“อีกนิดนะรวย เดี๋ยวพี่เก็บต้นนี้อีกต้นหนึ่งก็จะเต็มเข่งพอดี เอาไปขายทั้งทีต้องเอาไปให้คุ้มค่าน้ำมัน”
ลุงชิดพูดพลางแหงนหน้ามองมะม่วงต้นดกที่ลุงกับแม่ช่วยกันเก็บตั้งแต่บ่าย เพราะวันพรุ่งนี้ลุงจะต้องไปฉายหนังเร่อีกหมู่บ้าน แกว่าไปทั้งทีหาของติดไม้ติดมือไปขายบ้างจะดีกว่ารอคนมาซื้อตั๋วดูหนังเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม่ก็เห็นด้วยทั้งยังแอบชื่นชมลุงให้หล่อนฟังอยู่ตลอดว่า ลุงชิดเป็นคนขยันและเป็นคนดี แม่เลือกคนไม่ผิด ซึ่งหล่อนก็เห็นด้วยตามนั้น
“งั้นฉันกลับบ้านไปทำกับข้าวก่อนดีกว่าพี่ เดี๋ยวให้นังมืดอยู่ช่วยพี่เก็บล่ะกัน มืดถ้าเสร็จแล้วไปตามแม่นะ จะได้มาช่วยกันขน”
“จ้ะแม่” หล่อนรับคำของแม่พลางก้มหน้าก้มตาเก็บมะม่วงที่ลุงหย่อนตะกร้อลงมาให้ใส่ตะกร้าใบใหญ่ที่โคนต้น โดยไม่สนใจอีกว่าแม่จะเดินไปแล้วหรือยัง
‘มืด...’
“จ้ะลุง อ้าว! ลุงไม่เก็บมะม่วงแล้วเหรอ”
หล่อนเอ่ยถามสีหน้างงๆ เมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงลงมาจากต้นมะม่วงและยืนอยู่ตรงหน้าในระยะกระชั้นชิด
“เอ่อ... เดี๋ยวค่อยเก็บต่อ ลุงมีเรื่องอยากจะคุยกับมืด”
หล่อนสงสัยแต่ก็ยอมให้พ่อเลี้ยงจูงมือไปที่ป่ากล้วยด้านใน และเรื่องที่ลุงอยากจะคุยด้วยก็ทำให้หล่อนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา
“ว่ายังไงล่ะมืด ลุงถามว่ามืดเห็นลุงกับแม่เล่นกันทุกคืนใช่ไหม”
หล่อนพยักหน้าน้อยๆ ไม่กล้ามองใบหน้าที่ก้มลงมาถามใกล้ๆ หัวใจเต้นตึกตักตื่นกลัวเพราะนี่คือความผิดที่หล่อนถูกจับได้ หัวสมองคิดไปไกลถึงบทลงโทษในการแอบดู และหากลุงกับแม่รู้ว่าหล่อนรู้สึกสนุกและสุขทุกครั้งที่ได้แอบดู ลุงกับแม่จะด่าจะว่าขนาดไหน แล้วเรื่องเรียนของหล่อนอีกล่ะ ลุงจะไม่ส่งหล่อนเรียนหรือเปล่า
“แต่... แต่หนูไม่ได้ตั้งใจนะลุง หนูได้ยินเสียงแม่ร้อง หนูกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรหรือเปล่า หนู... หนูก็เลย”
“ลุงไม่ได้ว่าอะไรมืดเลยนะ ลุงก็แค่ถามดู คราวต่อไปลุงจะได้ระมัดระวังมากขึ้น”
ฝ่ามือของพ่อเลี้ยงลูบหัวลูบหลังไปมา แต่หล่อนกลับรู้สึกแปลกๆ ในยามที่ฝ่ามือนั้นลูบไล้ลงไปตามบั้นท้ายที่มีน้ำมีเนื้อตามวัย
“จริงนะจ๊ะลุง ลุงไม่ได้โกรธหนูนะ แล้วหนูจะได้เรียนต่อใช่ไหม”
“จริงสิ มืดรู้ไหม นั่นน่ะมันเป็นวิธีที่จะบอกว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ถ้าใครทำแบบนั้นได้ ก็แปลว่าโตแล้ว และถ้ามืดทำได้ ก็แปลว่ามืดโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วน่ะสิ”
อาการขนลุกชันของลูกเลี้ยงสาวทำให้ชิดต้องยิ้มด้วยความตื่นเต้น แก่นกายแข็งปึ๋งขึ้นในทันที ยิ่งโอบกระชับยิ่งรับรู้ได้ถึงโนมเนื้อก้อนกลมขนาดเหมาะมือ ที่แกมองจากบนต้นมะม่วงลงมาเห็น มันทำให้นึกฮึกเหิมที่จะกล้า
และก็รู้ว่าลูกเลี้ยงแอบดูอยู่ทุกคืน มีหรือที่ความอยากรู้อยากเห็นจะไม่มาเยือน หากแกไม่เป็นคนสอน มันก็คงจะไปหาคนสอนให้จนได้ แล้วเรื่องอะไรล่ะที่จะพลาด
“แล้วมืดอยากรู้หรือเปล่าล่ะว่า มืดเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง”ถามหยั่งเชิงเมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของลูกเลี้ยง
“เอ่อ... หนู... หนูไม่รู้”
