ฉวีเทียนไห่นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น หัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วก็ร้องไห้อย่างหนักไม่คิดเลยว่า ฉวีเทียนไห่จะแพ้หลี่โม่จนได้!แม้เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลี่โม่ทำอะไรลงไปแค่โทรศัพท์ไปครั้งเดียว!ก็เกิดเรื่องน่าหวาดหวั่นขึ้น!หลี่โม่น่ากลัวเกินไปแล้ว!‘แต่ฉันก็ไม่ยอมหรอก!’‘ฉวีเทียนไห่ไม่มีวันยอม!’เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที กดหมายเลขอย่างสั่นเทา “ลุงครับ ช่วยผมกับครอบครัวด้วยครับ ลุง…”…… ด้านของหลี่โม่ หลังจากที่เขาออกจากบ้านของฉวีเทียนไห่ เขาก็ขึ้นรถของชูจงเทียน และไปหาเฉียนฝูก่อน“เหล่าเฉียน ดึกแล้วให้ผมมาหาทำไมล่ะ?” หลี่โม่นั่งบนโซฟานุ่ม ๆ พร้อมจิบไวน์แดงเฉียนฝูยืนอยู่ต่อหน้าหลี่โม่ด้วยความเคารพ พร้อมคำนับ แล้วพูดว่า “นายน้อย ผมขอโทษ มันเป็นความประมาทของผมเอง ที่ทำให้นายน้อยถูกใส่ร้ายแบบนี้”หลี่โม่พูดอย่างใจเย็น “เหล่าเฉียน อย่ามาทำนี้กับผมเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย เอาล่ะ ว่ามาสิ มีเรื่องอะไรถึงอยากเจอผม?”เฉียนฝูคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบด้วยความเคารพ “นายน้อยครับ ราชินีมังกรกำลังเดินทางมาที่เมืองฮั่นในอีกไม่กี่วันครับ”อึ้ง!จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลง
แกร๊ก ประตูเปิดออก และหลี่โม่ยืนอยู่ข้างนอกประตู ใบหน้าของหวังฟางแข็งทื่อแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “แกโดนจับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่แกออกมาได้ยังไง?” หลี่โม่พูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า "แม่ ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พวกเขาปล่อยผมออกมาเอง" ในเวลาเดียวกัน กู้หยุนหลานได้ยินเสียงของหลี่โม่ก็รีบวิ่งเข้าไปแล้วกอดหลี่โม่ และร้องห่มร้องไห้ หลี่โม่พูดปลอบใจสองสามคำว่า “ไม่ต้องร้อง ๆ ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมออกมาแล้วเห็นไหม” ทั้งครอบครัวนั่งด้วยกันในห้องนั่งเล่น หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินนั่งอยู่บนโซฟาแล้วจ้องไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่โกรธจัดและสงสัยมาก และข้างหลี่โม่มีชายชราคนหนึ่งชื่อเฉียนฝู หวังฟางจ้องมองไปที่เฉียนฝูอย่างไม่ละสายตา และพูดด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “หลี่โม่ ตาลุงคนนี้เป็นใคร ทำไมแกถึงพาคนไม่รู้จักเข้ามาในบ้านของฉันอย่างไม่เกรงใจแบบนี้?" หวังฟางไม่ชอบการแต่งตัวของชายชรามาก อายุขนาดนี้แล้วยังสวมชุดสูทอยู่ แถมยังถือหมวกสีดำที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนและเขายังยิ้มแห้ง ๆ อีก แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเฒ่าหัวงู หลี่โม่คบกับคนแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถูกจับ หลี่โม่อธิบายอย่างใจเย็น “แม่ครับ เขาคือ...
