ต่างคนต่างมองตากัน พร้อมกับกุมท้องหัวเราะเยาะ “กู้ชิงหลิน สมองเธอไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?” “เธอรู้ไหมว่า หวู่เต้าเหวินเป็นใคร? คนทึ่มอย่างเขาน่ะเหรอ จะรู้จักกับหวู่เต้าเหวิน?” “ถ้าเขารู้จักหวู่เต้าเหวินจริง ๆ ฉันจะคุกเข่าลงและเรียกเขาว่าปู่เลยล่ะ” เด็กหนุ่มที่แต่งตัวมีสไตล์ทันสมัยหลายคนเย้ยหยันและเยาะเย้ย หวู่เต้าเหวินเชียวนะ คนเหล่านี้ที่พวกเขาพัวพันในแต่ละวัน ต่างก็รู้จักยศศักดิ์ของหวู่เต้าเหวินเป็นอย่างดีว่า เขาเป็นหนึ่งในสี่ราชามาเฟียของเมืองฮั่น! มีสถานที่เป็นร้อยแห่งและลูกน้องเป็นร้อยคนอยู่ภายใต้อำนาจเขา! หวู่เต้าเหวินจะเคารพคนต่ำต้อยอย่างนี้เหรอ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่เรื่องตลกระดับประเทศ! กู้ชิงหลินแสร้งทำเป็นกังวลและตะโกนว่า “หลี่โม่ นายบอกพวกเขาไปสิว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าน่ะ ไม่สิ นายโทรหาหวู่เต้าเหวินเดี๋ยวนี้เลย บอกให้เขามาที่นี่เลยสิ!” อย่างไรก็ตาม หลี่โม่ส่ายหัวและพูดว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ได้รู้จักกับหวู่เต้าเหวินอะไรนั่น” "ฮ่าฮ่าฮ่า!" ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น กู้ชิงหลินก็หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้า และตบหน้าหลี่โม่เบา ๆ
ลุกลี้ลุกลนแล้ว! หวังฟางกำลังตื่นตระหนกอย่างมาก รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและถ่ายรูปอย่างสั่นเทา เธอต้องการเก็บหลักฐานไว้และกลับไปถามหลี่โม่ให้ชัดเจน แน่นอนว่าในใจหวังฟางตอนนี้สับสนมากเกี่ยวกับตัวตนของหลี่โม่ ทำไมคนไร้ค่าคนนี้ถึงได้นั่งรถคันเดียวกับคนที่รวยที่สุดในเขตฉู่โจว หวังฟางคิดไม่ออก จากนั้นก็รีบหันหลังและกลับไป เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็บอกกู้เจี้ยนหมินเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เหล่ากู้ คุณดูนี่เร็ว นี้ใช่หลี่โม่ไหม?” กู้เจี้ยนหมินกำลังเล่นกับนก เขาวางกรงนกลง หยิบแว่นสายตาแล้วมองดู และพูดว่า “คุณถ่ายรูปเขาทำไม? ตอนนี้คุณยังตามสืบหลี่โม่อยู่เหรอ?” กู้เจี้ยนหมินรู้สึกประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา ถึงกับใช้วิธีผิด ๆ แบบนี้ตามสืบคนอื่น? หวังฟางถลึงตาใส่เขา ตบแขนเขาแล้วพูดว่า “คุณดูให้ดี ๆ ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเขาคือใคร!” กู้เจี้ยนหมินรู้สึกสงสัย มองเข้าไปใกล้ ๆ อย่างละเอียดและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่... นี่เฉียนฝู?” หวังฟางพยักหน้า นั่งบนโซฟาแล้วกอดอกด้วยท่าทางครุ่นคิดและไม่พอใจ แล้วกล่าวว่า “หลี่โม่ เจ้าเด็กคนนี้ ต้องมีบางอย่างปิดบังเราแน่ ๆ เห
แน่นอนว่าไม่เชื่อ! หวังฟางไม่เชื่อเต็มร้อย เธอรู้ดีว่าลูกเขยของเธอนั้นช่างไร้ประโยชน์ อย่างที่เขาพูด แล้วทำไมเธอต้องมาอดทนกับความเฉยเมยและความอัปยศอดสูจากเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย? หลี่โม่ก็รู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงจงใจพูดเช่นนี้ บางครั้งก็ไม่มีใครเชื่อความจริง หวังฟางหยุดพูด และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งว่า “พอแล้ว ฉันรู้แล้ว แกไปโรงพยาบาลเถอะ จริงสิ วันมะรืนนี้เป็นวันเกิดพ่อแก เมื่อถึงตอนนั้น แกก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่บ้านคนเดียวเถอะ” หวังฟางไม่อยากให้ลูกเขยไร้ประโยชน์นี้ทำให้เสียหน้าในวันเกิดของกู้เจี้ยนหมิน อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ไปร่วมงานล้วนเป็นเพื่อนของตระกูลกู้ และยังมีเพื่อนของหวังฟางอีกด้วย หลี่โม่หัวเราะขึ้นมาเหอะ ๆ พยักหน้าและกล่าวว่า “ผมทราบแล้วครับ” พูดจบเขาก็หันหลังจากไป เขายืนสูบบุหรี่หนึ่งม้วนอยู่ตรงหน้าประตู และเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ข้างหน้าเขา ก็มีสาวเจ้าของบ้านข้าง ๆ ขับรถเก๋งคันเล็กกลับมาพร้อมกับลูกสาวสองคนและสามีด้วยความรัก หลี่โม่รู้สึกชื่นชมภาพที่เห็น แล้วเขาก็คิดได้ว่า เขาควรซื้อรถให้กู้หยุนหลาน
