“โอ้โห มีคนใส่หน้ากากเข้ามาด้วยหรือ เป็นครั้งแรกที่เห็นแบบนี้เลยนะ” เจียงหยางตั้งใจพูดให้เสียงดังกู้ชิงหลินและเพื่อนค่อย ๆ หันไปมองด้านหลังด้วยความสงสัย พวกเธอที่เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกขำ“โลกนี้แปลกจริง ๆ คนพวกนี้ทำไมถึงต้องใส่หน้ากากด้วยนะ ดูสิเสื้อผ้าก็ดูไร้ราคา น่าจะมาทำการแสดงสินะ”เพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่ง แสดงสีหน้าเยาะเย้ย“ภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยนเป็นสถานที่แบบไหนกัน ต่อให้มาทำการแสดง ก็ควรเป็นนักแสดงระดับประเทศ นักแสดงที่แต่งตัวแบบนี้จะมาแสดงที่นี่ได้ยังไง” เจียงหยางพูดเสริมพร้อมท่าทีโอ้อวดกู้ชิงหลินมองไปที่คนพวกนั้น ในใจของเธอรู้สึกรังเกียจ และรู้สึกว่าตนเองเพิ่งจะแต่งหน้าแต่งตัวมาใหม่ การที่ต้องมาเจอคนประเภทนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน“เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ภัตตาคารอาหารไห่เยี่ยนเป็นที่ที่คนทั่วไปสามารถเข้ามาได้แล้วเหรอ? ถ้าเข้ามาแบบนี้ ทำเสียบรรยากาศแน่ แล้วที่นี่ก็เป็นทางเข้าของบิลเลียนท์ฮอลล์ รีบเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่คนพวกนี้ออกไปเร็ว” กู้ชิงหลินพูดด้วยความโกรธไม่เพียงกู้ชิงหลินคนเดียวเท่านั้น ที่รู้สึกว่าการปรากฏตัวของคนเหล่านี้ จะทำให้คุณภาพของงานเลี้ยง
“แน่นอนว่ามีปัญหา ห้องโถงสุดหรูมีข้อกำหนดในการระบุตัวตน พวกคุณที่มีเพียงบัตรประจำตัวประชาชน แต่ไม่มีสถานะสูงส่ง ก็เหมาะเพียงที่จะกินแถวแผงลอยริมถนนเท่านั้น!” หลังจากที่เจียงหยางพูดจบก็ยกมือขึ้น และผลักหลี่โม่ที่ใส่หน้ากากออกไป เมื่อเห็นพฤติกรรมเหลือขอของลูกชาย เจียงเฉิงก็เกิดอาการโกรธจัดขึ้นมา คิดอยากจะถอดหน้ากากและด่าว่าลูกชายของเขา ล่วงเกินหลี่โม่ด้วยคำพูด ถึงเวลาต้องขอโทษและขอขมาอย่างเหมาะสม ถ้าหากว่าคำพูดนั้นได้ทำร้ายจิตใจหลี่โม่เข้า ก็เกรงว่าจะจัดการปัญหาได้ไม่ง่ายแล้ว บางทีตระกูลเจียงทั้งหมดอาจถูกกวาดล้าง! ในขณะนี้เจียงเฉิงเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า อำนาจนั้นสามารถย้อนกลับมาทำร้ายตนได้ เขาเสียใจมากที่เคยตามใจลูกชายตั้งแต่เด็กจนเสียคนเช่นนี้ ประธานจางดึงแขนเจียงเฉิงไว้ เพื่อหยุดเจียงเฉิงไม่ให้ดึงหน้ากากลง และเตือนเขาว่า “คุณเจียง ใจเย็น ๆ ก่อน อย่าทำให้นายน้อยอารมณ์เสียเลย” “ผมจะใจเย็นได้ไง? ไอ้เด็กที่ก่อปัญหาคือลูกชายนิสัยเสียของผม ตอนที่ไอ้เด็กนี่เกิดมาผมน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากซะ!” ตอนนี้เจียงเฉิงโกรธจนแทบบ้า ประธานจางแอบยิ้มในใจ และปลอบเขาต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้น ต
