กู้ซิ่งเหว่ยมองดูซีเหมินจือเผิงจากไปด้วยความอาลัย เขาคิดว่าเขาจะสามารถกอดต้นขาของซีเหมินจือเผิงและกลายเป็นลูกสุดที่รักของตระกูลกู้ได้ แต่ความเป็นจริงกู้ซิ่งเหว่ยนั้นถูกตบหน้าอย่างแรงหลังจากฟื้นคืนสติกู้ซิ่งเหว่ยก็เทความโกรธทั้งหมดไปที่หลี่โม่ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่โม่ ซีเหมินจือเผิงก็คงไม่กลับไปแบบนี้!กู้ซิ่งเหว่ยโกรธจัด เขาเดินกลับไปที่ห้องประชุมและจ้องไปที่หลี่โม่พร้อมตะคอก "แกคงสะใจมากใช่ไหม! แกให้คนพวกนี้มาเพื่อทำลายทุกสิ่ง! แกไม่ต้องการให้ตระกูลกู้ของเราพัฒนาใช่ไหม?!"หลี่โม่ยิ้มเบา ๆ ไม่สนใจกู้ซิ่งเหว่ย และชี้ให้กู้หยุนหลานนั่งลงข้าง ๆ เขาแม้ว่ากู้หยุนหลานจะไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอก็ยังเดินไปข้างหลี่โม่และนั่งลงหลี่โม่ชำเลืองมองที่ลู่เจี้ยนปิน ลู่เจี้ยนปินเข้าใจและพูดด้วยรอยยิ้ม "พวกเราและท่านครัฟต์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อขัดขวางสถานการณ์ แต่เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับตระกูลกู้อย่างจริงใจ""คุณสามารถให้ข้อเสนออะไรกับเราได้บ้าง คุณรู้ไหมว่าข้อเสนอที่ซีเหมินจือเผิงมอบให้เรานั้นดีแค่ไหน!"กู้ซิ่งเหว่ยยังคงไม่สามารถสงบความโกรธในใจของเขาได้ผู้ช่วยของครัฟต์ก้าวไปข้างหน้า "ข้อเสนอ
กู้หยุนหลานอ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ และในที่สุดก็มองไปที่หลี่โม่กู้หยุนหลานเอนตัวไปใกล้ที่หูของหลี่โม่แล้วถามเบา ๆ ว่า "เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันคะเนี่ย?""ดูเหมือนว่านักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจินไห่จะเชิญพวกเขามานะ เพราะจางจงหยางน่าจะประสบอุบัติเหตุจนทำให้คนพวกนี้หวาดกลัว พวกเขาก็เลยพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะขอโทษและขอร้องพวกเรา"หลี่โม่อธิบายอย่างสบาย ๆ แต่เขาก็สับสนเล็กน้อย เขาจำได้ลาง ๆ ว่าเหิงฮุยเภสัชกรรมน่าจะอยู่ภายใต้ของกลุ่มแดนมังกร และน่าจะถูกควบคุมโดยราชินีแห่งแดนมังกรก่อนที่ท่านประธานบริหารของเหิงฮุยเภสัชกรรมจะมาส่งโชคถึงที่ ทำให้หลี่โม่รู้สึกมีบางอย่างที่ผิดปกติจากนั้นเขาก็ตรวจสอบกับข้อมูลที่เฉียนฝูส่งมาก่อนหน้านี้ จึงรู้ว่าราชินีแห่งแดนมังกรกำลังจะมาเยือนโซล ดังนั้นจึงแน่ใจว่าครัฟต์คนนี้ถูกควบคุมโดยราชินีแห่งแดนมังกรหลี่โม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่จะไม่ทำให้งูตกใจในตอนนี้ แต่จะรอดูว่าครัฟต์จะทำอะไรกู้หยุนหลานมองไปที่เหอลี่หัวและคนอื่น ๆ เหอลี่หัวและคนอื่น ๆ ก็โค้งคำนับอย่างเรียบร้อยและยิ้มอย่างสำนึกผิด"ถ้าอย่างนั้น ตระกูลกู้พวกคุณพร้อมกั
