บทที่ 24“ว่าอย่างไรน่ะ ทำงานพลาดงั้นหรือ สตรีเด็กเล็ก ๆ คนเดียวพวกเจ้ายังฆ่าไม่ได้ พวกเจ้าสลายกลุ่มนักฆ่าไปเป็นคนฆ่าหมูเถิด” ม่านหลินอดที่จะปรามาสไม่ได้ นางหรืออุตส่าห์คาดหวังว่าจะได้ข่าวดี หมดตำลึงกับงานนี้ไปก็มากมาย เรียกว่าแทบจะครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินที่ท่านพ่อให้นางติดตัวมาก็ว่าได้“อีกฝ่ายที่คุ้มครองนางคือแม่ทัพหวงจิงอวี๋ นอกจากหวงตี้ฮ่องเต้ ฝีมือแม่ทัพผู้นี้ก็ไม่เป็นรองใคร ไหนจะองครักษ์ข้างกายนั่นอีก คนที่ข้าส่งไปไม่มีใครรอดมาสักคน” แม้จะโดนดูถูก แต่อีกฝ่ายก็เป็นนายจ้าง เมื่อรับเงินมาแล้ว ทำงานไม่สำเร็จ ก็คงต้องทำเพียงก้มหน้ารับผิด“ไปให้พ้นหน้าข้า ถ้าไม่มีข่าวดีก็ไม่ต้องมารายงาน” ม่านหลินปาแจกันดอกไม้ในมือทิ้ง เมื่อนักฆ่าที่ส่งไปทำงานไม่สำเร็จ นางส่งคนไปสืบที่จวนอ๋องหวงจิงอวี๋แล้ว พบกว่าพวกเขาทำสำเร็จและใกล้จะเข้าใกล้จะถอนคำสาป สิ่งที่ได้รู้มา เทพธิดานั่นน่าจะเป็นตัวจริง ม่านหลินจึงเปลี่ยนแผนการให้นางกำนัลไปหาคนทรงเจ้ามาแทน “นางเข้าใกล้แล้ว ข้าจะทำเช่นไรดี” ม่านหลินหันไปถามคนทรงที่นางให้จางอันไปหามาคนทรงเจ้าที่จางอันพามาเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีเส้นผมขาวแทรกอยู่ในผมดำและดวงตาที
บทที่ 25"เหมือนไม่ใช่ทางที่เราใช้ตอนกลับจากสุสานคราวก่อน อีกนานไหมที่เราจะถึงเมืองหลวง” หลงเหยียนเอ่ยถามขณะที่นางกำลังแต่งตัวอยู่หลังฉากกั้นหวงจิงอวี๋แทบไม่ได้ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวเลย“เดินทางอีกวันครึ่งก็น่าจะถึงแล้ว ก่อนเข้าเมืองพวกเราอาจจะไปพักที่จุดพักม้าอีกครั้ง” หวงจิงอวี๋คิดดีแล้วนี่มันอันตรายเกินไป ตอนแรกเขาคิดจะเร่งเดินทางเข้าไปในเมืองเลย ถึงค่ำหน่อยแต่ก็คงไม่เป็นอะไร แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ ตอนที่คล้ายจะมีอันตรายอยู่รอบด้าน ลำพังตัวเองหวงจิงอวี๋ไม่กังวล สิ่งที่เขากลัวคือคนที่กำลังแต่งตัวอยู่มากกว่า หากนางได้รับอันตรายเขาคงโทษตัวเองแน่ ๆตลอดทางไม่ใช่ไม่เห็นว่าผู้คนต่างหันมองหญิงสาวด้วยสายตาที่มีความสงสัยบ้างชื่นชมบ้าง คงเป็นเพราะความงามที่นางมี แต่เส้นผมสีนี้หากไม่ประกาศออกไปให้ชัดว่านางเป็นเทพธิดา บางคนก็อาจจะคิดว่าเป็นปีศาจแปลงกายมาได้ และยังเรื่องความสามารถของหลงเหยียนอีกเขาก็แค่รู้สึกเป็นห่วงและอยากปกป้องหญิงสาวให้พ้นจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น"ท่านต้องระวังตัว ในเมืองหลวงน่าจะมีคนที่ไม่หวังดีกับเรา เหตุการณ์ที่ถูกซุ่มโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นการบอกชัดแล้ว แม้จะแสร้งทำเป็น