แม้แต่กู้เจี้ยนหมินอยากจะพูดแทรกไม่กี่ประโยค ก็ถูกเธอขัดจังหวะไปหมด “นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปตรงนั้นแหละ” หวังฟางรีบบอกกู้เจี้ยนหมิน จากนั้นหันหน้ากลับมา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย และจ้องมองที่เฉียนฝูราวกับสมบัติของชาติ กู้หยุนหลานทำอะไรไม่ถูกเมื่อแม่ของเธอเป็นแบบนี้ ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ก่อนหน้านี้เกลียดคนอื่นจนอยากจะไล่ออกไป แต่ตอนนี้กลับจ้องเขาไม่หยุด “แม่คะ ประธานเฉียนมีเรื่องมากมายที่ต้องทำในทุก ๆ วันนะคะ” กู้หยุนหลานพูด หวังฟางมองตรงไปที่กู้หยุนหลานและพูดว่า "แกจะไปเข้าใจอะไร อย่ามาพูดไร้สาระ" หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยิ้มอีกครั้งแล้วจ้องตรงไปที่หลี่โม่และพูดว่า "ลุกขึ้น ไปนั่งตรงนั้นไป" หลี่โม่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุกขึ้น หวังฟางทิ้งก้นนั่งลงถัดจากเฉียนฝูด้วยท่าทางที่ประจบสอพลอและพูดว่า "ท่านเฉียน ท่านรู้จักหลี่โม่บ้านเราได้อย่างไรคะ?" ตอนนี้กลับพูดถึงหลี่โม่เกือบทุกประโยค หลี่โม่อย่างนั้น หลี่โม่อย่างนี้ ช่างไร้ยางอายจริง ๆ แม้ว่าหวังฟางอยากจะเลียแข้งเฉียนฝู แต่เธอก็รู้ดีในใจ หลี่โม่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ได้รู้จักผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ร่ำรวยเช่นนี้ นั่นเป็นเร
ยื่นมือออกไปเพื่อเงิน นั่นคือหวังฟางเอง ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอาย หลี่โม่เป็นใบ้ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี และสายตามองไปที่กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานเดินเข้ามาและพูดอย่างเย็นชาว่า "แม่คะ นี่แม่ทำอะไร? ถึงหลี่โม่จะรับเงินมาแล้ว แต่ก็ให้แม่ไม่ได้นะคะ นี่เป็นค่ารักษาของซีซี" กู้หยุนหลานรู้จักนิสัยของหลี่โม่ เป็นเพราะเขาต้องรับมือกับหวังฟางจึงพูดออกมาว่าสองล้าน แต่เขาคิดไม่ถึงว่า แม่ของเธอจะขอเงินตรง ๆ แบบนี้ ทันทีที่หวังฟางได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าก็หมองลงทันที และก็ลุกขึ้นโวยวายว่า “แม่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้ซีซีรักษา เงินนี้แค่ฝากกับแม่ก่อน ถ้าพวกแกจะใช้เงินก็ค่อยบอกฉันก็ได้ไม่ใช่หรือไง?" กู้หยุนหลานโกรธจัด ไม่ว่าอย่างไรเงินก้อนนี้ก็ฝากไว้กับแม่ไม่ได้ ในใจหวังฟาง ไม่มีเคยมีซีซีเลย ถ้าหากเงินก้อนตกอยู่ในมือของเธอแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เงินคืน เมื่อเห็นกู้หยุนหลานไม่ยอม หวังฟางก็หันไปมองหลี่โม่และถามอย่างโกรธเคืองว่า “หลี่โม่ แม่ขอถามหน่อย แกจะยอมให้แม่เก็บเงินก้อนนี้ไว้ไหม?" นี่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นการบังคับคนเที่ยงตรงให้ทำความชั่ว หลี่โม่เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จากนั้นก็
ต่างคนต่างมองตากัน พร้อมกับกุมท้องหัวเราะเยาะ “กู้ชิงหลิน สมองเธอไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?” “เธอรู้ไหมว่า หวู่เต้าเหวินเป็นใคร? คนทึ่มอย่างเขาน่ะเหรอ จะรู้จักกับหวู่เต้าเหวิน?” “ถ้าเขารู้จักหวู่เต้าเหวินจริง ๆ ฉันจะคุกเข่าลงและเรียกเขาว่าปู่เลยล่ะ” เด็กหนุ่มที่แต่งตัวมีสไตล์ทันสมัยหลายคนเย้ยหยันและเยาะเย้ย หวู่เต้าเหวินเชียวนะ คนเหล่านี้ที่พวกเขาพัวพันในแต่ละวัน ต่างก็รู้จักยศศักดิ์ของหวู่เต้าเหวินเป็นอย่างดีว่า เขาเป็นหนึ่งในสี่ราชามาเฟียของเมืองฮั่น! มีสถานที่เป็นร้อยแห่งและลูกน้องเป็นร้อยคนอยู่ภายใต้อำนาจเขา! หวู่เต้าเหวินจะเคารพคนต่ำต้อยอย่างนี้เหรอ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่เรื่องตลกระดับประเทศ! กู้ชิงหลินแสร้งทำเป็นกังวลและตะโกนว่า “หลี่โม่ นายบอกพวกเขาไปสิว่า นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าน่ะ ไม่สิ นายโทรหาหวู่เต้าเหวินเดี๋ยวนี้เลย บอกให้เขามาที่นี่เลยสิ!” อย่างไรก็ตาม หลี่โม่ส่ายหัวและพูดว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ได้รู้จักกับหวู่เต้าเหวินอะไรนั่น” "ฮ่าฮ่าฮ่า!" ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น กู้ชิงหลินก็หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้า และตบหน้าหลี่โม่เบา ๆ
