จางซุ่ยฮวาพูดตามเจตนาของเธอ ในอดีตมองหลี่โม่ว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ แม้ว่าตอนนี้หลี่โม่จะเป็นที่สนใจ แต่ในใจของจางซุ่ยฮวา และมุมมองของคนอื่น ๆ ที่มองหลี่โม่ก็ไม่สามารถย้อนกลับได้ชั่วขณะหนึ่ง เป็นเพราะหลี่โม่ช่วยให้ได้เงินคืน หนำซ้ำยังได้เงินคืนมาหลายเท่าตัว ดังนั้นจางซุ่ยฮวาถึงได้กล่าวชมเชยอย่างฝืดแห้ง ท่าทางของฉวี่หมานอย่างกับถ่ายไม่ออก และมองไปยังหลี่โม่ด้วยสีหน้ายู่ยี่ “คนไร้ประ... นั่นนายทำได้ยังไง? ทำไมบอสหลูถึงกลัวนายขนาดนี้” ฮั๋วเจี้ยนเฟิงเสียภาพลักษณ์ไปแล้ว และไม่กล้าแม้แต่มองไปที่หลี่โม่ แต่กลับหลบอยู่ข้างหลังของพวกน้า ๆ แล้วรอฟังคำตอบของหลี่โม่อย่างตั้งใจ ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมหลี่โม่ถึงเก่งกาจขนาดนี้ เมื่อหวังฟางมองดูท่าทีของทุกคนที่ต่างขอบคุณหลี่โม่ ในใจก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด หากฮั๋วเจี้ยนเฟิงจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ในใจหวังฟางก็จะยอมปล่อยวางหายโกรธ แต่เป็นเพราะหลี่โม่เป็นคนจัดการเรียบร้อย นั่นยิ่งทำให้หวังฟางรู้สึกราวกับว่า เธอได้กินอึเข้าไป แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยง ถ้าหากว่าสิ่งที่หลูหมิงเชิงคืนนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นสิ่งของอย่างอื่นล่ะก็ หวังฟางจะปฏิเสธและจากไปทันที เธอ
ฉวี่หมานตกตะลึงแล้วมองหลี่โม่อย่างไม่เต็มใจ เขาไม่ได้อยากขอโทษหลี่โม่เลย “แม่ครับ คนไร้ประโยชน์นี่มีดีอะไรให้ต้องขอโทษ ทำไมผมต้องขอโทษเขาด้วย” “แกจะทำให้แม่โมโหตายใช่ไหม นั่นมันเงินหลายสิบล้านเลยนะ ได้เงินหลายสิบล้านมาฟรี ๆ เลยนะ! ขอแค่เงินนั้นเข้าบัญชีแล้ว แม่จะเปลี่ยนรถบีเอ็มดับเบิลยูให้แก แกรีบทำเหมือนบอสหลูตบหน้าตัวเองสองครั้งเร็วเข้า” จางซุ่ยฮวาจับฉวี่หมานและพูดเสียงเบา ๆ เงินหลายล้านก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนธรรมดาจำนวนมากละทิ้งศักดิ์ศรี และตลอดชีวิตของบางคนอาจไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนี้ ฉวี่หมานลังเลและสับสนว่าระหว่างศักดิ์ศรีกับรถบีเอ็มดับเบิลยู และในที่สุดในใจฉวี่หมานก็ยอมแพ้ให้รถบีเอ็มดับเบิลยู เรื่องเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าหลี่โม่นั้นก็มีแค่พวกน้า ๆ ที่รู้ แต่หลังจากที่ได้รถบีเอ็มดับเบิลยูแล้ว ก็สามารถไปอวดต่อหน้าเพื่อนร่วมงานได้ และศักดิ์ศรีที่เสียไปในวันนี้ ยังสามารถคืนกลับมาเป็นสองเท่าในภายหลัง! ฉวี่หมานกัดฟันอย่างแน่นแล้วเดินไปหาหลี่โม่และพูดว่า “เมื่อกี้นี้ฉันพูดผิดไป ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันจะชดใช้ด้วยการตบหน้าตัวเอง” เพียะ เพียะ เสียงตบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจ
หลี่โม่ส่ายหัวเล็กน้อย ในใจคิดว่าความช่วยเหลือนี้ทำไมถึงช่วยจนกลายเป็นความเกลียดชัง จิตใจมนุษย์นี่หนอ ช่างลำเอียงจริง ๆ หลูหมิงเชิงมองหลี่โม่อย่างระมัดระวัง และในใจสงสัยว่า นายน้อยแห่งแดนมังกรคนนี้มีนิสัยใจคออย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าเป็นมหาเศรษฐีจนเบื่อแล้ว เลยอยากจะลองสัมผัสใช้ชีวิตแบบคนไร้ค่า? หลังจากคิดอย่างนั้นแล้ว หลูหมิงเชิงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด ว่ากันว่ามหาเศรษฐีในต่างประเทศพาทั้งครอบครัวมาขอทาน และจักรพรรดิในอดีตก็เคยตั้งแผงขายของในวังด้วย นายน้อยก็คงเป็นแบบนี้แน่นอน “คุณชายหลี่ครับ ท่านชูยังคงรออยู่ที่รถ เราควรไปคุยในรถไหมครับ?” หลูหมิงเชิงพูดกับหลี่โม่อย่างระมัดระวังมากราวกับเป็นขันทีในพระราชวัง “ชูจงเทียนก็มาที่นี่ด้วยเหรอ งั้นก็ไปหาเขากันเถอะ” หลี่โม่พูดเบา ๆ “ครับ ครับ เชิญทางนี้ครับ” หลูหมิงเชิงเดินนำหน้าและในใจคิดว่านายน้อยก็คือนายน้อย เพียงแค่มองดูท่าทางที่พูดชื่อชูจงเทียนออกมาก็รู้สึกได้เลยว่าเต็มไปด้วยท่าทางของคนร่ำรวยมั่งคั่ง ถัดจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส 600 ชูจงเทียนก็ยืนอยู่ข้างรถแล้ว เมื่อเห็นหลี่โม่เดินเข้าใกล้ เขาโค้งคำนับและพูดว่า “คุณชายห
เมื่อชูจงเทียนและหลูหมิงเชิงได้ยินคำพูดของหลี่โม่ต่างก็มองออกไปนอกรถพร้อมกัน เมื่อเห็นพวกอันธพาลเดินมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของชูจงเทียนและหลูหมิงเชิงก็ดูไม่ได้ขึ้นมา นี้มันถิ่นของฉันชูจงเทียน ออกมาก่อเรื่องวุ่นวายกันแบบนี้แล้วจะให้นายน้อยคิดอย่างไร? นายน้อยต้องมีความคิดเห็นอย่างแน่นอน! “คนสารเลวพวกนี้! คุณชายหลี่เชิญนั่งตามสบาย ผมจะไปจัดการพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้เองครับ” ชูจงเทียนผลักประตูลงจากรถด้วยสีหน้าดุร้าย ปลดปล่อยอาร่าผู้ยิ่งใหญ่โดยรอบ หลูหมิงเชิงยิ้มและพูดกับหลี่โม่ว่า “คนอันธพาลตัวเล็ก ๆ พวกนี้มีจำนวนน้อยเกินไปที่จะให้ชูจงเทียนจัดการ คุณชายหลี่รอชมการแสดงอย่างสบายใจได้เลยครับ อีกเดี๋ยวก็ได้รู้แล้วว่าเจ้านายของพวกเขาเป็นใคร” “อืม” หลี่โม่ตอบอย่างใจเย็น สงสัยว่าการปรากฏตัวของพวกอันธพาลตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ดูจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามาเพราะตัวเอง เพราะเมื่อครู่นี้หลี่โม่ทำให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิงและฉวี่หมานเสียศักดิ์ศรี และทั้งสองคนได้รวมหัวกันทำสิ่งที่ไม่สมควร แบบนี้ดูยังดูสมเหตุสมผลกว่า ชูจงเทียนยืนอยู่ข้างรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มองดูชายหนุ่มอันธ
