พรึ่บ หวงจิ่งซานคุกเข่าลงบนพื้น แล้วก้มตัวลงเอามือยันกับพื้นเหมือนสัตว์สี่เท้า “หลี่..คุณหลี่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรดูหมิ่นคุณ ไม่ควรดูถูกคุณ คุณเก่งที่สุด คุณเยี่ยมยอดมาก กู้หยุนหลานคู่ควรกับคุณมากกว่าผม ผมรู้ว่าตัวเองเทียบกับคุณไม่ได้ คุณปล่อยครอบครัวผมไปเถอะ ปล่อยพวกเราไปเถอะ” หวงติ้งฟารีบพูดตาม “คุณหลี่ เราสองพ่อลูกสำนึกผิดแล้ว คุณบอกมาเลยว่าจะให้พวกเราชดใช้ยังไง ให้พวกเราไปยืนเห่าเหมือนสุนัขที่ด้านนอกก็ได้ ขอแค่คุณให้โอกาสพวกเรา” พวกของฉินเยว่หันมองหน้ากัน เขารู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีมาก ที่ได้ทำงานกับเจ้านายที่เก่งกาจอย่างหลี่โม่ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่อานุภาพและผลลัพธ์ในการต่อสายโทรศัพท์เพียงสองครั้งของหลี่โม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย ถึงจะเป็นคนที่มีอำนาจในกรุงโซล ก็ยังไม่อาจทำได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ หัวหน้าซุนโค้งตัวลง แล้วยิ้มอย่างประจบสอพลอ “คุณหลี่จะจัดการยังไงครับ” “คุณกลับไปจัดการตามกฎระเบียบเถอะ คนที่ทำให้องค์กรต้องเสื่อมเสียเช่นนี้ คุณยังจะให้อภัยอยู่อีกหรือ” หลี่โม่ย้อนถาม “ไม่แน่นอนครับ ผมไม่มีทางให้อภัยอย่างเด็
เมื่อได้ยินเสียงของกู้หยุนหลาน หลี่โม่รีบส่งสายตาให้หานลี่เฉิงกับหัวหน้าซุนทันที หานลี่เฉิงกับหัวหน้าซุนเป็นคนมีไหวพริบ จึงเข้าใจทันทีว่าหลี่โม่ไม่อยากให้คนที่มารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทั้งสองหันไปพยักหน้าให้หลี่โม่เพื่อบ่งบอกว่าเข้าใจ “คุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันน่ะ คุณหานกับคุณซุนล้วนทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ผมขอคำแนะนำการทำธุรกิจด้านร้านอาหารจากพวกเขา” กู้หยุนหลานมองหานลี่เฉิงกับหัวหน้าซุน การแต่งกายของทั้งสองคนทำให้เธอรู้สึกสงสัย “ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นหัวหน้าพ่อครัวครับ ลูกศิษย์ที่ผมเคยสั่งสอน ตอนนี้ทำอาหารให้งานเลี้ยงระดับประเทศ หากนายเรียนรู้จากฉัน ต้องเป็นพ่อครัวที่ดีได้อย่างแน่นอน” หัวหน้าซุนยิ้มกว้างแล้วพูดออกมา หานลี่เฉิงทำท่าทางหั่นผักแล้วพูดว่า “กลับไปเริ่มฝึกการใช้มีดก่อน ทำตามที่เราบอกนาย ขอแค่นายฝึกฝนอย่างหนัก การเปิดร้านอาหารเองก็คงไม่มีปัญหา” เมื่อเห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของทั้งสอง หลี่โม่จึงยิ้มแล้วยืนขึ้น พร้อมกับพูดว่าว่า “ขอบคุณคำแนะนำของคุณทั้งสอง หากมีเวลาว่างพวกเราค่อยมาคุยกันอีกนะครับ” “ได้สิ พวกเราเองก็ควรต้องกลับแล้ว ไว้คุยกั