“ที่ดินอุตสาหกรรมค่อนข้างเหมาะสม คุณสามารถโอนที่ดินให้เป็นชื่อภรรยาของผม และพาลูกชายของคุณกลับไปที่จินไห่โดยเร็ว อย่าให้ผมต้องเจอพวกเขาอีกในอนาคต”เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ยอมรับคำขอโทษ เหอลี่หัวและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทั้งหมดและส่งมอบให้กับกู้หยุนหลานกู้ชิงหลินรู้สึกอิจฉาและร้อนรน จึงพูดอย่างเฉียบขาด "คุณจะมอบให้กับกู้หยุนหลานไม่ได้นะ ท้ายที่สุดแล้วควรถือเป็นทรัพย์สินของตระกูล! ทำไมต้องมอบให้กู้หยุนหลานแค่คนเดียวล่ะ!"กู้ซิ่งเหว่ยสมทบและพูดว่า "ถูกต้อง มันควรจะนับว่าเป็นทรัพย์สินในตระกูลกู้ หยุนหลาน เธอต้องเข้าใจสถานการณ์โดยรวม การถือครองที่ดินขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเธอ"หลี่โม่เย้ยหยันและพูดว่า "พวกคุณแน่ใจเหรอว่านี่เป็นของตระกูลกู้"เหอลี่หัวมองไปที่สมาชิกของตระกูลกู้ด้วยใบหน้าที่เย็นชา "คำพูดของพวกคุณ ทำเหมือนกับว่าพวกเราไม่มีตัวตน นี่คือคำขอโทษส่วนตัวของพวกเราต่อคุณชายหลี่ หากตระกูลกู้ของคุณยังหน้าด้าน ก็อย่าหาว่าพวกเราหยาบคาย""แค่คุณชายหลี่สั่งแค่คำเดียว พวกเราเจ้าของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในจินไห่จะฟังคำสั่งของคุณชายหลี่เท่
หลังจากหลี่โม่พูดจบ เขาก็มองไปที่ถนนและพูดด้วยรอยยิ้ม "เราไปหาซีซีกัน และปรึกษาหมอเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นใจ วันนี้เราพาซีซีไปสวนสนุกกันเถอะ"กู้หยุนหลานพยักหน้าอย่างจริงจัง "ดีเหมือนกัน ฉันก็คิดถึงซีซีเหมือนกันค่ะ"หลังจากรถวิ่งมาถึงที่หมาย กู้หยุนหลานก็เลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล หลังจากจอดรถ ทั้งสองก็เข้าไปในตึกเพื่อหาแพทย์ที่ดูแลรับผิดชอบการรักษาซีซีเมื่อคุณหมอเห็นหลี่โม่และกู้หยุนหลานกำลังมา เขาก็สุภาพมากโดยรู้ว่า พวกเขาทั้งสองเกี่ยวข้องกับคณบดี“สวัสดีครับ พวกคุณมาเยี่ยมซีซีใช่ไหมครับ เชิญนั่งลงและจิบชาก่อนสิครับ”"ใช่ค่ะ เราอยากทราบอาการป่วยล่าสุดของซีซีน่ะค่ะ และดูว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะพาเธอไปที่สวนสนุก เพราะเด็กอยู่ในโรงพยาบาลมานานแล้ว คงรู้สึกอึกอัด" กู้หยุนหลานกล่าวด้วยความกังวล"อาการของซีซีตอนนี้ การปลูกถ่ายไขกระดูกเสร็จสิ้นไประยะหนึ่งแล้วครับ เขาฟื้นตัวได้ดีหลังการผ่าตัดและอยู่ในช่วงสังเกตอาการทางแพทย์ ส่วนเรื่องหาเด็กออกไปสวนสนุก สามารถพาไปได้ครับ แต่คุณอย่าเพิ่งให้เขาเล่นอะไรที่อันตรายและน่าตื่นเต้นเกินไปนะครับ อย่างเช่นพวก รถไฟเหาะ เรือโจรสลัด หรืออะไรจ
