“ไม่ล่ะ ๆ ผมไม่ชินกับพวกนั้น คุณไปทำงานเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก” ฉินเยว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากปรับความคิดแล้วก็ออกจากสำนักงานและรีบไปทำงาน หลี่โม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่น และเมื่อรอจนถึงเวลาที่ใกล้จะเลิกงาน เขาก็ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายสักครู่ “เจ้านายคะ ไหน ๆ ก็มีงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันเลยให้พนักงานทุกคนเลิกงานเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง รถก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ตอนนี้สามารถออกเดินทางได้เลยค่ะ” ฉินเยว่กล่าวด้วยความตื่นเต้น "ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ" หลี่โม่ออกจากห้องทำงานพร้อมกับฉินเยว่ และพนักงานในร้านทั้งหมดต่างก็รวมตัวกันแล้ว จากนั้นก็ตามหลี่โม่ออกจากสถานเสริมความงาม รถเพื่อการพาณิชย์หลายคันของสถานเสริมความงามก็จอดลงตรงหน้าประตูของร้านแล้ว รถเชิงพาณิชย์ทุกคันเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ทั่วไปในประเทศ "ขึ้นรถ" หลี่โม่โบกมืออย่างภาคภูมิใจและเข้าไปนั่งในรถเชิงพาณิชย์ก่อน ฉินเยว่รีบตามขึ้นรถแล้วนั่งข้างหลี่โม่ พนักงานขึ้นรถทีละคน และรถเชิงพาณิชย์ก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวแล้วเริ่มขับไปที่ร้านอาหารถังซ่ง ไม่นานก็มาถึงร้านอาหารถังซ่ง หลังจากจอดรถในลานจอดรถแล้ว หลี่โม่พร้อมก
กู้ชิงหลินชี้ไปที่หลี่โม่และตะโกนว่าเสียงดัง หลี่โม่ขมวดคิ้วมุ่น ฉินเยว่และคนอื่น ๆ ยังคงพูดคุยและหัวเราะกันในวินาทีก่อน และในวินาถีต่อมาก็ได้ยินเสียงดุว่าจากกู้ชิงหลิน ทุกคนต่างพากันก็จ้องไปที่กู้ชิงหลิน วันนี้หลี่โม่ได้เลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้กับทุกคน นอกจากนี้ยังนำพาทุกคนไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต ในช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้ มีคนมาดุว่าผู้นำทางของพวกเธอ ซึ่งทำให้ฉินเยว่และคนอื่น ๆ ต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟโดยตรง “คุณเป็นใคร มาพูดคุยกับเจ้านายของเราได้ยังไง” เยว่พูดอย่างโกรธจัด “โอ้ว หลี่โม่คนไร้ค่านี่กลายเป็นเจ้านายแล้วเหรอ หรือว่าให้ผู้หญิงมากมายขนาดนี้เป็นเจ้านายกันล่ะ พระเจ้า หลี่โม่นี่นายกำลังจะขึ้นสวรรค์เหรอ หรือว่านายกลายเป็นแมงดาไปแล้วจริง ๆ” กู้ชองหลินตอบกลับด้วยความประหลาดใจ “แมงดาสมัยนี้ช่างโหดร้ายมากไปแล้ว พาคนแบบนี้ออกมาข้างนอก ช่างไม่กลัวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุมตัวไปจริง ๆ นี่มันน่าตลกมาก ถ้าอย่างนั้นฉันโทรไปรายงานสักครู่” พี่เฟยเขย่าโทรศัพท์ แล้วหรี่ตามองหลี่โม่ พี่หยุนหัวเราะเย้ยหยัน แล้วโอบแขนกู้ชิงหลินและพูดว่า "คนไร้ค่านี่แน่จริงนี่หว่า รู้จักเร
คำพูดที่พ่นออกมาจากหลี่โม่ ทำให้พนักงานทุกคนต่างมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่คาดหวังและรอฟังการตัดสินใจชั่วคราวของหลี่โม่ "ผมตัดสินใจว่าการประเมินผลงานครั้งใหญ่ตอนส่งท้ายปีนั้น พนักงานสิบคนที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดจะได้รับรางวัลเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู" พนักงานทุกคนต่างตกตะลึง รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสำหรับพวกเธอแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมและมีสถานะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่แล้วหลี่โม่ถึงกับเสนอของที่มีค่าราคาแพงขนาดนี้เพื่อมาเป็นรางวัลสำหรับการแข่งขันสิ้นปี “เจ้านายคะ นี่… นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?” "เป็นเรื่องจริงแน่นอน ผมพูดได้ก็ทำได้ ที่หนึ่งจะได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และที่สองถึงห้าได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 ตามมาด้วยที่ห้าถึงสิบได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ขอเพียงแค่พวกคุณตั้งใจทำงาน ความฝันทั้งหมดก็ล้วนจะกลายเป็นจริง" ทันใดนั้นพนักงานทุกคนต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา และเสียงยินดีปรีดาก็สามารถทำให้หลังคาพลิกได้ "เจ้านายจงเจริญ! คุณเป็นเจ้านายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยพบเจอเลยค่ะ" “ฉันจะมุ่งมั่นขยันสุดตัวเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่หนึ่งอย่างแน่นอน!” "เจ้านา
“คนไร้ค่าอย่างแกยังมากินอาหารที่ร้านอาหารของครอบครัวฉันได้ ไม่เลวเลยนี่ แต่ฉันได้ยินมาว่าเดือน ๆ นึงหยุนหลายให้ค่าครองชีพแกไม่กี่พันบาทนี่ ในร้านฉันเงินนั่นไม่พอแม้แต่จะสั่งอาหารสองจานด้วยซ้ำ” “ฉันก็เลยอยากจะถามแกว่า คนต่ำต้อยอย่างแกไปเอาเงินมาจากไหน คงไม่ได้ขโมยเงินของหยุนหลานมาเลี้ยงคนอื่นหรอกใช่ไหม พาผู้หญิงมาเยอะขนาดนี้ แกนี่ทำให้ฉันได้ปเปิดหูเปิดตาจริง ๆ” สีหน้าของฉินเยว่และคนอื่น ๆ ต่างดูไม่ดีขึ้นมา และต่างมองชายหนุ่มที่กำลังพูดด้วยความโมโหพร้อมกัน “นี่ ทำไมพวกเธอถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ ดูพวกเธอแต่งตัวสิ ล้วนมาจากแผงขายของริมถนนและเป็นของเลียนแบบ คนจน ๆ แบบนี้ไม่คู่ควรที่จะมากินอาหารที่ร้านอาหารของฉัน แต่ว่าพวกเธอโชคดี ที่ไม่โดนฉันเห็นก่อน ไม่อย่างนั้นแม้แต่ประตูร้านอาหารฉันก็เข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ” “นายคือหวงจิงซานใช่ไหม?” หลี่โม่ขมวดคิ้วและถาม หวงจิงซานเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นมหาวิทยาลัยของกู้หยุนหลาน และเป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบ หวงจิงซานผู้ซึ่งมีอำนาจ แต่ก็จีบกู้หยุนหลานไม่ติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ว่ากู้หยุนหลานแต่งงานกับหลี่โม่แล้ว ในใจหวงจิงซานก็รู้สึกเกล
"มีเงินแล้วมันวิเศษมากเหรอ?" หลี่โม่ถามด้วยรอยยิ้ม หวงจิงซานชะงักครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นและหัวเราะขึ้นมา "ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนว่ามีเงินก็ต้องวิเศษสิ ฉันมีเงินแล้วก็สามารถสัมผัสใช้ชีวิตที่ดีที่สุด สามารถซื้อรถหรูและอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรู ลูก ๆ ของฉันได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และไปพบแพทย์ที่ดีที่สุดเมื่อป่วย ต่อให้ไปตายแล้ว ก็สามารถเข้าไปในสุสานที่หรูหราที่สุดได้” “แล้วคนต่ำต้อยอย่างนายล่ะ? นายไม่มีรถไม่มีบ้าน ลูก ๆ ไปโรงเรียนและไปพบแพทย์ยังต้องดูสภาพอีก เข้าแถวรอการจัดเตรียม หลังจากที่ตายก็ต้องอยู่ในสุสานที่ถูกที่สุด ไม่สิ คนต่ำต้อยอย่างแกไม่จำเป็นต้องมีสุสาน เพราะว่าแกไม่คู่ควร อย่างแกเหมาะสมที่จะหาดินมาฝังศพก็แล้ว ปล่อยให้สุนัขป่าขุดร่างกายของแกแล้วกินเข้าไป" “มนุษย์เกิดมาเท่าเทียมกัน เงินไม่สามารถวัดทุกอย่างได้ แม้ว่านายจะร่ำรวย แต่ธาตุแท้ของนายต่ำตมนัก แม้แต่คุณสมบัติของการเป็นมนุษย์ก็ไม่คู่ควร” หลี่โม่พูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “นายพูดบ้าอะไร กล้าพูดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติ ฉันไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรทั้งนั้นแหละ คนยากจนอย่างพวกนาย! สภาพที่มีคุณสมบัติของฉัน เดิมทีพวกนายก็ไม่มีสิท
