“อา... โอว... อา... อู้...”
ริมฝีปากบอบบางอ้าค้างอย่างหุบไม่ลงก่อนจะห่อปากเข้าหากันเพราะแรงกระแทกกระทั้นจากทั้งสองช่องทางพร้อมๆ กัน กระทบเข้ากับอวัยวะภายในจนร่างกายของหล่อนปั่นป่วนไปหมด
ความอัดอั้นมากมายรุนแรงจนหล่อนต้องกรีดร้อง ความซ่านเสียว ความเจ็บปวด ความตึงแน่น ผสมผสานปนเปจนหล่อนแยกไม่ออก แต่เหนือกว่าสิ่งใดนั้นคือ ‘มัน’ หล่อนกำลังได้รับความมันตอบสนองความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของตนเอง
ชาวต่างชาติผิวดำมันวาวกระแทกตัวตนขนาดมหึมาเข้าสู่โพรงถ้ำกว้างและลึกของหล่อนไม่หยุดยั้ง และทุกแรงกระแทกก็ทำให้อีกช่องทางต้องกดลึกกับความแข็งแกร่งอีกท่อนที่เสียบคาอยู่ด้านล่าง
เสียงกรีดร้องสอดประสานกับเสียงหอบหายใจพร้อมคำสบถเป็นภาษาต่างชาติชนิดที่ ‘หยาบ’ แต่ยิ่งเร่งเร้าความดิบเถื่อนของหล่อนให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
“โอว... โอว... เยส... เยส... โอว...”
หล่อนยังคงกรีดร้องกับความใหญ่โตที่สอดใส่เข้ามา สิ่งที่สายตาเห็นจากเงาสะท้อนของกระจกบานโตสูงจากพื้นจดเพดานห้อง ไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดรดบนกองไฟแห่งความมักมาก อยาก และปรารถนา
เมื่อร่างสีดำมะเมื่อมขนาบกับร่างขาวนวลเนียนไม่ต่างจากขนมปังช็อกโกแลตสอดไส้ด้วยครีมนม
แรงกระตุ้นเร่งเร้าทำให้หล่อนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ความเสียวสุดยอดจู่โจมจนเส้นขนทุกเส้นบนร่างลุกชัน ดวงตาลอยคว้าง ภาพที่เห็นเป็นสีเบลอไปหมด
ร่างกายรับรู้เพียงความอุ่นวาบที่แล่นปะทะภายในโพรงถ้ำจนร้อนฉ่าราวกับไฟในร่างของหล่อนกำลังจะลุก
.
.
“เป็นไงล่ะรัตตี้ คืนนี้ได้เท่าไร”
‘รัตติกาล หรือ รัตตี้’ สาววัย 24 ปี หันตามเสียงเรียก ดวงตาสวยกรีดอายไลเนอร์จนคมกวาดมองคนเรียก ชนิดที่ว่าหากไม่รู้จักกันมาก่อนได้มีตบกันซักฉาดเป็นแน่ แต่เพราะรู้ดีว่า ‘สาลี่’ เพื่อนร่วมอาชีพของหล่อนนั้นเป็นคนเช่นไร หล่อนจึงไม่ใส่ใจคำพูด ได้ยิ้มๆ เท่านั้น
‘สาลี่’ สาวอายุ 30 ปีที่หล่อนไม่คิดจะเรียกพี่นำหน้า เพราะสาลี่ชอบให้เรียกชื่อเฉยๆ จะได้ไม่ดูแก่ว่าบรรดาสาวกลางคืนที่ใช้สถานที่ทำงานร่วมกัน
นิสัยของสาลี่เป็นชนิด ‘ปากว่า-ตาจิก’ แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรแอบแฝงในคำพูดนั้น นอกจากความหมั่นไส้เล็กๆ ที่ค่ำคืนนี้หล่อนดูจะมีรายได้มากกว่าสาลี่เป็นแน่
“ก็ไม่เท่าไร เบาะๆ ก็แค่สักสองหมื่น” รัตติกาลพูดริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างไม่ยี่หระกับอะไรทั้งสิ้น
“โห! ตั้งสองหมื่น นี่แกไม่เหน็ดไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”
“ก็ไม่รู้สินะ” ยิ้มพร้อมเดินจากไป แต่ก่อนที่รัตติกาลจะก้าวเดินคำพูดของสาลี่ก็ทำให้หล่อนต้องฉุกคิด
