รถโรลส์-รอยซ์เคลื่อนตัวเข้ามาจอด ประธานหลี่เดินเข้าไปเปิดประตูรถแล้วยิ้มอย่างประจบสอพลอ “ประธานโอวหยาง ลงจากรถระวังด้วยนะครับ” “ระวังอะไร ฉันไม่ใช่คนแก่อายุเจ็บแปดสิบปีสักหน่อย ประธานกู้ล่ะ? ไม่ใช่ว่ายังไม่มาหรอกนะ” ประธานโอวหยางลงจากรถพลางเอ่ยถาม แววตาของประธานหลี่เป็นประกาย สีหน้าของเขาดูไม่ชอบมาพากล “ประธานกู้มารอคุณตั้งนานแล้วครับ” ประธานโอวหยางลงจากรถ ชายอายุสี่สิบกว่าปีสวมใส่ชุดสูททำมือ เดินเข้าไปหากู้หยุนหลานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ประธานกู้ ตั้งแต่จากกับคุณเมื่อครั้งก่อน ผมก็คิดถึงคุณมาก” ประธานโอวหยางยื่นมือขวาออกมา นาฬิกาแบรนด์ปาเต็ก ฟิลิปป์รุ่นลิมิเต็ดประดับอยู่บนข้อมือของเขา ส่องแสงแวววาวสะท้อนเข้าใส่ดวงตาของพวกประธานหลี่ทั้งสามคนจนตาพล่ามัว นั่นเป็นนาฬิกาที่มีมูลค่าสูงถึงสิบล้าน ผลิตออกมาแค่หนึ่งร้อยเรือนเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุด ถูกยกย่องให้เป็นราชาของนาฬิกา ปกติแล้วประธานโอวหยางจะไม่สวมนาฬิกาเรือนนี้ แต่ว่าเขาอยากแสดงความร่ำรวยของตัวเองให้กู้หยุนหลานเห็น จึงสวมนาฬิกาเรือนนี้มา แต่ทว่ากู้หยุนหลานกลับไม่ได้สังเกตเห
ที่นั่งของประธานโอวหยางและประธานจ้าวบังเอิญขวางทางกู้หยุนหลานพอดี ตราบใดที่ทั้งสองคนไม่ขยับ กู้หยุนหลานก็ไม่สามารถออกไปได้ เมื่อเห็นว่ากู้หยุนหลานไม่ให้ความร่วมมือ และกำลังจะเดินจากไป ประธานโอวหยางจึงตบโต๊ะด้วยความโกรธ “กู้หยุนหลาน! ผมอุตส่าห์ไว้หน้าคุณแล้วนะ ราคาที่ผมให้คุณก็ถือว่าไม่ต่ำแล้ว ไม่ว่าคุณจะตกลงหรือไม่ก็ตาม วันนี้ผมต้องนอนกับคุณให้ได้!” ประธานเฉียนยิ้มและพูดว่า “คุณกู้ คุณอย่าปฏิเสธเจตนาดีของประธานโอวหยางเลย ประธานโอวหยางเอาใจใส่คุณมาก สามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณมีดีอะไร ถ้าคุณติดตามประธานโอวหยางอนาคตของคุณก็จะสบาย ต่อให้คุณอยากไปเที่ยวเล่นงานแฟชั่นวีคที่ต่างประเทศก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการพลิกฝ่ามือ” “คุณลองคิดดูสิว่าในอนาคต จะกินดื่มก็มีคนคอยรับใช้ อยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไป อาหารเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ดีที่สุดในโลก นั่นคือชีวิตที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน แม้แต่ดาราก็ยังอยากใช้ชีวิตแบบนั้น” “และยังต้องเป็นดาราแถวหน้าถึงจะมีชีวิตแบบนั้นได้ ไม่นานมานี้มีดาราที่โด่งดังคนหนึ่ง ต้องร้องไห้ร้องขอให้ประธานโอวหยางเป็นพ่อบุญธรรม แต่ประธานโอวหยางคิดถึงแต่คุณตลอดเวลา ไม่ได้สนใจ
“บ้าเอ๊ย! ให้ฉันเตรียมโลงศพ กล้าหาญเสียจริง ๆ ! ฉันประธานโอวหยางไม่เคยกลัวใคร คนที่รอถูกฝังก็คือแก!” หลี่โม่ออกจากห้องวีไอพีโดยมีกู้หยุนหลานอยู่ในอ้อมแขน ไม่สนใจเสียงตะโกนของโอวหยางจงเฉิง ประธานเฉียนลุกขึ้นจากพื้นอย่างโอดโอย เสื้อผ้าแบรนด์ดังเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำมัน “เจ้าหมอนี่แรงเยอะจริง ๆ หน้าของฉันซีกนี้เจ็บแทบทนไม่ไหว” โอวหยางจงเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม และพูดอย่างเย็นชาว่า “ปิดประตู เจ้าคนไร้ค่านี่ต้องถูกจัดการแล้ว หน้าตาของโอวหยางจงเฉิง ไม่ใช่สิ่งที่คนไร้ค่าอย่างมันจะมาเหยียบย่ำได้ง่าย ๆ ” คนระดับโอวหยางจงเฉิง สิ่งที่สนใจมากที่สุดก็คือหน้าตา วันนี้ทั้งหลี่โม่และกู้หยุนหลาน ต่างก็เหยียบย่ำหน้าตาของโอวหยางจงเฉิงไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือสิ่งที่โอวหยางจงเฉิงไม่อาจทนได้ “ประธานโอวหยาง หรือจะเริ่มจัดการกับตระกูลกู้ก่อน ลงบัญชีดำตระกูลกู้เอาไว้ ต่อไปกู้หยุนหลานก็จะต้องอ้อนวอนคุณ ไม่แน่อาจจะทำให้เจ้าคนไร้ค่านั่นต้องรับใช้คุณก็ได้” “ใช่แล้ว สินค้าของตระกูลกู้นั้นมีคุณภาพ เราลงบัญชีดำตระกูลกู้ ทำให้พวกเขาต้องตายทั้งเป็น จากนั้นคุณก็ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาให้พ้นจากภัย ยังไงคนของตระกูล
