เดิมทีหลี่โม่อยากจะปฏิเสธ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเลือกที่นั่งแล้ว ทั้งสามก็นั่งลง ซูหย่ารอเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ และพูดว่า "เหวินเหวิน เธอนั่งรอสักครู่ เดี๋ยวฉันจะไปสั่งกาแฟให้"พูดจบเธอก็จ้องไปที่หลี่โม่อย่างดูถูกเหยียดหยาม คนไร้ประโยชน์นี้ เขาช่างไม่เข้าใจมารยาทสุภาพบุรุษเลยจริง ๆ เธอลากเขาเข้ามาแล้ว เขายังไม่รู้จักที่จะไปสั่งกาแฟเองอีกเหรอ? อย่างไรก็ตาม เธอและซ่งเหวินเหวินล้วนเป็นสาวงาม แต่เขากลับนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไม่รู้สึกรู้สา ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยจริง ๆ เชยจริง ๆ ดูจากรสนิยมการแต่งตัวเองก็แต่งได้แย่มาก เมื่อกาแฟมาถึง ซูหย่ามองไปที่หลี่โม่ด้วยความหงุดหงิดและถามว่า "นายยังทำงานในร้านนั้นอยู่ไหม?" หลี่โม่ยิ้มและพยักหน้าตอบ “อืม ยังทำอยู่” ขณะพูดเขาก็มองไปที่ประตูและดูเหมือนจะรอใครสักคนอยู่ ซูหย่าถอนหายใจและพูดตอบอย่างยิ้ม ๆ “ฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงว่านายจะน่าเวทนาขนาดนี้แล้วยังทำงานที่นั่นอยู่ ดูฉันสิ ฉันออกจากงานไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ฉันเป็นผู้จัดการร้านสปาความงามแล้ว ถ้านายรู้สึกทำไมไหว แล้วยังอยากจะทำอยู่ มาสมัครที่ฉันได้นะ ฉันจะช่วยฝากนาย
ห้าล้านนี่มันเยอะไปเหรอ? ประโยคนี้ทำให้ซูหย่าและซ่งเหวินเหวินตกตะลึงไปสักพัก น้ำเสียงหลี่โม่คนนี้ฟังดูใหญ่โตเกินไปแล้ว! ซูหย่าขมวดคิ้ว และเธอไม่อยากเชื่อเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่หลี่โม่พูดไปเมื่อครู่นี้ ผู้ชายคนนี้น่าสมเพชไม่ใช่เหรอ เขาไม่มีสถานะในตระกูลกู้ เขาไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน? “ฮ่าฮ่า ฉันเข้าใจแล้ว นายคงไม่ได้ใช้เงินของภรรยาหรอกนะ” ซูหย่าเลิกคิ้วขึ้นและใบหน้าเต็มใบด้วยความเยาะเย้ยอย่างมีชัย ต้องเป็นแบบนี้แน่ ไม่อย่างนั้นคนไร้ประโยชน์แบบนี้จะไปเอาเงินห้าล้านมาจากไหนเพื่อจองภัตตาคารฮัวกู่? ซ่งเหวินเหวินก็พยักหน้าตามและเสริมว่า “พี่หย่าหยา พี่พูดถูก มันต้องเป็นแบบนี้แน่ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายแบบนี้จะน่าอับอายขนาดนี้” ในทางกลับกัน หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ใช่ภรรยาฉัน พอดีฉันเปิดร้านเป็นของตัวเองน่ะ ไม่ไหว ๆ จะตกเป็นเป้าให้คนมาหัวเราะเยาะเย้ยตลอดเสียคงจะไม่ได้ นาน ๆ ทีจะอวดสักหน่อยคงไม่เป็นไร เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งเหวินเหวินก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นทันที ดวงตาโตของเธอเป็นประกาย จ้องมองไปที่หลี่โม่อย่างตั้งใจ และอุทานด้วยความประหลาดใจ "น
