“ถ้าแพงปล่อยมือจากเพื่อนไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เพื่อนจะไม่ให้อภัยแพงเลย” พิมพ์ภัสสรพูดราวผู้ใหญ่ น้ำเสียงของเธอหนักแน่นแม้อ่อนแรงก่อนที่เธอจะรู้สึกหนักอึ้งหูอื้อตาลายและขาเล็กๆ นั้นเริ่มจะตีน้ำไม่ไหวมันทั้งหนักอึ้ง ทั้งปวดแปลบราวใครเอาเข็มนับพันเล่มมาทิ่มแทงลงขาทั้งสองข้างของเธอ...
“เพื่อน เพื่อนเป็นอะไร เพื่อน ไม่นะกรี๊ดดด” เด็กหญิงตัวเล็กกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อพี่สาวของตนจมดิ่งลงไปในน้ำทำให้เธอต้องตะเกียกตะกายอย่างไร้ที่ยึดเหนี่ยวทั้งสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก แขนเล็กๆ วาดตีน้ำอย่างตกใจจนน้ำแตกกระจายรอบกายเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวของเธอกลับไม่มีใครได้ยิน เด็กหญิงตาเหลือกลานเริ่มหายใจไม่ออก ความมืดค่อยๆ เข้าปกคลุมในหน่วยตาก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบลงไปในความเย็นยะเยือกของสายน้ำ
พวกเธอไม่สามารถไปถึงฝั่งทั้งที่มันอยู่แค่เอื้อมหรือไร ไยสวรรค์ช่างโหดร้ายกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นพวกเธอเช่นนี้หนอ
18 ปีผ่านไป...
ร่างระหงปราดเปรียวในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีส้มทองก้าวเดินฉับๆ เข้าไปยังสำนักงานเล็กๆ ทว่าสะอาดเอี่ยมแวดล้อมด้วยต้นไม้ดอกไม้บานสะพรั่งงดงามและยังเป็นสำนักงานต้นสังกัดของ พริตตี้ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยด้วย พิมพ์ภัสสร เร่งฝีเท้ายิ่งขึ้นเมื่อมองเวลาจากนาฬิกาเรือนเล็กบนข้อมือบางพบว่ามันเลยเวลานัดของตนมาร่วมชั่วโมงแล้ว
จากเด็กหญิงที่เกือบจะจมน้ำหายไปจากโลกนี้เมื่อสิบแปดปีก่อน บัดนี้เธอคือหญิงสาววัยยี่สิบห้าเจ้าของใบหน้าพริ้มเพราประกอบด้วยรูปหน้าเรียวไข่ประดับด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลสกาวสุกใสพราวระยับเป็นประกายเหมือนเจ้าของดวงตากำลังเชื้อเชิญให้เข้ามาหา อย่างที่เรียวกว่าตาหวานเซ็กซี่ จมูกโด่งเรียวเล็กน่ารักโดยไม่ได้ผ่านมีดหมอและริมฝีปากอวบอิ่มเต็มตึงแดงระเรื่อด้วยวัยสาว เมื่อยามยิ้มแย้มจะเผยให้เห็นไรฟันขาวสะอาดราวไข่มุกและรอยยิ้มของเธอก็เป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นเสมอ แม้ว่าเธอจะอายุมากกว่าบรรดาพริตตี้ทุกคนในบริษัทแต่ความสวยความแซบเซ็กซี่ของเธอก็ทำให้พิมพ์ภัสสรยังเป็น พริตตี้ สวยเซ็กซี่ที่สุด มีงานอีเวนต์และมีผู้ต้องการจ้างเธอมากที่สุดในสังกัดของ เจ๊หวาน อดีตหนุ่มใหญ่ใจสาวซึ่งบัดนี้ก็เป็นหญิงทั้งร่างกายและจิตใจและตอนนี้กำลังยืนเท้าสะเอวจ้องลูกรักในสังกัดตาเขียวปัด...
“ต๊าย นี่กี่โมงแล้วยะน้องเพื่อนขา แม่หวานรอจนเหงือกแห้งจนจะกรอบแล้วค่ะ ตอนนี้ลูกค้าเราก็หงุดหงิดมาก” เจ๊หวานหวานแผดเสียงใส่คนที่เรียกได้ว่าเป็นลูกรักอย่างอารมณ์ร้อนจัด
“เพื่อนขอโทษค่ะแม่หวาน วันนี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะเลยมาสาย...”