เมื่อได้ยินชื่อหวู่เต้าเหวิน หวงจิงซานก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง ได้ยินเกี่ยวกับหลี่โฑม่แบบนั้นก็ค่อนข้างประหลาดใจ เกินความคาดหมายของหวงจิงซานมาก เมื่อหรี่ตามองไปที่หลี่โม่ หวงจิงซานก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันและพูดว่า "นายรู้ไหมว่าคนต่ำต้อยนั่นเป็นใคร? ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลกู้ไงล่ะ เป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกินประทังชีพชื่อว่าหลี่โม่ นายบอกว่าหวู่เต้าเหวินเป็นคนจองห้องส่วนตัวให้เขา นายแน่ใจนะว่าไม่ได้เล่นตลก?” ผู้จัดการหวังมองหลี่โม่ด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อได้ยินหวงจิงซานแนะนำหลี่โม่แบบนี้ ในใจผู้จัดการหวังก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา “แต่ถ้าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์จริง ๆ ผมเกรงว่าหวู่เต้าเหวินคงไม่ช่วยจองห้องส่วนตัวให้เขาหรอกนะครับ” “ให้ตายเถอะ! ปกตินายฉลาดมีไหวพริบจะตาย ทำไมครั้งนี้ถึงสับสนแล้วล่ะ หวู่เต้าเหวินบริหารภัตตาคารอาหารหรูด้วยตัวเอง ถ้าหากว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่โม่จริง ๆ ล่ะก็ จะยอมปล่อยให้หลี่โม่มาทานอาหารที่นี่เหรอ? คงจะจัดเตรียมอาหารมื้อใหญ่ที่ภัตตาคารอาหารหรูตั้งแต่แรกแล้ว” ผู้จัดการหวังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โดยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของหวู่เต้
"แนะนำได้ดีนี่" หวงจิงซานมองหลี่โม่อย่างดูถูก “คนยากจน แกได้ยินหรือยัง มีมูลค่า 6.5 หมื่นล้านเชียวนะ แกมีเงินมากขนาดนั้นไหม? ถ้าต้องการจะกวาดซื้อยังต้องมีของกำนัลอีก อย่างน้อยแปดหรือเก้าหมื่นล้านในการเจรจา คนยากจนอย่างแกมีเงินมากขนาดนั้นเลย?” “นี่มันน่าตลกมากจริง ๆ ไหนลองบอกฉันซิว่า เมื่อกี้นี้แกโทรหาใคร แกคงไม่ได้โทรเบอร์ 10086 หรอกใช่ไหม ทำทีแค่พูดสองสามคำกับโอเปอเรเตอร์สาว ฉันลองนึก ๆ ดูท่าทีของโอเปอเรเตอร์สาว เดาว่าเธอคงสับสนน่าดู เธอได้ด่านายไหมว่าโง่หรือเปล่า?" หวงจิงซานยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองรู้เรื่องและเข้าใจความจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างดี หลี่โม่ทำไปเพื่อต้องการแสดง ดังนั้นจึงโทรไปยังหมายเลขว่างหรือหมายเลขบริการ เช่น 10086 หลี่โม่ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ทุกคนนั่งลง อีกสักครู่จะมีการแสดงเด็ด ๆ ให้ชม รบกวนผู้จัดการหวังมาเสิร์ฟน้ำชาตรงนี้หน่อยนะ" เมื่อมองไปยังท่าทีที่ไม่แยแสของหลี่โม่ หวงจิงซานก็หัวเราะเย็นชาขึ้นมา "คนยากจนอย่างแกนี่ค่อนข้างกล้าหาญจริง ๆ ฉันอยากจะดูจริง ๆ เลยว่าอีกสักครู่จะมีการแสดงเด็ด ๆ อะไร ถ้าหากว่าไม่ม
“นี่ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว คนที่คนไร้ค่าอย่างนายเรียกมาอยู่ไหนกันล่ะ คนที่จะกวาดซื้อร้านอาหารถังซ่งอยู่ไหนล่ะ?” หวงจิงซานชี้ไปที่วาเชอรอง คอนสแตนตินบนข้อมือของเขา แล้วถุยน้ำลายใส่หลี่โม่ด้วยท่าทางอวดดี “ก็รู้แล้วว่าคนจน ๆ อย่างนายแค่วางมาดใหญ่เพื่อตบตาคนอื่น ยังมาบอกว่าจะกวาดซื้อร้านอาหารถังซ่ง กว้านซื้อบ้าบออะไรกัน เกรงว่าเงินของนายแค่ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะไปตลาดผักเพื่อซื้อเต้าหู้กับผักใบเขียวเท่านั้นแหละ กล้ามาแสดงต่อหน้าฉัน ผลจะไม่ใช่แค่โดนตบจนหน้าบวมหรอกนะ" หลี่โม่เหลือบไปที่หวงจิงซาน จากนั้นก็ถือถ้วยชาขึ้นมาและดื่มชาอย่างสงบ โดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหวงจิงซานเลย ฉินเยว่ต้องการเจรจาอธิบายเหตุผลกับหวงจิงซาน แต่ถูกสายตาของหลี่โม่หยุดไว้ เมื่อเห็นหลี่โม่ไม่พูดจา หวงจิงซานก็บ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ให้ตายเถอะ นี่นายเป็นใบ้ไปแล้วใช่ไหม พาคนมาที่นี่เพื่อผสมชาและดื่มด้วยมันใช่เหรอ ไหนล่ะคนที่นายโทรเรียกน่ะ? คนที่จะกว้านซื้ออยู่ไหนล่ะ? นายให้พวกเขามาสักทีสิ ให้ฉันเห็นหน่อยเถอะว่า คนที่นายเรีบกมาเป็นใคร” “ขยะไร้ค่า ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่จัดการแกดี ๆ แกคงไม่รู้ว่าฉันน่ากลัวแค่ไห