Share

ตอนที่2.

ตอนที่2.

“โธ่แพง เพื่อนจะพาแพงหนีคนใจร้ายพวกนี้ไปให้ได้”

ปังๆๆ เสียงทุบประตูด้วยความโกรธดังขึ้นทำให้ทั้งสองสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว เสียงสองแม่ลูกจะร้องเรียกพวกเธออย่างหยาบคายอยู่ด้านนอกห้องเก่าโกโรโกโสเพราะขาดการเอาใจใส่ดูแลยิ่งทำให้พิมพ์บงกชตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่นเด็กหญิงมองหน้าแฝดผู้พี่แล้วเบะปากจะร้องไห้อีกรอบ

“นังเพื่อน นังแพง อีเด็กเหลือขอพวกแกออกมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้าพวกแกไม่ออกมาให้ฉันตบให้หายแค้นใจละก็ฉันจะเผาห้องพวกแกรมควันพวกแกให้สำลักควันตายเลยคอยดู!”

“ถ้าพวกแกไม่มีปัญญาหาเงินมาให้ฉันกับแม่ใช้ ฉันจะบอกพ่อให้เอาพวกแกไปขาย ให้ไปเป็นกะหรี่ในซ่องเลย ออกมานะอีเพื่อน! อีแพง!...”

เสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความหยาบคายและเกลียดชิงชัง ยิ่งได้ยินสองคนนั้นพูดแว่วๆ มาว่าจะไปเอาขวานกับไฟมาจุดเผาก็นึกหวาดหวั่น พวกเธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...

“น้องพี่ นิ่งซะนะ เพื่อนจะพาแพงหนีคนใจร้ายไปให้ได้ แพงต้องสัญญาว่าจะทำตามที่เพื่อนบอกและต้องเข้มแข็ง”

เด็กหญิงปลอบคู่แฝดราวเด็กตัวเล็กๆ เหมือนว่าพิมพ์บงกชไม่ได้เกิดมาพร้อมๆ กับตน เมื่อน้องสาวพยักหน้าทั้งยังเช็ดน้ำตาป้อยๆ พิมพ์ภัสสรก็ยิ้มออกในขณะที่เสียงประตูยังดังโครมครามอยู่ข้างนอกผสานกับเสียงด่าทอหยาบคาย แต่พวกเธอไม่มีเวลาจะใส่ใจยิ่งเห็นว่ามีควันกลุ่มเล็กๆ เล็ดลอดช่องประตูเข้ามาก็ยิ่งทำให้พวกเธอไม่อาจจะสนใจอะไรนอกจากการหนี...

“แล้ว... เราจะทำยังไงกันต่อไปล่ะเพื่อน...”

“หนีไปตายเอาดาบหน้า เอาเถอะอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยตอนนี้ แพงสะพายเป้อันนี้นะในนี้มีรูปคุณพ่อคุณแม่ของเราพร้อมเอกสารจำเป็นทุกอย่างที่แม่บ้านคนเก่าแอบเอามาให้เพื่อนเก็บไว้ก่อนลาออก แล้วก็สร้อยทองที่เพื่อนแอบป้าจันเก็บไว้ด้วย มันพอที่เราจะเอาไปขายหาเงินหนีไปจากที่นี่ไปให้ไกลๆ เลยเอาล่ะอย่าถามมากลุกขึ้นมา”

พูดราวกับผู้ใหญ่แล้วดึงข้อมือบางของน้องสาวฝาแฝดขึ้นมายิ่งเธอเห็นรอยเขียวช้ำบนแขนขาของน้องสาวเด็กหญิงกัดริมฝีปากซีดเซียวของตนด้วยความเจ็บปวดแต่แสร้งเมินหลบเพื่อไม่ให้พิมพ์บงกชเห็นก่อนจะพากันเดินขึ้นมาบนโต๊ะตัวใหญ่ที่สูงพอให้พวกเธอปีนขึ้นไปยังช่องลม

เด็กหญิงช่วยกันถอดกระจกช่องลมออกมาทีละชิ้นๆ เพื่อจะได้พากันปีหนีออกไปจากห้องที่เริ่มมีควันหนาขึ้นเรื่อยๆ โชคดีเหลือเกินที่หลังห้องนี้ติดกับกำแพงบ้านที่รกทึบเกินกว่าสองแม่ลูกนั้นจะกล้าเข้ามาถากถาง ซึ่งเมื่อก่อนที่บิดามารดาของพวกเธออยู่และมีคนรับใช้และคนสวนหลังบ้านตรงนี้จะไม่รกและยังสามารถปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองได้อีกด้วย

“เร็วเข้าแพงควันมันหนาขึ้นแล้ว แพงต้องเข้มแข็งนะ”

เด็กหญิงทั้งสองต่างให้กำลังใจกันและช่วยกันถอดกระจกออกมาเป็นชิ้นสุดท้าย พิมพ์ภัสสรเอาผ้าที่ตนผูกต่อกันให้ยาวพอจะใช้ปีนลงไปมัดกับหัวเตียงอย่างแน่นหนาแล้วโยนออกไปนอกห้องก่อนจะดันร่างเล็กๆ ของน้องสาวให้ก้าวผ่านช่องลมที่กว้างพอจะให้ลอดผ่านไปได้ด้วยความทุลักทุเลโชคดีที่พวกเธอยังตัวเล็กพอจะลอดประตูช่องลมนี้ไปได้

