจียต้งมองไปทางหลี่โม่ก็ยิ่งคุกรุ่นไปด้วยความโกรธแค้นขึ้นไปอีก "หยุนหลาน! เธอรู้ไหมว่าฉันชอบเธอมาตลอด! เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไปต่างประเทศ! เธอรู้ไหมว่าฉันแลกเท่าไหร่เพื่อที่จะประสบความสำเร็จที่ต่างประเทศ! ทั้งหมดล้วนทำเพื่อเธอนะ!" จางเจียต้งคำราม กู้หยุนหลานส่ายหน้ามองไปยังจางเจียต้งที่กำลังโกรธเกรี้ยว เธอดึงหลี่โม่เข้ามาและพูดว่า “เราไปกันเถอะ” “จะไปงั้นเหรอ? ไม่มีทาง! วันนี้กู้หยุนหลานต้องไปกับฉัน!” จางเจียต้งพูดเสียงแข็งกร้าว กู้หยุนหลานจูงมือหลี่โม่แล้วหันหลังจากไป แต่หลังจากที่เปิดประตูก็กลับตกตะลึง ด้านนอกประตูมีชายร่างใหญ่ผมบลอนด์ตาสีฟ้ายืนอยู่สองคน ทั้ง
คาร์ลรู้สึกโมโหขึ้นมา เขาควงมีดล่าสัตว์ในมือจนเห็นเป็นเงาซ้อน ก่อนฟันเข้าไปยังคอของหลี่โม่ พวกหวูผิงผิงทุกคนต่างมึนงงไปกับเงามีดของคาร์ล พวกเขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีดล่าสัตว์ในมือของคาร์ลได้ไปจ่อที่คอของหลี่โม่แล้ว หลี่โม่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าตกตะลึงกับเงามีดของคาร์ลไปแล้ว นั่นจึงทำให้คาร์ลรู้สึกได้ใจขึ้นมา “สั่นเลยละสิ ไอ้คนธรรมดาเอ๊ย!” คาร์ลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา คมมีดอยู่ห่างจากคอของหลี่โม่เพียงสิบเซนติเมตรเท่านั้น ราวกับในวินาทีถัดไปคอของหลี่โม่จะถูกแทงลงไปทันที ในที่สุดหวูผิงผิงและคนอื่น ๆ ก็เห็นตำแหน่งของมีดล่าสัตว์และเห็นมันพุ่งไปยังคอของหลี่โม่อย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่พวกหวูผิงผิงจะเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา นิ้วมือของหลี่โม่ก็โผล่ขึ้นมาจากมุมที่แปลกประหลาด สองนิ้วเคลื่อนไปอย่างเบา ๆ และหนีบมีดล่าสัตว์ที่พุ่งเข้ามาเอาไว้แน่น “อ๊า!” ในตอนนั้นเองหวูผิงผิงก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ทั้งสองมือกุมหัวเอาไว้พลางคิดว่าจะเห็นฉากนองเลือดอยู่ตรงหน้า แต่เมื่อหวูผิงผิงตะโกนจบฉากนองเลือดนั้นก็ไม่ได้ปรากฏขึ้น กลับกันคาร์ลกลับดึงมีดออกอย่างรุนแรงเพื่อจะดึงมีดออก
ครูว์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้า ๆ และพูดว่า “ครับ!” ครูว์รู้ตัวตนของจางเจียต้งและยิ่งรู้ดีว่าเขาไม่สามารถขัดคำสั่งของจางเจียต้งได้ “นายแข็งแกร่งมาก การที่สามารถฆ่าคาร์ลได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ มันเกินความคาดหมายของฉันไปอย่างสิ้นเชิง แต่ฉันแข็งแกร่งกว่าคาร์ล เพราะฉันมีสายเลือดของคิงคอง!” ครูว์ยืดแขนทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อที่ใหญ่โตอยู่แล้วของเขาปูดพองขึ้น เสียงแคว่กดังขึ้น กล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นเป็นมัดฉีกสื้อคลุมของคาร์ลออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งราวกับหินทั้วทั้งร่าง ด้วยสายเลือดของคิงคอง ทำให้พลังของครูว์สามารถเพิ่มขึ้นสามถึงห้าเท่าได้ในพริบตา และยิ่งเสริมความสามารถในการต้านทานการโจมตีของเขาขึ้นไปด้วย ครูว์เคยบุกเข้าไปในที่พักของเจ้าพ่อใหญ่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาด้วยเลือดของคิงคองมาแล้ว แม้ว่าร่างกายจะถูกยิงกว่าสิบนัดก็ยังสามารถสังหารเจ้าพ่อใหญ่รวมทั้งกลุ่มบอดี้การ์ดของเขาจนสิ้น พลังป้องกันขั้นสุดยอดที่ไม่เกรงกลัวกระสุนนั้นทำให้ครูว์ผ่านพ้นวิกฤตมาได้หลายครั้ง ครูว์คิดว่าครั้งนี้เองก็เช่นกัน เขาจะต้องใช้พลังแห่งสายเลือดนี้สังหารหลี่โม่ให้ตายไม่มีที่ฝังได้แน่นอน
ในตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าพวกหวูผิงผิงจะไม่เข้าใจเรื่องสายเลือดของคิงคองอะไรพวกนั้น แต่พวกเขาก็เข้าใจได้ว่าครูว์ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน “หลี่โม่เติบโตมาด้วยอะไรกัน กระแสลมตอนที่กำปั้นปะทะกับฝ่ามือเมื่อกี้นี้อย่างกับคลื่นกระแทกระเบิดเลย ทำเอาฉันกลัวแทบตายจริง ๆ” “เจ้าหมอนี่จะต้องไม่ใช่ไอ้ขยะอย่างที่ลือกันแน่ เวลาปกติเขาคงจะสงบเสงี่ยมเกินไป แถมยังไม่ลงมือกับใครก็เลยถูกคนอื่นหาว่าเป็นขยะสินะ” “ด้วยฝีมือของเขา ถ้าเขาลงมือขึ้นมาจริง ๆ ก็สามารถฆ่าใครสักคนได้ง่าย ๆ เลยไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่าคนที่บอกว่าเขาเป็นขยะเคยถูกหลี่โม่จัดการบ้างหรือเปล่า” เพื่อนร่วมรุ่นของกู้หยุนหลานพวกนั้นกระซิบกระซาบคุยกัน แต่ละคนรู้สึกหวาดผวาและนึกเสียใจที่มาร่วมงานร่วมรุ่นขึ้นมาเล็กน้อย นี่ต้องเป็นงานรวมรุ่นที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์แน่ ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้เลยก็ได้ หวูผิงผิงหดคอ เธอพยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเพื่อนร่วมรุ่นชายสามสี่คน เมื่อนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่ตนเคยถากถางหลี่โม่ก่อนหน้านี้ขึ้นมา หวูผิงผิงก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอ วิตกกังวลว่าหลี่โม่จะมาเอาเรื่องตนใ
“นี่มัน! เป็นไปได้ยังไง!” ครูว์ตะโกนอย่างตื่นตกใจและมองไปที่หลี่โม่อย่างไม่เชื่อสายตา อากาศบีบอัดที่กำลังปะทุนั้นไม่ได้สงบลง แต่จู่ ๆ มันกลับหายไปจากหน้ากำปั้นของครูว์ราวกับว่ามันถูกหลี่โม่ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายไปอย่างกะทันหัน ในขณะที่ครูว์กำลังอยู่ในความมึนงง หลี่โม่ก็เดินเข้าเบื้องหน้าของครูว์ ทันใดนั้นมือซ้ายก็พลันออกไปบีบกรามของครูว์อย่างรวดเร็ว “อั่ก! อ๊าก!” ครูว์ส่งเสียงร้อง ขากรรไกรล่างของเขาถูกหลี่โม่บีบอย่างแรงจากนั้นนิ้วมือขวาของหลี่โม่ก็แตะไปที่ปากของครูว์ แม้ว่าปลายนิ้วของหลี่โม่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ครูว์ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่อัดแน่น ฟุ่บ! มวลอากาศอัดแน่นถูกยัดเข้าไปในปากของครูว์ จากนั้นหลี่โม่ก็ผลักครูว์ไปทางจางเจียต้งด้วยรอยยิ้มจาง ๆ แม้ว่าจางเจียต้งจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เมื่อเห็นการกระทำของหลี่โม่ จางเจียต้งก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่ามีอันตราย “อั่กอ่อกอ่อก” ครูว์ส่ายหัวด้วยสีหน้าซีดเผือด จิตใจของเขาพังทลายโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกเหมือนกับกำลังอมระเบิดอยู่ในปาก ในความเป็นจริง หากอากาศที่อัดอยู่ในปากของครูว์ระเบิดขึ้นมาจริง ๆ มันจะมีพลังรุนแรง
เรื่องที่ตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่นั้น หลี่โม่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้ว่าแดนมังกรจะรวบรวมตำราศิลปะการต่อสู้เกือบทั้งหมดในโลกเอาไว้ และมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้จำนวนมากที่สุดในโลก แต่ก็ยังไม่เคยมีข้อสรุปเกี่ยวกับการมีอยู่ของระดับพลังขั้นสูงเลย ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้มากมายต่างสัมผัสได้ถึงสวรรค์และโลกมนุษย์ และรู้สึกว่าน่าจะมีระดับของพลังที่เหมือนกับตี้เซียนอยู่ แต่ไม่มีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนไหนของแดนมังกรที่สามารถทะลวงไปถึงระดับของพลังนั้นได้เลย