“อึ้งไปเลยละสิน้องลี่ พี่ได้ยินมาว่าหมอวิณทร์คนนี้น่ะ เขาฮ็อตมากที่โรงพยาบาล คิวคนไข้สาวๆ งี้แน่นเชียว แถมพยาบาลยังแวะเวียนมาชื่นชมความหล่อของหมอวิณทร์แบบไม่ขาดสาย เรียกว่าตั้งแต่หมอวิณทร์มาประจำที่แผนกจิตเวชของโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์เนี่ย คนแน่นตลอดเลย”
“เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าปกติด้วยหรือเปล่าคะ คนเลยแน่น” คะนึงรักตั้งข้อสังเกตก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่...เมื่อกี้พี่แป้นบอกว่าโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ”
“ทำไมชื่อโรงพยาบาลเหมือนนามสกุลหมอล่ะคะ” ถามจบ หญิงสาวก็ชี้ที่ชื่อผู้บรรยายในแฟ้ม
“ก็เจ้าของโรงพยาบาลคืออาจารย์หมอที่เป็นปู่ของคุณหมอวิณทร์ไง มีลูกมีหลานออกมา ก็เป็นหมอกันทั้งตระกูล เรียนเฉพาะทางกันไปตามที่ตัวเองถนัด เรียกว่าแทบจะครองทุกโรงพยาบาลเลยละ ลูกหลานก็มีหุ้นส่วนอยู่ในโรงพยาบาลของพ่อแม่และเครือญาติ มากน้อยต่างกันตามสายของตระกูล”
จู่ๆ ปราณีก็หยุดอธิบายต่อ หันมามองที่เธอแล้วบอก
“นี่พี่ตาฝาดหรือเปล่านะ เมื่อกี้พี่เห็นหมอวินทร์เขาเหมือนจะยิ้มให้ลี่แน่ะ”
คะนึงรักสะดุ้งก่อนจะเลื่อนตัวลงต่ำจนใบหน้าแทบจะติดโต๊ะสัมมนา ยกแฟ้มขึ้นมาตั้งเพื่อไม่ให้คนที่ยืนอยู่บนโพเดียมมองเห็น “พี่แป้นคงตาฝาดค่ะ ลี่ไม่รู้จักกับเขา จะมาส่งยิ้มให้ลี่ทำไม”
“จริงสินะ จะยิ้มให้คนไม่รู้จักทำไม หรือเขาจะปิ๊งลี่ตั้งแต่แรกพบ”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่เหตุผลนั้นแน่ๆ”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ” เธอยืนยัน
“คงงั้นมั้ง พี่คงคิดไปเอง เพราะตอนนี้คุณหมอเขาหันไปทางอื่นแล้ว”
“งั้นเหรอคะ”
คะนึงรักรู้สึกปลอดภัยขึ้น จึงค่อยๆ เอาแฟ้มลงแล้วเงยหน้ามองคนที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อ ‘วิณทร์วายุ’ แต่เหมือนชายหนุ่มจะรู้ตัว เขาเบนหน้ามาสบตากับเธอตรงๆ ก่อนจะยิ้มสดใสไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มแสนนุบนิบคนนั้นเลยสักนิด
เสียงวี้ดว้ายดังขึ้นเบาๆ จากสาวน้อยสาวใหญ่รอบตัวเมื่อได้เห็นรอยยิ้มสุดเจิดจ้า โดยเฉพาะสาวใหญ่ข้างตัวเธอที่เอื้อมมือมาเขย่าแขนเธอไม่เบานัก
“ชัดเลยลี่ หมอเขายิ้มให้ลี่ชัดๆ มองมาตรงๆ เลย คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เขาปิ๊งลี่แน่นอน”
“เชื่อเถอะค่ะพี่แป้น ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้แหละ แต่ผู้ชายอะไร ยิ้มได้น่ารักเป็นบ้า เป็นยิ้มแบบที่ชวนให้เข้าไปปู้ยี่ปู้ยำ ยิ้มแบบชวนให้จับกด ยิ้มแบบน่าทำมิดีมิร้ายอะ นึกถึงกระต่ายสีขาวนุ่มฟูที่มักตกเป็นเหยื่อของสัตว์ผู้ล่าออกใช่มั้ยลี่ หมอวิณทร์คนนี้ชวนให้นึกถึงแบบนั้นเลย ตายจริง นี่พี่กำลังคุกคามคุณหมอด้วยคำพูดอยู่รึเปล่านะ ยุคนี้เขายิ่งรณรงค์ไม่ให้มีการคุกคามทางเพศไม่ว่ากับเพศไหนอยู่ด้วย”
คะนึงรักพูดไม่ออก เธอเข้าใจความรู้สึกของปราณีได้อย่างถ่องแท้ แต่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่กระต่ายขาวนุ่มฟูแบบที่กำลังแสดงออกแน่ๆ แต่เป็นเสือที่สวมขนกระต่ายปกปิดตัวตนเอาไว้ต่างหาก
หญิงสาวปล่อยให้เพื่อนรุ่นพี่พร่ำเพ้อถึงรอยยิ้มใสซื่อนั้นต่อไป พยายามก้มหน้ามองแฟ้มบนโต๊ะ ไม่เงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่เอาแต่จ้องมองมาเหมือนจะแกล้งอีกเลย
เธอคิดว่าตอนนี้เธออาจจำเป็นต้องพบจิตแพทย์
หลังเสร็จการบรรยาย วิณทร์วายุก็ก้าวออกจากห้องประชุมหรูเพื่อไปยังมุมของว่าง ทักทายและพูดคุยตามมารยาทกับพนักงานจากบริษัทเลิฟ เลิฟ การ์เดนที่เข้ามารุมล้อม