“ไหนเป็นอะไร หล่อนก็ปกติดีนี่ยะ”
“รถเพื่อนถูกชนค่ะ ตอนนี้อยู่ที่อู่แต่เพื่อนไม่เป็นอะไรมาก แต่หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจจะเป็นวิญญาณเพื่อนนะคะที่มายืนคุยกับแม่หวานอยู่ตอนนี้ แต่ก็ถูกกระจกบาดนิดหน่อยค่ะที่ต้นแขนนี่ไงคะ” พิมพ์ภัสสรหันข้างที่แขนถูกกระจกบาดเป็นรอยแดงมีเลือดซึมน้อยๆ ให้เจ๊หวานดูซึ่งเมื่อเจ๊หวานเห็นต้นแขนเรียวมีตำหนิก็หน้าซีดตกใจ
“ต๊าย ตายแล้ว ไปๆ ทำแผลก่อนเดี๋ยวเป็นแผลเป็นขายไม่ออกกันล่ะงานนี้ ว่าแต่ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ หึ” แล้วคำถามมากมายก็ตามมา แต่พิมพ์ภัสสรก็ได้แต่ยิ้มให้ผู้เป็นเสมือนมารดาคนที่สองของเธอด้วยความซาบซึ้ง เจ๊หวาน หรือที่เธอมักเรียกว่า แม่หวาน นั้นแม้เป็นคนปากร้ายและค่อนข้างออกตัวแรงในทุกเรื่องแต่ความจริงแล้วเจ๊หวานนั้นเป็นคนจิตใจดีมาก และแม่หวานคนนี้ก็ดีกับเธอมาตลอดยี่สิบปีที่เธออยู่กับเจ๊หวานมาในฐานะ ลูกบุญธรรม...
พิมพ์ภัสสรเดินตามเจ๊หวานไปโดยไม่อิดออดเพราะรู้ดีว่าตนเองนั้นมาสายกว่าเวลานัดเป็นชั่วโมงแต่แล้วร่างบางสมส่วนหยุดกึกแทบจะหัวคะมำเมื่อเจ๊หวานหยุดเดินกะทันหันโดยไม่บอกไม่กล่าว...
“มีอะไรคะแม่หวาน”
“ที่แม่หวานจะพูดนี่ แม่อยากให้เพื่อนคิดดีๆ และตัดสินใจเองในทุกๆ เรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ...”
“ตอนนี้น้องแพงอาการไม่ดี หมอบอกว่าน้องแพงอาจจะอยู่กับเราได้อีกไม่นาน... แม่หวานกลัวว่าเพื่อนจะคิดสั้นๆ ยอมเป็นเมียเก็บไอ้เสี่ยนั่น” ใบหน้าที่มีรอยยิ้มยู่เสมอหมองลงไป
“ค่ะเพื่อนเข้าใจ เพื่อนจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาแพงค่ะ แต่ไม่ยอมเป็นเมียน้อยหรือเด็กเสี่ยคนไหนแน่นอน” พิมพ์ภัสสรกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นเมื่อนึกถึงน้องสาวฝาแฝดที่กำลังป่วยหนักอยู่ตอนนี้ น้องแพง น้องสาวฝาแฝดผู้อาภัพไม่แตกต่างจากเธอ เพียงแต่เธอโชคดีกว่านิดเดียวที่รอดพ้นเหตุร้ายๆ นั้นมาได้อย่างเฉียดฉิวเท่านั้นเอง พิมพ์ภัสสรสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินต่อไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
ร่างสูงสง่าในชุดนักแข่งรถสีดำคาดเทาก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องโถงของคฤหาสน์หลังงามของตนอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่วันนี้เขาไม่อาจจะลงแข่งขันได้เพราะมารดากับน้องสาวตัวดีเข้าไปขัดขวางและอาละวาดจนงานแข่งขันรถยนต์สนามล่าสุดที่เขากับเพื่อนสนิทจัดขึ้นล้มไม่เป็นท่า
“นี่ตาธาม หยุดนะอย่าเดินหนีแม่แบบนี้ ธามแม่บอกให้หยุด...”