ลุกลี้ลุกลนแล้ว! หวังฟางกำลังตื่นตระหนกอย่างมาก รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและถ่ายรูปอย่างสั่นเทา เธอต้องการเก็บหลักฐานไว้และกลับไปถามหลี่โม่ให้ชัดเจน แน่นอนว่าในใจหวังฟางตอนนี้สับสนมากเกี่ยวกับตัวตนของหลี่โม่ ทำไมคนไร้ค่าคนนี้ถึงได้นั่งรถคันเดียวกับคนที่รวยที่สุดในเขตฉู่โจว หวังฟางคิดไม่ออก จากนั้นก็รีบหันหลังและกลับไป เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็บอกกู้เจี้ยนหมินเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เหล่ากู้ คุณดูนี่เร็ว นี้ใช่หลี่โม่ไหม?” กู้เจี้ยนหมินกำลังเล่นกับนก เขาวางกรงนกลง หยิบแว่นสายตาแล้วมองดู และพูดว่า “คุณถ่ายรูปเขาทำไม? ตอนนี้คุณยังตามสืบหลี่โม่อยู่เหรอ?” กู้เจี้ยนหมินรู้สึกประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา ถึงกับใช้วิธีผิด ๆ แบบนี้ตามสืบคนอื่น? หวังฟางถลึงตาใส่เขา ตบแขนเขาแล้วพูดว่า “คุณดูให้ดี ๆ ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเขาคือใคร!” กู้เจี้ยนหมินรู้สึกสงสัย มองเข้าไปใกล้ ๆ อย่างละเอียดและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่... นี่เฉียนฝู?” หวังฟางพยักหน้า นั่งบนโซฟาแล้วกอดอกด้วยท่าทางครุ่นคิดและไม่พอใจ แล้วกล่าวว่า “หลี่โม่ เจ้าเด็กคนนี้ ต้องมีบางอย่างปิดบังเราแน่ ๆ เห
แน่นอนว่าไม่เชื่อ! หวังฟางไม่เชื่อเต็มร้อย เธอรู้ดีว่าลูกเขยของเธอนั้นช่างไร้ประโยชน์ อย่างที่เขาพูด แล้วทำไมเธอต้องมาอดทนกับความเฉยเมยและความอัปยศอดสูจากเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย? หลี่โม่ก็รู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงจงใจพูดเช่นนี้ บางครั้งก็ไม่มีใครเชื่อความจริง หวังฟางหยุดพูด และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งว่า “พอแล้ว ฉันรู้แล้ว แกไปโรงพยาบาลเถอะ จริงสิ วันมะรืนนี้เป็นวันเกิดพ่อแก เมื่อถึงตอนนั้น แกก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่บ้านคนเดียวเถอะ” หวังฟางไม่อยากให้ลูกเขยไร้ประโยชน์นี้ทำให้เสียหน้าในวันเกิดของกู้เจี้ยนหมิน อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ไปร่วมงานล้วนเป็นเพื่อนของตระกูลกู้ และยังมีเพื่อนของหวังฟางอีกด้วย หลี่โม่หัวเราะขึ้นมาเหอะ ๆ พยักหน้าและกล่าวว่า “ผมทราบแล้วครับ” พูดจบเขาก็หันหลังจากไป เขายืนสูบบุหรี่หนึ่งม้วนอยู่ตรงหน้าประตู และเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ข้างหน้าเขา ก็มีสาวเจ้าของบ้านข้าง ๆ ขับรถเก๋งคันเล็กกลับมาพร้อมกับลูกสาวสองคนและสามีด้วยความรัก หลี่โม่รู้สึกชื่นชมภาพที่เห็น แล้วเขาก็คิดได้ว่า เขาควรซื้อรถให้กู้หยุนหลาน
หลี่โม่ส่ายหัว เหลือบมองรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในโชว์รูมแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ พวกเขาไม่ต้อนรับพวกเรา” “ไม่ต้อนรับ?” ฉินรั่วรั่วพูดด้วยความประหลาดใจ เมื่อพิจารณาจากทัศนคติที่เอาแต่ใจของพนักงานสาวแล้ว ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “สวัสดีค่ะ ฉันนัดมาดูรถวันนี้ ช่วยติดต่อผู้จัดการของพวกคุณให้ทีค่ะ” ฉินรั่วรั่วพูดอย่างไม่พอใจ และพยายามระงับอารมณ์ของเขา “นัดอะไรเหรอ? วันนี้ไม่มีนัดเลย รีบเดินออกไปเถอะ ทั้งสองเล่นละครได้ดีนะคะ และไหนจะคุณชายหลี่ พวกคุณทึ่มหรือเปล่า?” หวังม่านม่านด่าอย่างจริตสตรี เป็นเพราะวันนี้ เธอถูกลูกค้ารายใหญ่เท ตกลงกันว่าจะซื้อรถหลังจากหลับนอนด้วยกันหนึ่งคืน แต่กลับกลายเป็นว่า หลังจากที่หวังม่านม่านได้หลับนอนกับลูกค้าคนนั้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้ว! “คุณ!” ฉินรั่วรั่วใจร้อน หลี่โม่คว้าแขนของเธอแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เราไปโชว์รูมข้าง ๆ ดีกว่า” ฉินรั่วรั่วกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ทั้งสองหันหลังและเตรียมจะจากไป แต่หวังม่านม่านยังคงไม่ปล่อยพวกเขาไป และพูดอย่างประชดประชันว่า “ฮิฮิ มาซื้อรถแต่ไม่มีเงิน ช่างขี้แพ้จริง ๆ ” “นั่นสิ แค่เดินเข้ามาจากหน้าปร