ตอนนี้หลี่โม่ได้เปิดร้านแล้ว และเขายอมควักเงินจ่ายถึงห้าล้านบาท ดูเหมือนว่าจะมีเงินไม่น้อย หลี่โม่แตะจมูกของเขา คิดแล้วคิดอีก แล้วตอบว่า "ก็ได้" อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ส่วนอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนที่จองไว้ให้กู้หยุนหลานก็เป็นคืนพรุ่งนี้เช่นกัน ไม่มีอะไรต้องกังวล นั่งอยู่ในร้านกาแฟครู่หนึ่ง ซูหย่าและซ่งเหวินเหวินพาหลี่โมไปที่คาราโอเกะในห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง “จ้าวไห่และคนอื่น ๆ มาร้องคาราโอเกะที่นี่ หลังจากร้องเพลงเสร็จก็จะไปที่ภัตตาคารกวนเกรินถัง” ซูหย่าพูดอย่างยิ้ม ๆ และเข้าไปคว้าแขนของหลี่โม่ เลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดอย่างมีเลศนัยว่า “หลี่โม่ นายรู้ไหม ช่วงนี้จ้าวไห่ก็เพิ่งเปิดร้าน ซึ่งเป็นร้านเกี่ยวกับความงามและการดูแลร่างกาย ว่ากันว่าเขาทำเงินได้ห้าสิบล้านในครึ่งปี และกำลังวางแผนที่จะเปิดร้านเพิ่มอีกสามสาขาในเมืองฮั่นวันนี้! การรวมตัวงานเลี้ยงของพนักงานเก่าในครั้งนี้ก็เป็นความคิดเขานั่นแหละ" หลี่โม่รู้สึกรังเกียจซูหย่ามากที่จับตัวเขา ดังนั้นเขาจึงเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นดึงมือของซูหย่าออกอย่างสุภาพมาก หลี่โม่พยัก
ความเห็นล้วนมีแต่ถากถางดูถูก นี่คือสิ่งที่เรียกว่าก ารรวมตัวของพนักงานเก่า กลายเป็นสถานที่รวมตัวกันสำหรับการเยินยอและเยาะเย้ย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่โม่ถึงไม่อยากมา งานเลี้ยงรวมตัวอะไรกัน ปลอมทั้งหมด ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานชายและหญิงมั่วกันไปหมด และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายก็ต่างโอ้อวดกัน ปลอมสิ้นดี ยิ่งไปกว่านั้น แค่มองเขาก็รู้ได้ทันทีว่า คนนับสิบคนที่นี่ล้วนเป็นคนจากร้านสปาติงเหม่ย และพวกเขาไม่ได้ทำงานที่นั่นอีกแล้ว “หลี่โม่ จะมาไม่เห็นบอกกันสักคำ ฉันจะได้ไปต้อนรับนาย ทำไมล่ะ ก่อนหน้านี้ที่ฉันโทรหานายสองครั้งนายไม่มา พอซูหย่าชวนนาย นายกลับมา นี่ไม่คิดจะไว้หน้าพี่น้องกันหน่อยเหรอ?" จ้าวไห่เป็นคนพูดประโยคนี้ ในตอนนี้เขาลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า และจับไหล่ของหลี่โม่อย่างกระตือรือร้นและเป็นกันเองมาก เมื่อมองแวบแรก อาจคิดว่าเพื่อนเก่าได้พบกันอีกครั้ง และความสัมพันธ์ก็กลมเกลียวกันมาก หลี่โม่เหลือบมองจ้าวไห่อย่างเฉยเมย ตอนนี้เขากลายเป็นคนหน้าซื่อใจคดแล้วเหรอ? เขาโทรเรียกหลี่โม่ตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อเดินไปถึงกลางห้อง จ้าวไห่ก็ตรงเข้าไปยื่นไวน์แดงให้เฉินผิงแล้วพู