ศีรษะส่ายไปมาหัวเราะในลำคอเบาๆ คล้ายสิ่งที่สาลี่พูดนั้นช่างไร้สาระสำหรับหล่อนเสียเหลือเกิน แต่ใครเล่าจะรู้ดีเท่าตัวหล่อนเอง... เสียงหัวเราะนั่นคือสิ่งแสดงออกเพื่อเยาะเย้ยโชคชะตาของหล่อนต่างหาก
‘ร่างกายถ้าใช้ไม่บันยะบันยัง ระวังมันจะซ่อมไม่ไหว’
คำพูดของสาลี่ยังก้องอยู่ในสมอง แม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยเพราะกิจกามที่กินเวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ เพราะสิ่งที่สาลี่พูดนั้นใช่ว่า ‘ไม่จริง’ ร่างกายของหล่อนกำลังฟ้องว่าหล่อนใช้งานมากจนเกินพอดี
‘แต่แล้วอะไรล่ะที่พอดี’ เสียงหนึ่งในตัวเองร้องถาม คำถามที่หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ รู้แต่ว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีคืนไหนเลยที่หล่อน ‘ไม่ได้’ ไม่นับช่วงเวลาที่มีเมนส์ แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่แม้เลือดจะแดงสาดแต่หล่อนก็ซ่านไม่เลิก ต้องดอดให้ใครมากระทุ้งจนหายคันเสียก็บ่อย
ใครล่ะอยากจะมี ‘ผัว’ เกิน 1 แต่สำหรับหล่อน ต่อให้นับนิ้วมือรวมนิ้วเท้าทั้งสองข้างก็ยังไม่พอ
หล่อนเลยไม่บัญญัติคำว่า ‘ผัว’ ให้กับผู้ชายที่ผ่านมาผ่านไป รู้แต่ว่าไอ้ที่จะกลับมาให้หล่อนกินซ้ำนั้นก็น้อยนักที่จะจดจำ สิ่งที่หล่อนจดจำก็คือ ใครที่ทำให้หล่อน ‘ถึงสวรรค์’ ได้มากที่สุด หรือใครที่ ‘จ่ายหนัก’ จนหล่อนจำไม่มีวันลืม
แต่ที่ผ่านมานั้นหล่อนแทบจะไม่จำพวกกระเป๋าหนักสักเท่าไร เพราะสิ่งที่หล่อนต้องการในทุกค่ำคืนก็คือความแข็งแกร่งของเพศชายที่จะมาช่วย ‘ปลดเปลื้อง’ ห้วงทุกข์แห่งความโหยหา
รัตติกาลนอนไม่หลับจึงออกมานั่งรับลมด้านนอกห้องพัก ซึ่งจะเห็นดวงไฟจากเรือสินค้าได้อย่างประปราย แต่มากที่สุดคงไม่พ้นเป็นดวงไฟนับหมื่นจากคอนโดฯ ริมแม่น้ำ
ด้านนอกระเบียงถูกตกแต่งไว้เป็นสวนหย่อมน้อยๆ ต้นไม้สีเขียวปลูกอยู่ในกระถางเป็นแนวรั้วเตี้ยๆ มีดอกกุหลาบ ทานตะวัน กล้วยไม้ ทิวลิป หลายหลากสารพัดดอกที่หล่อนชอบ ชอบแบบไหนก็แค่ซื้อมาเปลี่ยน เพราะทั้งหมดนั้นเป็น ‘ของปลอม’ เพราะหล่อนชอบของสวย แต่หากต้องให้มานั่งดูแลเอาใจใส่หล่อนคงทำไม่ได้ ของปลอมที่จัดหามาก็ย่อมดีกว่าของจริงที่ต้องรอคอยการเจริญเติบโต ต้องใส่ปุ๋ยให้น้ำ ต้องดูแลรักษา ก็คงไม่ต่างจากหล่อน
เพราะผู้หญิงอย่างหล่อนไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ประดิษฐ์นี้ หล่อนไม่เคยมีอะไรที่เป็นของจริง ทุกอย่างในชีวิตล้วนปลอมทั้งหมด ความจอมปลอมที่หล่อนเคยชิน
เมื่อเริ่มสาวหล่อนกลายเป็น ‘ของเล่น’ ของผู้ชายทุกวัย ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ ลูกใคร ผัวใคร ใครก็ได้ที่มีไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘ตัวเดียวอันเดียว’ ที่พร้อมจะสอดใส่ หล่อนก็พร้อมที่จะอ้าให้ทุกวันทุกคืน เพื่ออะไรน่ะเหรอ เพื่อของที่หล่อนอยากได้ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
และ ‘เพื่อสนองความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด’ หล่อนจึงเปรียบตัวเองเป็นดั่งดอกไม้จอมปลอมเหล่านี้ เหมาะกันแล้ว
นิ้วมือคีบบุหรี่อัดควันสีจางเข้าสู่ปอด ก่อนจะไอแคกๆ เพราะอาการแห้งผากในลำคอ จนต้องหยิบขวดแก้วที่วางอยู่ด้านข้างเปิดและยกซดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ดีกรีนั้นไม่ได้บางเบาเลย แต่เพราะความเคยชินมันจึงบางเบาเสียจนบางครั้งหล่อนไม่รู้รสฝ่ามือกระชับขวดแก้วแนบกับอกอวบอิ่มที่ถูกขยำขยี้นับหมื่นครั้งจากผู้ชายมากหน้าหลายตา เอนศีรษะพิงซบกับพนักเก้าอี้บุนวมนุ่ม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแหงนมองขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด หนทางกว้างไกลนั้นมืดมนไม่ต่างจากตัวหล่อน แต่ใครล่ะอยากให้ชีวิตเป็นเช่นนี้ หล่อนก็ไม่อยากหล่อนก็มีความต้องการที่ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น คือต้องการแต่งงานกับคนที่เรารักและรักเรา ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีบ้านหลังพอประมาณให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่น และตัวหล่อนนั่งมองสามีวิ่งหยอกล้อกับลูกอย่างสนุกสนานแต่นั่นมันคือ ‘ความฝัน’ ที่หล่อนฝังมันสู่ก้นบึ้งของความต้องการ ถ้าจะไม่ถูกใครสะกิดต่อมขึ้นมาซะก่อน หล่อนก็คงจะไม่หวนหามันอีก เมื่อหนทางที่หล่อนเลือกเดินก็คือความมืดมิดตรงหน้า ทางเดินที่ไร้ ‘ความรัก’ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สาดซัดเข้าสู่ลำคอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้รัตติกาลหว
แม่กด ‘เต่าตัวน้อย’ ลงไปที่ ‘แท่ง’ ของลุงชิดจนมิดไม่เห็นช่องว่าง จากนั้นแม่ก็เริ่มโยกขึ้นโยกลง ขยับซ้ายขยับขวา และมีบ้างที่แม่ทำเป็นจะถอนออกก่อนจะกดซ้ำๆ ลงไปอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผับๆ พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยทั้งของลุงชิดและของแม่ แต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “โอย... พี่ชิดจ๋า... ฉันจะไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว โอย... ฉันเสียว...” “เร่งเลยจ้ะเมียจ๋า... เร่งเลย พี่ก็ไม่ไหวแล้ว เร่งเลย... โอว... เมียจ๋า...” “พี่ชิด! โอว... โอว... กรี๊ดดดดด...” “โอ้ว... อา... โอย...” เสียงแม่กรีดร้องดังกว่าเคย และดูเหมือนว่าแม่จะลืมไปแล้วว่ามีหล่อนนอนอยู่อีกฟากของตัวบ้าน ส่วนลุงชิดนั้นไม่ต้องพูดถึง ร้องเสียงดังอย่างกับควายจะถูกเชือด ร่างของแม่เกร็งกระตุกเร็วๆ อยู่บนตัวของลุงชิด พร้อมร่างของลุงชิดที่ยกสะโพกบดเบียดแตงลูกเขื่องสวนเข้าแรงๆ ภาพที่เห็นทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะเกร็งตามไปทั้งร่างจากนั้นแม่ก็ถลานอนซบลงไปบนอกของลุง แต่ก็ยังไม่วายจะบดเบียดบั้นท้ายอย่างช้าๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแม่และลุงชิดที่ต่างสรรหาคำหยาบมาหยอกเอินกัน คำที่แ
