คะนึงรักรู้ตัวว่าโดนแซะ อารมณ์โกรธก็เริ่มกรุ่นๆ แต่ยังคลี่ยิ้ม “ก็นี่ขนาดยังโสด ยังซิง ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรักเท่าไหร่ ยังได้ขึ้นเป็นผู้จัดการที่สาขาใหญ่ของเลิฟ เลิฟ การ์เดนเลยนะ แถมรายได้ของสาขาที่ฉันดูแล ทะลุเกินเป้าไปดาวอังคารแทบทุกเดือนเลย”
“อาศัยบุญเก่าของการเป็นสาขาใหญ่ด้วยล่ะมั้ง”
“ก็มีส่วนนะ” คะนึงรักยอมรับตามตรงเพราะผู้จัดการสาขาคนก่อนบริหารงานไว้ดีมากทำให้เธอเข้ามาต่อยอดความสำเร็จได้โดยง่าย “แต่มันก็ต้องใช้ฝีมือของฉันด้วยนั่นแหละ ไม่ใช่ใครเข้ามาก็จะทำได้เสียที่ไหน จริงสิ...ตอนนี้พิมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขาแล้วใช่ไหม ดีใจด้วยนะ สาขาแถบปริมณฑลของเธอก็ดีพอใช้ได้อยู่แหละ พยายามอีกนิด ภายในไม่กี่ปี เธอก็คงขึ้นเป็นผู้จัดการสาขาได้ คราวนี้ละ จะได้ดูแลลูกน้องสี่ซ้าห้าคนในสาขาแบบเต็มตัวเสียที ดูแลสาขาเล็กๆ ก็มีข้อดีอย่างนี้แหละนะ ไม่เหนื่อยมาก ดูแลทุกคนได้ทั่วถึงประหนึ่งดูแลญาติสนิท และมีเวลาว่างไปหาแฟนได้”
พิมรดาหน้าตึงเมื่อรู้ตัวว่าถูกแซะกลับ แต่เพียงครู่เดียวก็ปรับสีหน้าได้
“แหม...คนอย่างฉันเรียกว่าบาลานซ์ชีวิตได้ดีต่างหาก ฉันไม่ได้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานโดยไม่สนชีวิตส่วนตัวเหมือนเธอนี่ ทำงานจนแห้งเหี่ยวเพราะขาดผู้ เอ๊ย ขาดคนรัก ไม่คิดบ้างหรือว่าหนึ่งในหัวข้อสัมมนาในวันพรุ่งนี้ แทบจะจัดขึ้นมาเพื่ออบรมคนไม่มีคู่อย่างเธอโดยเฉพาะเลยนะสาลี่ เพราะผู้หญิงบางคนน่ะ สวยแต่รูป จูบไม่หอม ถึงยังไม่มีใครเอาไง”
“ขอบใจนะที่ชมว่าฉันสวย” คะนึงรักแกล้งโง่
พิมรดาแกล้งค้อนไม่จริงจังนัก “ฉันหมายถึงเธอเหมาะกับหัวข้อสัมมนา ‘คนมีรักย่อมเข้าใจในรัก’ อะไรนั่นต่างหาก ผู้หญิงแห้งกรัง ไร้คู่อย่างเธอน่ะ ควรจะฟังอย่างตั้งใจ ทำความเข้าใจและจดให้ละเอียดจะได้เข้าใจความต้องการของลูกค้าไง ฟังเยอะๆ จะได้ทำงานได้ดีขึ้น”
คะนึงรักนึกถึงหัวข้อสัมมนาที่ผ่านตา รู้สึกว่าหัวข้อสัมมนาในช่วงเช้าจะเริ่มด้วย คนมีรักย่อมเข้าใจในรัก บรรยายโดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาอะไรสักอย่างที่คะนึงรักไม่ทันได้สนใจ หญิงสาวเบ้ปาก
“แหม...อย่าพูดเหมือนคนโสดเป็นง่อย ทำงานไม่ได้ถ้าไม่เคยมีผัว เอ๊ย ไม่เคยมีแฟนหน่อยเลย เอาตรงๆ นะ ฉันแค่ไม่มีเวลาว่างเท่านั้น ถึงยังไม่มีแฟน ถ้าฉันอยากมี ทำไมจะมีไม่ได้” หญิงสาวคุยโอ่ ทั้งที่รู้ดีว่าการหาแฟนสักคนไม่ง่ายสักนิด
“งั้นเหรอ”
“เออสิ”
“องุ่นเปรี้ยวหรือเปล่าเธอ”
“ก็แล้วแต่จะคิด” คะนึงรักยักไหล่เก๋ๆ ทำเหมือนไม่แยแส แต่จริงๆ แล้วคำพูดของพิมรดาจี้ถูกจุด เพราะหญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนมีดปักดังฉึกที่กลางหัวใจ
