เจ้านายมาตรวจดูกะทันหัน เป็นลูกจ้างต้องทำอย่างไร? พนักงานต้อนรับทั้งสองต่างก็มีคำถามนี้ขึ้นมาในใจพร้อมกัน และในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเวลาที่ตัวเองต้องแสดงมาถึงแล้ว หากว่าสามารถแสดงความกระตือรือร้นและทำให้ตัวเองอยู่ในสายตาของเจ้านายได้ นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะได้รับเลื่อนตำแหน่ง และก้าวไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตกำลังรอตัวเองอยู่ พนักงานต้อนรับทั้งสองต่างสบตากันและมีแสงแห่งความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในดวงตา สมองเต็มไปด้วยสารพัดความคิดและไหวพริบ จัดระเบียบคำที่ประจบสอพลอ หลี่โม่เดินช้า ๆ จนถึงหน้าประตูสถานเสริมความงาม พนักงานต้อนรับทั้งสองโค้งเก้าสิบองศาด้วยความตื่นเต้น และตะโกนพูดพร้อมกันว่า “สวัสดีค่ะเจ้านาย” “เจ้านายคุณไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว เราคิดถึงเจ้านายมาก ๆ เลยนะคะ คิดไม่ถึงว่าเจ้านายจะมาที่นี่วันนี้” “เจ้านายเชิญเลยค่ะ ดิฉันจะไปตามผู้จัดการฉิน และขอให้เจ้านายให้คำแนะนำกับเราด้วยนะคะ เราทุกคนยินดีรับฟังคำแนะนำของเจ้านาย” มุมปากของหลี่โม่กระตุกขึ้นเล็กน้อย นึกถึงฉากที่ถูกดูถูกที่นี่เมื่อครั้งที่แล้ว แต่ตอนนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน “อืม พวกคุณทำงานกันต่อเถอะ ผมจะเข้าตรวจดูข้า
สามารถดูแลจัดการสถานเสริมความงามได้ดี นั่นแสดงให้เห็นว่าหลี่โม่ไม่ได้ดูคนผิดจริง ๆ และยังพิสูจน์ให้เห็นว่า ฉินเยว่เป็นคนที่มีความสามารถ “ไม่แย่ ช่วงเวลานี้ลำบากคุณแล้ว” “นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ฉันควรทำค่ะ ถ้าหากปราศจากการเลื่อนตำแหน่งจากเจ้านาย ฉันก็คงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้” ฉินเยว่ตอบกลับด้วยดวงตาเป็นประกาย และคิดในใจว่าคงจะดีถ้าหลี่โม่ยังไม่ได้แต่งงาน หลี่โม่ปิดสมุดบัญชีแล้วใช้นิ้วมือเคาะบนโต๊ะ "ธุรกิจของร้านเป็นไปได้ดีนั้นล้วนขึ้นอยู่กับความพยายามของทุกคน เริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป เงินเดือนพื้นฐานของทุกคนจะเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ คุณไปแจ้งทุกคนว่า ขอเพียงทุกคนขยันทำงาน ผมก็จะไม่ปฏิบัติต่อทุกคนไม่ดี" ฉินเยว่รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาเอ่อล้นออกมา เคยทำงานหนักมามากมายและได้พบกับเจ้านายหลายรูปแบบ แต่ฉินเยว่ไม่เคยเจอเจ้านายที่ใจกว้างขนาดนี้แบบหลี่โม่ เจ้านายเหล่านั้นล้วนกดพนักงานสุดขีด มีคุณงามความดีล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้านาย และแน่นอนว่าคุณงามความดีจะไม่เกี่ยวข้องกับเงินของพนักงานแม้แต่ครึ่งเดียว ผู้ที่สามารถจ่ายโบนัสพิเศษเพิ่มสามถึงห้าพันบาท
ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับหลี่โม่เลยที่จะมอบฐานตำแหน่งที่กว้างที่สุดแก่พนักงานเหล่านี้ของสถานเสริมความงาม เพียงแค่หลี่โม่พูดออกจากปากอย่างตามใจ เขาก็สามารถเปลี่ยนสถานเสริมความงามแห่งนี้ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมความงามชั้นนำได้อย่างง่ายดาย พนักงานเหล่านี้ถูกจุดประกายไฟเลือดร้อนด้วยคำพูดของหลี่โม่แล้ว และพวกเขาแต่ละคนต่างกำลังคิดถึงอนาคตอย่างหลงใหล “เจ้านายคอยดูความพยายามของเราเถอะค่ะ ได้ทำงานกับคุณทำให้เรารู้สึกสบายสุด ๆ แล้ว” "เราจะทำให้ดีที่สุดแน่นอน บางทีเราอาจจะเปิดสาขาได้ในปีนี้" “ทุกคนมาทำงานหนักด้วยกันเถอะ หาเงินให้เจ้านายมากขึ้นในอนาคต ก็หาเงินให้ตัวพวกเราเองได้มากขึ้นด้วย ขอบคุณเจ้านายที่ให้โอกาสเราค่ะ!” ฉินเยว่มองไปยังเหล่าพนักงานที่กระตือรือร้น จากนั้นก็มีรอยยิ้มที่ตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้า ลูกน้องต่างมีความกระตือรือร้นมากขนาดนี้ และตามผลงานของฉินเยว่แล้วก็คงได้เปิดสาขาไม่ยาก ภายใต้เจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ผลประกอบการของสถานเสริมความงามจะไต่ขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อแอบ ๆ มองไปที่หลี่โม่ ในใจของฉินเยว่ก็ดูเหมือนว่าจะมีลูกกระต่ายตัวหนึ่งวิ่ง