“อีกนิดนะรวย เดี๋ยวพี่เก็บต้นนี้อีกต้นหนึ่งก็จะเต็มเข่งพอดี เอาไปขายทั้งทีต้องเอาไปให้คุ้มค่าน้ำมัน”ลุงชิดพูดพลางแหงนหน้ามองมะม่วงต้นดกที่ลุงกับแม่ช่วยกันเก็บตั้งแต่บ่าย เพราะวันพรุ่งนี้ลุงจะต้องไปฉายหนังเร่อีกหมู่บ้าน แกว่าไปทั้งทีหาของติดไม้ติดมือไปขายบ้างจะดีกว่ารอคนมาซื้อตั๋วดูหนังเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม่ก็เห็นด้วยทั้งยังแอบชื่นชมลุงให้หล่อนฟังอยู่ตลอดว่า ลุงชิดเป็นคนขยันและเป็นคนดี แม่เลือกคนไม่ผิด ซึ่งหล่อนก็เห็นด้วยตามนั้น “งั้นฉันกลับบ้านไปทำกับข้าวก่อนดีกว่าพี่ เดี๋ยวให้นังมืดอยู่ช่วยพี่เก็บล่ะกัน มืดถ้าเสร็จแล้วไปตามแม่นะ จะได้มาช่วยกันขน” “จ้ะแม่” หล่อนรับคำของแม่พลางก้มหน้าก้มตาเก็บมะม่วงที่ลุงหย่อนตะกร้อลงมาให้ใส่ตะกร้าใบใหญ่ที่โคนต้น โดยไม่สนใจอีกว่าแม่จะเดินไปแล้วหรือยัง ‘มืด...’ “จ้ะลุง อ้าว! ลุงไม่เก็บมะม่วงแล้วเหรอ”หล่อนเอ่ยถามสีหน้างงๆ เมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงลงมาจากต้นมะม่วงและยืนอยู่ตรงหน้าในระยะกระชั้นชิด “เอ่อ... เดี๋ยวค่อยเก็บต่อ ลุงมีเรื่องอยากจะคุยกับมืด” หล่อนสงสัยแต่ก็ยอมให้พ่อเลี้ยงจูงมื
“เอ่อ... ลุงยังไม่ได้พิสูจน์เลย ไหน... ไหนมืดลองอ้าขาสิ ลุงต้องดมกลิ่นก่อนว่าใช้ได้หรือยัง เหมือนที่ลุงดมของแม่ไง” มืดค่อยๆ กางขาออกอย่างช้าๆ แค่คิดว่าลุงจะเอาจมูกเข้ามาใกล้เต่าตัวน้อย หล่อนก็รู้สึกวาบไปทั้งร่าง และเมื่อจมูกของลุงเข้ามาใกล้ หล่อนก็ต้องขยับขาออก “ทำไมล่ะมืด ขอ... ขอลุงดมหน่อยนะ”อีกนิดเดียวก็จะถึง กลิ่นบริสุทธิ์ปนกลิ่นฉี่บางๆ โชยมาใกล้จนแกต้องสูดลมหายใจลึกๆ แกรู้ว่าลูกเลี้ยงก็อยากไม่แพ้แกหรอกแต่มันไม่รู้ว่าจะต้องแสดงออกยังไงเท่านั้น “นะ... ถ่างขาออกสิ ลุงดมแป๊บเดียวไม่นานหรอก อืม... อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น... อืม... หะ... หอม... กลิ่นใช้ได้ อืม... ใกล้... ใกล้เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ขอ... ขอลุงชิมหน่อยนะ” “อุ้ย! ลุง! ไม่ได้นะ มันสกปรก”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ขาสั่น ขยับตัวหนี เมื่อปลายลิ้นร้อนๆ ของพ่อเลี้ยงฉกวาบเข้ามาที่เต่านาตัวน้อยของหล่อนพอดิบพอดี แต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้ไกลนัก เพราะฝ่ามือหยาบใหญ่ของลุงกระชับอยู่ที่ต้นขาคล้ายจะกดให้หล่อนอยู่นิ่งๆ “ไม่เห็นสกปรกเลย ทั้งหอม... ทั้งหวาน” “หนู...