“ข่าวลือทั้งนั้น ตอนนี้เราค่อนข้างดี” หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ เสิ่นหยางหัวเราะเหอะ ๆ จ้าวไห่พูดทันทีว่า “พวกนายคงจะไม่หย่าจริง ๆ ใช่ไหม? หลี่โม่ นี่เป็นความผิดของนาย หลายปีมานี้ นายยังเข้ากันไม่ได้? ปล่อยให้คนสวยอย่างกู้หยุนหลานต้องทนทรมานกับนายมันไม่ดีหรอก” จ้าวไห่คิดเกี่ยวกับกู้หยุนหลานมาโดยตลอด เขาต้องการแสดงให้เธอเห็นว่า ตอนนี้เขาดีกว่าหลี่โม่ต่อหน้าเธอ! ตัวเขาประสบความสำเร็จมากกว่าหลี่โม่! หลี่โม่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ไม่ได้ทุกข์อะไรนี่ ความรู้สึกของเรายังคงแข็งแกร่ง ประธานจ้าวไม่ต้องห่วงหรอก” หลายคนมองหน้ากันและยิ้ม ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการเสียดสีต่อหลี่โม่ ผู้ชายคนนี้ค่อนข้างแสดงได้ดีเลยทีเดียว ช่างเป็นคนน่าสมเพชจริง ๆ ถ้าความสัมพันธ์มีปัญหาก็บอกว่ามีปัญหาสิ จะมาแสร้งทำเป็นบอกว่าแข็งแกร่งดีทำไมที่นี่? จ้าวไห่ลุกขึ้นนั่งข้างหลี่โม่ ตบไหล่เขาแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้ฉันเคยให้คนไปถามเรื่องนาย นายยังคงทำงานรพดับล่างที่ติงเหม่ยใช่ไหม? นานขนาดนี้แล้ว นายยังไม่ได้เป็นหัวหน้างานอีกเหรอ?” มาแล้ว จ้าวไห่เริ่มโจมตีแล้ว หลี่โม่มีใบหน้าที่สวยงาม มุมปากเขายิ้มเล็กน้อย
“อันที่จริงแล้วได้ซื้ออะไร? ทำไมล่ะ คุณคงไม่ได้อยากจะพูดว่าตัวเองรวยหรอกนะ คุณเป็นแค่แมงดาเกาะภรรยากินนี่” ซ่งเหวินเหวินพูดอย่างไม่สบอารมณ์มาก ผู้ชายคนนี้ช่างหน้าหนา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่ไว้หน้าจ้าวไห่เกินไปแล้ว มุมปากของจ้าวไห่ก็ยิ้มจาง ๆ ออกมาอย่างมีเลศนัย แต่ในใจไม่พอใจและอารมณ์เสียอย่างมาก ตัวเองถึงกับให้โอกาสเขา เขายังไม่รู้สึกขอบคุณ แต่กลับแสดงท่าทีเช่นนี้? ในสถานะลูกเขยแบบนี้ ทำไมถึงกล้าถือตัวนัก? ยกจกก็คืยาจก! เป็นแค่ขยะไร้ค่า! “หลี่โม่ ฉันแนะนำให้นายคิดให้รอบคอบ กลับไปคุยกับกู้หยุนหลานดี ๆ เราต่างป็นพี่น้อง ถ้าหากวันหน้าต้องการความช่วยเหลือก็มาหาฉันที่ร้านก็พอ ฉันจะช่วยนายแน่นอน ตำแหน่งหัวหน้าคนงานฉันจะเก็บไว้ให้นาย” จ้าวไห่ยิ้มแล้วจิบไวน์แดง จากนั้นหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อ แล้วโยนให้หลี่โม่อย่างไม่มีมารยาท เปรียบเหมือนเขาเป็นขอทาน “พอได้แล้ว เราสนุกกันช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ไปทานอาหารที่ภัตตาคารกวนเหรินถังกันเถอะ” จ้าวไห่พูดอย่างยิ้ม ๆ โดยไม่สนใจอารมณ์เย็นชาของหลี่โม่ในตอนนี้ ทุกคนต่างลุกยืนขึ้น ต่างไม่พอใจหลี่โม่ และแสดงสายตาดูถูก คนทึ่มนี่มันทึ่มจริง