ในใจของหญิงชรา 'หลานของฉันเป็นคนดี' และเธอก็ไม่สุภาพเลยเมื่อเธอพูดกับหลี่โม่ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความฉุนเฉียวหลี่ส่ายหัว เพราะหญิงชราตามใจลูก ๆ หลาน ๆ ของเธอ หลี่โม่จึงไม่ชอบใจสักเท่าไห่“ซีซี เรายืนห่าง ๆ พวกเขาหน่อย” หลี่โม่ดึงซีซีถอยหลังไปสองก้าวความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กชายอ้วนที่ถูกหญิงชราดึงไว้ เขาไม่พอใจอย่างมากที่หลี่โม่พาซีซีถอยออกไป ดังนั้นเด็กชายอ้วนจึงเริ่มดิ้น“คุณย่า ปล่อยนะฮะ ผมจะเล่นกับน้องสาว”หญิงชราขมวดคิ้ว เกลี้ยกล่อมเด็กชายอ้วนแล้วพูดว่า "เล่นกับเด็กผู้หญิงจากครอบครัวจน ๆ จะสนุกอะไรล่ะ เดี๋ยวยายจะพาหนูไปเล่นเครื่องเล่นนะ"“ไม่เอา ไม่เอา ผมจะเล่นกับน้องสาว ถ้าคุณย่าไม่ปล่อย ผมจะตีคุณย่า”เด็กชายอ้วนที่นิสัยเสียตะโกนและตบต้นขาของหญิงชราด้วยฝ่ามือหญิงชราปล่อยมือด้วยความเจ็บ และพูดอย่างช่วยไม่ได้ "ระวังตัวด้วย อย่าทำให้เด็กป่าจากครอบครัวจน ๆ ได้รับบาดเจ็บนะลูก""ไม่หรอกฮะ"ด้วยความตื่นเต้นในดวงตาของเขา เด็กชายอ้วนรีบไปหาซีซีซีซีตะโกนด้วยความตกใจ และคว้ามือของหลี่โม่อย่างตื่นตระหนก "คุณพ่อ หนูไม่อยากเล่นกับเขาค่ะ"หลี่โม่อุ้มซีซีขึ้นมา และจ้องไ
เด็กชายอ้วนกำลังร้องไห้และเช็ดน้ำตา แต่หญิงชรารู้สึกเสียใจมาก เธอมุ่งเป้าไปที่หลี่โม่ด้วยความโกรธเมื่อเห็นหลี่โม่เดินไปที่ร้านค้าใกล้ ๆ พร้อมกับเด็กน้อยในอ้อมแขน หญิงชราจึงลุกขึ้นยืน“หลานย่า หนูรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวย่าจะช่วยหนูล้างแค้นเอง! ไม่มีใครรังแกหลานชายของย่าได้ทั้งนั้น”ความโกรธครอบงำหญิงชรา เธอนั้นปากร้ายตั้งแต่เธอยังเด็ก ดังนั้นเธอจึงระงับความโกรธของตนเองไม่ได้ เธอวิ่งเหยาะ ๆ พุ่งไปหาหลี่โม่ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวหญิงชราจับที่แขนของหลี่โม่ ยกมือขึ้นจะข่วนหน้าของซีซีและสบถถ้อยคำอย่างดุเดือด "ไอ้สารเลว กล้ารังแกหลานชายของฉัน ฉันจะทำให้ลูกสาวของแกเสียโฉมซะ!"หลี่โม่บิดเอวและหลบ กอดซีซีไว้เพื่อไม่ให้หญิงชราแตะต้องได้ ด้วยความรำคาญหลี่โม่จึงเตะเข่าของหญิงชรา และหญิงชราก็คุกเข่าลงต่อหน้าหลี่โม่“สร้างปัญหาพอหรือยัง? ทำไมไม่ไปสั่งสอนหลานชายของคุณให้ดี ยังจะวิ่งไล่ตามมาเพื่อสร้างปัญหาอีก” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชาหญิงชราตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นความอับอายก็ปะทุขึ้น หญิงชราหน้าแดงด้วยความโกรธ ทิ้งตัวลงบนพื้นและกอดน่องขวาของหลี่โม่ และเริ่มใช้กลอุบายที่แยบยล“ตีฉันเหรอ ช่างเป็นผู้ชาย