“เอ่อ... ลุงยังไม่ได้พิสูจน์เลย ไหน... ไหนมืดลองอ้าขาสิ ลุงต้องดมกลิ่นก่อนว่าใช้ได้หรือยัง เหมือนที่ลุงดมของแม่ไง” มืดค่อยๆ กางขาออกอย่างช้าๆ แค่คิดว่าลุงจะเอาจมูกเข้ามาใกล้เต่าตัวน้อย หล่อนก็รู้สึกวาบไปทั้งร่าง และเมื่อจมูกของลุงเข้ามาใกล้ หล่อนก็ต้องขยับขาออก “ทำไมล่ะมืด ขอ... ขอลุงดมหน่อยนะ”อีกนิดเดียวก็จะถึง กลิ่นบริสุทธิ์ปนกลิ่นฉี่บางๆ โชยมาใกล้จนแกต้องสูดลมหายใจลึกๆ แกรู้ว่าลูกเลี้ยงก็อยากไม่แพ้แกหรอกแต่มันไม่รู้ว่าจะต้องแสดงออกยังไงเท่านั้น “นะ... ถ่างขาออกสิ ลุงดมแป๊บเดียวไม่นานหรอก อืม... อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น... อืม... หะ... หอม... กลิ่นใช้ได้ อืม... ใกล้... ใกล้เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ขอ... ขอลุงชิมหน่อยนะ” “อุ้ย! ลุง! ไม่ได้นะ มันสกปรก”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ขาสั่น ขยับตัวหนี เมื่อปลายลิ้นร้อนๆ ของพ่อเลี้ยงฉกวาบเข้ามาที่เต่านาตัวน้อยของหล่อนพอดิบพอดี แต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้ไกลนัก เพราะฝ่ามือหยาบใหญ่ของลุงกระชับอยู่ที่ต้นขาคล้ายจะกดให้หล่อนอยู่นิ่งๆ “ไม่เห็นสกปรกเลย ทั้งหอม... ทั้งหวาน” “หนู...
“อีกนิดนะรวย เดี๋ยวพี่เก็บต้นนี้อีกต้นหนึ่งก็จะเต็มเข่งพอดี เอาไปขายทั้งทีต้องเอาไปให้คุ้มค่าน้ำมัน”ลุงชิดพูดพลางแหงนหน้ามองมะม่วงต้นดกที่ลุงกับแม่ช่วยกันเก็บตั้งแต่บ่าย เพราะวันพรุ่งนี้ลุงจะต้องไปฉายหนังเร่อีกหมู่บ้าน แกว่าไปทั้งทีหาของติดไม้ติดมือไปขายบ้างจะดีกว่ารอคนมาซื้อตั๋วดูหนังเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม่ก็เห็นด้วยทั้งยังแอบชื่นชมลุงให้หล่อนฟังอยู่ตลอดว่า ลุงชิดเป็นคนขยันและเป็นคนดี แม่เลือกคนไม่ผิด ซึ่งหล่อนก็เห็นด้วยตามนั้น “งั้นฉันกลับบ้านไปทำกับข้าวก่อนดีกว่าพี่ เดี๋ยวให้นังมืดอยู่ช่วยพี่เก็บล่ะกัน มืดถ้าเสร็จแล้วไปตามแม่นะ จะได้มาช่วยกันขน” “จ้ะแม่” หล่อนรับคำของแม่พลางก้มหน้าก้มตาเก็บมะม่วงที่ลุงหย่อนตะกร้อลงมาให้ใส่ตะกร้าใบใหญ่ที่โคนต้น โดยไม่สนใจอีกว่าแม่จะเดินไปแล้วหรือยัง ‘มืด...’ “จ้ะลุง อ้าว! ลุงไม่เก็บมะม่วงแล้วเหรอ”หล่อนเอ่ยถามสีหน้างงๆ เมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงลงมาจากต้นมะม่วงและยืนอยู่ตรงหน้าในระยะกระชั้นชิด “เอ่อ... เดี๋ยวค่อยเก็บต่อ ลุงมีเรื่องอยากจะคุยกับมืด” หล่อนสงสัยแต่ก็ยอมให้พ่อเลี้ยงจูงมื
แม่กด ‘เต่าตัวน้อย’ ลงไปที่ ‘แท่ง’ ของลุงชิดจนมิดไม่เห็นช่องว่าง จากนั้นแม่ก็เริ่มโยกขึ้นโยกลง ขยับซ้ายขยับขวา และมีบ้างที่แม่ทำเป็นจะถอนออกก่อนจะกดซ้ำๆ ลงไปอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผับๆ พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยทั้งของลุงชิดและของแม่ แต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “โอย... พี่ชิดจ๋า... ฉันจะไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว โอย... ฉันเสียว...” “เร่งเลยจ้ะเมียจ๋า... เร่งเลย พี่ก็ไม่ไหวแล้ว เร่งเลย... โอว... เมียจ๋า...” “พี่ชิด! โอว... โอว... กรี๊ดดดดด...” “โอ้ว... อา... โอย...” เสียงแม่กรีดร้องดังกว่าเคย และดูเหมือนว่าแม่จะลืมไปแล้วว่ามีหล่อนนอนอยู่อีกฟากของตัวบ้าน