ใช่...เธอเป็นผู้หญิงประเภทองุ่นเปรี้ยวอย่างที่พิมรดาสบประมาทจริงๆ นั่นแหละ อย่าว่าแต่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เป็นรูปเป็นร่างเลย แค่จะหาผู้ชายสักคนมาเปิดประสบการณ์หวามไหวยังยาก แม้แต่จูบดูดดื่มก็ยังไม่เคยลิ้มลองเลยสักครั้ง ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการแนบชิดนัวเนียผู้ชายก็คือการเล่นมวยปล้ำกับเพื่อนสมัยอยู่ประถมสอง
หญิงสาวพยายามทำตัวให้สวยพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา เรียกว่าเพอร์เฟกต์แทบจะทุกอย่าง ส่วนด้านความสามารถนั้น เธอเข้าคอร์สอบรมต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้รอบด้านอย่างสม่ำเสมอ แต่สุดท้ายพวกผู้ชายกลับมองว่าเธอสวยและเก่งเกินไป จนไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ ทำให้คะนึงรักยังครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้
พิมรดายิ้มเยาะ กอดแขนแฟนหนุ่มแน่นขึ้นแล้วบอก “คุยกับคนไร้คู่ยังไงซะก็คงไม่เข้าใจ ฉันไม่คุยกับเธอแล้วนะ เสียเวลาสวีต เอาเวลาไปถ่ายเซลฟี่กับพี่ตุลย์ดีกว่า บาย แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่งานสัมมนานะสาลี่”
“โพสต์รูปคู่ลงโซเชียลบ่อยๆ ระวังไปซ้ำกับคนอื่นนะ”
“อะไรซ้ำ วิวเหรอ”
“คนน่ะ” คะนึงรักลุกขึ้นยืน หยิบแว่นกันแดดขึ้นสวม หันหลังให้เพื่อยุติบทสนทนา ได้ยินเพียงเสียงแว่วๆ ของพิมรดาที่ด่าใครว่าบ้าสักคน แต่หญิงสาวไม่สนใจ แล้วเดินเชิดๆ เริดๆ ออกมาจากบริเวณนั้น พิมรดาทำอะไรไม่ได้ จึงลากแฟนหนุ่มออกไปที่ชายหาดอย่างหัวเสีย
คะนึงรักทิ้งเรื่องราวน่าหงุดหงิดของพิมรดากับแฟนหนุ่มไว้ด้านหลัง เธอขึ้นห้องพักเพื่อเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ จากนั้นก็ลงมาที่สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ตอนนี้เป็นเวลาราวสี่โมงครึ่ง แม้แดดไม่ร้อนแต่ก็ยังมีคนไม่มาก
ในระหว่างที่กำลังทาครีมกันแดดอยู่นั้น ผู้ชายคนหนึ่งก็ยันตัวขึ้นจากสระน้ำไม่ห่างจากเก้าอี้ชายหาดสีขาวตัวยาวที่หญิงสาวนั่งอยู่นัก รูปร่างของเขาสูง อกแกร่งกำยำราวกับนักกีฬา หน้าท้องขึ้นลอนสวย แถมยังผิวยังขาวสว่างเจิดจ้าจนตาเธอแทบบอด เธอลอบมองเขาด้วยความชื่นชม แต่เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้ามาใกล้ หญิงสาวก็ลอบถอนใจด้วยความเสียดาย เพราะคนที่เดินมาน่าจะเป็น ‘เด็กหนุ่ม’ มากกว่าชายหนุ่มเต็มตัวอย่างที่เธอชอบ
หล่อน่ากินจัง อายุถึงยี่สิบรึยังลูก ไม่น่าเกิดช้าเลย เธอนึกในใจ พลางมองเขาตาปรอย คนอะไรช่างเหมาะกับคำจำกัดความที่ว่า...หน้าตาดิสนีย์ บอดีมาเวลล์จริงๆ