บทที่ 26“เดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว พวกเจ้าทำงานหนักเพื่อเรา เราไม่รู้ว่าจะให้อะไรถึงจะเพียงพอต่อการช่วยเหลือครั้งนี้” เมื่อได้เข้าเฝ้าเพียงลำพัง หวงตี้ก็ดูเป็นคนที่ไม่ได้มีพิษมีภัยสักเท่าไร“แต่พิธีครั้งนี้จะต้องทำในที่ที่เคยทำ และคนทำคนเดิม” หลงเหยียนบอก นางพูดตามคำของหยูอิงและพระสนมของอดีตฮ่องเต้ที่มาเข้าฝันทั้งสิ้น“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก หากต้องการให้เราทำอะไรก็บอกก็แล้วกัน ส่วนพิธีจะมีขึ้นเมื่อใดกัน” หวงตี้ถาม“คืนวันจันทร์สีเลือดที่จะถึงในอีกเดือนข้างหน้า” หลงเหยียนตอบ “เช่นนั้นระหว่างนี้ก็คงต้องฝากให้เจ้าดูแลนางต่อก่อนนะน้องพี่ แล้วก็จิงอวี๋ อย่าลืมที่พี่บอก ถ้าเจ้าต้องการพี่จัดการออกราชโองการให้ได้” หลงเหยียนสงสัยสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน นางไม่เข้าใจคำเมื่อสักครู่เท่าไร เมื่อออกมาจากห้องหนังสือของหวงตี้จึงถามคนข้างตัวในทันที“เรื่องที่หวงตี้ว่า เกี่ยวกับข้าหรือไม่” หวงจิงอวี๋คิดมาตลอด และเขาก็มีวิธีที่คิดว่ามันดี “เสด็จพี่อยากให้ท่านเข้าพิธีมงคลกับข้าเอาไว้ก่อน” นี่เป็นเพียงแค่คำของคนขี้ขลาดก็เท่านั้นที่จริงเขาตัดสินใจแล้วว่าเขารู้สึกดีกับนางและอยากแต่งงานด้วย ดี
บทที่ 27"เมืองนี้มีเสน่ห์มากจริง ๆ สมแล้วที่เป็นความงดงามแบบโบราณ" หลงเหยียนพูดขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ ดวงตาสวยเป็นประกายจากความตื่นตาตื่นใจในหลาย ๆ สิ่งที่เคยเห็นเพียงแค่ในหนังสือหรือซีรีส์ที่ได้ดู แม้จะเคยไปเที่ยวเมืองโบราณหลาย ๆ ที่แต่มันก็คงไม่มีทางเหมือนของดั่งเดิมแบบนี้หรอก"แคว้นเฉิงมีประวัติศาสตร์ยาวนานและยังคงรักษาวัฒนธรรมตั้งแต่เริ่มเอาไว้ได้อย่างดี" หวงจิงอวี๋ตอบอย่างภูมิใจและอดไม่ได้ที่จะยิ้มบาง ๆ ออกมาเพราะเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แคว้นนี้เปป็นแคว้นที่น่าอยู่ รักษาเอกราชของตนมาได้นมนานทั้งสองเดินไปตามตรอกซอยเล็ก ๆ ที่มีร้านค้างานฝีมือและของที่ระลึก หญิงสาวหยุดดูของทุกอย่างและแทบจะทุกร้านค้าด้วยความสนใจ นางหยิบเครื่องประดับชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู"สวยจังเลย" นางพูดเบา ๆ กับตัวเอง เพราะนี่เป็นงานฝีมือแท้ ๆ ในยุคนนี้เครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ อย่างนี้คงไม่ได้มีค่าอะไรมาก แต่สำหรับยุคของนางเครื่องประดับทำมือทั้งชิ้นอย่างนี้แพงมาก“ขอบคุณครับคุณชาย” หวงจิงอวี๋ส่งเงินให้กับคนขายในทันที ซึ่งท่าทางแบบนั้นก็เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของหลงเหยียนทั้งสองเดินไปถึงตลาดกลางเมือง ที่เต็มไปด
บทที่ 28ในคืนวันก่อนพิธีล้างคำสาป ม่านหลินก็ได้รับข้อมูลจากจางอัน นางรู้ว่าเวลาของนางเหลือน้อยลงทุกที พิธีปลดคำสาปกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง นางจึงต้องรีบวางแผนและดำเนินการให้เร็วที่สุดค่ำคืนนั้น ม่านหลินแอบเข้าไปในที่พักของหลงเหยียนที่ฮ่องเต้จัดที่พักให้นางในวังเพื่อที่จะได้ประกอบพิธีกรรม นางแอบเข้าไปโดยไม่ให้ผู้ใดเห็น สายตาพยายามสอดส่องหาสร้อยคอที่ร่างทรงบอก แต่ก็ไม่พบ หรือว่านางจะใส่ติดตัวแม้กระทั่งตอนนอน“องค์หญิง”ม่านหลินสะดุ้งเฮือก นางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกจับได้หลงเหยียนถอนหายใจหนัก “พระองค์เข้ามาให้ห้องข้ายามวิกาลเช่นนี้ประสงค์สิ่งใด” นางเอ่ยถามเสียงเรียบ วังชั้นในเช่นนี้ ทำให้หวงจิงอวี๋ต้องพักแยกจากนางที่เป็นหญิงสาว“ข้า….” ม่านหลินนึกคำที่จะเอ่ยแก้ตัวไม่ออก“พระองค์ไม่ต้องการให้คำสาปหายไปงั้นหรือ” หลงเหยียนพอจะรู้มาจากหวงจิงอวี๋แล้วว่าคนที่ส่งนักฆ่าไปคือองค์หญิงพระองค์นี้ แล้วนางต้องการสิ่งใด“ข้าไม่อยากให้เจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะต้องล้มเหลว” ม่านหลินกระซิบบอกกับคนตรงหน้า นางเกรงว่าจะมีคนอื่นได้ยินเข้า หูก็ฟังด้านนอกว่ามีคนได้ยินเสียงของหลงเหยียนหรือไม่“ไม่อยากให้ฮ่องเต
บทที่ 29หลังจากพิธีแก้คำสาปเสร็จสิ้น หลงเหยียนรู้สึกเหนื่อยล้าและเป็นลมลงทันทีนางจำอะไรไม่ได้เลย จำได้เพียงแค่หวงจิงอวี๋ที่พุ่งตรงมารับร่างที่ร่วงลงของนาง ท่าทางเป็นกังวลเป็นของเขา “เหยียนเหยียนเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เขากระซิบเบา ๆ ตลอดเวลาที่อุ้มหญิงสาวเข้าไปที่พักแต่หญิงสาวก็ล้าเกินกว่าจะตอบอะไรได้ นางได้ยินแค่บางคำที่เขาพูดก่อนจะหมดสติและหลับสนิทไปหวงจิงอวี๋อุ้มอุ้มหญิงสาวกลับไปที่ห้องพักในตำหนักที่เสด็จพี่เตรียมเอาไว้ให้เขาและหญิงสาวเป็นพิเศษในคืนนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ วังหลวงชายหนุ่มไม่กล้าที่จะขยับไปไหนเลย เขากลัวว่านางจะเป็นอะไรไป ภาพที่เห็นในการทำพิธีช่างเป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริง ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตความห่วงใยที่ค่อย ๆ ถักทอทำให้ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกถึงความรักที่มันเกิดขึ้นในใจลึก ๆ หวงจิงอวี๋เฝ้าดูแลหลงเหยียนตลอดทั้งคืน ไม่ปล่อยให้หลงเหยียนห่างสายตาเลยแม้สักนิดเขานั่งอยู่ข้าง ๆ เตียงที่หญิงสาวนอนอยู่ มองดูนางที่หลับอย่างสงบไม่ได้มีท่าทางเจ็บปวด ความรักที่เขามีต่อนางเริ่มเด่นชัดขึ้นในใจ เพราะเพียงแค่คิดว่าหญิงสาวจะเป็นอะไรไปใจก็ปวดไปทั่วดวง“นางเป็นอะไรหรือ
บทที่ 30ตั้งแต่มาถึงยุคนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเหยียนได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องมีหน้าที่สำคัญ หรือว่าต้องไปตามหาอะไร หลงเหยียนนั่งอยู่ริมหน้าต่างในเรือนของตัวเองในจวนอ๋อง ในหัวก็คิดอะไรมากมายระหว่างมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว ความสงบเงียบในยามนี้ทำให้นางมีเวลาคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หญิงสาวรู้สึกสองจิตสองใจ ไม่แน่ใจว่าจะเลือกทางไหนดี หรือจะมีอะไรเลือกทางไหนให้กับนาง เพราะจะว่าไปการมาที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่หลงเหยียนเลือกตั้งแต่แรก “นี่เราควรทำอย่างไรดีนะ แล้วยังคัมภีร์สองเล่มนั่น” เพราะหญิงสาวไม่รู้จะทำตามคำของไต้ซืออย่างไร นางเองไม่ได้ถูกฝังตอนนี้สักหน่อย และเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร เลยเก็บมันเอาไว้อย่างนั้น“หลับแล้วหรือยัง” เสียงเคาะประตูเบา ๆ ที่ด้านนอกดึงความสนใจของหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับตรงนี้ เสียงที่เอ่ยถามเป็นเสียงของหวงจิงอวี๋ คนที่หญิงสาวไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดีเกี่ยวกับคนคนนี้ แต่ถึงจะยังสงสัยนางก็ไม่คิดจะหลบหน้า นี่เป็นจวนของอีกฝ่ายหลบไปอย่างไรก็เจอ“ยัง ท่านมีอะไรหรือ” แม้จะคิดอย่างนั้นแต่หลงเหยียนก็ไม่ได้เปิดประตูทันท
บทที่ 31“ข้าจะเป็นอะไรได้อย่างไร ตรงนี้น้ำสูงแค่อกของเข้าเอง“หลงเหยียนไม่รู้สึกตัวเลยว่าการพูดและยิ้มอย่างสดใสจนคนมองรู้สึกราวกับต้องมนต์ “ท่านไม่ต้องกังวล ข้าปลอดภัยดี” หวงจิงอวี๋รู้สึกใจเต้นแรง ยิ่งเขามองไปที่ดวงหน้าที่เปียกน้ำและรอยยิ้มของหญิงสาวก็เผลอขยับมือมาลูบที่ใบหน้าสวยอย่างไม่ตั้งใจ มิเท่านั้นใบหน้าของเขาเองยังขยับเข้าไปใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของหญิงสาว“หวงจิงอวี๋” เสียงของหลงเหยียนทำให้หวงจิงอวี๋ได้สติ “น้ำเย็นนัก หากเจ้ายังเล่นน้ำอยู่เช่นนี้ระวังจะไม่สบาย” ชายหนุ่มหันหน้าหนีพูดออกมาโดยไม่มองหน้าหญิงสาวเลยแม้แต่นิดท่าทางเหล่านั้นยิ่งทำให้หลงเหยียนรู้สึกดีกับชายหนุ่มตรงหน้า“ช่างน่ารักจริง ๆ” หญิงสาวพูดเบา ๆ และในทันทีที่นางพูดจบ หลงเหยียนก็เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มเอง นางเขย่งจูบที่แก้มของเขาก่อนจะเดินขึ้นจากทะเลสาบ แต่กลับทำไม่ได้ดั่งใจคิดเมื่อถูกดึงกลับไปรับจูบที่อ่อนโยน และไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใดหลงเหยียนตกใจ แต่ก็รับรู้ความรู้สึกอบอุ่นจากจูบที่อ่อนโยนของอีกฝ่ายได้ นางหลับตาและตอบรับจูบของเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรง“อยู่กับข้าที่นี่เถอะนะเหยียนเหยียน” นี่เป็นครั้
ตอนพิเศษ+5แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปที่ไซต์งานจริง ๆ หวงต้าลู่กลับขับรถพาเธอไปส่งถึงที่ พร้อมกับเตรียมเก้าอี้นุ่ม ๆ และร่มกันแดดคันใหญ่ให้เธอตลอดเวลาที่เธอออกจากที่ร่ม อีกฝ่ายไม่ได้ให้เธอได้เดินไปไหนมาไหนเกินความจำเป็น ลูกน้องทุกคนได้รับคำสั่งให้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด ราวกับเธอเป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด แต่หลงเหยียนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทำงาน...หญิงสาวนั่งดูงานด้วยความพอใจ ขณะที่หวงต้าลู่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลไม่ห่าง พวกเขาทั้งคู่หัวเราะและพูดคุยกันเบา ๆ ในบางครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นท่าทางที่ดูน่ารักดีสำหรับบรรดาเพื่อนร่วมงานคนอื่นเวลาผ่านไป 6 ปีพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่งดงาม ห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาและลำธารที่ไหลผ่าน ผืนดินที่เคยเป็นสถานที่ขุดค้นสมบัติโบราณ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชม ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และการจัดแสดงที่ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักและความเสียสละของต้นตระกูลหวง กลายเป็นเรื่องราวที่ซึ้งกินใจใครหลาย ๆ คนหวงต้าลู่และหลงเหยียนพาลูกแฝดของพ