เมื่อมองดูครอบครัวของหลี่โม่ซื้อตั๋วเข้าสวนสนุก หญิงชราก็แสดงสายตาที่ดุร้าย พร้อมกับเด็กชายอ้วนที่อยู่ข้าง ๆ เธอแยกเขี้ยวและส่งเสียงขู่ฟ่อเสียงดัง ราวกับว่าเธอได้รับความคับแค้นใจอย่างมาก“หลานรัก อย่าร้องไห้ หยุดร้องเถอะ ย่าจะโทรหาพ่อหนูเดี๋ยวนี้เลย จะให้พ่อหนูมาจัดการมัน” หญิงชราเกลี้ยกล่อมเด็กอ้วนเด็กอ้วนหยุดร้องไห้ทันที พยักหน้าและตะโกน "ให้คุณพ่อมาจัดจากมัน และพาน้องสาวตัวน้อยของผมกลับมาหาผมนะ ผมอยากเล่นกับน้องสาวตัวน้อยของผม"หญิงชราหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของหลี่กังลูกชายของเธอแล้วโทรออกทันที“ลูกชายของแกถูกทำร้าย!” หญิงชราตะโกนใส่โทรศัพท์ที่ต่อสายอยู่หลี่กังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยความโกรธ "ใครมันกล้าทำร้ายลูกชายของผม นี่แม่อยู่ที่ไหน"“เราอยู่ในสวนสนุก แกรีบพาคนของแกมา ทุบรถไอ้สารเลวนั่นก่อน แล้วค่อยจับครอบครัวของพวกมันมาจัดการ!” หญิงชราคำรามด้วยความโกรธ“เดี๋ยวผมจะพาคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”หญิงชราวางโทรศัพท์แล้วมองดูหลานชายอย่างเป็นทุกข์ “หลานรัก เดี๋ยวคุณพ่อของหนูกำลังจะมา ย่าจะไปซื้อไอติมให้ก่อนดีไหม เดี๋ยวพอจับไอ้สารเลวนั่นได้ จะปล่อยให้หนูกระโ
หลี่กังขอให้แผนกรักษาความปลอดภัยติดตามตำแหน่งของหลี่โม่ต่อไป และในขณะเดียวกันก็ขอให้แผนกรักษาความปลอดภัยจับตำแหน่งรถยนต์ของหลี่โม่ในไม่ช้าหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยก็ตอบกลับ และหลี่กังก็สั่งให้คนของเขาทุบรถหลี่โม่ก่อนรถที่กู้หยุนหลานขับมา ถูกคนของหลี่กังทุบกระจก หลังคา ฝากระโปรงหน้ารถและท้ายรถอย่างรวดเร็วหลังจากทุบเสร็จ หลี่กังก็ยกมือ "อุ้มเขาไว้ แล้วตามฉันมา ฉันจะไปล้างแค้นให้ลูกชายของฉัน!"ลูกน้องคนหนึ่งอุ้มเด็กอ้วนขึ้นมาและเดินตามหลี่กังไป ส่วนหญิงชราก็เดินออกไปที่หน้าประตูทางเข้าสวนสนุกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูทางเข้าสวนสนุกหยุดเขา หลี่กังก็จ้องมองและตะคอก "แกกำลังจะทำอะไร! แกกล้าขวางทางฉันเหรอ แกอยากตายใช่ไหม?!"เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบหลีกทางให้ หลังจากที่หลี่กังและคนอื่น ๆ เข้ามาพวกเขาก็รายงานต่อหัวหน้าสำนักงานรักษาความปลอดภัยทันทีหลังจากได้ยินรายงานในวันนี้ หม่าเฉิงลี่ผู้รับผิดชอบงานรักษาความปลอดภัยของสวนสนุกคิดว่าหลี่กังกำลังจะทำอะไรบางอย่างในสวนสนุก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสวนสนุกได้อย่างแน่นอนแต่หม่าเฉิงลี่นึกถึงตัวตนของหลี่กัง และรู้สึกว่าเขาไม่มีคว
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา