ครูว์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้า ๆ และพูดว่า “ครับ!” ครูว์รู้ตัวตนของจางเจียต้งและยิ่งรู้ดีว่าเขาไม่สามารถขัดคำสั่งของจางเจียต้งได้ “นายแข็งแกร่งมาก การที่สามารถฆ่าคาร์ลได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ มันเกินความคาดหมายของฉันไปอย่างสิ้นเชิง แต่ฉันแข็งแกร่งกว่าคาร์ล เพราะฉันมีสายเลือดของคิงคอง!” ครูว์ยืดแขนทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อที่ใหญ่โตอยู่แล้วของเขาปูดพองขึ้น เสียงแคว่กดังขึ้น กล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นเป็นมัดฉีกสื้อคลุมของคาร์ลออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งราวกับหินทั้วทั้งร่าง ด้วยสายเลือดของคิงคอง ทำให้พลังของครูว์สามารถเพิ่มขึ้นสามถึงห้าเท่าได้ในพริบตา และยิ่งเสริมความสามารถในการต้านทานการโจมตีของเขาขึ้นไปด้วย ครูว์เคยบุกเข้าไปในที่พักของเจ้าพ่อใหญ่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาด้วยเลือดของคิงคองมาแล้ว แม้ว่าร่างกายจะถูกยิงกว่าสิบนัดก็ยังสามารถสังหารเจ้าพ่อใหญ่รวมทั้งกลุ่มบอดี้การ์ดของเขาจนสิ้น พลังป้องกันขั้นสุดยอดที่ไม่เกรงกลัวกระสุนนั้นทำให้ครูว์ผ่านพ้นวิกฤตมาได้หลายครั้ง ครูว์คิดว่าครั้งนี้เองก็เช่นกัน เขาจะต้องใช้พลังแห่งสายเลือดนี้สังหารหลี่โม่ให้ตายไม่มีที่ฝังได้แน่นอน
ในตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าพวกหวูผิงผิงจะไม่เข้าใจเรื่องสายเลือดของคิงคองอะไรพวกนั้น แต่พวกเขาก็เข้าใจได้ว่าครูว์ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน “หลี่โม่เติบโตมาด้วยอะไรกัน กระแสลมตอนที่กำปั้นปะทะกับฝ่ามือเมื่อกี้นี้อย่างกับคลื่นกระแทกระเบิดเลย ทำเอาฉันกลัวแทบตายจริง ๆ” “เจ้าหมอนี่จะต้องไม่ใช่ไอ้ขยะอย่างที่ลือกันแน่ เวลาปกติเขาคงจะสงบเสงี่ยมเกินไป แถมยังไม่ลงมือกับใครก็เลยถูกคนอื่นหาว่าเป็นขยะสินะ” “ด้วยฝีมือของเขา ถ้าเขาลงมือขึ้นมาจริง ๆ ก็สามารถฆ่าใครสักคนได้ง่าย ๆ เลยไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่าคนที่บอกว่าเขาเป็นขยะเคยถูกหลี่โม่จัดการบ้างหรือเปล่า” เพื่อนร่วมรุ่นของกู้หยุนหลานพวกนั้นกระซิบกระซาบคุยกัน แต่ละคนรู้สึกหวาดผวาและนึกเสียใจที่มาร่วมงานร่วมรุ่นขึ้นมาเล็กน้อย นี่ต้องเป็นงานรวมรุ่นที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์แน่ ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้เลยก็ได้ หวูผิงผิงหดคอ เธอพยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเพื่อนร่วมรุ่นชายสามสี่คน เมื่อนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่ตนเคยถากถางหลี่โม่ก่อนหน้านี้ขึ้นมา หวูผิงผิงก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอ วิตกกังวลว่าหลี่โม่จะมาเอาเรื่องตนใ
“นี่มัน! เป็นไปได้ยังไง!” ครูว์ตะโกนอย่างตื่นตกใจและมองไปที่หลี่โม่อย่างไม่เชื่อสายตา อากาศบีบอัดที่กำลังปะทุนั้นไม่ได้สงบลง แต่จู่ ๆ มันกลับหายไปจากหน้ากำปั้นของครูว์ราวกับว่ามันถูกหลี่โม่ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายไปอย่างกะทันหัน ในขณะที่ครูว์กำลังอยู่ในความมึนงง หลี่โม่ก็เดินเข้าเบื้องหน้าของครูว์ ทันใดนั้นมือซ้ายก็พลันออกไปบีบกรามของครูว์อย่างรวดเร็ว “อั่ก! อ๊าก!” ครูว์ส่งเสียงร้อง ขากรรไกรล่างของเขาถูกหลี่โม่บีบอย่างแรงจากนั้นนิ้วมือขวาของหลี่โม่ก็แตะไปที่ปากของครูว์ แม้ว่าปลายนิ้วของหลี่โม่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ครูว์ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่อัดแน่น ฟุ่บ! มวลอากาศอัดแน่นถูกยัดเข้าไปในปากของครูว์ จากนั้นหลี่โม่ก็ผลักครูว์ไปทางจางเจียต้งด้วยรอยยิ้มจาง ๆ แม้ว่าจางเจียต้งจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เมื่อเห็นการกระทำของหลี่โม่ จางเจียต้งก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่ามีอันตราย “อั่กอ่อกอ่อก” ครูว์ส่ายหัวด้วยสีหน้าซีดเผือด จิตใจของเขาพังทลายโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกเหมือนกับกำลังอมระเบิดอยู่ในปาก ในความเป็นจริง หากอากาศที่อัดอยู่ในปากของครูว์ระเบิดขึ้นมาจริง ๆ มันจะมีพลังรุนแรง