คุณธิติมา ร้องเรียกบุตรชายคนโตอย่างฉุนเฉียว ร่างอวบอิ่มในวัยห้าสิบปลายเดินมาขวางหน้าร่างสูงใหญ่ของ ธาม สุวลักษณ์ ธอมป์สันชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปีเลือดผสมไทย จีน อังกฤษ ไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีหน้าไป ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมามองมารดาด้วยแววตาเรียบเฉย
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้ายาวได้เหลี่ยมได้รูปนั้นคมเข้มประกอบด้วยดวงตาใหญ่สีดำสนิทแววหวานชวนฝันภายใต้คิ้วยาวหนา จมูกโด่งเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากหยักสวยสีชมพูเข้ม กรามแกร่งมีไรเคราเขียวครึ้มเสริมให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาตรึงใจ ยิ่งยามที่เขายิ้มให้สาวๆ ดวงตาคมจะพราวด้วยประกายฉ่ำหวานจนคนมองแทบละลายไปกับแววตาของเขาเลยทีเดียว ฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวยส่งให้เขาดูน่าหลงใหลมากขึ้นซึ่งมันทำให้สาวน้อยสาวใหญ่พร้อมจะทอดกายให้เขาเชยชมและขอให้ได้เป็นคู่ควงของเขาสักวันหรือสักคืนพวกเธอก็แสนจะยินดี เพราะมันจะทำให้พวกเธอเป็นที่สนใจของบรรดาเหยี่ยวข่าวและอาจจะเป็นบันได้ไปสู่การเป็นนักแสดงหากมีคนสนใจพวกเจ้าหล่อนเยอะๆ แต่ที่สำคัญ ธามจ่ายงามมากเมื่อพวกเธอพ้นจากเตียงของเขา แต่ทว่าตอนนี้ดวงตาพราวหวานของธามไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย
“คุณแม่ต้องการอะไรอีกครับ...”
ตอนที่1.“อย่านะ ไม่... อย่าทำแพงเลย คุณลุงขาอย่าตีแพงนะคะ แพงขอร้อง ฮือๆๆ อย่าตี...” เสียงเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบเศษร่ำร้องอ้อนวอนต่อชายฉกรรจ์ซึ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ สีหน้าถมึงทึงกับแววตาแดงก่ำของเขาน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงนัก ดวงใจเล็กๆ ของเด็กน้อยเต้นกระหน่ำด้วยความหวาดกลัว“นังเด็กนรก มึงอย่ามาอ้อนวอนให้เสียเวลา มึงแกล้งลูกกูใช่มั้ย เด็กอย่างพวกมึงต้องโดนแบบนี้”นายพัฒน์ชายวัยสามสิบปลายเงื้อด้ามไม้กวาดขึ้นสูงด้วยความฉุนเฉียวหมายจะฟาดลงไปบนตัวเด็กน้อย“ลุงพัฒน์ อย่า อย่าตีแพง ฮือออ...”เด็กหญิงซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะวิ่งมาขวางไว้ก่อนที่ด้ามไม้กวาดจะโดนร่างเล็กๆ ที่นอนหมอบร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ...“ลุงจ๋า นี่ไง เพื่อนหาเงินมาให้ลุงกับป้าได้แล้ว นี่จ้ะ นี่เงินเพื่อนไปช่วยคุณครูที่โรงเรียนทำความสะอาดบ้านมาแล้วก็เก็บขวดไปขายได้มาสองร้อย เพื่อนให้ลุงกับป้าไปหมดเลย” เด็กหญิง พิมพ์ภัสสร ซึ่งเป็นแฝดผู้พี่ยื่นแบงก์ร้อยที่ค่อนข้างยับยู่ยี่ให้ผู้เป็นลุงแท้ๆ ด้วยความหวาดหวั่นแล้วเข้าไปประคองร่างผอมบางซีดขาวของ พิมพ์บงกชที่สะอื้นไห้อยู่กับพื้น เด็กหญิงทั้งสอ
