กู้หยุนหลานใจเต้นแรง เดินไปยังที่นั่งของตัวเองและนั่งลง และหันมองทุกคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม กู้ซิ่งเหว่ยแสยะยิ้ม และโยนเอกสารสองสามฉบับลงตรงหน้ากู้หยุนหลาน “เรื่องดีดีที่เธอทำทั้งนั้น! ตกลงแล้วเธอเจรจาธุรกิจเป็นไหม เจรจาไม่เป็นก็ควรบอกแต่แรก ดูผลลัพธ์จากการที่เธอไปมีเรื่องกับประธานโอวหยาง รายการที่ฉันเพิ่งเจรจาได้มาไม่ง่ายก็ต้องหลุดลอยไป ทั้งหมดถูกเพิกถอนสัญญาไปหมดแล้ว!” กู้ชิงหลินมองไปที่กู้หยุนหลานอย่างสาแก่ใจ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น “หยุนหลาน เธอบอกมาซิว่าทำไมเธอถึงคว้าโอกาสนี้ไว้ไม่ได้ ประธานโอวหยางเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการแพทย์และยาของมณฑลนี้ อยู่ดีดีทำไมเธอถึงไปมีเรื่องกับประธานโอวหยาง และพลอยทำให้ทุกคนต้องติดร่างแหไปด้วย เธอดูนี่สิ ลูกค้าเก่าของครอบครัวเราก็ถอนคำสั่งซื้อไปหมด” มีเอกสารอีกหลายฉบับถูกโยนลงบนโต๊ะอีกครั้ง กู้ชิงหลินมองกู้หยุนหลานที่กำลังเหม่อลอยด้วยสายตาเย้ยหยัน กู้เจี้ยนเจียงเบ้ปาก เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ กระแอมสองครั้งและพูดว่า “ไม่ใช่แค่สัญญาเหล่านี้เท่านั้น เรื่องที่เรากำลังระดมทุนเพื่อขยายการผลิต ฉันและฝ่ายสินเชื่อได้เจร
“คิดหาวิธี? เธอจะคิดหาวิธีอะไรได้! ตอนนี้เวลาก็คือเงิน เวลาก็คือชีวิต! รอเธอคิดหาวิธีได้ เกรงว่าบริษัทของเราจะล้มละลายไปพันครั้งแล้วล่ะมั้ง!” กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะและตะโกน กู้หยุนหลานก้มหัวลง ในเวลานี้ไม่มีวิธีใดที่ดีเลย ไม่แน่ว่า… ไม่แน่ว่าล้มละลายไปแล้วพันครั้ง กู้หยุนหลานก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้ นี่มันเป็นสถานการณ์ที่กดดันอย่างมาก ตระกูลกู้ถูกโอวหยางจงเฉิงเหยียบจนจมดิน ไม่มีแม้แต่แรงจะต้านทาน สิ่งที่ทำได้คือรอความตาย “ยังจะคิดหาวิธีอะไรได้อีก วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือ ขอให้ประธานโอวหยางยกโทษให้ ปกติเธอดูเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ แล้วทำไมตอนนี้ถึงสับสนได้ล่ะ ใครเป็นคนผูกคนนั้นก็ต้องเป็นคนแก้สิ” กู้ซิ่งเหว่ยพูดประชดประชันเล็กน้อย ตอนที่พูดว่า ‘มีความสามารถ’ เขาจงใจเน้นย้ำคำนั้น กู้เจี้ยนเจียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยุนหลาน เธอโทรหาประธานโอวหยาง สำนึกผิดและขอความเมตตาจากประธานโอวหยางซะ แล้วถามว่าเรื่องนี้จะพลิกสถานการณ์ได้ยังไงด้วย” “นี่…” กู้หยุนหลานลังเล หากโทรหาประธานโอวหยางควรพูดว่าอะไร หากประธานโอวหยางร้องขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเหล่านั้น จะปฏิเสธอย่างไรดี? “เธอไม่กล้าโทร
กู้หยุนหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าโอวหยางจงเฉิงต้องการอะไร เรื่องที่ขวางตนเองเอาไว้ในห้องวีไอพีเมื่อคืน ยังคงจำได้ติดตาอยู่ “ฉันไม่ไป ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษเขาด้วย!” กู้หยุนหลานพูดด้วยความโกรธ “เหอะ ๆ ถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังจะดื้อดึงไปทำไม ประธานโอวหยางแค่ขยับปากนิดหน่อยพวกเราก็จบเห่กันหมดแล้ว ตอนนี้ให้โอกาสเธอได้ขอโทษ นั่นถือเป็นพระคุณจากประธานโอวหยางแล้ว เธอยังจะบอกว่า ไม่ใช่ความผิดของเธออีกเหรอ นี่มันใช่เรื่องที่จะหาคนถูกผิดหรือยังไง?” “หยุนหลาน ลุงรู้ว่าเธอรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของเธอคนเดียว แต่เป็นเรื่องของตระกูลกู้ทั้งหมด ถ้ามันเป็นเรื่องของเธอคนเดียว เธออยากจะทำยังไงก็ตามสบาย แต่นี่มันเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของตระกูล ดังนั้นเธอจะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้” ทั้งกู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงต่างพูดขึ้น โดยยกเรื่องความอยู่รอดของตระกูลกู้มาบีบบังคับกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานเริ่มหายใจฟึดฟัด อยากจะตอบโต้กลับไปแรง ๆ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของตระกูลกู้ กู้หยุนหลานก็ไม่รู้ว่าจะโต้กลับไปอย่างไร กู้ซิ่งเหว่ยสูบบุหรี่แล