“ทำไมนังสองคนนั่นมันเงียบล่ะแม่ หรือว่ามันสำลักควันตายไปแล้วจริงๆ ว้าย ตายแล้วแม่ เราจะไม่โดนข้อหาฆ่าคนตายเหรอแม่”

“ตายก็ช่างมันสิ ใครจะมาสนใจมัน แต่แม่คิดว่าอีกไม่นานหรอกพวกมันก็จะลนลานออกมากราบตีนเรา ฮ่าๆ แล้วเราก็ค่อยจิกตบพวกมันให้หายแค้น หึ ฉันล่ะเกลียดตั้งแม่พวกมันแล้ว”

นางจันจวงพูดอย่างเลือดเย็น แววตาของนางกร้าวชิงชังผู้ที่ตนพูดถึงแม้เจนจิราจะสงสัยว่าทำไมแม่ของตนถึงได้เกลียดชังมารดาของเด็กแฝดนั่นนักแต่เธอก็รู้สึกสะใจมากกว่าที่เห็นคนที่ตนเองก็ไม่ชอบถูกเหยียบย่ำรังแก ซึ่งนิสัยของเธอถอดแบบจากนางจันจวงมาไม่มีผิดเพี้ยน ชนิดที่ว่าแม่เป็นแบบไหนลูกเป็นแบบนั้นหรืออาจจะมากกว่าก็เป็นได้ สองแม่ลูกแสยะยิ้มให้กันกอดอกยืนรอให้เด็กหญิงผู้ที่อยู่ในห้องคลานออกมากราบเท้าร้องขอชีวิตจากพวกตนด้วยความสุขใจโดยไม่รู้สึกหวั่นเกรงความผิดทางกฎหมายและไม่มีสำนึกถึงคำว่า มนุษยธรรม เลยสักนิด...

ตุบๆๆ เสียงหัวใจสองดวงและเสียงฝีเท้าทั้งสี่ข้างของเด็กหญิงที่ย่ำลงบนพื้นมันดังก้องอยู่ในหูพวกเธอดังแข่งกันราวเสียงกลองศึก พิมพ์ภัสสรลูบหลังลูบไหล่น้องสาวอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของน้องสาว

“อดทนไว้นะแพง”

“ไหว แพงไหว ไปต่อเถอะ ทางไหน แฮ่กๆ”

“ทางนี้ตามมาเร็ว พวกนั้นกำลังพังห้องเราแล้ว...”

พิมพ์ภัสสรจูงมือน้องสาวเดินฝ่าพงหญ้าที่รกทึบ มือเล็กๆ ถือไม้กวัดแกว่งไล่เปิดทางเพื่อให้พวกสัตว์มีพิษตกใจและหนีไปตามที่ครูซึ่งเธอไปทำงานบ้านให้นั้นสั่งสอนมา ซึ่งครูท่านนี้ก็สอนเธอหลายอย่างในการเอาตัวรอดในสังคมและที่นั่นคือสถานที่ที่พวกเธอจะไปซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แต่แล้วเด็กทั้งสองก็หน้าตื่นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บใจของสองแม่ลูกที่คงรู้แล้วว่าพวกตนกำลังหนี...

“แม่ดู นังสองคนนั่นมันหนีไปแล้ว”

“ไปตามมันมาเร็วเข้า”

“แต่มันรกขนาดนั้นฉันไม่ไปหรอกนะ...” เจนจิราท้วงมารดา

“งั้นเราไปดักรอมันที่ทางออกมันจะต้องไปที่ถนนนั่นแน่นอนไปเร็ว ไปเอามอเตอร์ไซค์มา”

แล้วสองแม่ลูกก็วิ่งไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่พวกตนเหลือไว้ใช้เพียงคันเดียวเพราะรถยนต์ที่บิดามารดาของเด็กหญิงทั้งสองทิ้งไว้พวกเขาขายไปหมดแล้วตอนนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะหมดตัวแต่ก็จมไม่ลง

ทางด้านเด็กหญิงผู้น่าสงสารกำลังเดินลุยพงหญ้าไปยังทางออกซึ่งเป็นรูเล็กๆ ที่แตกร้าวบนกำแพง ดวงตาของเด็กหญิงมองไปยังถนนด้านนอกด้วยความหวังเรืองรองเห็นอิสรภาพอยู่รำไร

“เดี๋ยวก่อนแพง พี่ว่าพวกนั้นจะต้องมาดักรอเราที่ถนนแน่ๆ เราต้องไปทางอื่น” แฝดผู้พี่กล่าวขึ้นดวงตากลมโตที่กร้านโลกเกินวัยกำลังครุ่นคิดราวผู้ใหญ่

“แล้วเราจะไปกันทางไหนล่ะเพื่อน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status