ชูจงเทียนต่อยเข้าบนหัวของอันธพาลพังก์ผมเหลือง ต่อยจนอันธพาลพังก์ผมเหลืองกลายเป็นอันธพาลข้างถนน อันธพาลหนุ่มที่เหลือกวัดแกว่งไม้เบสบอลตรงเข้ามาทุบตี ชูจงเทียนไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนม้าศึกต่อสู้เพียงลำพังท่ามกลางฝูงชน ในไม่ช้าก็ล้มพวกอันธพาลลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว และแสดงความเป็นเจ้าพ่อได้อย่างเหมาะสม ในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลูหมิงเชิงก็หยิบซิการ์ฮาวานาที่สะสมออกมา หลังจากตัดหัวซิการ์แล้ว ก็ยื่นส่งซิการ์ให้หลี่โม่ “คุณชายหลี่ครับ คุณลองสูบซิการ์ฮาวานาที่ผมสะสมดูสิครับ สำหรับผมกว่าจะหามาได้ก็ยากเอาเรื่อง แต่สำหรับคุณ นี่อาจจะไม่ได้พิเศษอะไร” หลี่โม่หนีบซิการ์ด้วยสองนิ้ว หลูหมิงเชิงก็รีบหยิบไฟแช็กน้ำมันก๊าดสีทองออกมาทันทีและจุดซิการ์ให้หลี่โม่ หลี่โม่สูบซิการ์แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “สูบซิการ์ต้องใช้ไม้ขีดไฟที่ทำจากต้นสนซีดาร์จุด คราวหลังอย่าใช้ไฟแช็กน้ำมันจุดอีก คุณจะถูกคนหัวเราะเยาะได้” หลูหมิงเชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเก็บไฟแช็กน้ำมันก๊าดสีทองในมือทันที “แหะ ๆ ผมนี่มันช่างบ้านนอกไม่รู้เรื่องราวเลย คราวหลังผมจะตั้งใจเรียนรู้ศึกษาไว้ และจะไม่ทำให้คุณชายหลี่ต้อง
พี่ตาวขี่มอเตอร์ไซค์บิดมาอย่างรวดเร็ว คนมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่อันธพาลพังก์ผมเหลืองพูดถึงนั้น ไม่เห็นมีแม้แต่เงา กลายเป็นว่ามีคนมากมายมาสร้างปัญหาบนท้องถนนใหญ่เส้นนี้ และมีเพียงคนที่มีปัญหาทางสมองเท่านั้นที่จะทำได้ นอกจากนี้ พี่ตาวยังเป็นคนมีทักษะการต่อสู้สูงและกล้าหาญ พูดอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นจอมอันธพาลคนหนึ่ง แค่รายงานชื่อออกมาก็ทำให้อีกฝ่ายคุกเข่าลงแล้ว พี่ตาวจอดรถมอเตอร์ไซค์ข้าง ๆ รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ แล้วมองดูลูกน้องที่ต่างนอนราบอยู่บนพื้น ทันใดนั้นจมูกของเขาก็บูดเบี้ยว “พวกแกนี่ช่างทำให้ฉันขายขี้หน้าจริง ๆ คนเยอะแยะขนาดนี้ยังจัดการกับไอ้เวรนั่นไม่ได้ ไอ้เวรนั่นอยู่ไหนล่ะ ฉันจะสั่งสอนมันเอง!” พี่ตาวตะโกนด่าพลาง แล้วดึงมีดล่าสัตว์ออกมาจากด้านหลังเอวของเขา เหตุผลที่พี่ตาวถูกเรียกว่าพี่ตาวก็เพราะเขาเล่นมีดได้อย่างยอดเยี่ยม และเขายังภูมิใจในตัวเองที่สามารถรวมกับมีดได้เป็นหนึ่ง “เสี่ยวตาว แกจะสั่งสอนฉัน?” ชูจงเทียนเดินออกมาจากด้านหลังรถ "ที่จะสั่งสอนก็คือ… ฉิบหาย! ท่านเทียน!" ตอนที่พี่ตาวเห็นชูจงเทียน ผมของเขาก็แทบจะลุกขึ้น ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่คนที่มีวิชาศิลปะการต่