ตอนพิเศษ+4“หลงเหยียน คุณต้องพักผ่อนมาก ๆ นะครับ อย่าทำงานหนักเกินไป ผมไม่อยากให้คุณหรือลูก ๆ ของเราเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” หวงต้าลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะที่เขาช่วยประคองพาหญิงสาวเดินไปนั่งบนโซฟานุ่ม ๆ ในบ้าน เขาดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงการนอนหลับของเธอ จนหลงเหยียนนึกว่าตัวเองเข้าคอร์สอะไรสักอย่างที่ต้องมีเทรนเนอร์ตามติดหญิงสาวค่อนข้างจะอึดอัด เพราะปกติแล้ว หลงเหยียนเคยชินกับการทำงานหนักในไซต์งาน การเป็นนักโบราณคดีเรียกได้ว่านอนกลางดินกินกลางทราย บางทีก็ไม่ได้นอน บางทีก็ไม่ได้กิน ตอนนี้ได้ทั้งนอนเต็มอิ่มและกินจนจุกจึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการถูกประคบประหงมขนาดนี้ เธอรู้สึกคิดถึงการทำงานภาคสนาม ที่ซึ่งเธอสามารถใช้ความรู้และทักษะของเธอได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่มองภาพที่ถ่ายมาแล้วประเมินเนื้อหาทั่ว ๆ ไปอย่างตอนนี้“หวงต้าลู่คะ ฉันอยากกลับไปทำงานที่ไซต์งานได้ยินว่าเจอของใหม่ และฉันมั่นใจว่ามีอีกหลายอย่างที่เรายังต้องค้นพบอีก แล้วก็ยังสุสานเก่าอีกที่ที่เราเคยไปด้วยกันเมื่ออดีตที่นั่น ฉันก็อยากจะหามันให้เจอแต่ที่สำคัญที่สุดเลย คือฉันคิดถึงการทำงานที่นั่นมาก” หญิงสาวบอก
ตอนพิเศษ+3ภาพคนทั้งสองที่ยืนเคียงข้างกัน ขณะที่เสียงเพลงหวาน ๆ บรรเลงขึ้นเบา ๆ เป็นภาพที่ทำให้บรรดาแขกมีรอยยิ้ม ทุกคนต่างเห็นพ้องว่าทั้งสองคนนั้นถูกกำหนดมาให้คู่กันอย่างแท้จริง ซึ่งแม้แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถทำลายได้เมื่อเรือแล่นกลับมายังท่า หวงต้าลู่จับมือหลงเหยียนไว้แน่น ขณะที่พวกเขาเดินลงจากเรือไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เปล่งประกายทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปข้างหน้า ท่ามกลางเสียงปรบมือและความยินดีของแขกที่มาร่วมงาน งานแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นชีวิตคู่ในปัจจุบัน แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ได้รับการสานต่อจากอดีต และพวกเขารู้ดีว่าทุกย่างก้าวที่พวกเขาจะก้าวไปด้วยกันนั้นจะเต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความผูกพันที่ยืนยาวข้ามผ่านกาลเวลาหลังจากงานแต่งงานที่อลังการบนเรือผ่านพ้นไป หวงต้าลู่และหลงเหยียนเลือกที่จะไม่เดินทางไปยังสถานที่หรูหราเหมือนคู่แต่งงานอื่น ๆ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะไปฮันนีมูนในเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำ เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พวกเขาไม่ได้ใช้ร่วมกันในอดีตพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองโบราณลี่เจียง เมืองที่มีอายุนับร้อยปี ถนนหนทางยังคงปูด้วยหินกรวด บ้
ตอนพิเศษ+2“ขอบคุณนะที่อยู่ข้าง ๆ ฉันเสมอ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเรากำลังเริ่มต้นสิ่งใหม่”“ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ทุกอย่างที่เราเจอมา ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน มันทำให้ผมมั่นใจว่าเราถูกกำหนดมาให้คู่กัน” แม้ว่าจะต้องใช้ความเจ้าเล่ห์ของตัวเองช่วยเหลือบ้าง แต่หวงต้าลู่คิดเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าสวรรค์ไม่ช่วย เขาจะนำหญิงสาวข้าง ๆ กายมาเป็นของตนได้อย่างนั้นเหรอคงไม่มีทางงานแต่งงานของพวกเขาที่กำลังจะมาถึง ไม่ใช่แค่งานแต่งงานธรรมดา ๆ แต่มันเป็นการฉลองให้กับความรักที่ยาวนานผ่านกาลเวลา และเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ไม่รู้จบงานแต่งงานของหลงเหยียนและหวงต้าลู่จัดขึ้นอย่างอลังการ บนเรือที่ล่องออกไปกลางแม่น้ำใหญ่ แม้ว่าในตอนแรกทั้งสองจะมีความลังเลใจเป็นอย่างมากที่จะทำแบบนี้ เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุที่ทำให้หลงเหยียนหายไปจากชีวิตของหวงต้าลู่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแต่ความเชื่อมั่นที่ทั้งสองคนมีให้ต่อกันก็ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดงานแต่งงานในสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ความรักที่ยิ่งใหญ่และความผูกพันที่จะไม่มีวันจางหายตลอดกาล ต่อให้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมหลงเหยียน” หวงต้า
ตอนพิเศษ+1งานแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ทำให้หลงเหยียนตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะมีความคาดหวังกับมัน และเพราะอย่างนั้นหญิงสาวจึงมากังวลอยู่อย่างนี้ ตอนนี้เธอนั่งประชุมกับเพื่อน ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถึงแม้หลาย ๆ อย่างจะถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กลับมีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวยังหาไม่ได้ นั่นก็คือธีมของงานแต่ง ในวันที่สถานที่พร้อม ชุดพร้อม และทุกอย่างพร้อมสิ่งที่สำคัญที่สุดกลับยังไม่มี“ฉันมีไอเดียเสนอ ทำไมเราไม่ใช้ธีมต่อจากนิทรรศการที่เพิ่งจัดไปล่ะ” หลงเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่เพื่อนอีกคนก็รีบเสริมทันที“จริงด้วย จริงด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจะต้องเป็นธีมงานที่คนพูดถึงไปอีกนานแน่ ๆ ไหน ๆ ก็คงจะต้องเป็นข่าวอยู่แล้วใช่ไหมว่าที่คุณนายหวง” คำของเพื่อน ๆ ทำให้หลงเหยียนหน้าแดง เพื่อนที่ช่วยกันอยู่ตอนนี้ก็เป็นบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเธอที่มหาวิทยาลัย และเพื่อนร่วมงานทั้งนั้น เพราะหญิงสาวเป็นคนบ้างานบ้าเรียนสุดท้ายจึงรู้จักคนอยู่เท่านี้“ใช่ไหมล่ะ ท่านอ๋องที่รอคนรักมาตลอดหลายร้อยปี แล้วสุดท้ายก็ได้เจอกันในชาตินี้และได้แต่งงานกัน เหมือนคู่ของเธอกับคุณหวงไง เจอกันเพราะเธอมาขุดสุสานต้น