หลี่โม่ส่ายหัว เหลือบมองรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในโชว์รูมแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ พวกเขาไม่ต้อนรับพวกเรา” “ไม่ต้อนรับ?” ฉินรั่วรั่วพูดด้วยความประหลาดใจ เมื่อพิจารณาจากทัศนคติที่เอาแต่ใจของพนักงานสาวแล้ว ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “สวัสดีค่ะ ฉันนัดมาดูรถวันนี้ ช่วยติดต่อผู้จัดการของพวกคุณให้ทีค่ะ” ฉินรั่วรั่วพูดอย่างไม่พอใจ และพยายามระงับอารมณ์ของเขา “นัดอะไรเหรอ? วันนี้ไม่มีนัดเลย รีบเดินออกไปเถอะ ทั้งสองเล่นละครได้ดีนะคะ และไหนจะคุณชายหลี่ พวกคุณทึ่มหรือเปล่า?” หวังม่านม่านด่าอย่างจริตสตรี เป็นเพราะวันนี้ เธอถูกลูกค้ารายใหญ่เท ตกลงกันว่าจะซื้อรถหลังจากหลับนอนด้วยกันหนึ่งคืน แต่กลับกลายเป็นว่า หลังจากที่หวังม่านม่านได้หลับนอนกับลูกค้าคนนั้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้ว! “คุณ!” ฉินรั่วรั่วใจร้อน หลี่โม่คว้าแขนของเธอแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เราไปโชว์รูมข้าง ๆ ดีกว่า” ฉินรั่วรั่วกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ทั้งสองหันหลังและเตรียมจะจากไป แต่หวังม่านม่านยังคงไม่ปล่อยพวกเขาไป และพูดอย่างประชดประชันว่า “ฮิฮิ มาซื้อรถแต่ไม่มีเงิน ช่างขี้แพ้จริง ๆ ” “นั่นสิ แค่เดินเข้ามาจากหน้าปร
“ได้ งั้นผมจะรอคุณสิบห้านาที ผมอยากจะดูว่าเจ้านายของเราจะมาไหม” ผู้จัดการซ่งพูดอย่างหัวเราะเยาะ ไม่นาน ผ่านไปกว่าสิบนาที ผู้จัดการซ่งเหลือบมองนาฬิกาของเขา พร้อมกับเย้ยหยันที่มุมปากของเขาและพูดว่า "สิบสองนาทีผ่านไปแล้ว เจ้านายของเราอยู่ไหนนะ?" หลี่โม่ไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาดูเฉยเมย “รปภ. ไล่สองคนนนี้ออกไปซะ!” ผู้จัดการซ่งขี้เกียจที่จะรอแล้ว เขาจึงเรียกรปภ.มา รปภ. หลายคนเดินเข้ามาหาหลี่โม่ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ทันใดนั้น! ก็มีเสียงคร่ำครวญที่ประตู! "หยุดนะ!" ทุกคนต่างหันไปมองทางเสียง มองเห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทารีบวิ่งเข้ามาจากหน้าประตู “เจ้านาย คุณมาทำอะไรครับ?” ผู้จัดการซ่งวิ่งเข้าไปประจบสอพลอทันที ผู้ที่มาเยือนก็คือ เจ้าของโชว์รูมแห่งนี้ เฉินเจิ้งผิง เขามีทรัพย์สินมูลค่ากว่าสองพันล้านบาท ซึ่งเปิดโชว์รูมระดับโฟร์เอสสามแห่ง แต่ว่า เฉิงเจิ้งผิงไม่ได้มองดูใบหน้ายินดีของผู้จัดการซ่งที่เดินเข้ามาเลย เขาผลักผู้จัดการออกไป แล้ววิ่งตรงเข้าไปหาหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ และถามว่า “คุณคือหลี่โม่ คุณชายหลี่ใช่ไหมครับ?” หลี่โม่พยักหน้า "สวัสดีครับ ยินดีต้อน