รถโรลส์-รอยซ์เคลื่อนตัวเข้ามาจอด ประธานหลี่เดินเข้าไปเปิดประตูรถแล้วยิ้มอย่างประจบสอพลอ “ประธานโอวหยาง ลงจากรถระวังด้วยนะครับ” “ระวังอะไร ฉันไม่ใช่คนแก่อายุเจ็บแปดสิบปีสักหน่อย ประธานกู้ล่ะ? ไม่ใช่ว่ายังไม่มาหรอกนะ” ประธานโอวหยางลงจากรถพลางเอ่ยถาม แววตาของประธานหลี่เป็นประกาย สีหน้าของเขาดูไม่ชอบมาพากล “ประธานกู้มารอคุณตั้งนานแล้วครับ” ประธานโอวหยางลงจากรถ ชายอายุสี่สิบกว่าปีสวมใส่ชุดสูททำมือ เดินเข้าไปหากู้หยุนหลานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ประธานกู้ ตั้งแต่จากกับคุณเมื่อครั้งก่อน ผมก็คิดถึงคุณมาก” ประธานโอวหยางยื่นมือขวาออกมา นาฬิกาแบรนด์ปาเต็ก ฟิลิปป์รุ่นลิมิเต็ดประดับอยู่บนข้อมือของเขา ส่องแสงแวววาวสะท้อนเข้าใส่ดวงตาของพวกประธานหลี่ทั้งสามคนจนตาพล่ามัว นั่นเป็นนาฬิกาที่มีมูลค่าสูงถึงสิบล้าน ผลิตออกมาแค่หนึ่งร้อยเรือนเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุด ถูกยกย่องให้เป็นราชาของนาฬิกา ปกติแล้วประธานโอวหยางจะไม่สวมนาฬิกาเรือนนี้ แต่ว่าเขาอยากแสดงความร่ำรวยของตัวเองให้กู้หยุนหลานเห็น จึงสวมนาฬิกาเรือนนี้มา แต่ทว่ากู้หยุนหลานกลับไม่ได้สังเกตเห
ที่นั่งของประธานโอวหยางและประธานจ้าวบังเอิญขวางทางกู้หยุนหลานพอดี ตราบใดที่ทั้งสองคนไม่ขยับ กู้หยุนหลานก็ไม่สามารถออกไปได้ เมื่อเห็นว่ากู้หยุนหลานไม่ให้ความร่วมมือ และกำลังจะเดินจากไป ประธานโอวหยางจึงตบโต๊ะด้วยความโกรธ “กู้หยุนหลาน! ผมอุตส่าห์ไว้หน้าคุณแล้วนะ ราคาที่ผมให้คุณก็ถือว่าไม่ต่ำแล้ว ไม่ว่าคุณจะตกลงหรือไม่ก็ตาม วันนี้ผมต้องนอนกับคุณให้ได้!” ประธานเฉียนยิ้มและพูดว่า “คุณกู้ คุณอย่าปฏิเสธเจตนาดีของประธานโอวหยางเลย ประธานโอวหยางเอาใจใส่คุณมาก สามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณมีดีอะไร ถ้าคุณติดตามประธานโอวหยางอนาคตของคุณก็จะสบาย ต่อให้คุณอยากไปเที่ยวเล่นงานแฟชั่นวีคที่ต่างประเทศก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการพลิกฝ่ามือ” “คุณลองคิดดูสิว่าในอนาคต จะกินดื่มก็มีคนคอยรับใช้ อยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไป อาหารเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ดีที่สุดในโลก นั่นคือชีวิตที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน แม้แต่ดาราก็ยังอยากใช้ชีวิตแบบนั้น” “และยังต้องเป็นดาราแถวหน้าถึงจะมีชีวิตแบบนั้นได้ ไม่นานมานี้มีดาราที่โด่งดังคนหนึ่ง ต้องร้องไห้ร้องขอให้ประธานโอวหยางเป็นพ่อบุญธรรม แต่ประธานโอวหยางคิดถึงแต่คุณตลอดเวลา ไม่ได้สนใจ