ชายหนุ่มก้าวมายังเก้าอี้ชายหาดข้างเธอ หยิบเสื้อคลุมสีขาวที่พาดอยู่มาสวม จากนั้นก็หยิบแว่นสายตากรอบบางสีเงินมาใส่ ก่อนจะสะบัดผมที่เปียกลู่เล็กน้อยด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ช่างเป็นอากัปกิริยาที่เป็นธรรมชาติและดูมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ เหมือนเขาจะรู้ว่าถูกแอบมอง จึงตวัดสายตามาทางเธอ
คะนึงรักดึงสายตากลับไม่ทัน จึงจำต้องสานสบนัยน์ตากับเขาอยู่อย่างนั้น เขามองเธอนิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก ทำเอาหัวใจสาววัยยี่สิบหกปีอย่างเธอเต้นโครมคราม จากนั้นเขาก็โค้งศีรษะน้อยๆ เป็นเชิงขอตัว และเดินออกไปจากบริเวณสระว่ายน้ำ
หญิงสาวผ่อนลมหายใจช้าๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่นั้นตนเองกลั้นหายใจอยู่ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อตอนเจอพิมรดาหายวับจนไม่เหลือ รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มละลายใจของหนุ่มน้อยแสนน่ารักนุบนิบ
ทำไมน่ารักน่ากินอย่างนี้ละลูก ทำไมหนูไม่เกิดให้เร็วกว่านี้สักห้าปีสิบปี พี่สาวจะได้เสพอาหารตาโดยไม่รู้สึกผิดแบบนี้
เธอทอดมองร่างสูงแกร่งไปจนลับตา นึกขำตัวเองอยู่เหมือนกันที่เลิกใจสั่นกับผู้ชายวัยเดียวกันมาหลายปี แต่กลับมาหวั่นไหวกับเสน่ห์ของเด็กหนุ่ม ปลาตายน้ำตื้นแท้ๆ
หลังจากนั้นคะนึงรักก็ไปว่ายน้ำออกกำลังกายอยู่เกือบชั่วโมง เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาเธอจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารหรูของโรงแรม จนสามทุ่มกว่านั่นละ หญิงสาวจึงตัดสินใจเช็กบิลเธอออกจากห้องอาหาร ไปเดินเล่นที่ชายหาดต่อเพราะเวลาสามทุ่มกว่านั้น หัวค่ำเกินไปที่จะเข้านอน จากนั้นคะนึงรักจึงเข้าไปนั่งจิบไวน์ฟังเพลงที่ริมสระน้ำ ตั้งใจว่าสักสี่ทุ่มครึ่งค่อยกลับห้องพักระหว่างที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ก็ได้ยินเสียงทุ้มของใครสักคนทัก“เจอกันอีกแล้วนะครับ”คะนึงรักหันไปมองตามเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวก็ยิ้มหนุ่มน้อยผู้เข้ามาสั่นไหวหัวใจพี่สาวเมื่อตอนเย็นนั่นเองเธอมองเขาอย่างพิจารณา ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของเธอทำให้เขาดูน่ากินกว่าเมื่อตอนเย็นเสียอีก และนั่นทำให้รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นอีกโดยไม่ทันรู้สึกตัวชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างนิดๆ ยิ้มตอบเธอด้วยรอยยิ้มใสซื่อแล้วถาม“ขอผมนั่งดื่มด้วยคนนะ”“ดื่มได้เหรอ” เธอไม่แน่ใจว่าที่นี่ต้องตรวจบัตรประชาชนไหม“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”เขานั่งลงข้างเธอ ก่อนสั่งวิสกีออนเดอะร็อกมาดื่มเป็นเพื่อน“ดื่มบ่อยเหรอ” เธอถามพลางมองแก