เรื่องที่ตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่นั้น หลี่โม่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้ว่าแดนมังกรจะรวบรวมตำราศิลปะการต่อสู้เกือบทั้งหมดในโลกเอาไว้ และมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้จำนวนมากที่สุดในโลก แต่ก็ยังไม่เคยมีข้อสรุปเกี่ยวกับการมีอยู่ของระดับพลังขั้นสูงเลย ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้มากมายต่างสัมผัสได้ถึงสวรรค์และโลกมนุษย์ และรู้สึกว่าน่าจะมีระดับของพลังที่เหมือนกับตี้เซียนอยู่ แต่ไม่มีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนไหนของแดนมังกรที่สามารถทะลวงไปถึงระดับของพลังนั้นได้เลย หลี่โม่จึงไม่กล้าพูดว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน ถึงอย่างไรก็อาจมีคนที่แข็งแรงกว่าเขาอยู่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเท่านั้น จางเจียต้งไม่พอใจกับคำตอบของหลี่โม่ หลี่โม่แข็งแกร่งมากจนสามารถฆ่าครูว์ผู้มีสายเลือดของคิงคองได้ แต่กลับบอกว่าตัวเองเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาของผู้แข็งแกร่งเท่านั้น แบบนี้มันเสแสร้งเกินไปแล้ว! เดิมทีเรื่องนี้จางเจียต้งควรจะต้องเป็นคนที่เสแสร้งมากกว่า! แต่ตอนนี้กลับถูกหลี่โม่เอามาใช้ ทำให้จางเจียต้งไม่พอใจอย่างมาก จางเจียต้งจ้องมองที่หลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตั
ถ้าอย่างนั้น โลกแห่งความจริงคงพังทลายไปนานแล้ว นี่ต้องเป็นความฝันแน่ ๆ !หวูผิงผิงกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่ในใจ คิดว่าหากเธอไม่บอกตัวเองว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตา เธอกลัวว่าวิญญาณของเธอคงแตกสลายหลี่โม่ค่อนข้างสนใจเทคโนโลยีขั้นสูงที่จางเจียต้งกำลังพูดถึง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กดดันจางเจียต้งอีกต่อไปแต่พูดคุยกับจางเจียต้งด้วยน้ำเสียงสนทนาปกติ"พูดถึงการดัดแปลงพันธุกรรมฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าการดัดแปลงพันธุกรรมไม่เคยประสบความสำเร็จ แต่ถ้าวันนี้สามารถทดลองจนประสบความสำเร็จได้ล่ะก็ น่าสนใจมากทีเดียว"จางเจียต้งเริ่มหายใจไม่ค่อยออก 'ฉันเป็นรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จในการดัดแปลงพันธุกรรม ทำไมถึงบอกว่าฉันเหมือนอยู่ในสวนสัตว์ ทำไมนายดูถูกฉันได้ขนาดนี้!'"ฉันไม่ใช่สินค้าทดลอง! ฉันเป็นผู้ดัดแปลงพันธุกรรมรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จ นายคงจะไม่เข้าใจปัญหาทางเทคนิค เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่กันจะดีกว่า ถ้านายทำลายฉัน นายก็จะถูกตามล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ใช่แค่ตัวนาย แต่ยังรวมถึงตระกูลของนายและตระกูลของกู้หยุนหลานด้วย!"เมื่อเผชิญกับการคุกคามของจางเจียต้ง หลี่โม่ก็ยังคงนิ