ตอนที่2.“โธ่แพง เพื่อนจะพาแพงหนีคนใจร้ายพวกนี้ไปให้ได้”ปังๆๆ เสียงทุบประตูด้วยความโกรธดังขึ้นทำให้ทั้งสองสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว เสียงสองแม่ลูกจะร้องเรียกพวกเธออย่างหยาบคายอยู่ด้านนอกห้องเก่าโกโรโกโสเพราะขาดการเอาใจใส่ดูแลยิ่งทำให้พิมพ์บงกชตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่นเด็กหญิงมองหน้าแฝดผู้พี่แล้วเบะปากจะร้องไห้อีกรอบ“นังเพื่อน นังแพง อีเด็กเหลือขอพวกแกออกมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้าพวกแกไม่ออกมาให้ฉันตบให้หายแค้นใจละก็ฉันจะเผาห้องพวกแกรมควันพวกแกให้สำลักควันตายเลยคอยดู!”“ถ้าพวกแกไม่มีปัญญาหาเงินมาให้ฉันกับแม่ใช้ ฉันจะบอกพ่อให้เอาพวกแกไปขาย ให้ไปเป็นกะหรี่ในซ่องเลย ออกมานะอีเพื่อน! อีแพง!...”เสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความหยาบคายและเกลียดชิงชัง ยิ่งได้ยินสองคนนั้นพูดแว่วๆ มาว่าจะไปเอาขวานกับไฟมาจุดเผาก็นึกหวาดหวั่น พวกเธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...“น้องพี่ นิ่งซะนะ เพื่อนจะพาแพงหนีคนใจร้ายไปให้ได้ แพงต้องสัญญาว่าจะทำตามที่เพื่อนบอกและต้องเข้มแข็ง”เด็กหญิงปลอบคู่แฝดราวเด็กตัวเล็กๆ เหมือนว่าพิมพ์บงกชไม่ได้เกิดมาพร้อมๆ กับตน เมื่อน้องสาวพยักหน้าทั้งยังเช็ดน้ำตาป้อยๆ พิมพ์ภัสสรก็ยิ้มออกในขณะที่เสี
ตอนที่3.“ไปทางนี้ แพงต้องเกาะหลังพี่ไว้ พี่จะพาว่ายน้ำข้ามฝั่งไปหา บุญยอด เราจะหลบอยู่ที่นั่นก่อนป้าจันไม่กล้าตอแยแม่บุญเยี่ยมหรอก”พิมพ์ภัสสรจูงมือผอมๆ ของน้องสาวเดินลัดเลาะกำแพงมาอีกด้านซึ่งไกลพอสมควรจนมาถึงคลองเล็กๆ หลังหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ที่สายน้ำขุ่นทั้งดำสกปรก แต่พวกเธอไม่มีทางเลือก ถ้ากลับไปที่ถนนพวกเธอถูกจับตัวกลับไปได้แน่นอนแต่ถ้าไปทางนี้ พวกเธออาจจะรอดเด็กหญิงทั้งสองเงยหน้ามองฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มและลมก็กรรโชกแรงขึ้น สายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่บนผืนฟ้าทะมึนเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานพายุฝนก็จะเทกระหน่ำลงมา ทั้งสองเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นมือเล็กๆ ถือไม้อันยาวก็ฟาดถางทางให้ตนเองกับน้องจนถึงลำคลองเด็กหญิงก็ถอนใจด้วยความโล่งอกและเหนื่อยอ่อนก่อนจะหันไปมองกำแพงบ้านของตนเป็นครั้งสุดท้าย บ้านที่เคยสวยงามอบอุ่นเพียบพร้อมจะไม่มีอีกแล้ว...“เพื่อน แพงกลัว ฮือๆๆ”“ไม่ต้องกลัวนะแพง เพื่อนจะดูแลแพงเอง น้องพี่อย่ากลัว”ผู้ซึ่งเกิดก่อนไม่กี่นาทีเฝ้าปลอบโยน ใบหน้าเล็กๆ ก็ซีดลงอีกคราเมื่อได้ยินเสียงเดินและเสียงก่นด่าของสองแม่ลูกมหาภัยกำลังตรงมายังทิศทางที่พวกเธออยู่ สองแม่ลูกนี้ช่างเหมือนสุนัขล่าเนื้อที่กัด