“พอคุยเรื่องงาน คุณเงียบไปเลยนะ”“ก็เครียดนิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ”“ถ้าคุยเรื่องงานแล้วเครียด เปลี่ยนมาคุยเรื่องเราไหมล่ะ”“นี่อ่อยพี่อยู่เหรอ” เธอถามเสียงเบาหวิว“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ ถ้าผมอ่อยคุณจริง ผมทำสำเร็จไหม”“ก็หวั่นไหวอยู่นะ” เธอตอบตรงๆ แล้วยกแก้วไวน์ดื่มจนหมด“ดีใจนะเนี่ย” เขาหัวเราะพลางยกมือลูบต้นคอเก้อๆ หันไปสั่งเครื่องดื่มสำหรับเธอและเขาอีกคนละแก้ว ก่อนจะบอกต่อ “แก้วนี้ผมเลี้ยง เผื่อคุณจะหวั่นไหวมากขึ้น”ทั้งสองคนนั่งดื่มเหล้าและไวน์ด้วยกัน คุยเรื่องสัพเพเหระอยู่อีกพักใหญ่ คะนึงรักก็คิดว่าสมควรแก่เวลา แม้หญิงสาวจะมีความสุขกับค่ำคืนนี้มากแค่ไหน แต่เธอไม่ลืมว่าพรุ่งนี้ต้องเข้าสัมมนาแต่เช้าหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ห้าทุ่มกว่าแล้ว พี่กลับห้องก่อนนะ ขอบคุณที่นั่งคุยเป็นเพื่อน”“ผมไปส่งที่ห้องนะ”เธอหรี่ตาลงอย่างคนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะถามออกไปตรงๆ “ตั้งใจจะไปส่งที่ห้อง หรือตั้งใจจะเข้าไปในห้องกันแน่”“ก็แล้วแต่คุณจะอนุญาตนั่นแหละ” เขาตอบตามตรงเหมือนกัน“ทำเรื่องแบบนี้บ่อยเหรอ” ถึงหนุ่มน้อยคนนี้จะดื่มเหล้าเก่ง แต่อายุเท่านี้ คงยังไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามากมายหรอก แ
เมื่อคะนึงรักยกมือขึ้นเพื่อจะดันแผ่นอกแกร่งให้ห่างออก ก็ถูกมือหนาจับข้อมือสองข้างไว้ ดันขึ้นไปเหนือศีรษะ ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวรวบข้อมือเธอตรึงไว้ อีกมือหนึ่งเลิกเสื้อยืดและเสื้อชั้นในขึ้นไปกองไว้บนเนินอก ริมฝีปากร้อนจูบไล่เรื่อยที่เนินทรวงก่อนจะครอบครองปลายถันความเสียวสะท้านแล่นปราดไปทั่วร่างเมื่อลิ้นร้อนตวัดเลียรอบฐานทรวงจนชุ่ม จากนั้นดูดดึงปลายยอดจนหดเกร็งเป็นตุ่มไต เธอบิดกายเร่าคล้ายกระสับกระส่ายเพราะความวาบหวามและซ่านสยิวที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆสักพักเขาก็ปล่อยข้อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระ แต่คะนึงรักก็อ่อนปวกเปียกจนแทบจะทำอะไรไม่ไหวชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก ไม่เหลือแม้แต่กางเกงชั้นในลูกไม้ตัวจ้อยบางเบา มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างและผิวกายเปลือยเปล่าหญิงสาวรู้สึกเสียเปรียบที่โดนลอกคราบฝ่ายเดียว จึงเอื้อมมือไปถอดเสื้อเขาบ้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแผงอกแน่นตึงกับหน้าท้องขึ้นลอนเรียงสวยปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาคะนึงรักอดเอื้อมมือไปลูบไล้เขาบ้างไม่ได้ อันที่จริงเธออยากจะลูบจะคลำตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นเขาที่สระว่ายน้ำแล้วชายหนุ่มสบตาเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงร้อ
คะนึงรักลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูสดใส ก้าวไปยังเคาน์เตอร์รีเซปชันของโรงแรมกึ่งรีสอร์ตสุดหรู หญิงสาวส่งบัตรประชาชนให้แล้วบอกชื่อ“คะนึงรัก ปรีชากิจค่ะ”“คุณคะนึงรักมาสัมมนากับบริษัทเลิฟ เลิฟ การ์เดนด้วยใช่ไหมคะ มีชื่อคุณจองห้องพักเข้ามาสองวัน แต่คนละบุ๊กกิ้งกัน”“ใช่ค่ะ แต่ฉันมาก่อนงานสัมมนาหนึ่งวัน เลยจองห้องพักเพิ่มไว้ส่วนตัวหนึ่งคืนค่ะ จะเป็นไปได้มั้ยคะ ถ้าฉันจะขอพักที่ห้องเดิมเลยโดยที่ไม่ต้องมาเช็กเอาต์และเช็กอินอีกรอบ”“ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้นะคะ”พนักงานต้องรับสาวสวยป้อนข้อมูลในคอมพิวเตอร์เพียงครู่ ก็ยื่นคีย์การ์ดมาให้ คะนึงรักเอ่ยขอบคุณ จากนั้นจึงลากกระเป๋าไปยังห้องพัก เก็บข้าวของแล้วจึงออกมาเดินเล่นบริเวณชายหาดของโรงแรมคะนึงรักนั่งลงที่เก้าอี้ชายหาดสีสันสดใส เอนตัวลง ตั้งใจจะใช้เวลาส่วนตัวเพื่ออยู่กับธรรมชาติรอบตัว เธอหลับตา ปล่อยผิวกายให้สัมผัสสายลม ฟังเสียงคลื่น สูดกลิ่นอายแดดและซึมซับบรรยากาศของทะเลให้ชุ่มปอด สมกับที่ห่างหายมานานเพราะต้องทำงานอยู่แต่ในเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงและฝุ่นควันหญิงสาวกำลังจะมีความสุขอยู่แล้วเชียว แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนทักขึ้น“อ้า
เมื่อคะนึงรักยกมือขึ้นเพื่อจะดันแผ่นอกแกร่งให้ห่างออก ก็ถูกมือหนาจับข้อมือสองข้างไว้ ดันขึ้นไปเหนือศีรษะ ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวรวบข้อมือเธอตรึงไว้ อีกมือหนึ่งเลิกเสื้อยืดและเสื้อชั้นในขึ้นไปกองไว้บนเนินอก ริมฝีปากร้อนจูบไล่เรื่อยที่เนินทรวงก่อนจะครอบครองปลายถันความเสียวสะท้านแล่นปราดไปทั่วร่างเมื่อลิ้นร้อนตวัดเลียรอบฐานทรวงจนชุ่ม จากนั้นดูดดึงปลายยอดจนหดเกร็งเป็นตุ่มไต เธอบิดกายเร่าคล้ายกระสับกระส่ายเพราะความวาบหวามและซ่านสยิวที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆสักพักเขาก็ปล่อยข้อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระ แต่คะนึงรักก็อ่อนปวกเปียกจนแทบจะทำอะไรไม่ไหวชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก ไม่เหลือแม้แต่กางเกงชั้นในลูกไม้ตัวจ้อยบางเบา มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างและผิวกายเปลือยเปล่าหญิงสาวรู้สึกเสียเปรียบที่โดนลอกคราบฝ่ายเดียว จึงเอื้อมมือไปถอดเสื้อเขาบ้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแผงอกแน่นตึงกับหน้าท้องขึ้นลอนเรียงสวยปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาคะนึงรักอดเอื้อมมือไปลูบไล้เขาบ้างไม่ได้ อันที่จริงเธออยากจะลูบจะคลำตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นเขาที่สระว่ายน้ำแล้วชายหนุ่มสบตาเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงร้อ