หลี่โม่จึงไม่กล้าพูดว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน ถึงอย่างไรก็อาจมีคนที่แข็งแรงกว่าเขาอยู่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเท่านั้น จางเจียต้งไม่พอใจกับคำตอบของหลี่โม่ หลี่โม่แข็งแกร่งมากจนสามารถฆ่าครูว์ผู้มีสายเลือดของคิงคองได้ แต่กลับบอกว่าตัวเองเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาของผู้แข็งแกร่งเท่านั้น แบบนี้มันเสแสร้งเกินไปแล้ว! เดิมทีเรื่องนี้จางเจียต้งควรจะต้องเป็นคนที่เสแสร้งมากกว่า! แต่ตอนนี้กลับถูกหลี่โม่เอามาใช้ ทำให้จางเจียต้งไม่พอใจอย่างมาก จางเจียต้งจ้องมองที่หลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตั
ถ้าอย่างนั้น โลกแห่งความจริงคงพังทลายไปนานแล้ว นี่ต้องเป็นความฝันแน่ ๆ !หวูผิงผิงกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่ในใจ คิดว่าหากเธอไม่บอกตัวเองว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตา เธอกลัวว่าวิญญาณของเธอคงแตกสลายหลี่โม่ค่อนข้างสนใจเทคโนโลยีขั้นสูงที่จางเจียต้งกำลังพูดถึง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กดดันจางเจียต้งอีกต่อไปแต่พูดคุยกับจางเจียต้งด้วยน้ำเสียงสนทนาปกติ"พูดถึงการดัดแปลงพันธุกรรมฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าการดัดแปลงพันธุกรรมไม่เคยประสบความสำเร็จ แต่ถ้าวันนี้สามารถทดลองจนประสบความสำเร็จได้ล่ะก็ น่าสนใจมากทีเดียว"จางเจียต้งเริ่มหายใจไม่ค่อยออก 'ฉันเป็นรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จในการดัดแปลงพันธุกรรม ทำไมถึงบอกว่าฉันเหมือนอยู่ในสวนสัตว์ ทำไมนายดูถูกฉันได้ขนาดนี้!'"ฉันไม่ใช่สินค้าทดลอง! ฉันเป็นผู้ดัดแปลงพันธุกรรมรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จ นายคงจะไม่เข้าใจปัญหาทางเทคนิค เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่กันจะดีกว่า ถ้านายทำลายฉัน นายก็จะถูกตามล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ใช่แค่ตัวนาย แต่ยังรวมถึงตระกูลของนายและตระกูลของกู้หยุนหลานด้วย!"เมื่อเผชิญกับการคุกคามของจางเจียต้ง หลี่โม่ก็ยังคงนิ
เสียงตะโกนของหลงเทียนสิงดังไม่น้อย แต่เมื่อผ่านกำแพงหนาของวิลล่าเข้ามาเสียงนั้นก็แผ่วเบาจนไม่สามารถได้ยินได้แต่เสียงที่แผ่วเบานั้น หลี่โม่ได้ยินอย่างชัดเจนมีคนมาอีกแล้ว!ยังมีอีกพวก!หลี่โม่ได้ข้อสรุปในใจอย่างรวดเร็วว่า คงจะเป็นคนที่ตระกูลหม่ามาสมทบสินะมุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย หลี่โม่ยิ้มและก้าวออกไปหัวใจของจางเจียต้งรู้สึกตึงเครียดเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่โม่ เขารู้สึกแย่จนพูดอะไรไม่ออกรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี หลี่โม่ต้องจัดการตนแน่ ๆ !หนี!มีเพียงความคิดเดียวในใจของจางเจียต้ง ขาของเขาอ่อนแรง ทันใดนั้นเท้าของเขาก็เริ่มออกแรง จางเจียตงดีดตัวออกไปราวกับคนสปริงตัวได้หลี่โม่ชำเลืองมองไปยังทิศทางของจางเจียต้ง เขาปรากฏตัวขึ้นข้างหลังจางเจียต้งในพริบตาเดียวแล้วถีบหลังของจางเจียต้งพลังอันทรงพลังนั้นทำให้ร่างของจางเจียต้งเร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน จางเจียต้งรู้สึกเหมือนเครื่องบินที่ไร้การควบคุมและกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ไม่ไกลความแค้นเกิดขึ้นในใจจางเจียต้ง เขาตั้งการ์ดเพื่อปกป้องตนเองโครม!จางเจียต้งกระแทกทะลุเข้าไปในกำแพงเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ควันแ