พูดจบเขาก็สตาร์ทรถและขับออกไป จากนั้นก็มีรถหลายคันขับตามไปติด ๆ ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามจากพวกเขา หลี่โม่คิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไร เขาไม่อยากแข่งขันในประเด็นของการซื้อรถ ตอนที่เขากำลังเตรียมจะเรียกแท็กซี่ ก็มีเสียงที่เคารพนับถือจากผู้ชายดังขึ้นอยู่ข้างหลังเขา “คุณชายหลี่ คุณก็อยู่ที่นี่เหรอครับ?” เมื่อได้ยินเสียง หลี่โม่ก็หน้าไปมอง และเห็นเฉียวเจิ้งหลงเดินมาอย่างเร่งรีบพร้อมกับบอดี้การ์ดสองสามคนในชุดดำในขณะนั้น เขายืนอยู่ต่อหน้าหลี่โม่ด้วยความเคารพและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ ว่า “คุณชายหลี่ บังเอิญจริง ๆ เลยนะครับ” “อืม” หลี่โม่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ในใจเฉียวเจิ้งหลงก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เรื่องหวังฮั่นเชาครั้งก่อน คุณชายหลี่ไม่ได้บ่นอะไรกับเขา เขารู้สึกไม่สามารถปล่อยวางได้ และอยากหาโอกาสที่จะชดเชย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะบังเอิญเจอคุณชายหลี่ที่นี่ “คุณขับรถมาเหรอ?” หลี่โม่จู่ ๆ ก็ถามขึ้น เฉียวเจิ้งหลงได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นทันทีด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ “ขับมาครับ ขับมา คุณชายหลี่จะไปที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ” หลังจากนั้น เฉ
จ้าวไห่เป็นคนแรกที่มาถึงก่อน ตามมาด้วยซูหย่า เมื่อเห็นหลี่โม่มาถึงเช่นกัน สีหน้าของจ้าวไห่ก็เต็มไปด้วยความสงสัย ความเร็วรถจีอาร์ทีของเขาไม่ได้ช้า คนอื่นยังมาไม่ถึงเลย หลี่โม่กลับมาถึงก่อน? “โอ้ หลี่โม่ ไม่คิดว่าจะขึ้นแท็กซี่เร็วขนาดนี้? มาทางลัดเหรอ?” จ้าวไห่หัวเราะอย่างติดตลก และในขณะที่พูดเขาก็เหลือบไปมองข้างหลังของหลี่โม่ ดูเหมือนหลี่โม่จะลงจากรถเบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด เป็นไปได้เหรอ? เดาว่าตัวเองตาลายแล้ว ซูหย่าก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “คงจะวิ่งมาล่ะสิ” จ้าวไห่หัวเราะ หลี่โม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ทั้งสองหันตัวกลับแล้วเข้าไปข้างในก่อน หลี่โม่รอครู่หนึ่ง เฉียวเจิ้งหลงก็วิ่งเข้ามาพูดกับหลี่โม่ไม่กี่ประโยค จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป พอดีกับที่เพื่อนร่วมงานเก่าอีกหลายสิบคนก็ล้วนมาถึงกันแล้ว “หลี่โม่? นายมาถึงก่อนจริง ๆ” หลายคนเห็นหลี่โม่ยืนอยู่ที่ประตูก็เกิดความสงสัย ผู้ชายคนนี้ไม่มีรถไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเร็วกว่าพวกเขาที่มีรถกัน? รวดเร็วจริง ๆ ! หลี่โม่ยิ้มและพูดว่า "คนขับใช้ทางลัด" เมื่อไม่กี่คนได้ยินก็รู้สึกผิดหวังทันที ซ่งเหวินเหวินพูดอย่างจิก