บทที่ 35บนเรือสำราญลำเดิมที่ทำให้หวงต้าลู่และหลงเหยียนได้พบกันจากอุบัติเหตุของหญิงสาว ตอนนี้ทั้งคู่กลับมายืนที่ตรงนี้อีกครั้งพร้อมกับบรรยากาศที่คล้าย ๆ เดิมแต่ไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว ปาร์ตี้ก็ยังคงดำเนินไประหว่างที่เรือลำใหญ่ล่องผ่านสายน้ำที่เงียบสงบ ไม่มีอาจารย์จางอยู่บนเวทีและไม่มีคนที่แอบอ้างงานคนอื่นอย่างว่านหนิงอยู่ที่นั่นมีเพียงแค่หลงเหยียนกับทีมนักโบราณคดีคนอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวถึงทีละคน เพราะ “งานนี้คงสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีทุกคนช่วยเหลือ” หลงเหยียนกล่าวระหว่างที่ยืนอยู่บนเวทีที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายแสงไฟวิบวับจากดวงไฟนับร้อยที่ประดับประดาบนเรือ ทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงฉลองดูหรูหราและอลังการมากขึ้นไปอีกแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างแต่งกายในชุดราตรี นักโบราณคดีที่มีชื่อเสียงและสื่อมากมายหลายสื่อต่างเข้าร่วมงานนี้ หลายคนมาเพราะคำเชิญ อีกหลายคนมาเพราะสนใจในงานนิทรรศการที่เพิ่งผ่านไปจริง ๆ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงดนตรีที่บรรเลงเบา ๆ คลออยู่ในอากาศหลงเหยียนกลับมายืนอยู่ที่ด้านหลังเรืออีกครั้ง หญิงสาวมองออกไปยังสายน้ำเบื้องล่าง เธอสวมชุดราตรีสีงาช้างที่พลิ้วไหวท
บทที่ 34ความเชื่อมั่นที่หญิงสาวมีต่อหวงต้าลู่ทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น และไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ความจริงที่ชายหนุ่มเล่าให้ฟังอาจทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวหรือกังวล แต่สำหรับหลงเห ยียน เธอกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ใช่เพราะเธอไม่ใส่ใจ แต่เพราะตอนนี้เธอมีหวงต้าลู่อยู่เคียงข้าง ความรู้สึกปลอดภัยที่เขามอบให้มันมีค่ามากพอที่จะทำให้เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องอดีตอีกต่อไปหลงเหยียนยิ้มบาง ๆ และบีบมือหวงต้าลู่ที่ยังจับมือเธออยู่เบา ๆ“แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะที่คุณเป็นห่วงและเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน แต่...ฉันคิดว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าว่านหนิงจะเคยทำอะไรหรือไม่เคยทำ ตอนนี้ฉันก็ไม่สนใจแล้วจริง ๆ เพราะฉันมีคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันรู้ว่าคุณจะปกป้องฉันได้เสมอ” หลงเหยียนตัดสินใจพูดความในใจออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้หวงต้าลู่มองหลงเหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับ“ผมดีใจที่คุณรู้สึกแบบนั้นครับหลงเหยียน ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย และจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณได้อีกแน่นอน” หลงเหยียนพยักหน้าและยิ้มอย่