“บ้าเอ๊ย! ให้ฉันเตรียมโลงศพ กล้าหาญเสียจริง ๆ ! ฉันประธานโอวหยางไม่เคยกลัวใคร คนที่รอถูกฝังก็คือแก!” หลี่โม่ออกจากห้องวีไอพีโดยมีกู้หยุนหลานอยู่ในอ้อมแขน ไม่สนใจเสียงตะโกนของโอวหยางจงเฉิง ประธานเฉียนลุกขึ้นจากพื้นอย่างโอดโอย เสื้อผ้าแบรนด์ดังเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำมัน “เจ้าหมอนี่แรงเยอะจริง ๆ หน้าของฉันซีกนี้เจ็บแทบทนไม่ไหว” โอวหยางจงเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม และพูดอย่างเย็นชาว่า “ปิดประตู เจ้าคนไร้ค่านี่ต้องถูกจัดการแล้ว หน้าตาของโอวหยางจงเฉิง ไม่ใช่สิ่งที่คนไร้ค่าอย่างมันจะมาเหยียบย่ำได้ง่าย ๆ ” คนระดับโอวหยางจงเฉิง สิ่งที่สนใจมากที่สุดก็คือหน้าตา วันนี้ทั้งหลี่โม่และกู้หยุนหลาน ต่างก็เหยียบย่ำหน้าตาของโอวหยางจงเฉิงไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือสิ่งที่โอวหยางจงเฉิงไม่อาจทนได้ “ประธานโอวหยาง หรือจะเริ่มจัดการกับตระกูลกู้ก่อน ลงบัญชีดำตระกูลกู้เอาไว้ ต่อไปกู้หยุนหลานก็จะต้องอ้อนวอนคุณ ไม่แน่อาจจะทำให้เจ้าคนไร้ค่านั่นต้องรับใช้คุณก็ได้” “ใช่แล้ว สินค้าของตระกูลกู้นั้นมีคุณภาพ เราลงบัญชีดำตระกูลกู้ ทำให้พวกเขาต้องตายทั้งเป็น จากนั้นคุณก็ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาให้พ้นจากภัย ยังไงคนของตระกูล
กู้หยุนหลานนั่งหน้าบึ้งอยู่ในห้อง พลางคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดในห้องวีไอพี ปฏิเสธโอวหยางจงเฉิง กู้หยุนหลานไม่เสียใจ อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงการตอบโต้ที่โอวหยางจงเฉิงอาจจะทำ กู้หยุนหลานก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย บริษัทการแพทย์ของโอวหยางจงเฉิงมีอิทธิพลมาก หากต้องการจัดการตระกูลกู้จริง ๆ ตระกูลกู้อาจถูกทำลายจนหมดสิ้นได้ภายในไม่กี่นาที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงประธานเฉียนและคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นสุนัขรับใช้ของโอวหยางจงเฉิง พวกหัวงูพวกนี้ต่างคอยช่วยเหลือมังกรอย่างโอวหยางจงเฉิง นี่ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ตระกูลกู้จนไม่เหลือซากได้แล้ว หลี่โม่เข้ามาในห้อง เดินไปด้านหลังกู้หยุนหลาน วางมือบนไหล่ของกู้หยุนหลานเบา ๆ และโอบกอดกู้หยุนหลานไว้ในอ้อมแขน ความรู้สึกของการมีที่พึ่งทำให้กู้หยุนหลานรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก แต่ความอบอุ่นนี้กลับสลายไปอย่างรวดเร็วเพราะความโกรธที่ปะทุอยู่ในใจของเธอ “กังวลอะไร” หลี่โม่ถามเบา ๆ และยื่นนิ้วไปลูบคิ้วที่ขมวดอยู่ของกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานหลับตาและพูดเบา ๆ ว่า “แน่นอนว่ากังวลเรื่องธุรกิจ โอวหยางจงเฉิงมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการแพทย์และยาในเมือง เพียงแค่เขาเอ่ยปากออกมา ผลิตภ