กู้หยุนหลานนั่งหน้าบึ้งอยู่ในห้อง พลางคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดในห้องวีไอพี ปฏิเสธโอวหยางจงเฉิง กู้หยุนหลานไม่เสียใจ อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงการตอบโต้ที่โอวหยางจงเฉิงอาจจะทำ กู้หยุนหลานก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย บริษัทการแพทย์ของโอวหยางจงเฉิงมีอิทธิพลมาก หากต้องการจัดการตระกูลกู้จริง ๆ ตระกูลกู้อาจถูกทำลายจนหมดสิ้นได้ภายในไม่กี่นาที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงประธานเฉียนและคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นสุนัขรับใช้ของโอวหยางจงเฉิง พวกหัวงูพวกนี้ต่างคอยช่วยเหลือมังกรอย่างโอวหยางจงเฉิง นี่ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ตระกูลกู้จนไม่เหลือซากได้แล้ว หลี่โม่เข้ามาในห้อง เดินไปด้านหลังกู้หยุนหลาน วางมือบนไหล่ของกู้หยุนหลานเบา ๆ และโอบกอดกู้หยุนหลานไว้ในอ้อมแขน ความรู้สึกของการมีที่พึ่งทำให้กู้หยุนหลานรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก แต่ความอบอุ่นนี้กลับสลายไปอย่างรวดเร็วเพราะความโกรธที่ปะทุอยู่ในใจของเธอ “กังวลอะไร” หลี่โม่ถามเบา ๆ และยื่นนิ้วไปลูบคิ้วที่ขมวดอยู่ของกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานหลับตาและพูดเบา ๆ ว่า “แน่นอนว่ากังวลเรื่องธุรกิจ โอวหยางจงเฉิงมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการแพทย์และยาในเมือง เพียงแค่เขาเอ่ยปากออกมา ผลิตภ
กู้หยุนหลานใจเต้นแรง เดินไปยังที่นั่งของตัวเองและนั่งลง และหันมองทุกคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม กู้ซิ่งเหว่ยแสยะยิ้ม และโยนเอกสารสองสามฉบับลงตรงหน้ากู้หยุนหลาน “เรื่องดีดีที่เธอทำทั้งนั้น! ตกลงแล้วเธอเจรจาธุรกิจเป็นไหม เจรจาไม่เป็นก็ควรบอกแต่แรก ดูผลลัพธ์จากการที่เธอไปมีเรื่องกับประธานโอวหยาง รายการที่ฉันเพิ่งเจรจาได้มาไม่ง่ายก็ต้องหลุดลอยไป ทั้งหมดถูกเพิกถอนสัญญาไปหมดแล้ว!” กู้ชิงหลินมองไปที่กู้หยุนหลานอย่างสาแก่ใจ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น “หยุนหลาน เธอบอกมาซิว่าทำไมเธอถึงคว้าโอกาสนี้ไว้ไม่ได้ ประธานโอวหยางเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการแพทย์และยาของมณฑลนี้ อยู่ดีดีทำไมเธอถึงไปมีเรื่องกับประธานโอวหยาง และพลอยทำให้ทุกคนต้องติดร่างแหไปด้วย เธอดูนี่สิ ลูกค้าเก่าของครอบครัวเราก็ถอนคำสั่งซื้อไปหมด” มีเอกสารอีกหลายฉบับถูกโยนลงบนโต๊ะอีกครั้ง กู้ชิงหลินมองกู้หยุนหลานที่กำลังเหม่อลอยด้วยสายตาเย้ยหยัน กู้เจี้ยนเจียงเบ้ปาก เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ กระแอมสองครั้งและพูดว่า “ไม่ใช่แค่สัญญาเหล่านี้เท่านั้น เรื่องที่เรากำลังระดมทุนเพื่อขยายการผลิต ฉันและฝ่ายสินเชื่อได้เจร
“คิดหาวิธี? เธอจะคิดหาวิธีอะไรได้! ตอนนี้เวลาก็คือเงิน เวลาก็คือชีวิต! รอเธอคิดหาวิธีได้ เกรงว่าบริษัทของเราจะล้มละลายไปพันครั้งแล้วล่ะมั้ง!” กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะและตะโกน กู้หยุนหลานก้มหัวลง ในเวลานี้ไม่มีวิธีใดที่ดีเลย ไม่แน่ว่า… ไม่แน่ว่าล้มละลายไปแล้วพันครั้ง กู้หยุนหลานก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้ นี่มันเป็นสถานการณ์ที่กดดันอย่างมาก ตระกูลกู้ถูกโอวหยางจงเฉิงเหยียบจนจมดิน ไม่มีแม้แต่แรงจะต้านทาน สิ่งที่ทำได้คือรอความตาย “ยังจะคิดหาวิธีอะไรได้อีก วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือ ขอให้ประธานโอวหยางยกโทษให้ ปกติเธอดูเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ แล้วทำไมตอนนี้ถึงสับสนได้ล่ะ ใครเป็นคนผูกคนนั้นก็ต้องเป็นคนแก้สิ” กู้ซิ่งเหว่ยพูดประชดประชันเล็กน้อย ตอนที่พูดว่า ‘มีความสามารถ’ เขาจงใจเน้นย้ำคำนั้น กู้เจี้ยนเจียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยุนหลาน เธอโทรหาประธานโอวหยาง สำนึกผิดและขอความเมตตาจากประธานโอวหยางซะ แล้วถามว่าเรื่องนี้จะพลิกสถานการณ์ได้ยังไงด้วย” “นี่…” กู้หยุนหลานลังเล หากโทรหาประธานโอวหยางควรพูดว่าอะไร หากประธานโอวหยางร้องขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเหล่านั้น จะปฏิเสธอย่างไรดี? “เธอไม่กล้าโทร
กู้หยุนหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าโอวหยางจงเฉิงต้องการอะไร เรื่องที่ขวางตนเองเอาไว้ในห้องวีไอพีเมื่อคืน ยังคงจำได้ติดตาอยู่ “ฉันไม่ไป ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษเขาด้วย!” กู้หยุนหลานพูดด้วยความโกรธ “เหอะ ๆ ถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังจะดื้อดึงไปทำไม ประธานโอวหยางแค่ขยับปากนิดหน่อยพวกเราก็จบเห่กันหมดแล้ว ตอนนี้ให้โอกาสเธอได้ขอโทษ นั่นถือเป็นพระคุณจากประธานโอวหยางแล้ว เธอยังจะบอกว่า ไม่ใช่ความผิดของเธออีกเหรอ นี่มันใช่เรื่องที่จะหาคนถูกผิดหรือยังไง?” “หยุนหลาน ลุงรู้ว่าเธอรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของเธอคนเดียว แต่เป็นเรื่องของตระกูลกู้ทั้งหมด ถ้ามันเป็นเรื่องของเธอคนเดียว เธออยากจะทำยังไงก็ตามสบาย แต่นี่มันเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของตระกูล ดังนั้นเธอจะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้” ทั้งกู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงต่างพูดขึ้น โดยยกเรื่องความอยู่รอดของตระกูลกู้มาบีบบังคับกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานเริ่มหายใจฟึดฟัด อยากจะตอบโต้กลับไปแรง ๆ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของตระกูลกู้ กู้หยุนหลานก็ไม่รู้ว่าจะโต้กลับไปอย่างไร กู้ซิ่งเหว่ยสูบบุหรี่แล
ตกดึก ในห้องวีไอพีของภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยน กู้หยุนหลานนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่มุม โอวหยางจงเฉิงที่อยู่ตรงข้ามเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้า เมื่อคิดว่าคืนนี้จะสามารถทับอยู่บนร่างของดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมคมดอกนี้ได้ และขออะไรจากเธอก็ได้ โอวหยางจงเฉิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา กู้เจี้ยนกั๋วหยิบขวดเหล้าเหมาไถขึ้นมาและเปิดฝาออก รินเหล้าด้วยความเคารพให้โอวหยางจงเฉิง ประธานเฉียน ประธานหลินและคนอื่น ๆ ท่าทางนั้นแสดงความเคารพอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ประธานโอวหยาง หยุนหลานคนนี้บางครั้งก็เถรตรงเกินไป หลังจากที่ทำให้คุณอารมณ์เสียเมื่อวานนี้ กลับไปก็รู้สึกนึกเสียใจ เมื่อได้ยินว่าคุณให้โอกาสเธอได้ขอโทษ…” โอวหยางมองไปที่กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนกั๋วก็หุบปากทันที คำพูดต่าง ๆ ที่อยู่ในปากก็ไม่กล้าพูดต่ออีก กู้เจี้ยนเจียงเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างเงียบ จึงรีบหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและพูดว่า “ประธานโอวหยาง ในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของหยุนหลาน จึงถือว่ามีส่วนรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พวกเราขอยกแก้วเพื่อดื่มขอโทษก่อน” “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณมีคุณสมบัติที่จะขอโทษฉันเหรอ?” ประธานโอวหยางพูดด้วยใบหน้า