บทที่ 33“นี่มัน” หญิงสาวพูดออกมาเมื่อเสื้อเชิ้ตขาวของชายหนุ่มแหวกออกเพราะแรงกอดของเธอ รอยสลักที่เป็นชื่อของหญิงสาวยิ่งทำให้น้ำตาของหลงเหยียนไหลออกมาอีก “นี่มัน” หวงต้าลู่ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น “เอาไว้ผมจะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง แต่ตอนนี้คุณต้องพักก่อนนะ ผมรู้ว่าคุณอาจจะเป็นห่วงเรื่องงานและเรื่องนิทรรศการด้วย” หลงเหยียนยิ้มจาง ๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอลืมมันเกือบหมดเมื่อเห็นชายหนุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกมันจะท่วมท้นจนทนไม่ไหวขนาดนี้“ฉันคิดถึงคุณมากตอนนี้เรื่องอื่นฉันไม่สนหรอก ขอโทษนะที่ทิ้งคุณมา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมฉันถึงได้ลืมคุณ เรื่องทดลองคบของเราเปลี่ยนมันเป็นถาวรเถอะนะ” หลงเหยียนไม่รีรออะไรอีกแล้ว เพราะเธอและอีกฝ่ายรอมานานเหลือเกินแล้ว“ผมก็คิดถึงคุณ คิดถึงมากเกินกว่าที่คุณจะคาดคิดเลยทีเดียว และเพราะอย่างนั้นผมเลย...” หลงเหยียนรีบเอามือปิดปากไม่ให้เขาพูดอะไรออกมา น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาของเธอ เธอเห็นมันทั้งหมดว่าเขาทำสิ่งใดเพื่อให้ได้มาพบเธอในโลกปัจจุบัน ความฝันทั้งหมดที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มที่อยู่ในฝันคือเขาในอดีต“แต่ตอนนี้เราม
บทที่ 32หลังจากเรื่องราวทั้งหมด เมื่อความอิจฉาและความแค้นก่อตัวขึ้นในใจของว่านหนิง จนแทบจะระเบิด เธอก็เริ่มคิดถึงวิธีการที่จะทำให้หลงเหยียนได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่ตัวเองเคยเผชิญมา ความรู้สึกที่ถูกหวงต้าลู่ปฏิเสธอย่างไร้ค่า รวมถึงการเห็นหลงเหยียนกับหวงต้าลู่รักกันมากขึ้นทุกวัน มันทำให้ว่านหนิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปว่านหนิงเฝ้าดูหลงเหยียนจากระยะไกลมาตลอด แม้ว่าช่วงนี้เธอและอีกฝ่ายจะไม่ค่อยได้เจอกัน หญิงสาวรอคอยโอกาสที่จะแก้แค้นให้สมกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดมา เพราะสนิทจึงรู้ว่าหลงเหยียนมักจะใช้บันไดทางด้านหลังของอาคารเก็บผลงานเพื่อเดินไปยังห้องทำงานตรงไซต์งาน เนื่องจากเป็นทางที่เงียบสงบและมีคนใช้น้อย ว่านหนิงจึงคิดว่านั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงมือจัดการหลงเหยียนโดยไม่มีใครเห็นว่านหนิงแสร้งทำตัวเป็นมิตร และเดินเข้าไปทักทายหลงเหยียนด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย แต่ในใจกลับคิดถึงแผนการที่อันตรายอย่างเงียบ ๆ“อยู่ทำงานดึกอีกแล้วนะ” หลงเหยียนยิ้มตอบอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่มีเรื่องกัน หากไม่จำเป็นเธอและอีกฝ่ายก็แทบจะไม่พูดคุย“แค่ยุ่งนิดหน่อยน่ะ” หลงเหยียนตอบกลับไ