เสียงตะโกนของหลงเทียนสิงดังไม่น้อย แต่เมื่อผ่านกำแพงหนาของวิลล่าเข้ามาเสียงนั้นก็แผ่วเบาจนไม่สามารถได้ยินได้แต่เสียงที่แผ่วเบานั้น หลี่โม่ได้ยินอย่างชัดเจนมีคนมาอีกแล้ว!ยังมีอีกพวก!หลี่โม่ได้ข้อสรุปในใจอย่างรวดเร็วว่า คงจะเป็นคนที่ตระกูลหม่ามาสมทบสินะมุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย หลี่โม่ยิ้มและก้าวออกไปหัวใจของจางเจียต้งรู้สึกตึงเครียดเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่โม่ เขารู้สึกแย่จนพูดอะไรไม่ออกรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี หลี่โม่ต้องจัดการตนแน่ ๆ !หนี!มีเพียงความคิดเดียวในใจของจางเจียต้ง ขาของเขาอ่อนแรง ทันใดนั้นเท้าของเขาก็เริ่มออกแรง จางเจียตงดีดตัวออกไปราวกับคนสปริงตัวได้หลี่โม่ชำเลืองมองไปยังทิศทางของจางเจียต้ง เขาปรากฏตัวขึ้นข้างหลังจางเจียต้งในพริบตาเดียวแล้วถีบหลังของจางเจียต้งพลังอันทรงพลังนั้นทำให้ร่างของจางเจียต้งเร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน จางเจียต้งรู้สึกเหมือนเครื่องบินที่ไร้การควบคุมและกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ไม่ไกลความแค้นเกิดขึ้นในใจจางเจียต้ง เขาตั้งการ์ดเพื่อปกป้องตนเองโครม!จางเจียต้งกระแทกทะลุเข้าไปในกำแพงเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ควันแ
จางเจียต้งนั้นเข้าใจดี เขารู้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขา ถ้าหลี่โม่ทำตามสัญญาได้“นาย นายรับประกันได้ไหมว่านายจะทำตามที่นายพูด” จางเจียตงถามอย่างระมัดระวัง“เครดิตของฉันดีกว่าของคนส่วนใหญ่แน่นอน ถ้านายไม่เชื่อ ฉันจะส่งนายไปก่อน” คำพูดของหลี่โม่ทำให้จางเจียต้งไม่มีทางเลือก"ได้! ฉันหวังว่าเครดิตของนายจะดีจริง ๆ แล้วกัน!" จางเจียต้งหันกลับมาอย่างกะทันหันและเห็นระเบิดหลายลูกลอยเข้าหาเขา“เข้ามาเลยไอ้เวร!”จางเจียต้งคำรามด้วยความโกรธ สองมือของเขาตบระเบิดย้อนกลับไปหาพวกนั้นหลงเทียนสิงและคนอื่น ๆ รู้สึกถึงรางร้ายในใจ พวกเขารีบหมอบลงบนพื้น กลิ้งหลบและมองหาโขดหินวิลล่านี้เป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีโขดหินเลย ระเบิดลอยกลับมาและระเบิดตู้มกลางอากาศสะเก็ดระเบิดจำนวนมากกระจายไปทุกทิศทางพร้อมกับเสียงกรีดร้อง ศิษย์ของหลงเทียนสิงส่วนมากก็โดนสะเก็ดระเบิดเข้าเมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของเหล่าลูกศิษย์ หลงเทียนสิงก็ตะโกนอย่างเดือดดาน "ยิงมัน ฆ่าไอ้เวรนั่นให้ตายซะ!"เสียงปืนดังขึ้นสนั่น และประกายไฟก็พ่นออกมาจากปากกระบอกปืนจางเจียต้งที่เตรียมพร้อมด้วยความเร็วเต็มพิกัด หลบกระสุนอย่างว่องไวและพุ่งเข้
หลี่โม่ยืนนิ่งไม่ขยับ ปล่อยให้หลงเทียนสิงยกปืนขึ้นจ่อที่หน้าผากของเขา“พวกแกฝีมือไม่เบา ลูกศิษย์ของฉันถูกพวกแกจัดการไปมากกว่าครึ่ง!” หลงเทียนสิงกล่าวด้วยความโกรธเดิมทีคิดว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โต คงจะจัดการได้ง่าย ๆ แต่มีพี่น้องมากกว่าสิบคนต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเกินความคาดเดาของหลงเทียนสิงอย่างสิ้นเชิง“พวกนายมาจากตระกูลหม่าสินะ” หลี่โม่ถามด้วยความใจเย็น"หึหึ ตระกูลหม่าเป็นแค่เพียงของหวาน แกมันงี่เง่าทำให้ท่านปาไม่พอใจ ถ้าพวกฉันจับตัวแกส่งให้ท่านปาได้ ฉันจะได้รับความโปรดปรานจากท่านปาอย่างแน่นอน ต่อไปฉันจะส่มารถเข้าแดนมังกรได้!"หลงเทียนสิงกล่าวอย่างตื่นเต้น การได้เข้าแดนมังกร เป็นเป้าหมายสูงสุดของหลงเทียนสิงหลี่โม่ขมวดคิ้วแล้วแสดงรอยยิ้มเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านปาแห่งแดนมังกร ซึ่งเรื่องนี่หลี่โม่นั้นคาดไม่ถึงจริง ๆอย่างไรก็ตามคำพูดของหลงเทียนสิงนั้นให้ข้อมูลมากมายแก่หลี่โม่“ท่านปา? เขาอยู่ที่โซลเหรอ?” หลี่โม่ถาม“แน่นอนอยู่ในโซลแล้ว แล้วแกไปทำอะไรให้ท่านปาไม่พอใจเข้า แล้วเมื่อกี้ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร?”“เป็นเพื่อนสมัยเรียนของภรรยาฉัน ฉันก็ไม่ได้สนิทอะ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา