กานต์ชิสาเดินตามเขมณัฏฐ์มายังท่าข้าวและโรงสีที่อยู่ติดกับรั้วบ้านซึ่งตอนนี้มีรถบรรทุกข้าวเปลือกมารออยู่หลายสิบคัน คนงานหลายคนมองมาที่หญิงสาวแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน
“ข้าวเปลือกพวกนั้นคุณจะเอาไปทำอะไรต่อคะ”
“เอาไปสีเป็นข้าวสารจากนั้นก็บรรจุใส่กระสอบแล้วส่งขาย หรือบางครั้งก็ส่งไปให้กับพ่อค้าคนกลางอีกทีหนึ่ง”
“แล้วคนที่เขาเอามาขายเป็นชาวนาเหรอคะ”
“บางครั้งก็ชาวนาเอามาขายโดยตรงแต่บางครั้งก็เป็นตัวแทนที่เขาจะรวมกลุ่มกันเอามาขายให้” เขมณัฏฐ์อธิบายให้เธอฟังคร่าวๆ ก่อนจะพาเธอเข้ายังห้องกระจกที่อยู่ด้านข้างซึ่งเขามักเรียกที่นี่ว่าออฟฟิศ
“เข้ามาสิผมจะแนะนำให้รู้จักพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศ”
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องกระจกออกแล้วในนั้นมีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคนด้วยกัน เขมณัฏฐ์แนะนำให้เธอรู้จักกับคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชีชื่อศิริรัตน์หรือพี่รัตน์และผู้ช่วยของเธออีกสองคนคือสายพินหรือหญิง ส่วนคนสุดท้ายที่ดูดเด็กกว่าคนอื่นชื่อกุ้งหรือรัตนา
หลังจากแนะนำให้เธอรู้จักกับทั้งสามคนแล้วเขาก็ขอตัวออกไปทำงานด้านนอก กานต์ชิสาขอตามออกไปดูการทำงานของเขาด้วยระหว่างที่นี้หญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะคุยกับเขาเรื่องเครื่องปรับอากาศในห้องนอน
“คุณเข้มค่ะเรื่องที่ฉันบอกว่าอยากจะซื้อของค่ะ ฉันขออนุญาตซื้อแอร์ได้ไหมห้องที่ฉันอยู่มันร้อนมากๆ เลย” หญิงสาวตะโกนแข่งกับเสียงรถสิบล้อที่กำลังทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ
“อยากซื้ออะไรก็ไปจัดการเลย แล้วมาเบิกเงินที่พี่รัตน์ในห้องบัญชีหรือให้ทางร้านเขาส่งบิลมาเก็บก็ได้ ร้านค้าแถวนี้เขารู้จักท่าข้าวของผมดี”
“ถ้างั้นฉันขอตัวไปจัดการเลยนะคะ”
เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้วหญิงสาวก็เดินกลับมาบริเวณบ้านของเขาซึ่งตอนนี้น้าประนอมกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่พอดี
“ไปดูท่าข้าวมาเหรอคะหนูเค้ก”
“ใช่ค่ะน้านอม แต่ที่นั่นฝุ่นเยอะมากๆ เลย”
“น้าก็ว่าจะเตือนหนูตั้งแต่ก่อนไปแล้วว่าอย่าเข้าไปที่นั่นเลยเพราะบางคนโดยละอองพวกนั้นแล้วจะแพ้เอานะเพราะมันไม่ใช่ฝุ่นอย่างเดียวแต่มันคือละอองของข้าวเปลือก”
“พอน้าพูดแบบนี้เค้กก็รู้สึกคันตัวไปหมดเลยค่ะ”
“น้าว่าหนูรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหม ถ้ามีผื่นก็ออกมาทายาแล้วก็กินยาแก้แพ้นะคะ”
“เค้กว่าคงเป็นไรหรอกค่ะอาบน้ำก็น่าจะดีขึ้น” กานต์ชิสารีบเข้าไปในห้องนอนจากนั้นอาบน้ำแต่งตัวและเปลี่ยนมาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนขายาวเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“หนูเค้กจะไปไหนคะ จะไปท่าข้าวอีกหรือเปล่า”
“เค้กว่าจะออกไปซื้อของใช้ที่จำเป็นบางอย่างค่ะ แล้วก็จะให้ช่างมาติดแอร์ที่ห้องด้วยเพราะห้องนอนของเค้กไม่มีแอร์”
“ห้องนั้นมันมีแอร์นะคะ แต่แอร์ที่ท่าข้าวมันไม่ค่อยเย็นคุณเข้มเห็นว่าห้องนั้นไม่มีคนใช้ก็เลยให้ช่างย้ายแอร์ไปติดเพิ่มที่นั่นค่ะ เมื่อคืนคงร้อนแย่ใช่ไหม”
“นิดหน่อยค่ะ เค้กมาถึงที่นี่เที่ยงคืนกว่าแล้วอากาศมันก็เย็นและเค้กก็เพลียมากก็เลยหลับง่าย แต่ถ้าให้เค้กอยู่แบบไม่มีแอร์เค้กคงอยู่ไม่ได้จริงๆ ค่ะน้านอม”
“น้าเข้าใจ เดี๋ยวนี้ชาวบ้านเขาก็ติดแอร์กันเยอะขึ้นแล้วเพราะร้านในเมืองมีให้ผ่อนรายเดือนแบบถูกๆ อากาศเมืองไทยมันร้อนขึ้นมาก ถ้าเป็นสมัยก่อนนี่เปิดหน้าต่างแล้วก็นอนรับลมสบายเลยแต่ปีหลังๆ มานี่น้าว่ามันร้อนจริงๆ ขนาดที่บ้านของน้ายังต้องเปิดแอร์และมานอนรวมกันหลายๆ คนเลย”
“ส่วนใหญ่เขาจะไปซื้อแอร์ที่ร้านไหนคะน้านอม”
หญิงสาวถามเพราะตนเองก็ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนครั้นจะสั่งทางออนไลน์ก็คงจะชักช้าไม่ทันการณ์อีกอย่างการสั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ขนาดนี้มันก็จะต้องมีค่าติดตั้งด้วยเธอเลยอยากจะหาร้านที่ไว้ใจได้และจะเร่งให้เขามาติดตั้งภายในวันนี้
“ร้านในเมืองมีเยอะแยะเลยค่ะ แต่น้าจะแนะนำให้คุณเค้กไปร้านหนึ่งเดี๋ยวน้าเอานามบัตรให้นะคะ” ประนอมหายเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายจากนั้นก็กลับออกมาพร้อมกับนามบัตร
“ร้านนี้เป็นเพื่อนของคุณเข้มค่ะ หนูเค้กไปบอกเขานะว่าจะติดแอร์ในห้องนอนเขาน่าจะรู้ว่าต้องใช้ขนาดไหน”
“แล้วน้าคิดว่าช่างเขาจะมาติดให้เค้กวันนี้เลยหรือเปล่าคะ”
“ถ้าเป็นร้านอื่นน้าไม่รู้แต่ร้านนี้รับรองมาติดให้อย่างรวดเร็วเลยแหละ”
“แล้วร้านอยู่ตรงไหนหายากไหม”
“ไม่หรอกค่ะ”
“ให้น้าเป็นเพื่อนไหมคะ”
“น้านอมลองบอกทางมาก่อนก็ได้ค่ะถ้าไปไม่ยากเค้กก็คิดว่าจะไปเอง”
“คุณเค้กขับรถออกจากรั้วและเลี้ยวขวาจากนั้นก็ขับตรงไปจนกระทั่งถึงแยกบริเวณตลาดสดก็เลี้ยวขวาอีกครั้ง จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ ผ่านสองไฟแดงพอถึงไฟแดงที่สามคุณเค้กก็เลี้ยวขวาค่ะจากนั้นก็จะเห็นป้ายร้าน ร้านเขาค่อนข้างใหญ่มากน่าจะใหญ่ที่สุดในจังหวัด”
“เท่าที่ฟังเค้กว่าน่าจะหาง่ายอยู่นะคะ น้านอมจะฝากซื้ออะไรไหมคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ น้าก็เพิ่งเข้าไปในเมืองเมื่อวานก่อนเอง”
“น้านอมคะปกติของใช้ทั่วไปในบ้านใครจะเป็นคนซื้อคะ”
“ส่วนใหญ่ก็จะน้าค่ะ อาทิตย์หนึ่งก็จะสำรวจที่หนึ่งว่ามีอะไรขาดเหลือไหม คุณเค้กอยากได้อะไรก็จดไว้นะคะ เดี๋ยวน้าจะไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรค่ะวันนี้เค้กว่าจะไปดูเองก่อน”
“ถ้าคุณเค้กจะซื้อของใช้มันก็มีห้างสรรพสินค้าอยู่ไม่ไกลจากร้านที่บอกเลยค่ะ แล้วจะกลับมากินข้าวกลางวันไหมน้าจะได้เตรียมให้ค่ะ”
“เค้กว่าคงหาอะไรกินในเมืองค่ะ ปกติแล้วคุณเข้มจะกลับมากินข้าวกลางวันไหมคะ”
“ส่วนใหญ่ก็จะกลับมากินค่ะ แต่บางวันก็ไปกินกับคนงานที่ร้านอาหารตามสั่ง ส่วนตอนเย็นก็จะกินข้าวที่บ้านค่ะ”
“ถ้างั้นเค้กจะกลับมาให้ทันอาหารเย็นนะคะ”
“ได้เลยค่ะ คุณเข้มคงหายเหงาเพราะมีคนมากินข้าวเย็นด้วย”
“เขากินข้าวคนเดียวทุกวัยเลยเหรอคะน้านอม”
“ค่ะ ปกติแล้วคุณเข้มอยู่คนเดียวพอตกเย็นบ้านก็เงียบจะเงียบมากๆ”
“แล้วน้านอมไม่ได้นอนค้างที่นี่เหรอคะ”
“ไม่ค่ะ น้าจะตื่นมาทำกับข้าวตอนเช้าจากนั้นก็ทำงานบ้านพอตกเย็นทำอาหารเย็นทิ้งไว้ให้แล้วก็กลับบ้าน”
“บ้านน้านอมอยู่ไกลไหม”
“ไม่ไกลหรอกค่ะ น้าขี่มอเตอร์ไซค์มาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ”
“น้ามาทำงานทุกวันไหม”
“น้าได้หยุดวันอาทิตย์วันหนึ่งค่ะ”
“เค้กมาอยู่ที่นี่น่าจะเพิ่มภาระให้น้านอมเยอะเลยใช่ไหมคะ”
“อย่าคิดแบบนั้นสิการได้ดูแลเพื่อนของคุณเข้มก็ถือว่าเป็นงานของน้าอย่างหนึ่งนะคะไม่ได้เป็นภาระอะไรเลย แต่น้าว่าหนูอย่ามัวคุยกับน้าเลยเดี๋ยวจะไปถึงที่ร้านสาย เกิดช่างเขาออกไปติดตั้งแอร์กันหมดทีนี้จะลำบากเอานะ”
“นั่นสิคะเค้กลืมไปเลย เค้กไปก่อนนะคะน้านอม”
ท่ามกลางความมืดในเวลาเกือบเที่ยงคืนรถยนต์สองคันขับเบียดกันมาบนถนนเส้นหนึ่งก่อนที่รถคันหน้าจะเสียหลักพลิกคว่ำอยู่หลายตลบจนไปชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางรถที่ขับเบียดมานั้นไม่ได้จอดให้ความช่วยเหลือแต่ขับเลยไปแล้ววนกลับมาอีกครั้งคนในรถรีบโทรศัพท์แจ้งเหตุกับกู้ภัยและรอจนกระทั่งได้ยินเสียงไซเรนก็รีบขับออกไปจากจุดเกิดเหตุเสียงโทรศัพท์ของกานต์ชิสาหญิงสาววัย 24 ปีดังขึ้นในเวลา 02.15 นาฬิกา เจ้าของโทรศัพท์กวาดมือไปบนเตียงนอนเพื่อหาโทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่ามันไปซ่อนอยู่ตรงไหนบนเตียงนอนกว้าง“ใครโทรมาเวลานี้นะ” หญิงสาวเปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพื่อหาโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงไม่ยอมหยุด ถ้าปลายสายที่โทรมาไม่มีเรื่องสำคัญละก็ได้เห็นดีกันแน่“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีใช่เบอร์ของคุณกานต์ชิสาไหมคะ”“ใช่ค่ะ”“ดิฉันเป็นพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินจากโรงพยาบาล xxx ค่ะ”“โรงพยาบาลเหรอคะ” กานต์ชิสามองนาฬิกาดิจิทัลที่โต๊ะข้างเตียงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน ดึกขนาดนี้แล้วโรงพยาบาลจะโทรมาหาเธอทำไมกันหรือว่าจะมีใครเป็นอะไร“ใช่ค่ะ ดิฉันจะโทรมาแจ้งว่าตอนนี้คุณกานต์สิชาได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วเธอให้เราโทรมาแจ้งคุณค่ะ”“แล้วพี่สาวของฉันเป็นอะไร
“พี่ครีมบอกเค้กมานะว่าพี่กับเขาเป็นอะไรกัน” กานต์ชิสาคาดคั้นพี่สาวเมื่อกลับมาถึงบ้าน“เค้กพี่ยืนยันอีกครั้งว่าพี่ได้เป็นเมียน้อยเขาอย่างที่เค้กคิดหรอกนะ พรุ่งนี้พี่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เค้กฟังทั้งหมดแต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้ไหม”“ก็ได้ แต่เค้กว่าพี่อาบน้ำก่อนดีไหม แล้วพี่มียาที่ต้องกินหรือเปล่า”“เอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้”เมื่อพี่สาวเข้าห้องนอนไปแล้วกานต์ชิสาก็กลับมาห้องนอนของตนเอง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีห้าแล้วหญิงสาวเลยไม่นอนต่อ หญิงสาวเปลี่ยนมาสวมกางเกงผ้ายืดขาสั้นกับเสื้อกล้ามเพื่อจะออกไปวิ่งบริเวณสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านปกติแล้วตอนอยู่ที่อังกฤษกานต์ชิสาจะออกกำลังกายทุกเช้าแต่กลับมาเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์กว่าแล้วก็ยังไม่มีโอกาสออกกำลังกายสักที ในเมื่อวันนี้ยังไงก็นอนไม่หลับเธอก็เลยถือโอกาสนี้ไปออกกำลังกายหลังจากวิ่งจนเหงื่อชุ่มก็กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เธอกลับเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขี่จักรยานยนต์ไปตลาดหน้าหมู่บ้านซื้อโจ๊กมาให้พี่สาวเพราะเธออาจจะต้องมียาทานหลังอาหารส่วนตัวเองนั้นกลับมาชงกาแฟทานกับขนมปังที่อยู่ในตู้เธอดื่มกาแฟและทานขนมจนกระทั่งแปดโมงครึ่งพี่สาวก็ยังไม่ออกมาซึ่
“เค้กจำป้ายุพินที่อยู่ท้ายซอยหมู่บ้านเราได้ไหม”“ใช้บ้านหลังสุดท้ายที่เล็กๆ ไหม”“ใช่บ้านหลังนั้นแหละ”“ป้ายุพินมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เหรอพี่ครีม”ป้ายุพินแกมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง ชื่อชลนิภาหรือนิ แล้วนิคนนี้แหละที่เป็นเมียน้อยของคุณไตรภพ”“อะไรนะ ถ้าเค้กจำไม่ผิดเด็กนั่นน่าจะอายุน้อยกว่าเราหลายปีเลยนะคะ” เพราะไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทยจึงไม่แน่ใจว่าหลานสาวของป้ายุพินจะอายุเท่าไหร่แต่เท่าที่เธอจำได้ตอนที่เธอมาเยี่ยมบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อสี่ปีก่อนเด็กคนนั้นยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมอยู่เลย“ใช่ตอนนี้นิกำลังเรียนอยู่ปีสองและแอบคบกับคุณไตรภพแต่ทุกครั้งที่นัดเจอกันก็มักจะนัดเจอกันที่ร้านของพี่”“เมียของเขาเลยคิดว่าพี่เป็นเมียน้อยของเขาใช่ไหมคะ”“อือก็ประมาณนั้น”“แล้วทำไมพี่ครีมไม่บอกเขาไปล่ะว่าพี่ไม่ใช่เมียน้อย”“พี่เคยอธิบายให้เขาฟังหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจสุดท้ายพี่ก็เลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ”“แล้วจะยอมให้เขาเข้าใจผิดเราไปแบบนี้เหรอคะพี่ครีม”“เค้กจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย แล้วถ้าพี่ไปบอกเมียเขาว่านิคือเมียน้อยของสามีเขาพี่ก็สงสารเด็กนะตอนนี้ป้ายุพินไม่ได้ทำงานอะไรเล
เมื่อคุยกับพี่สาวแล้วกานต์ชิสาก็แวะไปยังร้านเบเกอรี่สั่งงานลูกน้องตามที่พี่สาวบอกจากนั้นก็ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนจะตรงไปยังโรงพยาบาล หญิงสาวได้ชื่อจริงและนามสกุลจริงมาจากกานต์สิชาก็เลยถามจากทางประชาสัมพันธ์และอ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันชีวิตประชาสัมพันธ์ก็เลยยอมบอกว่าคุณไตรภพรักษาตัวอยู่ที่ไหนกานต์ชิสาเดินตามป้ายบอกทางแผนกไอซียูเธอยืนมองคนไข้ที่อยู่ด้านในผ่านกระจกหญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคนไหนชื่อไตรภพจึงต้องไปถามจากพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์แต่พยาบาลพยาบาลก็ไม่ยอมบอกเธอถอนหายใจและขอตัวกลับแต่ยังไม่ทันออกมาจากบริเวณหน้าห้องไอซียูก็เจอผู้หญิงกับผู้ชายเดินมาเข้ามาทัก“ยังมีหน้ามาเยี่ยมกันอีกนะ เพราะเธอคนเดียวเลยทำให้พี่ไตรถึงเป็นแบบนี้”“คุณพูดถึงอะไร” กานต์ชิสากำลังงงว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร“ยังจะมาทำหน้าซื่อ ฉันรู้นะว่าเมื่อคืนเธออยู่ในรถกับพี่ไตร”“คุณเป็นเมียของคุณไตรภพเหรอคะ” กานต์ชิสาถามเพราะไม่เคยเจอมาก่อนแต่ถ้าเดาจากคำพูดก็น่าจะใช่“อย่าทำมาเป็นไม่รู้จักฉันหน่อยเลย เธอก็รู้ว่าฉันเป็นเมียพี่ไตร แล้วฉันขอบอกไว้เลยนะว่ายังไงฉันกับพี่ไตรไม่มีทางเลิกกันเด็ดขาด”“ค่ะ”“แล้วเ
กานต์ชิสากลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายซึ่งตอนนี้กานต์สิชาแฝดคนเป็นพี่ก็กำลังรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน“เป็นยังไงบ้างเค้กคุณไตรภพฟื้นหรือยัง”“ยังเลย เค้กไปเจอเมียเขาด้วยนคะ เขาคิดว่าเค้กคือพี่”“อะไรนะ แล้วเขาว่าอะไรเค้กหรือเปล่า”“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่เขาบอกว่าห้ามเราไปเยี่ยม ถ้าหากเราไม่เชื่อและยังไปเยี่ยมสามีเขาอีก เขาอาจจะส่งคนมาพังร้านก็ได้ ทำไมคุณเขมิกาถึงใจร้ายแบบนั้นล่ะพี่ครีม”“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันปกติเขาก็ไม่เคยมาวุ่นวายเลย”“หรือเป็นเพราะอาการสามีเขาก็ค่อนข้างหนัก”“หนักเหรอแต่เมื่อวานพยาบาลบอกว่ามีแค่ขาหักเองนะ”“อือ เค้กก็ได้ยินแบบนั้น แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องไอซียู เมียเขาบอกว่าเขามีเลือดออกในสมองด้วย ไม่รู้ว่าจะฟื้นมาตอนไหนแล้วจะจำอะไรได้หรือเปล่า”“พี่ไม่คิดเลยว่าอาการเขาจะหนักขนาดนั้น”“เค้กก็ไม่คิดเหมือนกัน ถ้าเกิดสามีเขาเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆเค้กว่าพี่ครีมแย่แน่ เขายิ่งโทษว่าเป็นความผิดของพี่อยู่”“จะว่าเป็นความผิดของพี่ยังไง เขาเองแหละที่ขับรถไล่เบียดจนคุณไตรภพต้องขับรถหนี”“แล้วแบบนี้เราจะเอายังไงกันต่อล่ะ ถ้าคุณไตรภพเขาไม่ฟื้นและมาบอกความจริงกับเมียของเขา เค้กว่าพี่ครีมแย่แน
เขมณัฏฐ์งัวเงียเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อน้องสาวขึ้นมาปลุกตั้งแต่เช้า“มีอะไรแต่เช้าหรือว่านายไตรฟื้นแล้ว”“ไม่ใช่ค่ะ พี่ไตรยังไม่ฟื้นแต่เมื่อกี้พยาบาลที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่ามีผู้หญิงจะพยายามเข้าไปเยี่ยมพี่ไตร เขมว่าพี่เข้มต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เขมนะคะ ถ้าเธอยังไปวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนั้นมันไม่ดีเลย”“เดี๋ยววันนี้พี่จะเรียกเธอมาคุยอีกที จะพูดกับเธอดีๆ”“ผู้หญิงแบบนี้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ พี่ต้องพาเธอไปอยู่สุโขทัย”“ถ้าพี่กลับไปอยู่สุโขทัยแล้วเขมจะอยู่คนเดียวยังไงยิ่งช่วงนี้ท้องอยู่ด้วยนะ”“เขมอยู่คนเดียวที่ไหนที่บ้านก็มีเด็กรับใช้อยู่”“แต่พี่เป็นห่วงนะ”“ถ้าพี่เป็นห่วงเขมจริงๆ พี่ก็ต้องทำให้เขมสบายใจ นะคะพี่เข้มช่วยเขม ช่วยกันเธอออกไปจากชีวิตของพี่ไตรช่วงนี้ก่อนได้ไหมคะ เขมไม่อยากเครียด แค่เรื่องที่พี่ไตรยังไม่ฟื้นเขมก็เครียดมากอยู่แล้ว ถ้ายังจะต้องมาสู้รบตบมือกับเมียน้อยของพี่ไตรอีกเขมคงแย่แน่ๆ” เขมิกาพยายามโน้มน้าวพี่ชายอย่างเพราะเธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้กับไตรภพโดยเฉพาะช่วงที่เขากำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเจอผู้หญิงคนอื่นก่
“ผมคงไม่หลงกลคุณเหมือนนายไตรหรอก ที่จะจ้างให้คุณไปอยู่ด้วยก็แค่ชั่วคราวพอนายไตรฟื้นเมื่อไหร่ก็เลิกจ้างตกลงไหมล่ะ”“ฉันว่าคุณกับน้องของคุณระแวงเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวมองว่ามันไร้สาระมากเลยแกล้งเรียกเงินเขาไปมากถึงห้าหมื่น“อะไรที่ทำแล้วน้องผมสบายใจผมก็จะทำตกลงคุณจะไปกับผมไหมล่ะ”“ถ้าคุณให้ฉันห้าหมื่นฉันก็ตกลง”ที่กานต์ชิสายอมรับข้อเสนอของเขมณัฏฐ์ไปเพราะกลัวว่าชายหนุ่มและน้องสาวจะไปยุ่งวุ่นวายกับกานต์สิชาที่ร้านเบเกอรี่ แต่ถ้าหากหญิงสาวยอมไปกับผู้ชายคนนี้พี่สาวของเธอก็จะได้เปิดร้านตามปกติและตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้ทำงานอะไรการไปอยู่กับเขาระหว่างที่รอให้ไตรภพฟื้นมันก็คงไม่น่าเสียหายเท่าไหร่อีกอย่างกานต์ชิสาก็รู้สึกว่าเขาจะเป็นรักแรกพบสำหรับเธอจังหวัดที่เขาบอกน่าจะอยู่ทางภาคเหนือซึ่งถือเธอจะรู้มาว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะมาก เธอคงสนุกมากแน่ๆ ถ้าจะได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ไปเที่ยวโดยมีเงินเดือนใช้ด้วย“อย่าคิดช้านะคะ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ” หญิงสาวสาวพูดกระตุ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นต่อ“ตกลงก็ได้ห้าหมื่นพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่ร้านเบเกอรี่” เขารีบตกลงเพราะกลัวว่า
เขมณัฏฐ์มาจอดรถรับกานต์ชิสาที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งเขามองกระเป๋าเป้ที่เธอวางไว้ที่เบาะหลังด้วยอยู่ความสงสัยและเมื่อเธอขึ้นมานั่งในรถแล้วก็อดถามไม่ได้“ทำไมมีกระเป๋าเป้แค่ใบเดียวล่ะ”“เดี๋ยวฉันค่อยไปหาซื้อข้างหน้าก็ได้เพราะถ้าฉันเอากระเป๋าใบใหญ่ไปคนอื่นจะได้สงสัยกันพอดีว่าฉันจะไปไหน”“แต่จังหวะที่เราจะไปมันไม่มีห้างใหญ่ๆ เหมือนในกรุงเทพบอกนะ ถ้าอยากจะมาซื้อก็ต้องเข้ามาอีกจังหวัดหนึ่ง”“ถ้างั้นคุณก็พาฉันแวะซื้อก่อนกลับสิ”“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ เราออกจากที่นี่บ่ายมากแล้วไปถึงก็น่าจะดึก ผมไม่ค่อยชอบขับรถกลางคืนสักเท่าไหร่”“ฉันนึกว่าเราจะนั่งเครื่องไป”“จริงๆ แล้วไปสุโขทัยมันก็มีเที่ยวบินอยู่แล้วแต่บังเอิญว่าผมขับรถมาน่ะคุณก็เลยต้องนั่งรถกลับกับผมหลายชั่วโมง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเอาไว้ผมว่างผมจะพาคุณไปซื้อที่ห้างใกล้ๆ แถวนั้นก็แล้วกันนะ”“ได้ไม่มีปัญหาหรอก แต่ฉันสั่งออนไลน์เอาก็ได้ คุณช่วยแวะร้านสะดวกซื้อให้ฉันหน่อยสิฉันว่าคงต้องตุนเสบียงแล้วแหละ นั่งรถหลายชั่วโมงแบบนี้”เขมณัฏฐ์พยักหน้าจากนั้นเขาก็ขับไปจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง“คุณจะลงไปกับฉันไหม”“ไม่ล่ะ ผมให้เวลาคุณ 10 นาที
กานต์ชิสาเดินตามเขมณัฏฐ์มายังท่าข้าวและโรงสีที่อยู่ติดกับรั้วบ้านซึ่งตอนนี้มีรถบรรทุกข้าวเปลือกมารออยู่หลายสิบคัน คนงานหลายคนมองมาที่หญิงสาวแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน“ข้าวเปลือกพวกนั้นคุณจะเอาไปทำอะไรต่อคะ”“เอาไปสีเป็นข้าวสารจากนั้นก็บรรจุใส่กระสอบแล้วส่งขาย หรือบางครั้งก็ส่งไปให้กับพ่อค้าคนกลางอีกทีหนึ่ง”“แล้วคนที่เขาเอามาขายเป็นชาวนาเหรอคะ”“บางครั้งก็ชาวนาเอามาขายโดยตรงแต่บางครั้งก็เป็นตัวแทนที่เขาจะรวมกลุ่มกันเอามาขายให้” เขมณัฏฐ์อธิบายให้เธอฟังคร่าวๆ ก่อนจะพาเธอเข้ายังห้องกระจกที่อยู่ด้านข้างซึ่งเขามักเรียกที่นี่ว่าออฟฟิศ“เข้ามาสิผมจะแนะนำให้รู้จักพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศ”ชายหนุ่มเปิดประตูห้องกระจกออกแล้วในนั้นมีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคนด้วยกัน เขมณัฏฐ์แนะนำให้เธอรู้จักกับคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชีชื่อศิริรัตน์หรือพี่รัตน์และผู้ช่วยของเธออีกสองคนคือสายพินหรือหญิง ส่วนคนสุดท้ายที่ดูดเด็กกว่าคนอื่นชื่อกุ้งหรือรัตนาหลังจากแนะนำให้เธอรู้จักกับทั้งสามคนแล้วเขาก็ขอตัวออกไปทำงานด้านนอก กานต์ชิสาขอตามออกไปดูการทำงานของเขาด้วยระหว่างที่นี้หญิงสา
เพราะเขมณัฏฐ์ขับรถมาด้วยความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนดอีกทั้งยังแวะทานอาหารและเข้าห้องน้ำเกือบตลอดทางทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมาสุโขทัยก็เลยใช้เวลานานกว่าปกติเกือบ 2 ชั่วโมงเขาพากานต์ชิสามาถึงบ้านของตนเองในเวลาเกือบจะเที่ยงคืนซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านปิดไฟมืดสนิทแต่เมื่อขับเข้ามาใกล้ๆ ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าเพราะเขาทำระบบไฟฟ้าที่นี่เป็นระบบอัตโนมัติบ้านของชายหนุ่มเป็นบ้านปูนชั้นเดียวยกสูงขึ้นจากพื้นหญิงสาวเดินตามเขาเข้าไปในบ้านหลังไม่ใหญ่มาก บริเวณห้องรับแขกถูกจะเอาไว้อย่างเรียบร้อย ด้านซ้ายมือเป็นส่วนของห้องครัวที่มีโต๊ะสำหรับทานอาหารขนาดใหญ่อยู่กลางห้องพื้นอีกด้านยกสูงขึ้นไปบริเวณจากบริเวณห้องรับแขกซึ่งตอนนี้เขมณัฏฐ์พาเธอเดินขึ้นบันไดมาเพียงห้าขั้นก็ถึงห้องนอน“เธอนอนห้องนี้ไปก่อนนะ ฉันให้คนมาทำความสะอาดแล้วหวังว่าคงอยู่ได้” เขาเปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งให้กับหญิงสาว“ฉันกินง่ายอยู่ง่ายไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนตอนนี้มันดึกมากแล้วหญิงสาวรีบอาบน้ำและล้มตัวลงนอนแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างหนักเพราะห้องที่เขาให้เธออยู่นี้มันเป็นห้องที่มีแค่พัดลมถึงแม้อากาศทางภาคเหนือจะไม่ได้ร้อนมา
เขมณัฏฐ์มาจอดรถรับกานต์ชิสาที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งเขามองกระเป๋าเป้ที่เธอวางไว้ที่เบาะหลังด้วยอยู่ความสงสัยและเมื่อเธอขึ้นมานั่งในรถแล้วก็อดถามไม่ได้“ทำไมมีกระเป๋าเป้แค่ใบเดียวล่ะ”“เดี๋ยวฉันค่อยไปหาซื้อข้างหน้าก็ได้เพราะถ้าฉันเอากระเป๋าใบใหญ่ไปคนอื่นจะได้สงสัยกันพอดีว่าฉันจะไปไหน”“แต่จังหวะที่เราจะไปมันไม่มีห้างใหญ่ๆ เหมือนในกรุงเทพบอกนะ ถ้าอยากจะมาซื้อก็ต้องเข้ามาอีกจังหวัดหนึ่ง”“ถ้างั้นคุณก็พาฉันแวะซื้อก่อนกลับสิ”“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ เราออกจากที่นี่บ่ายมากแล้วไปถึงก็น่าจะดึก ผมไม่ค่อยชอบขับรถกลางคืนสักเท่าไหร่”“ฉันนึกว่าเราจะนั่งเครื่องไป”“จริงๆ แล้วไปสุโขทัยมันก็มีเที่ยวบินอยู่แล้วแต่บังเอิญว่าผมขับรถมาน่ะคุณก็เลยต้องนั่งรถกลับกับผมหลายชั่วโมง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเอาไว้ผมว่างผมจะพาคุณไปซื้อที่ห้างใกล้ๆ แถวนั้นก็แล้วกันนะ”“ได้ไม่มีปัญหาหรอก แต่ฉันสั่งออนไลน์เอาก็ได้ คุณช่วยแวะร้านสะดวกซื้อให้ฉันหน่อยสิฉันว่าคงต้องตุนเสบียงแล้วแหละ นั่งรถหลายชั่วโมงแบบนี้”เขมณัฏฐ์พยักหน้าจากนั้นเขาก็ขับไปจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง“คุณจะลงไปกับฉันไหม”“ไม่ล่ะ ผมให้เวลาคุณ 10 นาที
“ผมคงไม่หลงกลคุณเหมือนนายไตรหรอก ที่จะจ้างให้คุณไปอยู่ด้วยก็แค่ชั่วคราวพอนายไตรฟื้นเมื่อไหร่ก็เลิกจ้างตกลงไหมล่ะ”“ฉันว่าคุณกับน้องของคุณระแวงเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวมองว่ามันไร้สาระมากเลยแกล้งเรียกเงินเขาไปมากถึงห้าหมื่น“อะไรที่ทำแล้วน้องผมสบายใจผมก็จะทำตกลงคุณจะไปกับผมไหมล่ะ”“ถ้าคุณให้ฉันห้าหมื่นฉันก็ตกลง”ที่กานต์ชิสายอมรับข้อเสนอของเขมณัฏฐ์ไปเพราะกลัวว่าชายหนุ่มและน้องสาวจะไปยุ่งวุ่นวายกับกานต์สิชาที่ร้านเบเกอรี่ แต่ถ้าหากหญิงสาวยอมไปกับผู้ชายคนนี้พี่สาวของเธอก็จะได้เปิดร้านตามปกติและตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้ทำงานอะไรการไปอยู่กับเขาระหว่างที่รอให้ไตรภพฟื้นมันก็คงไม่น่าเสียหายเท่าไหร่อีกอย่างกานต์ชิสาก็รู้สึกว่าเขาจะเป็นรักแรกพบสำหรับเธอจังหวัดที่เขาบอกน่าจะอยู่ทางภาคเหนือซึ่งถือเธอจะรู้มาว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะมาก เธอคงสนุกมากแน่ๆ ถ้าจะได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ไปเที่ยวโดยมีเงินเดือนใช้ด้วย“อย่าคิดช้านะคะ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ” หญิงสาวสาวพูดกระตุ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นต่อ“ตกลงก็ได้ห้าหมื่นพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่ร้านเบเกอรี่” เขารีบตกลงเพราะกลัวว่า
เขมณัฏฐ์งัวเงียเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อน้องสาวขึ้นมาปลุกตั้งแต่เช้า“มีอะไรแต่เช้าหรือว่านายไตรฟื้นแล้ว”“ไม่ใช่ค่ะ พี่ไตรยังไม่ฟื้นแต่เมื่อกี้พยาบาลที่โรงพยาบาลโทรมาบอกว่ามีผู้หญิงจะพยายามเข้าไปเยี่ยมพี่ไตร เขมว่าพี่เข้มต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เขมนะคะ ถ้าเธอยังไปวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนั้นมันไม่ดีเลย”“เดี๋ยววันนี้พี่จะเรียกเธอมาคุยอีกที จะพูดกับเธอดีๆ”“ผู้หญิงแบบนี้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ พี่ต้องพาเธอไปอยู่สุโขทัย”“ถ้าพี่กลับไปอยู่สุโขทัยแล้วเขมจะอยู่คนเดียวยังไงยิ่งช่วงนี้ท้องอยู่ด้วยนะ”“เขมอยู่คนเดียวที่ไหนที่บ้านก็มีเด็กรับใช้อยู่”“แต่พี่เป็นห่วงนะ”“ถ้าพี่เป็นห่วงเขมจริงๆ พี่ก็ต้องทำให้เขมสบายใจ นะคะพี่เข้มช่วยเขม ช่วยกันเธอออกไปจากชีวิตของพี่ไตรช่วงนี้ก่อนได้ไหมคะ เขมไม่อยากเครียด แค่เรื่องที่พี่ไตรยังไม่ฟื้นเขมก็เครียดมากอยู่แล้ว ถ้ายังจะต้องมาสู้รบตบมือกับเมียน้อยของพี่ไตรอีกเขมคงแย่แน่ๆ” เขมิกาพยายามโน้มน้าวพี่ชายอย่างเพราะเธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้กับไตรภพโดยเฉพาะช่วงที่เขากำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเจอผู้หญิงคนอื่นก่
กานต์ชิสากลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายซึ่งตอนนี้กานต์สิชาแฝดคนเป็นพี่ก็กำลังรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน“เป็นยังไงบ้างเค้กคุณไตรภพฟื้นหรือยัง”“ยังเลย เค้กไปเจอเมียเขาด้วยนคะ เขาคิดว่าเค้กคือพี่”“อะไรนะ แล้วเขาว่าอะไรเค้กหรือเปล่า”“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่เขาบอกว่าห้ามเราไปเยี่ยม ถ้าหากเราไม่เชื่อและยังไปเยี่ยมสามีเขาอีก เขาอาจจะส่งคนมาพังร้านก็ได้ ทำไมคุณเขมิกาถึงใจร้ายแบบนั้นล่ะพี่ครีม”“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันปกติเขาก็ไม่เคยมาวุ่นวายเลย”“หรือเป็นเพราะอาการสามีเขาก็ค่อนข้างหนัก”“หนักเหรอแต่เมื่อวานพยาบาลบอกว่ามีแค่ขาหักเองนะ”“อือ เค้กก็ได้ยินแบบนั้น แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องไอซียู เมียเขาบอกว่าเขามีเลือดออกในสมองด้วย ไม่รู้ว่าจะฟื้นมาตอนไหนแล้วจะจำอะไรได้หรือเปล่า”“พี่ไม่คิดเลยว่าอาการเขาจะหนักขนาดนั้น”“เค้กก็ไม่คิดเหมือนกัน ถ้าเกิดสามีเขาเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆเค้กว่าพี่ครีมแย่แน่ เขายิ่งโทษว่าเป็นความผิดของพี่อยู่”“จะว่าเป็นความผิดของพี่ยังไง เขาเองแหละที่ขับรถไล่เบียดจนคุณไตรภพต้องขับรถหนี”“แล้วแบบนี้เราจะเอายังไงกันต่อล่ะ ถ้าคุณไตรภพเขาไม่ฟื้นและมาบอกความจริงกับเมียของเขา เค้กว่าพี่ครีมแย่แน
เมื่อคุยกับพี่สาวแล้วกานต์ชิสาก็แวะไปยังร้านเบเกอรี่สั่งงานลูกน้องตามที่พี่สาวบอกจากนั้นก็ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนจะตรงไปยังโรงพยาบาล หญิงสาวได้ชื่อจริงและนามสกุลจริงมาจากกานต์สิชาก็เลยถามจากทางประชาสัมพันธ์และอ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันชีวิตประชาสัมพันธ์ก็เลยยอมบอกว่าคุณไตรภพรักษาตัวอยู่ที่ไหนกานต์ชิสาเดินตามป้ายบอกทางแผนกไอซียูเธอยืนมองคนไข้ที่อยู่ด้านในผ่านกระจกหญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคนไหนชื่อไตรภพจึงต้องไปถามจากพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์แต่พยาบาลพยาบาลก็ไม่ยอมบอกเธอถอนหายใจและขอตัวกลับแต่ยังไม่ทันออกมาจากบริเวณหน้าห้องไอซียูก็เจอผู้หญิงกับผู้ชายเดินมาเข้ามาทัก“ยังมีหน้ามาเยี่ยมกันอีกนะ เพราะเธอคนเดียวเลยทำให้พี่ไตรถึงเป็นแบบนี้”“คุณพูดถึงอะไร” กานต์ชิสากำลังงงว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร“ยังจะมาทำหน้าซื่อ ฉันรู้นะว่าเมื่อคืนเธออยู่ในรถกับพี่ไตร”“คุณเป็นเมียของคุณไตรภพเหรอคะ” กานต์ชิสาถามเพราะไม่เคยเจอมาก่อนแต่ถ้าเดาจากคำพูดก็น่าจะใช่“อย่าทำมาเป็นไม่รู้จักฉันหน่อยเลย เธอก็รู้ว่าฉันเป็นเมียพี่ไตร แล้วฉันขอบอกไว้เลยนะว่ายังไงฉันกับพี่ไตรไม่มีทางเลิกกันเด็ดขาด”“ค่ะ”“แล้วเ
“เค้กจำป้ายุพินที่อยู่ท้ายซอยหมู่บ้านเราได้ไหม”“ใช้บ้านหลังสุดท้ายที่เล็กๆ ไหม”“ใช่บ้านหลังนั้นแหละ”“ป้ายุพินมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เหรอพี่ครีม”ป้ายุพินแกมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง ชื่อชลนิภาหรือนิ แล้วนิคนนี้แหละที่เป็นเมียน้อยของคุณไตรภพ”“อะไรนะ ถ้าเค้กจำไม่ผิดเด็กนั่นน่าจะอายุน้อยกว่าเราหลายปีเลยนะคะ” เพราะไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทยจึงไม่แน่ใจว่าหลานสาวของป้ายุพินจะอายุเท่าไหร่แต่เท่าที่เธอจำได้ตอนที่เธอมาเยี่ยมบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อสี่ปีก่อนเด็กคนนั้นยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมอยู่เลย“ใช่ตอนนี้นิกำลังเรียนอยู่ปีสองและแอบคบกับคุณไตรภพแต่ทุกครั้งที่นัดเจอกันก็มักจะนัดเจอกันที่ร้านของพี่”“เมียของเขาเลยคิดว่าพี่เป็นเมียน้อยของเขาใช่ไหมคะ”“อือก็ประมาณนั้น”“แล้วทำไมพี่ครีมไม่บอกเขาไปล่ะว่าพี่ไม่ใช่เมียน้อย”“พี่เคยอธิบายให้เขาฟังหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจสุดท้ายพี่ก็เลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ”“แล้วจะยอมให้เขาเข้าใจผิดเราไปแบบนี้เหรอคะพี่ครีม”“เค้กจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย แล้วถ้าพี่ไปบอกเมียเขาว่านิคือเมียน้อยของสามีเขาพี่ก็สงสารเด็กนะตอนนี้ป้ายุพินไม่ได้ทำงานอะไรเล
“พี่ครีมบอกเค้กมานะว่าพี่กับเขาเป็นอะไรกัน” กานต์ชิสาคาดคั้นพี่สาวเมื่อกลับมาถึงบ้าน“เค้กพี่ยืนยันอีกครั้งว่าพี่ได้เป็นเมียน้อยเขาอย่างที่เค้กคิดหรอกนะ พรุ่งนี้พี่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เค้กฟังทั้งหมดแต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้ไหม”“ก็ได้ แต่เค้กว่าพี่อาบน้ำก่อนดีไหม แล้วพี่มียาที่ต้องกินหรือเปล่า”“เอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้”เมื่อพี่สาวเข้าห้องนอนไปแล้วกานต์ชิสาก็กลับมาห้องนอนของตนเอง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีห้าแล้วหญิงสาวเลยไม่นอนต่อ หญิงสาวเปลี่ยนมาสวมกางเกงผ้ายืดขาสั้นกับเสื้อกล้ามเพื่อจะออกไปวิ่งบริเวณสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านปกติแล้วตอนอยู่ที่อังกฤษกานต์ชิสาจะออกกำลังกายทุกเช้าแต่กลับมาเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์กว่าแล้วก็ยังไม่มีโอกาสออกกำลังกายสักที ในเมื่อวันนี้ยังไงก็นอนไม่หลับเธอก็เลยถือโอกาสนี้ไปออกกำลังกายหลังจากวิ่งจนเหงื่อชุ่มก็กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เธอกลับเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขี่จักรยานยนต์ไปตลาดหน้าหมู่บ้านซื้อโจ๊กมาให้พี่สาวเพราะเธออาจจะต้องมียาทานหลังอาหารส่วนตัวเองนั้นกลับมาชงกาแฟทานกับขนมปังที่อยู่ในตู้เธอดื่มกาแฟและทานขนมจนกระทั่งแปดโมงครึ่งพี่สาวก็ยังไม่ออกมาซึ่