“พอคุยเรื่องงาน คุณเงียบไปเลยนะ”“ก็เครียดนิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ”“ถ้าคุยเรื่องงานแล้วเครียด เปลี่ยนมาคุยเรื่องเราไหมล่ะ”“นี่อ่อยพี่อยู่เหรอ” เธอถามเสียงเบาหวิว“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ ถ้าผมอ่อยคุณจริง ผมทำสำเร็จไหม”“ก็หวั่นไหวอยู่นะ” เธอตอบตรงๆ แล้วยกแก้วไวน์ดื่มจนหมด“ดีใจนะเนี่ย” เขาหัวเราะพลางยกมือลูบต้นคอเก้อๆ หันไปสั่งเครื่องดื่มสำหรับเธอและเขาอีกคนละแก้ว ก่อนจะบอกต่อ “แก้วนี้ผมเลี้ยง เผื่อคุณจะหวั่นไหวมากขึ้น”ทั้งสองคนนั่งดื่มเหล้าและไวน์ด้วยกัน คุยเรื่องสัพเพเหระอยู่อีกพักใหญ่ คะนึงรักก็คิดว่าสมควรแก่เวลา แม้หญิงสาวจะมีความสุขกับค่ำคืนนี้มากแค่ไหน แต่เธอไม่ลืมว่าพรุ่งนี้ต้องเข้าสัมมนาแต่เช้าหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ห้าทุ่มกว่าแล้ว พี่กลับห้องก่อนนะ ขอบคุณที่นั่งคุยเป็นเพื่อน”“ผมไปส่งที่ห้องนะ”เธอหรี่ตาลงอย่างคนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะถามออกไปตรงๆ “ตั้งใจจะไปส่งที่ห้อง หรือตั้งใจจะเข้าไปในห้องกันแน่”“ก็แล้วแต่คุณจะอนุญาตนั่นแหละ” เขาตอบตามตรงเหมือนกัน“ทำเรื่องแบบนี้บ่อยเหรอ” ถึงหนุ่มน้อยคนนี้จะดื่มเหล้าเก่ง แต่อายุเท่านี้ คงยังไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามากมายหรอก แ
หลังจากนั้นคะนึงรักก็ไปว่ายน้ำออกกำลังกายอยู่เกือบชั่วโมง เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาเธอจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารหรูของโรงแรม จนสามทุ่มกว่านั่นละ หญิงสาวจึงตัดสินใจเช็กบิลเธอออกจากห้องอาหาร ไปเดินเล่นที่ชายหาดต่อเพราะเวลาสามทุ่มกว่านั้น หัวค่ำเกินไปที่จะเข้านอน จากนั้นคะนึงรักจึงเข้าไปนั่งจิบไวน์ฟังเพลงที่ริมสระน้ำ ตั้งใจว่าสักสี่ทุ่มครึ่งค่อยกลับห้องพักระหว่างที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ก็ได้ยินเสียงทุ้มของใครสักคนทัก“เจอกันอีกแล้วนะครับ”คะนึงรักหันไปมองตามเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวก็ยิ้มหนุ่มน้อยผู้เข้ามาสั่นไหวหัวใจพี่สาวเมื่อตอนเย็นนั่นเองเธอมองเขาอย่างพิจารณา ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของเธอทำให้เขาดูน่ากินกว่าเมื่อตอนเย็นเสียอีก และนั่นทำให้รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นอีกโดยไม่ทันรู้สึกตัวชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างนิดๆ ยิ้มตอบเธอด้วยรอยยิ้มใสซื่อแล้วถาม“ขอผมนั่งดื่มด้วยคนนะ”“ดื่มได้เหรอ” เธอไม่แน่ใจว่าที่นี่ต้องตรวจบัตรประชาชนไหม“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”เขานั่งลงข้างเธอ ก่อนสั่งวิสกีออนเดอะร็อกมาดื่มเป็นเพื่อน“ดื่มบ่อยเหรอ” เธอถามพลางมองแก