กู้ชิงหลินจ้องไปยังหลี่โม่ที่สวมหน้ากากทันทีด้วยใบหน้าดุร้าย และตะโกนด้วยเสียงเย็นชาว่า "กล้าดียังไงมาต่อยนายน้อยเจียง รู้ไหมว่าพ่อของนายน้อยเจียงเป็นใคร? เขาเป็นถึงคนใหญ่คนโตและมีชื่อเสียงในเมืองฮั่นเชียวนะ ขยะอย่างแกจบเห่แน่!" “จะเสียเวลาพูดไปทำไม เดี๋ยวก็จับไอ้ขยะนีได้แล้ว แค่นายน้อยเจียงเอ่ยปาก ก็ทำให้ไอ้ขยะนี่ไปนอนเล่นในคุกได้แล้ว” เพื่อนสนิทของกู้ชิงหลินก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “ให้ตายเถอะ! อวดดีนักนะแก รอก่อนเถอะ ฉันจะโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้แหละ แกได้ชดใช้แน่!” เจียงหยางที่เสียหน้า ก็กัดฟันกรอดจ้องไปที่หลี่โม่ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเจียงเฉิงพ่อของเขา ในตอนนี้ เจียงหยางดูไม่ต่างกับเด็กน้อยที่ถูกเพื่อนรังแก ความคิดอย่างแรกเลยคือ การโทรฟ้องพ่อแม่ แล้วให้พ่อแม่แก้แค้นแทนตัวเอง เมื่อเห็นเจียงหยางโทรออก ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เงียบกริบ ในเวลาเดียวกันก็จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่สวมหน้ากากอย่างเย็นชา ไอ้ขยะนี้ จบสิ้นแล้ว! กล้ายั่วยุนายน้อยตระกูลเจียง รนหาที่ตาย! อย่างไรก็ตาม เจียงหยางไม่ใช่คนธรรมดา พ่อของเขาเจียงเฉิงเป็นถึงประธานเจียงซานกรุ๊ป เจียงซานกรุ๊ปถือเป็นกล
เจียงหยางที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและจับเป้าของเขา เจ็บจนเหงื่อเย็นที่หลังได้ซึมซับเข้าที่เสื้อผ้า ลูกเตะเมื่อสักครู่นั้น เจียงเฉิงได้เตะออกไปสุดแรง เกรงว่าวันนี้คนผมขาวจะเป็นคนส่งคนผมดำไปก่อน เพราะไม่สามารถล่วงเกินนายน้อยแห่งแดนมังกรได้ กู้ชิงหลินและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลี่โม่ที่สวมหน้ากากอยู่ด้วยความประหลาดใจ มองไปที่เสื้อผ้าธรรมดาของอีกฝ่าย และมองไปที่หน้ากากสีขาวบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย ต่างก็รู้สึกว่าชายผู้นี้ลึกลับมาก ข่าวลือว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในตำนาน กลับสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเรียบง่าย แล้วยังสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า นี่มันเพื่ออะไรกัน? ในความคิดของทุกคนต่างเกิดคำถามเดียวกัน และต่างคิดไม่ออกว่า มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดนี้ตั้งใจจะทำอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเจียงหยางเจ็บปวดอย่างนี้ ในใจของทุกคนในที่นี้ต่างรู้สึกหนาวสั่น และรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเย็นลง คราวนี้ไม่เพียงแต่ล่วงเกินมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในตำนานเท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่นที่มีอำนาจมากที่สุดขุ่นเคืองไปด้วย ใบหน้าของประธานหวงและลูกหลานคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าดูไม่ได้ อย่างกับพ่อเสียอย่าง
เจียงหยางที่จมอยู่ในความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ พลันรู้สึกไม่ดีไปทั่วร่าง เขารู้สึกว่านี่เป็นคำสั่งเอาชีวิตเขาชัด ๆ ! "พ่อ!" เจียงหยางตะโกนด้วยความเศร้าโศก และมองไปที่ผู้เป็นพ่ออย่างอ้อนวอน ดวงตาของเจียงเฉิงกลายเป็นสีแดงไปแล้ว ในหัวเอาแต่คิดในสิ่งที่หลี่โม่พูดว่า รู้แต่เลี้ยงลูกแต่ไม่รู้จักอบรม นี่เห็นได้ชัดว่านายน้อยไม่พอใจตน และไม่พอใจการอบรมสั่งสอนของตนด้วย! “ไอ้ลูกไม่รักดี! อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ทำให้ฉันกังวลอยู่เรื่อย จะสอนแกยังไงแกก็ไม่ปรับปรุงตัว วันนี้ล่วงเกินนายน้อย แกถือเป็นคนบาปตระกูลเจียงของฉัน จากนี้ไปฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับแก แกไม่ใช่คนของตระกูลเจียงอีกต่อไปแล้ว!” เจียงเฉิงพูดอย่างโมโหจัด สีหน้าของเขาแดงก่ำ “นอกจากนี้ กองทุน หุ้น บ้าน และรถยนต์ทั้งหมดภายใต้ชื่อของแก ฉันจะยึดให้หมด! แทนที่จะเป็นมอดตอมข้าวแบบนี้ แกไปเข้าสังคมเรียนรู้วิธีประพฤติตัว เรียนรู้วิธีการเป็นจริงจังซะ!" หัวใจของเจียงหยางแตกสลายในทันที ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกก็โหดร้ายพอแล้ว แต่นี่ยังยึดเงิน บ้านและรถไปอีก แล้วในอนาคตเขาจะเอา
แก้มของกู้ชิงหลินพลันแดงขึ้น เธอจ้องไปที่เจียงหยางและตะโกนว่า “เจียงหยาง นี่คุณกล้าตบฉันเหรอ?” ตอนนี้เจียงหยางแทบจะบ้าไปแล้ว และดุว่า “ฉันจะตบเธอ! เพราะเธอเป็นคนปลุกปั่น” พูดไป ดวงตาของกู้ชิงหลินก็หลั่งน้ำตาออกมา นั่นเรียกว่าเป็นคนงดงามอ่อนหวาน หลี่โม่เฝ้าดูการแสดงของกู้ชิงหลินอย่างเงียบ ๆ และในใจเขาปรากฏคำนี้ขึ้นมา สวยแต่รูป จูบไม่หอม ทักษะฝีมือของกู้ชิงหลินนั้นเหมาะกับประโยคนั้นจริง ๆ แม้ว่าเธอจะสวยราวกับดอกไม้ แต่หัวใจของเธอเหมือนพิษ เมื่อเห็นหลี่โม่ที่สวมหน้ากากไม่ได้แสดงอาการอะไร ในใจกู้ชิงหลินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ในใจคิดว่า ตนได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่ไป และทักษะการแสดงของเธอก็สามารถชนะรางวัลออสการ์ได้ แต่ทำไมถึงยังไม่สามารถทำให้มหาเศรษฐีคนนี้ใจเต้นได้เสียที หากนี้เปลี่ยนเป็นคนรวยคนอื่น เกรงว่า 90% จะรีบพุ่งเข้าไปปลอบกู้ชิงหลินแล้ว จากนั้นกู้ชิงหลินก็จะเสแสร้งแกล้งทำ ก็สามารถทำให้คนรวยครึ่งหนึ่งพาเธอขึ้นเตียงได้แล้ว น่าเสียดายที่ไม่เป็นไปตามแผนที่กู้ชิงหลินคิดไว้ ในใจกู้ชิงหลินเต็มไปด้วยความผิดหวัง และแม้แต่กู้ชิงหลินก็สงสัยว่า เธอยังสวยไม่พออย่างนั้นเหรอ? อย่างไรก็ต