ตกดึก ในห้องวีไอพีของภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยน กู้หยุนหลานนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่มุม โอวหยางจงเฉิงที่อยู่ตรงข้ามเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้า เมื่อคิดว่าคืนนี้จะสามารถทับอยู่บนร่างของดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมคมดอกนี้ได้ และขออะไรจากเธอก็ได้ โอวหยางจงเฉิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา กู้เจี้ยนกั๋วหยิบขวดเหล้าเหมาไถขึ้นมาและเปิดฝาออก รินเหล้าด้วยความเคารพให้โอวหยางจงเฉิง ประธานเฉียน ประธานหลินและคนอื่น ๆ ท่าทางนั้นแสดงความเคารพอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ประธานโอวหยาง หยุนหลานคนนี้บางครั้งก็เถรตรงเกินไป หลังจากที่ทำให้คุณอารมณ์เสียเมื่อวานนี้ กลับไปก็รู้สึกนึกเสียใจ เมื่อได้ยินว่าคุณให้โอกาสเธอได้ขอโทษ…” โอวหยางมองไปที่กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนกั๋วก็หุบปากทันที คำพูดต่าง ๆ ที่อยู่ในปากก็ไม่กล้าพูดต่ออีก กู้เจี้ยนเจียงเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างเงียบ จึงรีบหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและพูดว่า “ประธานโอวหยาง ในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของหยุนหลาน จึงถือว่ามีส่วนรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พวกเราขอยกแก้วเพื่อดื่มขอโทษก่อน” “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณมีคุณสมบัติที่จะขอโทษฉันเหรอ?” ประธานโอวหยางพูดด้วยใบหน้า
“หือ?” โอวหยางจงเฉิงส่งเสียงฟึดฟัดออกมาทางจมูก สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย ไม่พอใจกับคำตอบของกู้หยุนหลานเป็นอย่างมาก “กู้หยุนหลาน คุณหมายถึงอะไร เป็นเพราะผมพูดไม่ชัดเจน หรือว่าคุณฟังไม่เข้าใจ?” โอวหยางจงเฉิงถามด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “คุณกู้ ประธานโอวหยางของเราจองห้องไว้แล้ว วันนี้คุณไม่ต้องกลับแล้ว ดูแลรับใช้ประธานโอวหยาง อะไร ๆ จะได้ง่ายขึ้น อย่าว่าแต่ใบสั่งซื้อพวกนี้ของพวกคุณเลย ต่อไปมีประธานโอวหยางดูแล ผลการดำเนินงานของพวกคุณตระกูลกู้ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวภายในระยะเวลาสองสามปีอย่างง่ายดาย” ประธานเฉียนพูดเสริม กู้หยุนหลานยิ้มอย่างหดหู่ และวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะ นี่เป็นการแสดงจุดยืนของตนเอง กู้หยุนหลานไม่ตอบตกลงเงื่อนไขของโอวหยางจงเฉิง ไม่แม้แต่จะคิดเรื่องที่จะพักค้างคืนที่นี่ เมื่อเห็นกู้หยุนหลานวางแก้วเหล้าลง โอวหยางจงเฉิงก็หัวเราะอย่างไม่พอใจสองครั้ง และมองไปที่กู้เจี้ยนกั๋วกับคนอื่น ๆ กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง หนาวเหน็บไปทั่วทั้งตัว พวกเขาอยากจะมัดกู้หยุนหลาน แล้วส่งขึ้นเตียงให้โอวหยางจงเฉิงเสียจริง ๆ “หยุนหลาน! ระวังท่าที