คะนึงรักรู้ตัวว่าโดนแซะ อารมณ์โกรธก็เริ่มกรุ่นๆ แต่ยังคลี่ยิ้ม “ก็นี่ขนาดยังโสด ยังซิง ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรักเท่าไหร่ ยังได้ขึ้นเป็นผู้จัดการที่สาขาใหญ่ของเลิฟ เลิฟ การ์เดนเลยนะ แถมรายได้ของสาขาที่ฉันดูแล ทะลุเกินเป้าไปดาวอังคารแทบทุกเดือนเลย”“อาศัยบุญเก่าของการเป็นสาขาใหญ่ด้วยล่ะมั้ง”“ก็มีส่วนนะ” คะนึงรักยอมรับตามตรงเพราะผู้จัดการสาขาคนก่อนบริหารงานไว้ดีมากทำให้เธอเข้ามาต่อยอดความสำเร็จได้โดยง่าย “แต่มันก็ต้องใช้ฝีมือของฉันด้วยนั่นแหละ ไม่ใช่ใครเข้ามาก็จะทำได้เสียที่ไหน จริงสิ...ตอนนี้พิมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขาแล้วใช่ไหม ดีใจด้วยนะ สาขาแถบปริมณฑลของเธอก็ดีพอใช้ได้อยู่แหละ พยายามอีกนิด ภายในไม่กี่ปี เธอก็คงขึ้นเป็นผู้จัดการสาขาได้ คราวนี้ละ จะได้ดูแลลูกน้องสี่ซ้าห้าคนในสาขาแบบเต็มตัวเสียที ดูแลสาขาเล็กๆ ก็มีข้อดีอย่างนี้แหละนะ ไม่เหนื่อยมาก ดูแลทุกคนได้ทั่วถึงประหนึ่งดูแลญาติสนิท และมีเวลาว่างไปหาแฟนได้”พิมรดาหน้าตึงเมื่อรู้ตัวว่าถูกแซะกลับ แต่เพียงครู่เดียวก็ปรับสีหน้าได้“แหม...คนอย่างฉันเรียกว่าบาลานซ์ชีวิตได้ดีต่างหาก ฉันไม่ได้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานโดย
คะนึงรักลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูสดใส ก้าวไปยังเคาน์เตอร์รีเซปชันของโรงแรมกึ่งรีสอร์ตสุดหรู หญิงสาวส่งบัตรประชาชนให้แล้วบอกชื่อ“คะนึงรัก ปรีชากิจค่ะ”“คุณคะนึงรักมาสัมมนากับบริษัทเลิฟ เลิฟ การ์เดนด้วยใช่ไหมคะ มีชื่อคุณจองห้องพักเข้ามาสองวัน แต่คนละบุ๊กกิ้งกัน”“ใช่ค่ะ แต่ฉันมาก่อนงานสัมมนาหนึ่งวัน เลยจองห้องพักเพิ่มไว้ส่วนตัวหนึ่งคืนค่ะ จะเป็นไปได้มั้ยคะ ถ้าฉันจะขอพักที่ห้องเดิมเลยโดยที่ไม่ต้องมาเช็กเอาต์และเช็กอินอีกรอบ”“ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้นะคะ”พนักงานต้องรับสาวสวยป้อนข้อมูลในคอมพิวเตอร์เพียงครู่ ก็ยื่นคีย์การ์ดมาให้ คะนึงรักเอ่ยขอบคุณ จากนั้นจึงลากกระเป๋าไปยังห้องพัก เก็บข้าวของแล้วจึงออกมาเดินเล่นบริเวณชายหาดของโรงแรมคะนึงรักนั่งลงที่เก้าอี้ชายหาดสีสันสดใส เอนตัวลง ตั้งใจจะใช้เวลาส่วนตัวเพื่ออยู่กับธรรมชาติรอบตัว เธอหลับตา ปล่อยผิวกายให้สัมผัสสายลม ฟังเสียงคลื่น สูดกลิ่นอายแดดและซึมซับบรรยากาศของทะเลให้ชุ่มปอด สมกับที่ห่างหายมานานเพราะต้องทำงานอยู่แต่ในเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงและฝุ่นควันหญิงสาวกำลังจะมีความสุขอยู่แล้วเชียว แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนทักขึ้น“อ้า