“ยังพูดถึงลูกชายของคุณอีก คุณเพิ่งพูดว่าไล่เจียงหยางออกจากบ้านแล้วไม่ให้เหรอ เมื่อกี้พูดยังไง ตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น อย่าพูดอย่างทำอย่าง ไม่อย่างนั้น… อะแฮ่ม ผมคิดว่านายน้อยแห่งแดนมังกรผู้นี้โหดเหี้ยมใช้ได้เลยนะ” ประธานจางยิ้มอย่างเย็นชา เจียงเฉิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เหลือบมองไปที่เจียงหยางซึ่งนอนสลบอยู่บนพื้น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความหาครอบครัวของเขาเพื่อขอให้จัดการกับการไล่เจียงหยาง ไม่เพียงแต่จะไล่เจียงหยางออกจากตระกูลเจียงเท่านั้น แต่จะส่งเจียงหยางไปยังสถานที่ห่างไกลอีกด้วย จะให้เจียงหยางมาขวางตานายน้อยไม่ได้ ในบิลเลียนท์ฮอลล์ ประธานหวงวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหลี่โม่ และช่วยหลี่โม่ลากเก้าอี้ที่นั่งหลักอย่างหน้าระรื่น “นายน้อย เชิญนั่งครับ” ใบหน้าประธานหวงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีอัธยาศัยดี "อืม ขอบคุณครับ" หลี่โม่นั่งลงพร้อมกล่าว ในใจประธานหวงเต็มไปด้วยความสุขเปี่ยมล้น “นายน้อยเชิญพักผ่อนสักครู่ เหล่าจาง พวกคุณดูแลนายน้อยดี ๆ” ประธานหวงขยิบตาให้ประธานจาง จากนั้นเขาก็จัดเสื้อผ้าเรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องโถง เหล่าคนดัง และเศรษฐีที่อยู่นอกห้องโถงต่างล
“ขออภัยครับนายน้อย” หวงฝูชิ่งกล่าวเสียงดัง บรรดาเซเลปเศรษฐีต่างรีบก้มหัวโค้งคำนับ และพูดพร้อมเพรียงกันว่า “เราผิดไปแล้ว และเราขออภัยอย่างจริงใจต่อนายน้อย” หลี่โม่นั่งที่นั่งหลัก มองดูกลุ่มคนโค้งคำนับและขอโทษอย่างสุภาพ ทำให้เขารู้สึกเดจาวู ภาพตรงหน้าราวกับเหล่าข้าราชบริพารถวายความเคารพเข้าเฝ้าราชวงศ์ “เอาเถอะ หยุดเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้แล้ว เรามาเริ่มงานเลี้ยงอาหารค่ำกันเถอะ” หลี่โม่พูดอย่างใจกว้าง “ขอบคุณนายน้อย” หลังจากที่บรรดาเซเลปลูกเศรษฐีพูดขอบคุณ ในใจพวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยกับมหาเศรษฐีหนุ่มลึกลับที่สวมหน้ากาก ความรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยหลังจากทำผิดพลาด หวงฝูชิ่งโบกมือ และบรรดาเซเลปเศรษฐีก็กระจัดกระจายไปรอบ ๆ มองหาที่นั่งและนั่งลง วงดนตรีก้าวขึ้นไปบนเวที เสียงเพลงไพเราะถูกบรรเลง บริกรเดินเข้ามา ในมือนำอาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ งานเลี้ยงอาหารค่ำก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ หัวหน้าเชฟของภัตตาคารอาคารไห่เยี่ยนสวมเครื่องแบบพิเศษที่เขาไม่ได้สวมใส่มาเป็นเวลานาน ได้นำกลุ่มศิษย์ฝึกหัดแล้วเดินไปที่โต๊ะของหลี่โม่พร้อมกับปีกนกนางแอ่นที่ปรุงสดใหม่