จะมีก็แต่ผู้หญิงที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ข้ามคืนด้วยกันคนนั้น ที่พยายามอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด
เขาไม่ใช่เสือ แต่ก็ไม่ใช่แมวซื่อๆ ด้วยเหมือนกัน การที่เธอเอาแต่เรียกเขาว่าน้อง มองเขาเหมือนเด็กน้อย กระตุ้นเร้าให้เขาอยากฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้กับเธอ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ฝากฝังไว้เพียงครั้งเดียวแน่ๆ
นึกถึงตอนแรกที่หญิงสาวเห็นเขาในฐานะจิตแพทย์ผู้มาบรรยายแล้วขำไม่หาย เธอเบิกตากว้าง สบตากับเขาเหมือนเห็นผี ก่อนจะจิตหลุดนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่ จนเขาจงใจยิ้มให้นั่นแหละ เธอจึงตอบสนองด้วยการก้มหน้างุดและไม่เงยหน้ามองมามองโพเดียมผู้บรรยายอีกเลยตลอดสองชั่วโมง
วิณทร์วายุตอบคำถามเรื่องจิตวิทยาความรักกับพนักงานสาวหลายคน ไล่ไปจนถึงเรื่องอาการซึมเศร้า ดูก็รู้ว่าจงใจชวนคุย ถามโน่นนี่นั่นเพื่อจะได้คุยกับเขานานๆ แต่ชายหนุ่มไม่ได้นึกรำคาญเพราะถือว่าได้แชร์ความรู้ ใครจะไปรู้ว่าอีกหน่อยความรู้ที่ได้อย่างไม่ตั้งใจในวันนี้ อาจจะมีประโยชน์กับพวกเธอเข้าสักวัน
จนกระทั่งหมดเวลาพักเบรกแล้วนั่นละ สาวๆ ที่รุมล้อมเขาจึงทยอยกันเข้าไปในห้องประชุมเพื่อฟังการบรรยายจากนักขายมืออาชีพคนหนึ่งซึ่งเป็นวิทยากรรับเชิญต่อจากเขา
ชายหนุ่มรินชาร้อนมานั่งจิบ แล้วก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ จากปลายสายตา เงานั้นค่อยๆ คืบคลานไปทางด้านหลังเขาอย่างช้าๆ แถมเจ้าของเงานั้นคงจะย่องให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เขารู้ว่ามีคนเดินผ่าน
แหม...เงานั้นช่างเหมือนใครบางคนที่เพิ่งเปิดศึกแดงเดือดกันมาเมื่อคืนเสียจริงๆ
“จะเข้าไปฟังบรรยายแล้วเหรอครับ ผมเห็นคุณยังไม่ได้กินของว่างเลย น้ำสักแก้วก็ไม่ดื่ม” วิณทร์วายุทักขึ้นลอยๆ โดยไม่หันกลับไปมอง
“ไม่ค่ะ ไม่หิว” เงาลึกลับตอบมาเบาๆ ทว่าเสียงแหบห้าวเหมือนกำลังดัดเสียง
“จะไม่หิวได้ยังไง ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน มากินก่อนเถอะน่า เดี๋ยวเข้าไปพร้อมผมก็ได้ บอสคุณไม่ว่าหรอก” เขากลั้นขำ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบพร้อมทำท่าจะวิ่ง
ชายหนุ่มลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้มือวางทาบบนผนัง กันเธอไม่ให้วิ่งหนี แล้วใช้อีกมือหนึ่งกำข้อมือเธอไว้หลวมๆ
หญิงสาวตาเหลือก เหลือบมองรอบตัวลนลาน ละล่ำละลักบอก “ปล่อยก่อนค่ะ”“ทำไม จับแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอครับ ไม่ได้เพิ่งรู้จักกันซักหน่อย” ทีเมื่อเช้าเธอยังกำอย่างอื่นของเขาไว้เสียแน่น จับแค่ข้อมือแค่นี้ ทำไมต้องหวง ทีเขายังไม่หวงสักนิด“อย่าพูดเหมือนเราสนิทกันสิคะ ฉันเพิ่งเคยเจอคุณหมอครั้งแรกเมื่อเช้าหน้าห้องบรรยายเองค่ะ คงไม่กล้าตีสนิทถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้”“คุณไม่รู้จักผมมาก่อนการบรรยายครั้งนี้หรือครับ” เขาจงใจใช้เสียงอ้อนๆ เหมือนกับที่พูดกับเธอเมื่อคืน“ใช่ค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณหมอมาก่อน เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกตอนเช้านี้เลย”ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นครุ่นคิด “งั้นเหรอ เราไม่เคยพบกันมาก่อนเลยหรือ”“ไม่ค่ะ ไม่เคย”“คุณแน่ใจนะ” เขาถามพร้อมหยิบบัตรพนักงานขึ้นมาอ่านชื่อ “คุณคะนึงรัก”“แน่ใจค่ะ”วิณทร์วายุรวบร่างบางแล้วดันเข้าไปในช่องระหว่างพาร์ติชันหรือฉากกั้นสำหรับแบ่งห้องในโรงแรม ยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้เธอ“อย่านะคะ” เธอขู่ชายหนุ่มก้มลงจูบเธอเหมือนที่เพิ่งทำเมื่อเช้า ละเลียดที่กลีบปากอ่อนนุ่มทั้งบนและล่าง แต่ยั้งใจไม่ใช้ลิ้นอุ่นเกี่ยวกระหวัดมากนัก ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะลากเธอขึ้นไปบนห้องพักอีกรอบต
“จูบครั้งแรกที่ไหน” น้ำทิพย์อ่านคำถาม จากนั้นก็ยื่นถังโจรสลัดไปที่เป้าหมาย “หมอวิณทร์เสียบมีดเลยค่ะ”“ผมก่อนเลยเหรอ” วิณทร์วายุถามแต่ก็เสียบมีดโดยไม่รีรอ เจ้าโจรสลัดก็ยังนอนนิ่ง สร้างความผิดหวังให้สาวๆ หลายคน จากนั้นถังโจรสลัดถูกส่งมาเรื่อยๆ จนมาถึงเธอ คะนึงรักไม่ได้หวั่นใจอะไรแต่ทว่าคราวนี้ โจรสลัดหน้ามึนดันดีดตัวขึ้นมาเท่ามกลางเสียงปรบมือโห่ร้องของเพื่อนร่วมโต๊ะ“ลี่เอ๊ย รอดมาได้ตั้งนาน มาโดนคำถามเด็ดเลย” ปราณีปรบมือชอบใจคะนึงรักรู้ว่าคนถูกถามจะต้องตอบตามความจริงเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะเป็นคนทาย ถ้าใครทายถูกจะมีสิทธิ์ออกคำสั่งกับเธอสามข้อ แต่เธอไม่คิดว่าจะมีใครในที่นี้ตอบถูกแล้วก็เป็นไปตามคาด แม้แต่ปราณีซึ่งถือว่าสนิทกับคะนึงรักมากที่สุดก็ยังทายไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่จะคิดว่าจูบครั้งแรกของหญิงสาวน่าจะเกิดขึ้นสมัยเรียน เกือบทุกคนจึงทายว่าเป็นที่มหาลัย โรงเรียน สวนสนุก หรือแม้กระทั่งที่บ้าน ส่วนพิมรดาซึ่งรู้จักคะนึงรักมาตั้งแต่สมัยเรียนตอบอย่างมั่นใจว่าหญิงสาวไม่เคยมีจูบแรก“ไม่มีใครตอบถูกเลย ถือว่าพี่ลี่ชนะ เอ้า...ทุกคน ดื่มให้พี่ลี่หนึ่งแก้ว” น้ำทิพย์สรุป“เฉลยด้วยสิจ๊ะ” ปราณีทวง“ต้องเ
“มีเซ็กซ์ครั้งล่าสุดที่ไหน”โชคดีที่คราวนี้โจรสลัดไม่เล่นงานเธอ หญิงสาวผ่านไปได้อย่างฉิวเฉียด เหลือช่องให้เสียบอีกแค่สองช่อง ถ้าไม่ใช่อาณัติก็คงเป็นวิณทร์วายุนี่แหละ ที่ต้องตอบคำถามนี้และแล้วแจ๊กพ็อตก็ออกที่วิณทร์วายุจนได้ ทำเอาเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณสาวๆ ต่างเดากันไปต่างๆ นานา สรรหาสถานที่ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้มาตอบ แต่ไม่มีใครทายถูกสักคน แม้แต่อาณัติเองก็ทายไม่ถูก“เหลือใครยังไม่ได้ทายอีกไหม เร็วๆ ถ้าทายถูก จะขอพรจากคุณหมอได้สามข้อเลยนะ”“หนูขอทายซ้ำได้มั้ย” น้ำทิพย์รีบยกมือ“ไม่ได้จ้ะ ทายแล้ว ห้ามทายอีก” ปราณีห้าม ทำเอาน้ำทิพย์ชักสีหน้าทันทีแม้คะนึงรักจะยังไม่ได้ทาย แต่เธอไม่อยากขอพรใดๆ จากจิตแพทย์หนุ่ม เพราะอยากอยู่ห่างจากเขามากที่สุด หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบ ทว่าชายหนุ่มไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น“คุณลี่ไงครับคุณแป้น ลี่ยังไม่ได้ทายเลย”“นั่นสินะ ลี่ยังไม่ได้ทายเลย” ปราณีเออออแล้วหันมาหา “ทายมาเร็วสิลี่ โอกาสสุดท้ายแล้ว”หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เซ็กซ์ครั้งล่าสุดของคุณหมอหนุ่มสุดหล่อจะเป็นที่ไหนได้อีก ถ้าไม่ใช่เมื่อเช้านี้ เธอพยายามนึกคำตอบให้ไกลตัวมากที่สุดก่อนจะโพล
ทะเลในยามค่ำคืนสวยแปลกตาแต่ก็ดูลึกลับน่ากลัว เหมือนชายหนุ่มตรงหน้าที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลแต่ก็ชวนหวั่นใจไปพร้อมกันคะนึงรักก้าวเรื่อยๆ ไปตามหาดทรายเคียงคู่กับวิณทร์วายุ แสงสีส้มจากโป๊ะไฟริมหาดส่องสว่างเป็นระยะๆ ทำให้ผืนทรายไม่น่ากลัวจนเกินไป เพราะที่นี่เป็นหาดส่วนตัวของรีสอร์ต มีระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุม จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากบุคคลภายนอก หรือถ้าจะอันตรายก็อันตรายจากคนภายในมากกว่า โดยเฉพาะคนที่เดินเรื่อยๆ อยู่ข้างเธอนี่แหละลมทะเลพัดโชยจนเรือนผมยาวสลวยปลิวมาเกะกะบริเวณกรอบหน้า