“ฮ่าฮ่าฮ่า” โอวหยางจงเฉิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ “อยากไป? เธอคิดว่าจะไปได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ? หน้าตาของโอวหยางจงเฉิงคนนี้ ใช่จะเหยียบย่ำกันได้ง่าย ๆ !” บอดี้การ์ดปิดประตูห้องวีไอพี กู้หยุนหลานหันกลับไปอย่างไม่มีทางเลือก กู้ชิงหลินกลับมามีสติ เดินไปด้านข้างของกู้หยุนหลานอย่างรวดเร็ว และผลักกู้หยุนหลานไปด้านหน้าของโอวหยางจงเฉิง “เธอ ยัยผู้หญิงไร้ค่า ประธานโอวหยางอุตส่าห์ไว้หน้าเธอแล้ว! เมื่อกี้เธอยังกล้าเชิดหน้าใส่ประธานโอวหยางอีก เธอคิดว่าเธอเป็นใคร รีบขอโทษประธานโอวหยางซะ!” กู้ชิงหลินพูดอย่างเกรี้ยวกราด กู้หยุนหลานนิ่งเงียบไป และรู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งที่ทุกคนในตระกูลกู้ทำ ประธานหลินเปิดขวดเหล้าเหมาไถบนโต๊ะ และวางไว้ตรงหน้ากู้หยุนหลาน “คุณกู้ ใช้ไม้อ่อนไม่ชอบชอบให้ใช้ไม้แข็ง ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มเหล้าเหมาไถขวดนี้เสียก่อน หลังดื่มเสร็จก็อยู่เป็นเพื่อนประธานโอวหยางแต่โดยดีเถอะ ถ้าทำให้ประธานโอวหยางพึงพอใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เจรจาได้ง่ายขึ้นทั้งนั้น” กู้หยุนหลานมองเหล้าเหมาไถที่วางอยู่บนโต๊ะ ถ้าดื่มเข้าไปทั้งขวด ต้องหมดสติแน่นอน ต่อจากนั้นคงถูกโอวหยางจงหยามเกียรติเป
“หลี่โม่! แกมาที่นี่ได้ยังไง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนต่ำต้อยอย่างแกจะมาได้!” กู้ซิ่งเหว่ยตะโกนโวยวายอย่างโมโห หลี่โม่เพิกเฉยเสียงโวยวายของกู้ซิ่งเหว่ยและเดินตรงไปที่ด้านข้างของกู้หยุนหลาน แล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "ผมไม่ได้มาสายไปใช่ไหม?" กู้หยุนหลานตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก เธอทำได้เพียงส่ายหัวอย่างแรง และกอดหลี่โม่ไว้แน่นด้วยแขนของเธอ หลี่โม่ลูบหลังกู้หยุนหลานเบา ๆ และช่วยกู้หยุนหลานสงบสติอารมณ์ โอวหยางจงเฉิงตบโต๊ะอย่างโกรธเคือง "ไอ้สารเลวนี่มาที่นี่ได้ยังไง! คนตระกูลกู้ตั้งใจจะหาเรื่องใช่ไหม!” “ไม่ ไม่ใช่นะครับ ประธานโอวหยางโปรดอย่าโมโหไป เราไม่รู้เหมือนกันว่าคนไร้ค่านี้มาได้อย่างไร เราจะ… เราจะพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” กู้เจี้ยนกั๋วตอบกลับด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะคลี่คลาย หลี่โม่ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนต่างรับมือไม่ทัน โดยเฉพาะกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ต่างเกลียดชังหลี่โม่แทบตายแล้ว หลี่โม่เหล่มองโอวหยางจงเฉิง แล้วกระซิบพูดเบา ๆ กับกู้หยุนหลานว่า "ปล่อยมือของคุณก่อนแล้วคอยดูผมแก้แค้นให้คุณ แค่รออย่างเชื่อฟังนะครับ" "อืม" ในขณะนี้ หลี
โอวหยางจงเฉิงใช้มือทั้งสองไขว้หลังศีรษะแล้วคุกเข่าลงกับพื้น และในใจเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาคาดเดาจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดได้ แต่คาดเดาถึงผลลัพธ์ของเรื่องไม่ได้ เมื่อได้เผชิญหน้ากับหมัดของหลี่โม่ในเวลานี้ ขาของโอวหยางจงเฉิงก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ และมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน “น้องชาย ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันรู้ตัวว่าฉันทำเกินไปหน่อย นายบอกตัวเลขมา ฉันจะชดเชยให้นายทั้งหมดดีไหม!” "แกคิดว่าเงินสามารถชดเชยได้งั้นเหรอ?" หลี่โม่ยิ้มเย็นชาแล้วโบกมือหมัด แล้วหมัดทั้งคู่ก็ชกลงราวกับห่าฝน ชกจนโอวหยางจงเฉิงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ส่วนที่ชกต่อยทั้งหมดนั้น หลี่โม่ได้ตั้งใจคัดเลือกมาอย่างดี และเป็นส่วนที่จะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงหลังจากถูกกระแทก ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้โอวหยางจงเฉิงหมดสติไป แต่ในไม่ชั่วพริบตาโอวหยางจงเฉิงก็ถูกทำให้ฟื้นขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่าอีกครั้ง หลังจากหมดสติและฟื้นขึ้นหลายครั้ง โอวหยางจงเฉิงถูกชกต่อยจนทรุดตัวลง และล้มลงนอนบนพื้นราวกับโคลนสกปรก ส่วนรอยฟกช้ำบนใบหน้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม มองดูราวกับตุ๊กตาเศษผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ กู้เ