กู้หยุนหลานใจเต้นแรง เดินไปยังที่นั่งของตัวเองและนั่งลง และหันมองทุกคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม กู้ซิ่งเหว่ยแสยะยิ้ม และโยนเอกสารสองสามฉบับลงตรงหน้ากู้หยุนหลาน “เรื่องดีดีที่เธอทำทั้งนั้น! ตกลงแล้วเธอเจรจาธุรกิจเป็นไหม เจรจาไม่เป็นก็ควรบอกแต่แรก ดูผลลัพธ์จากการที่เธอไปมีเรื่องกับประธานโอวหยาง รายการที่ฉันเพิ่งเจรจาได้มาไม่ง่ายก็ต้องหลุดลอยไป ทั้งหมดถูกเพิกถอนสัญญาไปหมดแล้ว!” กู้ชิงหลินมองไปที่กู้หยุนหลานอย่างสาแก่ใจ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น “หยุนหลาน เธอบอกมาซิว่าทำไมเธอถึงคว้าโอกาสนี้ไว้ไม่ได้ ประธานโอวหยางเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการแพทย์และยาของมณฑลนี้ อยู่ดีดีทำไมเธอถึงไปมีเรื่องกับประธานโอวหยาง และพลอยทำให้ทุกคนต้องติดร่างแหไปด้วย เธอดูนี่สิ ลูกค้าเก่าของครอบครัวเราก็ถอนคำสั่งซื้อไปหมด” มีเอกสารอีกหลายฉบับถูกโยนลงบนโต๊ะอีกครั้ง กู้ชิงหลินมองกู้หยุนหลานที่กำลังเหม่อลอยด้วยสายตาเย้ยหยัน กู้เจี้ยนเจียงเบ้ปาก เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ กระแอมสองครั้งและพูดว่า “ไม่ใช่แค่สัญญาเหล่านี้เท่านั้น เรื่องที่เรากำลังระดมทุนเพื่อขยายการผลิต ฉันและฝ่ายสินเชื่อได้เจร
“คิดหาวิธี? เธอจะคิดหาวิธีอะไรได้! ตอนนี้เวลาก็คือเงิน เวลาก็คือชีวิต! รอเธอคิดหาวิธีได้ เกรงว่าบริษัทของเราจะล้มละลายไปพันครั้งแล้วล่ะมั้ง!” กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะและตะโกน กู้หยุนหลานก้มหัวลง ในเวลานี้ไม่มีวิธีใดที่ดีเลย ไม่แน่ว่า… ไม่แน่ว่าล้มละลายไปแล้วพันครั้ง กู้หยุนหลานก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้ นี่มันเป็นสถานการณ์ที่กดดันอย่างมาก ตระกูลกู้ถูกโอวหยางจงเฉิงเหยียบจนจมดิน ไม่มีแม้แต่แรงจะต้านทาน สิ่งที่ทำได้คือรอความตาย “ยังจะคิดหาวิธีอะไรได้อีก วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือ ขอให้ประธานโอวหยางยกโทษให้ ปกติเธอดูเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ แล้วทำไมตอนนี้ถึงสับสนได้ล่ะ ใครเป็นคนผูกคนนั้นก็ต้องเป็นคนแก้สิ” กู้ซิ่งเหว่ยพูดประชดประชันเล็กน้อย ตอนที่พูดว่า ‘มีความสามารถ’ เขาจงใจเน้นย้ำคำนั้น กู้เจี้ยนเจียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยุนหลาน เธอโทรหาประธานโอวหยาง สำนึกผิดและขอความเมตตาจากประธานโอวหยางซะ แล้วถามว่าเรื่องนี้จะพลิกสถานการณ์ได้ยังไงด้วย” “นี่…” กู้หยุนหลานลังเล หากโทรหาประธานโอวหยางควรพูดว่าอะไร หากประธานโอวหยางร้องขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเหล่านั้น จะปฏิเสธอย่างไรดี? “เธอไม่กล้าโทร