”ไม่จำเป็น แกทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นซะ และแกห้ามเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับคุณชายหลี่แม้แต่คำเดียว” ชูจงเทียนพูดตามคำสั่งของหลี่โม่ "อะไรนะครับ?" พี่ตาวมองไปยังชูจงเทียนด้วยความประหลาดใจ และไม่แน่ใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คุณชายหลี่ต้องการเล่นงานเขาอย่างช้า ๆ วัน ๆ ไม่ต้องรู้จักแต่ทุบตีและฆ่าอย่างเดียว หัดฉลาดขึ้นบ้าง พาคนของแกไสหัวออกไปซะ” ชูจงเทียนพูดอย่างเย็นชา “ครับ ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้" พี่ตาวรีบพาพวกลูกน้องของเขาถอยกลับไปทันที หลูหมิงเชิงมองหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ "คุณชายหลี่คำนวณได้ยอดจริง ๆ ครับ เกรงว่าจะเก่งกว่าจูกัดเหลียงคำนวณเก่งกว่าขงเบ้ง และมีไหวพริบกว้างไกลกว่าว่อหลง" เมื่อฟังคำชมของหลูหมิงเชิง หลี่โม่ก็ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย “คุณกำลังพูดเรื่องตลกเหรอ?” "อะไรนะครับ?" หลูหมิงเชิงไม่เข้าใจ ตัวเองตั้งใจเลียเข้งเลียขาประจบสอพลอขนาดนี้ ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องตลก เมื่อมองไปยังหัวหมูที่เฉื่อยชาของหลูหมิงเชิง ชูจงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "จูกัดเหลียง ขงเบ้ง ว่อหลง ล้วนเป็นคนคนเดียวกัน" “โอ้พระเจ้า คุณดูสิครับผมนี่ช่างไม่รู้จักวัฒนธรรมจริง ๆ”
หลี่โม่หันไปมองตามเสียง และเห็นกลุ่มหนุ่มหล่อสาวสวยมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ท่ามกลางกลุ่มนั้นมีสาวที่ดูสวยแพงอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ทำเสียงประหลาดใจเมื่อครู่นี้ เธอชื่อเฉินผิงผิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นของกู้หยุนหลาน และเป็นคนที่แข่งขันแย่งชิงตำแหน่งดาวห้องเรียนและดาวโรงเรียนกับกู้หยุนหลานตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าเฉินผิงผิงจะขยันแค่ไหน เธอก็ยังด้อยกว่ากู้หยุนหลาน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอได้ยินว่า กู้หยุนหลานได้แต่งงานกับคนต่ำต้อย เฉินผิงผิงก็มีความสุขอย่างมาก และได้รวบรวมเรื่องราวที่น่าสมเพชของหลี่โม่ไว้มากมาย และวางแผนว่างานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นอีกครั้ง จะทำให้กู้หยุนหลานอับอายขายหน้า แต่คิดไม่ถึงว่า จะได้เจอกับหลี่โม่ที่คลับดราก้อนพาเลซในวันนี้ ดังนั้นเฉินผิงผิงจึงรีบใช้หลี่โม่เพื่อฝึกฝีมือทันที เมื่องานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นมาถึง เธอก็จะสามารถทำให้กู้หยุนหลานอับอายขายหน้าได้มากขึ้น “โอ้โห สวมใส่เสื้อผ้าขาด ๆ ทั้งตัวก็สามารถเข้าและออกจากคลับดราก้อนพาเลซได้แบบสบาย ๆ เหรอเนี่ย? เป็นเพราะค่าใช้จ่ายบริโภคของคลับดราก้อนพาเลซลดลงแล้ว หรือแรงงานต่างด้าวบางคนไม่ด