หญิงสาวจึงใช้ยางรัดผมที่ข้อมือมารวบเอาไว้“ผู้หญิงชอบใส่ยางรัดผมไว้ที่ข้อมือเพราะอย่างนี้นี่เอง” จิตแพทย์หนุ่มชวนคุย“จริงๆ แล้วใช้เวลากินข้าวมากกว่าค่ะ โดยเฉพาะตอนไปกินหมูกระทะหรือบุฟเฟต์กับเพื่อนสาว แต่ก็ต้องดูแก๊งค์ด้วยว่าไปกับแก๊งค์ไหน เพราะบางคนก็สายกินจนท้องแตก แต่บางคนก็เป็นสายดื่มจนอ้วก”“แล้วคุณลี่ล่ะ สายไหน”“ลี่เดินทางสายกลางค่ะ ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทา จะได้ไปได้กับทุกกลุ่ม และไม่เคยอิ่มจนเดินไม่ไหวหรือเมาจนภาพตัดสักที” คนชอบทางสายกลางอวด“เป็นคนระวังตัวสินะ กลัวภาพลักษณ์เสีย” ชายหนุ่มเดายิ้มๆ ดันแ
วิณทร์วายุเดินมาส่งเธอถึงหน้าห้อง แต่เมื่อหญิงสาวโบกมือลาจะเข้าไปด้านใน เขาก็รั้งเธอไว้ด้วยสายตาเว้าวอน จากนั้นก็จับมือเธอแล้วจูงกึ่งลากไปที่ห้องของเขาซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนักแทน“จะไปไหนคะ”“ห้องผมไง ห้องคุณถุงยางหมดแล้ว” เขาตอบตามตรงแบบไม่มีกั๊ก“ไม่ได้ค่ะ เราสองคนจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วนะคะคุณหมอ”“ทำไมจะไม่ได้ เมื่อเช้ายังได้อยู่เลย ถือว่าผมขอพรข้อที่เหลือได้มั้ย ไปห้องผมนะลี่”“แต่พรของจินนี่ บอสก็กำชับแล้วว่าจะต้องอยู่ในวิสัยที่ทำได้” หญิงสาวค้าน“ช่างหัวพรของไอ้บอสนั่นเถอะ พรของผมไม่ใช่แค่ขอพรแบบนั้นสักหน่อย ผมหมายถึงพรอีกอย่างต่างหาก พรที่สะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า porn น่ะ คุณรู้จักไหม”คะนึงรักค้อนขวับ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่า porn หมายถึงหนังโป๊หญิงสาวหรี่ตาลงอย่างมีเลศนัย “สรุปว่าพรข้อที่สามของคุณ ก็คือขอให้ลี่ไปที่ห้องคุณใช่ไหม”“นะครับ” เขาอ้อน“ก็ได้ค่ะ”จิตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง จูงมือเธอเดินกลับไปที่ห้องพัก หญิงสาวยอมตามเข้าไปให้ห้อง ยอมให้เขาประทับจูบร้อนรุ่มจนตัวเธอแทบละลายไปกับรสจูบเย้ายวนนั้นรสจูบที่ผสมผสานระหว่างความหวานของลูกอมรสมิ้นต์หลังมื้ออาหาร กับความขมปร่าแปร่งของเบียร์
อาณัติถอนใจหนักๆ แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ บอสหนุ่มหันมาทางเธอแล้วพูดเสียงขรึม “ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะคุณลี่ ที่มันเสียมารยาท คุณคงรู้จักเพื่อนผมแล้ว ผมคงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก”“ค่ะ คุณหมอวินเป็นจิตแพทย์ที่ให้เกียรติมาบรรยายเกี่ยวกับความรักในงานสัมมนาเมื่อวานนี้” หญิงสาวตอบเลี่ยงให้ไกลตัวมากที่สุดวิณทร์วายุฉีกยิ้ม “พูดเสียเหินห่างเลยนะครับ ลืมแล้วหรือคุณลี่ คุณเป็นจินนี่ของผมด้วยไง พรสามข้อ ถือว่าเราสนิทกันในระดับนึงนะ”คะนึงรักลอบค้อน ก็เขาขอพรไปครบแล้ว เธอไม่มีอะไรติดค้างกับเขาแล้วสักหน่อย ยังจะมาจินน่งจินนี่อยู่ได้ บ้าบอที่สุดเลยอาณัติผู้เคร่งขรึมเอ่ยเสริม “นอกจากหมอวิณทร์จะให้เกียรติมาบรรยายให้พวกเราฟังแล้ว เขายังเป็นหุ้นส่วนของเลิฟ เลิฟ การ์เดนด้วยนะ ถือหุ้นอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้หรอก เพราะเขาแทบไม่เคยเข้ามาที่เลิฟ เลิฟ การ์เดนเลย”หญิงสาวสบตากับชายหนุ่มที่กำลังส่งรอยยิ้มนุบนิบใสซื่อมาให้ เธอยืนตัวแข็ง รู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังจะออกจากร่าง แต่จำต้องฉีกยิ้มโง่ๆ ให้เขาบอส...เจ้านายคนที่สองของเธอสินะ“แหม บอสใหญ่อยากให้ฉันเข้าบริษัทบ่อยๆ ก็ไม่บอกล่ะ งั้นหล
“คนไข้คนสุดท้ายแล้วค่ะหมอวิณทร์ วันนี้ไม่มีนัดแล้ว” จอมใจพยาบาลประจำห้องตรวจของวิณทร์วายุทักขึ้นเมื่อเห็นว่าจิตแพทย์หนุ่มยังคงนั่งอยู่หลังโต๊ะตรวจประจำของตน“อ้าวเหรอ” เขาเงยหน้ามองนาฬิกาติดผนัง “ห้าโมงเองเหรอเนี่ย ทำไมคนไข้หมดแล้วละ”“ก็คุณหมอเล่นตรวจโดยแทบจะไม่พักเลยนี่คะ ช่วงเที่ยงก็พักแค่ไปฉี่แป๊บเดียว”“เหรอ หมอทำแบบนั้นเหรอ”“ทำแบบนี้มาเกือบเดือนแล้วค่ะ” จอมใจบอกเกือบเดือนหรือ...อันที่จริงก็เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เขากลับมาจากสัมมนาที่ทะเลในคราวนั้นพยาบาลสูงวัยเห็นเขาเงียบไปจึงเอ่ยถาม “แล้วนี่คุณหมอจะให้สั่งข้าวไปนั่งกินในห้องทำงานไหมคะ หรือจะกลับบ้านเลย”“หมอว่าหมอออกไปกินข้างนอกดีกว่า ขอบคุณมากครับพี่จอม”“พี่ว่าช่วงนี้คุณหมอแปลกๆ ไปนะคะ ไม่สบายหรือเปล่า ลองไปหาหมอหน่อยไหมคะ” จอมใจแนะนำ“หมอก็เป็นหมอนะ”“พี่รู้ค่ะ แต่ลองให้คุณหมอคนอื่นตรวจดูบ้างก็ดีนะคะ เผื่อๆ ไว้”“ได้ครับ หมอจะลองปรึกษาเพื่อนๆ ดู”จอมใจส่งยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะออกจากห้องตรวจไปทำงานอย่างอื่นต่อ ปล่อยเขาไว้ตามลำพังวิณทร์วายุยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน จะว่าไปหลังจากกลับมาจากสัมมนา ชายหนุ่มรู้สึกว่าตั
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงห้าวทุ้มของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลัง“เสร็จไปอีกงานแล้วนะครับคุณลี่”คะนึงรักหันไปตามเสียง แล้วก็พบกับหนุ่มใหญ่ ใบหน้าเคร่งขรึมทว่าแฝงความใจดีและอ่อนโยนอัคนีเป็นรองผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแห่งนี้ซึ่งคะนึงรักติดต่อด้วยตลอดการทำงาน และชายหนุ่มก็คอยช่วยเหลือทุกอย่างเป็นอย่างดี งานแต่งงานทุกงานที่จัดขึ้นที่โรงแรมหรูหราแห่งนี้จึงมักราบรื่นเสมอ“ต้องขอบคุณคุณนั่นแหละค่ะ คุณช่วยเหลือลี่มาตั้งหลายครั้ง งานของลี่ราบรื่นทุกครั้งก็เพราะคุณอัคนี”แม้ชื่อของหนุ่มใหญ่จะหมายถึงไฟ แต่คะนึงรักคิดว่าเขาเหมือนน้ำมากกว่า เป็นสายน้ำที่สดชื่น ฉ่ำเย็น และเป็นมิตร“ถ้าอยากขอบคุณผมจริงๆ วันนี้คุณลี่กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ กินคนเดียวทุกวันเบื่อมาก ห้องอาหารของโรงแรมก็ซ้ำ แต่จะทำยังไงได้ ผมออกไปกินที่อื่นในเวลางานไม่ได้จริงๆ”จริงๆ แล้วหญิงสาวตั้งใจจะปฏิเสธเพราะห้องอาหารของโรงแรมที่หนุ่มใหญ่หมายถึงก็คือห้องอาหารที่วิณทร์วายุเพิ่งเดินเข้าไป เธอไม่อยากเข้าไปใช้อากาศหายใจร่วมกับจิตแพทย์หนุ่มคนนั้นกับผู้หญิงของเขา แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างเป็นมิตรของอัคนี
ประตูห้องรักษาเปิดออก พร้อมกับร่างสูงกำยำของวิณทร์วายุที่ก้าวเข้าไปนั่งสบายๆ บนเก้าอี้โซฟาเดี่ยว ส่วนที่โต๊ะทำงานซึ่งห่างออกไป มีหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงกำลังจัดแฟ้มงานบนโต๊ะอยู่พินทุอรเป็นนักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวกับเขา ไปเป็นอินเทิร์นหรือแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่เธอเลือกเรียนต่อเฉพาะทางเลย จึงเข้าเป็นเรสซิเดนท์ก่อน ต่างกับเขาซึ่งทำงานอยู่ระยะหนึ่งก่อนเพื่อค้นหาตัวตนให้แน่ใจแล้วค่อยต่อเฉพาะทาง ทำให้หญิงสาวกลายเป็นจิตแพทย์รุ่นพี่“ขอปรึกษาหมออิงหน่อย เรื่องด่วน”เมื่อจิตแพทย์สาวเห็นว่าเป็นใครก็ถามเสียงเนือย “นัดล่วงหน้ามาหรือเปล่าคะ ไม่รู้หรือคะว่าจิตแพทย์ที่นี่ไม่รับนัดวอล์กอินนะ”“กำลังจะทำนัดอยู่นี่ไง นัดกับหมอนี่แหละ นัดเลย คุยเลย อย่าลีลา” ชายหนุ่มหยิบหมอนอิงบนเก้าอี้มากอด เอนหลังในท่าที่สบายขึ้น“ไปหาหมอคนอื่น ฉันไม่รับ”“เดี๋ยวเลี้ยงข้าวที่แคนทีน”“ไม่ว่าง แกไปหาหมอน็อตสิ” พินทุอรหมายถึงจิตแพทย์รุ่งน้องอีกคนซึ่งจะมาตรวจที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละครั้ง“ไม่เอา อายไอ้น็อตมัน”“แล้วกับฉันไม่อายเหรอไอ้วิณทร์ ฉันเป็นหมอสาวแสนสวยนะ”“ไม่อาย แกนิสัยเหมือนผู้ชายมากกว่าไอ้น็อตอีก