“ตอนที่มืดแอบดูลุงเล่นกับแม่ มืดรู้สึก... เสียวๆ คันๆ ที่เต่าไหม”
ดวงตามีแววตกใจตวัดขึ้นมองแกก่อนจะหลุบลงต่ำด้วยความอาย ยิ่งทำให้แกกล้าพูดมากขึ้น
“ที่เต่าของมืดมันมีน้ำเหนียวๆ ออกมาหรือเปล่า” คราวนี้เด็กสาวไม่ตอบแต่พยักหน้างึกๆ ยอมรับ และในนาทีนี้ ถ้าแกยังยืนถามอยู่ก็คงไม่ได้เป็นแน่ มันต้องพิสูจน์
“งั้นลุงจะดูให้นะ ว่ามืดพอจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง”
ฝ่ามือหยาบเพราะกรำงานหนักประกบที่ขอบผ้านุ่งเตรียมจะรั้งปมออก แต่ต้องชะงักเพราะฝ่ามือของเด็กสาวยื้อไว้ซะก่อน
“ลุง แม่จะไม่ดุเหรอ แม่บอกว่าห้ามให้ใครเห็นเต่าของหนู จนกว่าหนูจะแต่งงาน”
“ลุงดูได้ ลุงก็เหมือนพ่อเอ็ง เป็นพ่อเป็นแม่ดูของลูกได้ แม่ไม่ดุเอ็งหรอก มาเถอะเดี๋ยวค่ำลุงจะมองไม่เห็นนะ”
ปมผ้าถูกปลดออกปล่อยผ้านุ่งลงไปกองที่ปลายเท้า ส่งผลให้เต่านาตัวอวบปรากฏอยู่ตรงหน้าในระดับสายตาพอดิบพอดี เพราะมืดไม่ได้ใส่กางเกงใน กางเกงในจะเอาไว้ใช้ในวันไปโรงเรียนเท่านั้น
ชิดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เพราะแสงสลัวสีส้มนวลๆ ที่รอดผ่านริ้วใบตองลงมานั้นทำให้เห็นความสวยงามตรงหน้าได้ชัดเจน เต่านาของนังมืด ไม่ได้มืดเลยสักนิด เพราะนังมืดหรือ ‘ราตรี’ ลูกสาวของ ‘รวยริน’ นั้นได้ความสวยของแม่มาทั้งหมด ทั้งผิวก็ขาวอมชมพู ไม่ได้มืดสมชื่อ แต่ที่ถูกตั้งชื่อเล่นว่ามืดก็เพราะ ‘ราตรี’ แปลว่า ‘กลางคืน’ นั่นเอง
“ละ... ลุงจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง หนู... หนูพอจะเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยังจ๊ะ”
มืดถามเสียงสั่นประหม่า เพราะสายตาของพ่อเลี้ยงที่จ้องอยู่ที่เต่านาทำให้หล่อนรู้สึกเสียวซ่านจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากันแน่น ความรู้สึกแปลกๆ แล่นกระทบจิตใจ จนขาที่ยืนแนบชิดสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ... ลุงยังไม่ได้พิสูจน์เลย ไหน... ไหนมืดลองอ้าขาสิ ลุงต้องดมกลิ่นก่อนว่าใช้ได้หรือยัง เหมือนที่ลุงดมของแม่ไง” มืดค่อยๆ กางขาออกอย่างช้าๆ แค่คิดว่าลุงจะเอาจมูกเข้ามาใกล้เต่าตัวน้อย หล่อนก็รู้สึกวาบไปทั้งร่าง และเมื่อจมูกของลุงเข้ามาใกล้ หล่อนก็ต้องขยับขาออก “ทำไมล่ะมืด ขอ... ขอลุงดมหน่อยนะ”อีกนิดเดียวก็จะถึง กลิ่นบริสุทธิ์ปนกลิ่นฉี่บางๆ โชยมาใกล้จนแกต้องสูดลมหายใจลึกๆ แกรู้ว่าลูกเลี้ยงก็อยากไม่แพ้แกหรอกแต่มันไม่รู้ว่าจะต้องแสดงออกยังไงเท่านั้น “นะ... ถ่างขาออกสิ ลุงดมแป๊บเดียวไม่นานหรอก อืม... อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น... อืม... หะ... หอม... กลิ่นใช้ได้ อืม... ใกล้... ใกล้เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ขอ... ขอลุงชิมหน่อยนะ” “อุ้ย! ลุง! ไม่ได้นะ มันสกปรก”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ขาสั่น ขยับตัวหนี เมื่อปลายลิ้นร้อนๆ ของพ่อเลี้ยงฉกวาบเข้ามาที่เต่านาตัวน้อยของหล่อนพอดิบพอดี แต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้ไกลนัก เพราะฝ่ามือหยาบใหญ่ของลุงกระชับอยู่ที่ต้นขาคล้ายจะกดให้หล่อนอยู่นิ่งๆ “ไม่เห็นสกปรกเลย ทั้งหอม... ทั้งหวาน” “หนู...