ทางด้านนี้ หลังจากที่หลี่โม่ออกจากโชว์รูมรถ ก็ตรงกลับไปที่โรงพยาบาล ทันใดนั้น เสียงมืดมนของผู้ชายก็ดังมาจากด้านหน้าหลี่โม่ “นี่ นายชื่อหลี่โม่หรือเปล่า?” ชายร่างใหญ่สี่ห้าคนที่มีรอยสัก สวมเสื้อกล้ามเดินเข้ามาหาเขา แต่ละคนสูบบุหรี่ ดูหยาบคายและอวดดีสุด ๆ หลี่โม่กำลังสูบบุหรี่พอดี มองไปที่ชายสี่ห้าคนที่กำลังเดินมา พยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเอง มีอะไร?” ชายผู้เป็นหัวหน้าสวมเสื้อกล้ามสีเขียวขว้างบุหรี่ครึ่งหนึ่งลงบนพื้น ใช้เท้าขยี้สองสามครั้ง แล้วพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “นายนี่โชคดีนะ มีคนซื้อขาสองข้างของนาย ที่นี่คือโรงพยาบาลพอดีเลย หลังจากทำให่นายพิการแล้ว นายจะได้เข้าไปเลยไง”คนพูดชื่อจ้าวหู่ ผู้คนต่างเรียกเขาว่าพี่หู่ เขาค่อนข้างมีอิทธิพลและมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง มีคนรู้จักและเพื่อนฝูงมากมาย หนทางของการเป็นลูกผู้ชายนั้นรุนแรง เขาไม่ทำงานเล็ก หลี่โม่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้นแล้วทำท่าทางป้องกัน และถามว่า “ใครกันที่อยากจะกำจัดฉัน?” จากนั้นจ้าวหู่ก็ยิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า “อย่าถามเลยว่าใคร นายไปยั่วยุใครที่ไม่ควรยั่วยุล่ะ ก็ควรได้รับบทเรียน!” พูดจบเขาก็หยิบกริชยาวที่ซ่อนอยู
เพื่อนสนิทหลายคนของกู้ชิงหลินมองหลี่โม่อย่างดูถูกเหยียดหยาม “จ้าวหลง? โอ้โห! ถ้าอย่างนั้นหลี่โม่ขี้แพ้นี่ก็ซวยแล้ว! ชื่อเสียงของสองพี่น้องนี่ร้ายกาจมากนะ!” กู้ชิงหลินก็ขมวดคิ้ว แล้วแอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปหลี่โม่ทันที ในขณะนี้หลี่โม่สะบัดมือด้วยใบหน้าที่เย็นชา นายน้อยแดนมังกรจะไร้ความสามารถได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะมีคนเหล่านี้อีกหลายร้อยคน ก็ไม่สามารถเข้าใกล้หลี่โม่ได้ในระยะหนึ่งเมตร! เดิมทีหลี่โม่ไม่ต้องการเปิดเผยทักษะของเขา แต่ตอนนี้เขาอยากระบายความโกรธ! กระจอกอย่างนี้ยังจะกล้ามาตัดขาเขาอีกเหรอ? หลี่โม่ไม่พูดมาก จากนั้นก็รีบวิ่งพุ่งเข้าไปหาจ้าวหู่ ยกเท้าใหญ่ขึ้น และกระทืบหน้าท้องส่วนล่างของจ้าวหู่อย่างดุเดือด จากนั้นยกกำปั้นขึ้นเสยคางของจ้าวหู่! ผลัวะ! ฟันบินกระเด็นออกมา และจ้าวหู่ก็พ่นเลือดออกมา “ไอ้เด็กเวรนี่! แกกล้าอัดฉัน แกมันรนหาที่ตายแล้ว!” ในขณะนี้ จ้าวหู่มองหลี่โม่ด้วยความหวาดหวั่นและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “พี่ชายของฉันคือจ้าวหลง เป็นผู้จัดการการ์ดของคลับมูนเบย์! แล้วก็เป็นผู้จัดการการ์ดมากกว่าสิบแห่งในถนนสายนี้!" ผลัวะ! หลี่โม่ตรงขึ้นไปเตะอีกค
จ้าวหลงจ้องตาเขม็ง อีกฝ่ายไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!สมควรตาย!เจ้าโง่นี่ดูถูกตัวเองอย่างนั้นหรือ?จ้าวหลงรู้สึกโกรธ เขาชี้ไปที่หลี่โม่ด้วยความโมโหแล้วพูดว่า “เจ้าหนู วันนี้แกอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน ทั้งหมดนี่แกเป็นคนแส่หาเรื่องเอง ทุกคนลุย อัดไอ้หมอนี่ให้มันพิการไปซะ!”ขณะนี้ พวกอันธพาลที่จ้าวหลงพามาสิบกว่าคน เดินแสยะยิ้มเข้าไปหาหลี่โม่คนคนเดียว จะสู้กับพวกเขาสิบกว่าคนได้เหรอ?ช่างไม่เจียมตัวเสียเลย !ในฝูงชน มีคนไม่น้อยส่ายหัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้จบเห่ เจ้าหมอนี่จบเห่แน่ ๆเขาคือจ้าวหลง ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม หากใครไปแหย่เขา ก็เหมือนไปแหย่หมาบ้า และจะถูกเขาจับตามองอยู่ตลอดเวลาอย่างไรก็ตาม หลี่โม่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเฉยเมย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเงียบ ๆ ต่อสายไปที่หมายเลขหนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชา “ชูจงเทียน ผมอยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง และถูกคนที่ชื่อจ้าวหลงขวางทางไว้”ในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำ ก็กำลังรีบวิ่งลงมาจากรถแลนด์โรเวอร์ ที่จอดอยู่ตรงปากทาง และพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “คุณหลี่ ผมกำล