“คุณเปิดไฟทำไม”“ผมปลอมตัวเป็นหิ่งห้อย เปล่งแสงหาคู่ไง”คะนึงรักหลุดขำออกมานิดหนึ่ง แสงนวลจากดวงไฟดวงเล็กส่งให้ใบหน้าสวยหวานดูผุดผ่องเรืองรอง รอยยิ้มน้อยๆ จากริมฝีปากอิ่มทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบการที่เขาใจเต้นเมื่อตอนบ่ายวันก่อนที่ได้จูบคะนึงรักนั้น วิณทร์วายุไม่แปลกใจหรือเอะใจเลยสักนิด เขาคิดว่ามันคือความตื่นเต้น เพราะใจคิดไปถึงเรื่องหวานๆ หื่นๆ ครั้งก่อนและกำลังดีใจที่มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็เหมือนตอนที่เขากำลังจะลากผู้หญิงฮ็อตๆ สักคนขึ้นเตียงนั่นแหละ ทั้งหวั่นไหวและคาดหวังถึงเซ็กซ์ที่เผ็ดร้อน หัวใจเขาจึงเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่แต่การที่เขากำลังใจเต้นอยู่ตอนนี้นี่สิ...แปลก เพราะเขายังไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดหญิงสาวแม้แต่น้อย“ผู้ชายอย่างคุณหมอวิณทร์ ไม่ต้องเปล่งแสงหรอก แค่มองแล้วยิ้ม ก็เรียกผู้หญิงเข้าไปหาได้นับสิบๆ คนแล้วมั้ง แทบจะไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ”“คุณก็พูดเกินไป”“ลี่พูดในสิ่งที่คุณเองรู้อยู่แล้วนั่นแหละ”คะนึงรักกดปิดไฟฉาย จากนั้นยื่นผ้าห่มผืนบางขนาดย่อมมาให้ “อากาศไม่หนาว แต่ก็มีลม มีน้ำค้าง แม่ลี่บอกว่าคนกรุงเทพฯ อย่างคุณน่าจะกระหม่อมบาง เดี๋ยวจะไม่สบาย”“คุณห่มเถอะ
เพชรพร้อมมองชายหนุ่มหน้าขาวใสประหนึ่งโบกบีบีครีมครึ่งหลอดบนใบหน้า กำลังมองตามร่างบางของคะนึงรักไป ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มน้อยๆ ดวงตาเรียวรีทอประกายเจิดจ้า“คุณมีอะไรในใจกับน้องผมหรือเปล่า”“มีอะไรนะครับ...”“มีอะไรในใจ” เพชรพร้อมย้ำ“ผม...” อีกฝ่ายกะพริบตาช้าๆ สามสี่ที ดูดน้ำมะพร้าวอีกอึกใหญ่ ก่อนจะบอกตรง “ไม่แน่ใจ ไม่รู้สิครับ”“ถ้าไม่รู้ ยังไม่แน่ใจ ก็อย่ามองแบบนั้น”“เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันได้ด้วยเหรอครับ ตอนนี้ผมไม่รู้ ไม่แน่ใจ ผมก็ตอบตามตรงเท่านั้นเอง”“ผมมีน้องสาวคนเดียว ทั้งรักทั้งหวง ถ้าคุณมาหลอกน้องสาวผม รับรองว่าผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ผมจะอัดคุณให้จมดินเลย” หนุ่มร่างยักษ์พูดพลางหยิบท่อนไม้ขนาดเกือบเท่าแขนเด็กมาหักเล่นชายหนุ่มหน้าขาวยิ้มอ่อนโยน ส่งให้ใบหน้านั้นยิ่งดูอ่อนเยาว์ “คุณจะต่อยผมก็ได้ แต่ก่อนจะมีวันนั้น ผมต้องบอกคุณเสียก่อนว่าตอนเด็กๆ ผมเคยได้เหรียญเงินเทควันโดในกีฬาเยาวชนแห่งชาติมาก่อน ส่วนปัจจุบันนี้ ผมฝึกยูโดจนได้สายดำ และกีฬาที่โปรดปรานอีกอย่างก็คือมวยไทย”“ฝึกไปทำไมเยอะแยะ” เพชรพร้อมขมวดคิ้ว“เพราะผมหน้าอ่อนไงคุณ แถมยังผิวขาว ดูยังไงก็ไม่พ้นไอ้ไก่อ่อน แต่ผมดันหล
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ็ดโมงเช้าไม่ขาดไม่เกิน วิณทร์วายุก็ลงมาที่โต๊ะอาหารซึ่งครอบครัวสาลี่โฮมสเตย์อยู่พร้อมหน้า อาหารเช้าในวันนี้เป็นโจ๊กหมูใส่ตับ ฝีมือของคุณนายรำพึง ส่วนปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้นั้น พฤกษ์ซื้อมาจากตลาดเช้าของหมู่บ้านหลังจากกินอาหารเช้าและพักผ่อนเล็กน้อยแล้ว คะนึงรักก็นำจิตแพทย์หนุ่มไปยังท่าน้ำเพื่อเดินทางไปสวนมะพร้าว“ลี่จะพายเรือไปเองเหรอ”“พี่เพชรจะมารับเราตอนเก้าโมง” หญิงสาวตอบ“พี่เพชร?”“ลูกพี่ลูกน้องของลี่เอง พี่เพชรเป็นลูกชายลุง พี่ชายแท้ๆ ของแม่ค่ะ นั่นไง พี่เพชรมารอแล้ว” ประโยคสุดท้ายเธอพูดพร้อมชี้ไปทางท่าน้ำซึ่งมีเรือลำเล็กลอยลำรออยู่ภายในเรือลำน้อยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่น ผิวสีแทนค่อนไปทางคล้ำ ผมยาวระต้นคอ แถมยังไม่ค่อยชอบโกนหนวดโกนเครา ทำให้ชายหนุ่มยิ่งดูเหมือนพวกโจรป่าที่ชอบมาดักปล้นพรหมจรรย์นางเอก“สวัสดีพี่เพชรย้อม” คะนึงรักทักทายด้วยชื่อแปร่งหูที่มีแต่เธอเท่านั้นเป็นคนเรียก แม้กล้ามแขนที่โผล่พ้นเสื้อยืดย้วยๆ สีเทาของเพชรพร้อมน่าจะหักคอเธอได้ด้วยมือเปล่า แต่หญิงสาวไม่เคยนึกกลัวเพชรพร้อมลุกขึ้นยืนเท้าเอว เอียงคอมองเหมือนพร้อมมีเรื่อง“มาถึง
เสียงเคาะประตูหน้าห้องของคะนึงรักดังขึ้นราวสามทุ่ม หญิงสาวสวมชุดนอนตัวเก่งเดินมาเปิดประตู แล้วก็เห็นพ่อกับแม่แต่งตัวเต็มยศเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก คืนนี้คุณนายรำพึงยิ่งสวยกว่าปกติ เพราะนางม้วนผมเป็นลอนสวย แถมยังตีโป่งตั้งกระบังแบบมองเห็นได้จากหน้าเวทีลิเกเลยทีเดียว“แม่กับพ่อจะออกไปดูลิเก ตอนแรกเห็นว่ามีแขกวีไอพีมาพัก เลยตัดใจแล้ว โชคดีที่ลี่กลับมาพอดี ช่างเป็นอภิชาตบุตรของแม่เหลือเกิน”คะนึงรักมองบิดา “พระเอกคนนี้ที่แม่ตามคล้องพวงมาลัยใช่ไหมพ่อ”“ใช่ พ่อเลยต้องตามไปด้วย กลัวกลับดึกแล้วจะอันตราย” คนเป็นพ่อตอบ“ไม่ใช่ตามไปคุมเหรอ ขี้หึง” คุณนายรำพึงหลิ่วตาพฤกษ์นิ่วหน้า “ใครหึง ไม่มี้”หญิงสาวอมยิ้ม เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี พ่อเธอก็ยังรักยังหลงแม่เธอไม่เคยเปลี่ยน “ไปเถอะค่ะ เที่ยวให้สนุกนะ ไม่ต้องกังวล ลี่ดูแลแขกให้เอง แต่คิดว่าคุณวิณทร์เขาคงนอนแล้วแหละ”“ส่วนพรุ่งนี้เช้า ตามโปรแกรมของสาลี่โฮมสเตย์ หลังกินข้าวเช้าแล้ว แขกจะได้นั่งเรือเที่ยวสวนมะพร้าวตอนเก้าโมง แวะกินข้าวเที่ยงที่ตลาด แล้วกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยที่บ้านตอนบ่าย” มารดาสาธยาย“บ้านเรามีสวนมะพร้าวที่ไหนกัน เห็นมีแต่พวกผลไม
“กลับมาแล้วเหรอลี่” เสียงของคุณนายรำพึงดังมาก่อนตัวคะนึงรักลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว วิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาโดยมีบิดาตามเข้ามาห่างๆ เมื่อกอดมารดาเสร็จก็โผไปกอดบิดาต่อสายตาของคุณนายรำพึงมองเลยไปเห็นคนตัวสูงนั่งหน้าแป้นอยู่ที่โต๊ะกินข้าวก็ตกใจ “ตายจริง มัวแต่ดีใจ ลืมไปเลยว่าวันนี้บ้านเรามีแขกวีไอพี”“เขาลงมาจากห้องแล้วเหรอ” พฤกษ์ถามแล้วหันไปมองตาม“ลงมาตั้งนานแล้วแม่ เปี๊ยกไม่ได้บอกเหรอ”“ไม่ได้บอกน่ะสิ บอกแค่ลี่ให้มาตาม ไอ้เด็กคนนี้ ใช้ไม่ได้เลย” บิดาบ่นคุณนายรำพึงกุลีกุจอเข้าไปหาแขกคนสำคัญ “ขอโทษทีนะพ่อคุณ เบื่อแย่เลย”“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมนั่งคุยเล่นกับคุณลี่เพลินๆ ชวนกันทำโน่นทำนี่ ไม่เบื่อครับ”เห็นสายตาที่มีคำถามของมารดาแล้ว คะนึงรักจึงรีบอธิบาย “โลกกลมมากแม่ คุณวิณทร์เป็นเพื่อนสนิทของบอสลี่เอง เราสองคนรู้จักกันมาก่อน”“สนิทกันด้วยครับ” วิณทร์วายุเสริม“จริงเหรอ” คุณนายรำพึงถาม“จริงครับแม่”คะนึงรักส่งสายตาดุๆ ไปให้ ‘ลูก’ ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น อยากจะถามเขาเหลือเกินว่าเธอไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ใจไม่กล้าพอเพราะกลัวคำตอบของจิตแพทย์หนุ่ม ก็ถ้าเกิดเขาโพล่งออกไปว่าเธอกับเขาสนิทกัน