“ไม่ล่ะ ๆ ผมไม่ชินกับพวกนั้น คุณไปทำงานเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก” ฉินเยว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากปรับความคิดแล้วก็ออกจากสำนักงานและรีบไปทำงาน หลี่โม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่น และเมื่อรอจนถึงเวลาที่ใกล้จะเลิกงาน เขาก็ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายสักครู่ “เจ้านายคะ ไหน ๆ ก็มีงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันเลยให้พนักงานทุกคนเลิกงานเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง รถก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ตอนนี้สามารถออกเดินทางได้เลยค่ะ” ฉินเยว่กล่าวด้วยความตื่นเต้น "ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ" หลี่โม่ออกจากห้องทำงานพร้อมกับฉินเยว่ และพนักงานในร้านทั้งหมดต่างก็รวมตัวกันแล้ว จากนั้นก็ตามหลี่โม่ออกจากสถานเสริมความงาม รถเพื่อการพาณิชย์หลายคันของสถานเสริมความงามก็จอดลงตรงหน้าประตูของร้านแล้ว รถเชิงพาณิชย์ทุกคันเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ทั่วไปในประเทศ "ขึ้นรถ" หลี่โม่โบกมืออย่างภาคภูมิใจและเข้าไปนั่งในรถเชิงพาณิชย์ก่อน ฉินเยว่รีบตามขึ้นรถแล้วนั่งข้างหลี่โม่ พนักงานขึ้นรถทีละคน และรถเชิงพาณิชย์ก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวแล้วเริ่มขับไปที่ร้านอาหารถังซ่ง ไม่นานก็มาถึงร้านอาหารถังซ่ง หลังจากจอดรถในลานจอดรถแล้ว หลี่โม่พร้อมก
กู้ชิงหลินชี้ไปที่หลี่โม่และตะโกนว่าเสียงดัง หลี่โม่ขมวดคิ้วมุ่น ฉินเยว่และคนอื่น ๆ ยังคงพูดคุยและหัวเราะกันในวินาทีก่อน และในวินาถีต่อมาก็ได้ยินเสียงดุว่าจากกู้ชิงหลิน ทุกคนต่างพากันก็จ้องไปที่กู้ชิงหลิน วันนี้หลี่โม่ได้เลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้กับทุกคน นอกจากนี้ยังนำพาทุกคนไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต ในช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้ มีคนมาดุว่าผู้นำทางของพวกเธอ ซึ่งทำให้ฉินเยว่และคนอื่น ๆ ต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟโดยตรง “คุณเป็นใคร มาพูดคุยกับเจ้านายของเราได้ยังไง” เยว่พูดอย่างโกรธจัด “โอ้ว หลี่โม่คนไร้ค่านี่กลายเป็นเจ้านายแล้วเหรอ หรือว่าให้ผู้หญิงมากมายขนาดนี้เป็นเจ้านายกันล่ะ พระเจ้า หลี่โม่นี่นายกำลังจะขึ้นสวรรค์เหรอ หรือว่านายกลายเป็นแมงดาไปแล้วจริง ๆ” กู้ชองหลินตอบกลับด้วยความประหลาดใจ “แมงดาสมัยนี้ช่างโหดร้ายมากไปแล้ว พาคนแบบนี้ออกมาข้างนอก ช่างไม่กลัวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุมตัวไปจริง ๆ นี่มันน่าตลกมาก ถ้าอย่างนั้นฉันโทรไปรายงานสักครู่” พี่เฟยเขย่าโทรศัพท์ แล้วหรี่ตามองหลี่โม่ พี่หยุนหัวเราะเย้ยหยัน แล้วโอบแขนกู้ชิงหลินและพูดว่า "คนไร้ค่านี่แน่จริงนี่หว่า รู้จักเร
คำพูดที่พ่นออกมาจากหลี่โม่ ทำให้พนักงานทุกคนต่างมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่คาดหวังและรอฟังการตัดสินใจชั่วคราวของหลี่โม่ "ผมตัดสินใจว่าการประเมินผลงานครั้งใหญ่ตอนส่งท้ายปีนั้น พนักงานสิบคนที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดจะได้รับรางวัลเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู" พนักงานทุกคนต่างตกตะลึง รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสำหรับพวกเธอแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมและมีสถานะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่แล้วหลี่โม่ถึงกับเสนอของที่มีค่าราคาแพงขนาดนี้เพื่อมาเป็นรางวัลสำหรับการแข่งขันสิ้นปี “เจ้านายคะ นี่… นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?” "เป็นเรื่องจริงแน่นอน ผมพูดได้ก็ทำได้ ที่หนึ่งจะได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และที่สองถึงห้าได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 ตามมาด้วยที่ห้าถึงสิบได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ขอเพียงแค่พวกคุณตั้งใจทำงาน ความฝันทั้งหมดก็ล้วนจะกลายเป็นจริง" ทันใดนั้นพนักงานทุกคนต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา และเสียงยินดีปรีดาก็สามารถทำให้หลังคาพลิกได้ "เจ้านายจงเจริญ! คุณเป็นเจ้านายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยพบเจอเลยค่ะ" “ฉันจะมุ่งมั่นขยันสุดตัวเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่หนึ่งอย่างแน่นอน!” "เจ้านา
“คนไร้ค่าอย่างแกยังมากินอาหารที่ร้านอาหารของครอบครัวฉันได้ ไม่เลวเลยนี่ แต่ฉันได้ยินมาว่าเดือน ๆ นึงหยุนหลายให้ค่าครองชีพแกไม่กี่พันบาทนี่ ในร้านฉันเงินนั่นไม่พอแม้แต่จะสั่งอาหารสองจานด้วยซ้ำ” “ฉันก็เลยอยากจะถามแกว่า คนต่ำต้อยอย่างแกไปเอาเงินมาจากไหน คงไม่ได้ขโมยเงินของหยุนหลานมาเลี้ยงคนอื่นหรอกใช่ไหม พาผู้หญิงมาเยอะขนาดนี้ แกนี่ทำให้ฉันได้ปเปิดหูเปิดตาจริง ๆ” สีหน้าของฉินเยว่และคนอื่น ๆ ต่างดูไม่ดีขึ้นมา และต่างมองชายหนุ่มที่กำลังพูดด้วยความโมโหพร้อมกัน “นี่ ทำไมพวกเธอถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ ดูพวกเธอแต่งตัวสิ ล้วนมาจากแผงขายของริมถนนและเป็นของเลียนแบบ คนจน ๆ แบบนี้ไม่คู่ควรที่จะมากินอาหารที่ร้านอาหารของฉัน แต่ว่าพวกเธอโชคดี ที่ไม่โดนฉันเห็นก่อน ไม่อย่างนั้นแม้แต่ประตูร้านอาหารฉันก็เข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ” “นายคือหวงจิงซานใช่ไหม?” หลี่โม่ขมวดคิ้วและถาม หวงจิงซานเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นมหาวิทยาลัยของกู้หยุนหลาน และเป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบ หวงจิงซานผู้ซึ่งมีอำนาจ แต่ก็จีบกู้หยุนหลานไม่ติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ว่ากู้หยุนหลานแต่งงานกับหลี่โม่แล้ว ในใจหวงจิงซานก็รู้สึกเกล
"มีเงินแล้วมันวิเศษมากเหรอ?" หลี่โม่ถามด้วยรอยยิ้ม หวงจิงซานชะงักครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นและหัวเราะขึ้นมา "ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนว่ามีเงินก็ต้องวิเศษสิ ฉันมีเงินแล้วก็สามารถสัมผัสใช้ชีวิตที่ดีที่สุด สามารถซื้อรถหรูและอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรู ลูก ๆ ของฉันได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และไปพบแพทย์ที่ดีที่สุดเมื่อป่วย ต่อให้ไปตายแล้ว ก็สามารถเข้าไปในสุสานที่หรูหราที่สุดได้” “แล้วคนต่ำต้อยอย่างนายล่ะ? นายไม่มีรถไม่มีบ้าน ลูก ๆ ไปโรงเรียนและไปพบแพทย์ยังต้องดูสภาพอีก เข้าแถวรอการจัดเตรียม หลังจากที่ตายก็ต้องอยู่ในสุสานที่ถูกที่สุด ไม่สิ คนต่ำต้อยอย่างแกไม่จำเป็นต้องมีสุสาน เพราะว่าแกไม่คู่ควร อย่างแกเหมาะสมที่จะหาดินมาฝังศพก็แล้ว ปล่อยให้สุนัขป่าขุดร่างกายของแกแล้วกินเข้าไป" “มนุษย์เกิดมาเท่าเทียมกัน เงินไม่สามารถวัดทุกอย่างได้ แม้ว่านายจะร่ำรวย แต่ธาตุแท้ของนายต่ำตมนัก แม้แต่คุณสมบัติของการเป็นมนุษย์ก็ไม่คู่ควร” หลี่โม่พูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “นายพูดบ้าอะไร กล้าพูดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติ ฉันไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรทั้งนั้นแหละ คนยากจนอย่างพวกนาย! สภาพที่มีคุณสมบัติของฉัน เดิมทีพวกนายก็ไม่มีสิท