ส่วนลุงชิดนั้นไม่ต้องพูดถึง ร้องเสียงดังอย่างกับควายจะถูกเชือด ร่างของแม่เกร็งกระตุกเร็วๆ อยู่บนตัวของลุงชิด พร้อมร่างของลุงชิดที่ยกสะโพกบดเบียดแตงลูกเขื่องสวนเข้าแรงๆ ภาพที่เห็นทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะเกร็งตามไปทั้งร่างจากนั้นแม่ก็ถลานอนซบลงไปบนอกของลุง แต่ก็ยังไม่วายจะบดเบียดบั้นท้ายอย่างช้าๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแม่และลุงชิดที่ต่างสรรหาคำหยาบมาหยอกเอินกัน คำที่แ
นิ้วมือคีบบุหรี่อัดควันสีจางเข้าสู่ปอด ก่อนจะไอแคกๆ เพราะอาการแห้งผากในลำคอ จนต้องหยิบขวดแก้วที่วางอยู่ด้านข้างเปิดและยกซดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ดีกรีนั้นไม่ได้บางเบาเลย แต่เพราะความเคยชินมันจึงบางเบาเสียจนบางครั้งหล่อนไม่รู้รสฝ่ามือกระชับขวดแก้วแนบกับอกอวบอิ่มที่ถูกขยำขยี้นับหมื่นครั้งจากผู้ชายมากหน้าหลายตา เอนศีรษะพิงซบกับพนักเก้าอี้บุนวมนุ่ม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแหงนมองขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด หนทางกว้างไกลนั้นมืดมนไม่ต่างจากตัวหล่อน แต่ใครล่ะอยากให้ชีวิตเป็นเช่นนี้ หล่อนก็ไม่อยากหล่อนก็มีความต้องการที่ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น คือต้องการแต่งงานกับคนที่เรารักและรักเรา ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีบ้านหลังพอประมาณให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่น และตัวหล่อนนั่งมองสามีวิ่งหยอกล้อกับลูกอย่างสนุกสนานแต่นั่นมันคือ ‘ความฝัน’ ที่หล่อนฝังมันสู่ก้นบึ้งของความต้องการ ถ้าจะไม่ถูกใครสะกิดต่อมขึ้นมาซะก่อน หล่อนก็คงจะไม่หวนหามันอีก เมื่อหนทางที่หล่อนเลือกเดินก็คือความมืดมิดตรงหน้า ทางเดินที่ไร้ ‘ความรัก’ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สาดซัดเข้าสู่ลำคอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้รัตติกาลหว
“อา... โอว... อา... อู้...”ริมฝีปากบอบบางอ้าค้างอย่างหุบไม่ลงก่อนจะห่อปากเข้าหากันเพราะแรงกระแทกกระทั้นจากทั้งสองช่องทางพร้อมๆ กัน กระทบเข้ากับอวัยวะภายในจนร่างกายของหล่อนปั่นป่วนไปหมดความอัดอั้นมากมายรุนแรงจนหล่อนต้องกรีดร้อง ความซ่านเสียว ความเจ็บปวด ความตึงแน่น ผสมผสานปนเปจนหล่อนแยกไม่ออก แต่เหนือกว่าสิ่งใดนั้นคือ ‘มัน’ หล่อนกำลังได้รับความมันตอบสนองความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของตนเอง ชาวต่างชาติผิวดำมันวาวกระแทกตัวตนขนาดมหึมาเข้าสู่โพรงถ้ำกว้างและลึกของหล่อนไม่หยุดยั้ง และทุกแรงกระแทกก็ทำให้อีกช่องทางต้องกดลึกกับความแข็งแกร่งอีกท่อนที่เสียบคาอยู่ด้านล่าง เสียงกรีดร้องสอดประสานกับเสียงหอบหายใจพร้อมคำสบถเป็นภาษาต่างชาติชนิดที่ ‘หยาบ’ แต่ยิ่งเร่งเร้าความดิบเถื่อนของหล่อนให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก “โอว... โอว... เยส... เยส... โอว...” หล่อนยังคงกรีดร้องกับความใหญ่โตที่สอดใส่เข้ามา สิ่งที่สายตาเห็นจากเงาสะท้อนของกระจกบานโตสูงจากพื้นจดเพดานห้อง ไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดรดบนกองไฟแห่งความมักมาก อยาก และปรารถนาเมื่อร่างสีดำมะเมื่อมขนาบกับร่างขาวนวล