คะนึงรักสวมเสื้อยืดแขนกุดกับกางเกงขาสั้น นั่งเอายาดมตราโป๊ยเซียนของคุณนายรำพึงยัดรูจมูก นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาเสียท่าให้วิณทร์วายุตอนกลางวันแสกๆ ในห้องซึ่งเคยเป็นนอนของตัวเองหลังจากที่หญิงสาวลากกระเป๋าแผ่นแน่บอกมาจากห้องเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะจับเธอกินอีกเป็นครั้งที่สอง เธอก็เจอเปี๊ยกและได้รู้ว่าตอนนี้บ้านของเธอกลายเป็น ‘สาลี่โฮมสเตย์’ และห้องนอนกลายเป็นห้องพักแขกไปเรียบร้อยแล้ว เธอจึงต้องย้ายขึ้นไปนอนที่ห้องใต้หลังคา แถมวิณทร์วายุยังกลายเป็นแขกวีไอพีของบ้านพักแห่งนี้เสียอีกนี่โลกกลมหรือพรหมลิขิตกันนะตอนนี้ทั้งคู่ลงมานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในฐานะของแขกกับลูกสาวเจ้าของที่พัก“ให้ผมออกไปตามลุงกับป้าที่อยู่ในสวนให้มั้ยครับพี่ รับรองไม่เกินสิบห้านาที” เปี๊ยกถามเมื่อเห็นแขกวีไอพีนั่งจิบน้ำมะตูมที่เริ่มละลายอยู่ที่โต๊ะรับแขก“ไม่เป็นไรเปี๊ยก พี่ลี่ของเปี๊ยกดูแลฉันได้”‘พี่ลี่’ ค้อนขวับแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร ทำเพียงหันไปสั่งเด็กชายวัยรุ่น “ไปบอกหน่อยก็ดี เผื่อแขกต้องการอะไรแล้วพี่หาให้ไม่ได้”“ได้เลยพี่ลี่” รับคำเสร็จ เปี๊ยกก็วิ่งปรู๊ดหายไป“คุณใส่แว่นแบบนี้แปลกตาดีนะ น่ารักไปอีกแบบ” วิณทร์วายุบ
หญิงสาวแหงนใบหน้าไปด้านหลังยามที่กระตุ้นเร้าลึกซึ้ง เธอร้องครวญครางจนลืมอายเมื่อคลื่นความหฤหรรษ์ก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและกำลังจะแตกกระจายในไม่ช้า“คุณวิณทร์...” เธอเรียกเขาเสียงหวานเพื่อร้องขออะไรบางอย่างที่มีแต่เขาที่ให้ได้“รู้แล้วคนเก่ง” เขากระซิบตอบ พร้อมกระแทกนิ้วแข็งตอกย้ำเร็วๆ หลายครั้งคะนึงรักกระตุกเกร็ง สมองหมุนคว้าง ล่องลอยอยู่ในห้วงความสุขสม กึ่งกลายกายเต้นตุบๆ และตอดรัดนิ้วของวิณทร์วายุอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเขาถอดถอนออกไปแล้วนั่นละ หญิงสาวจึงเห็นว่าทั้งต้นขาและพื้นห้องเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักของเธอ“ไม่เป็นไร เดี๋ยวทำความสะอาดได้” เขาพูดเหมือนปลอบราวกับล่วงรู้ถึงสิ่งที่เธอกังวล“น่าอายจัง”“ไม่น่าอาย เดี๋ยวดูผมนะ ผมจะทำเลอะให้เต็มตัวคุณเลย” พูดจบชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นแล้วก้าวไปที่เตียงวิณทร์วายุวางเธอบนเตียงกว้าง ถอดกางเกงอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ก้าวขึ้นมาทาบทับ ใช้แก่นกายแข็งขึงร้อนฉ่าเบียดกับความเป็นหญิงของเธอเหมือนจงใจ ชายหนุ่มก้มลงจูบเธออีกครั้ง ขบเม้มริมฝีปากและดูดดึงลิ้นเธออย่างเร่าร้อน มือหนากดส่วนปลายซึ่งตอนนี้มีน้ำใสๆ เคลือบอยู่หมุนวนที่ติ่งเนื้อบวมเบ่งจากการเสร็จสมใน
“เฮ้ย!”“กรี๊ด...”วิณทร์วายุรวบร่างบางเปลือยเปล่าเข้ามากอด ใช้เรือนกายของตนเองบังไว้ ยกมือขึ้นปิดปากเธอเสียแน่นพร้อมบอก“อย่าร้องสิคุณ เดี๋ยวใครจะนึกว่าคุณโดนผมปล้ำ”ได้ยินคำว่า ‘ปล้ำ’ หญิงสาวก็เริ่มดิ้นรนให้หลุดออกจากอ้อมกอด และนั่นยิ่งทำให้ร่างกายกึ่งเปลือยของทั้งคู่เสียดสีกันอย่างช่วยไม่ได้ หน้าอกอวบอิ่มเบียดอัดกับแผงอกและหน้าท้องเขา ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่กำลังขยับไปมาที่กึ่งกลางกายอีกต่างหากนี่เจ้าหล่อนแค้นอะไรนักหนา ตั้งใจจะฆ่ากันให้ตายวันนี้เลยใช่ไหมชายหนุ่มหายใจสะดุด พยายามควบคุมสถานการณ์โดยรวบตัวเธอไว้แน่นขึ้น ไม่รู้ว่าจับอะไรไปบ้าง ขอแค่แม่เจ้าประคุณหยุดดิ้นแบบนี้ก่อน“คุณลี่ หยุดดิ้นก่อน คือผม...”“คุณจับก้นลี่” เธอโวยวายทั้งที่ยังโดนมือเขาปิดปากวิณทร์วายุสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเลื่อนมือขึ้นจากบั้นท้ายมาจับไว้ที่แผ่นหลัง นั่นกลับเหมือนเขาใช้ฝ่ามือลากไล้ไปตามเนื้อตัวเธอ ผิวเนื้อนวลเนียนที่ได้สัมผัสทำให้ชายหนุ่มอดนึกถึงคืนนั้นของเขากับเธอไม่ได้ เขาลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนบอกเสียงแหบพร่า“ฟังนะ ถ้าผมปล่อย คุณห้ามร้องโวยวายเด็ดขาด”“อืม”“สัญญานะ”คะนึงรักพยักหน้า ชายหนุ่