“อา... โอว... อา... อู้...”ริมฝีปากบอบบางอ้าค้างอย่างหุบไม่ลงก่อนจะห่อปากเข้าหากันเพราะแรงกระแทกกระทั้นจากทั้งสองช่องทางพร้อมๆ กัน กระทบเข้ากับอวัยวะภายในจนร่างกายของหล่อนปั่นป่วนไปหมดความอัดอั้นมากมายรุนแรงจนหล่อนต้องกรีดร้อง ความซ่านเสียว ความเจ็บปวด ความตึงแน่น ผสมผสานปนเปจนหล่อนแยกไม่ออก แต่เหนือกว่าสิ่งใดนั้นคือ ‘มัน’ หล่อนกำลังได้รับความมันตอบสนองความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของตนเอง ชาวต่างชาติผิวดำมันวาวกระแทกตัวตนขนาดมหึมาเข้าสู่โพรงถ้ำกว้างและลึกของหล่อนไม่หยุดยั้ง และทุกแรงกระแทกก็ทำให้อีกช่องทางต้องกดลึกกับความแข็งแกร่งอีกท่อนที่เสียบคาอยู่ด้านล่าง เสียงกรีดร้องสอดประสานกับเสียงหอบหายใจพร้อมคำสบถเป็นภาษาต่างชาติชนิดที่ ‘หยาบ’ แต่ยิ่งเร่งเร้าความดิบเถื่อนของหล่อนให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก “โอว... โอว... เยส... เยส... โอว...” หล่อนยังคงกรีดร้องกับความใหญ่โตที่สอดใส่เข้ามา สิ่งที่สายตาเห็นจากเงาสะท้อนของกระจกบานโตสูงจากพื้นจดเพดานห้อง ไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดรดบนกองไฟแห่งความมักมาก อยาก และปรารถนาเมื่อร่างสีดำมะเมื่อมขนาบกับร่างขาวนวล
นิ้วมือคีบบุหรี่อัดควันสีจางเข้าสู่ปอด ก่อนจะไอแคกๆ เพราะอาการแห้งผากในลำคอ จนต้องหยิบขวดแก้วที่วางอยู่ด้านข้างเปิดและยกซดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ดีกรีนั้นไม่ได้บางเบาเลย แต่เพราะความเคยชินมันจึงบางเบาเสียจนบางครั้งหล่อนไม่รู้รสฝ่ามือกระชับขวดแก้วแนบกับอกอวบอิ่มที่ถูกขยำขยี้นับหมื่นครั้งจากผู้ชายมากหน้าหลายตา เอนศีรษะพิงซบกับพนักเก้าอี้บุนวมนุ่ม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแหงนมองขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด หนทางกว้างไกลนั้นมืดมนไม่ต่างจากตัวหล่อน แต่ใครล่ะอยากให้ชีวิตเป็นเช่นนี้ หล่อนก็ไม่อยากหล่อนก็มีความต้องการที่ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น คือต้องการแต่งงานกับคนที่เรารักและรักเรา ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีบ้านหลังพอประมาณให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่น และตัวหล่อนนั่งมองสามีวิ่งหยอกล้อกับลูกอย่างสนุกสนานแต่นั่นมันคือ ‘ความฝัน’ ที่หล่อนฝังมันสู่ก้นบึ้งของความต้องการ ถ้าจะไม่ถูกใครสะกิดต่อมขึ้นมาซะก่อน หล่อนก็คงจะไม่หวนหามันอีก เมื่อหนทางที่หล่อนเลือกเดินก็คือความมืดมิดตรงหน้า ทางเดินที่ไร้ ‘ความรัก’ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สาดซัดเข้าสู่ลำคอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้รัตติกาลหว
แม่กด ‘เต่าตัวน้อย’ ลงไปที่ ‘แท่ง’ ของลุงชิดจนมิดไม่เห็นช่องว่าง จากนั้นแม่ก็เริ่มโยกขึ้นโยกลง ขยับซ้ายขยับขวา และมีบ้างที่แม่ทำเป็นจะถอนออกก่อนจะกดซ้ำๆ ลงไปอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผับๆ พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยทั้งของลุงชิดและของแม่ แต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “โอย... พี่ชิดจ๋า... ฉันจะไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว โอย... ฉันเสียว...” “เร่งเลยจ้ะเมียจ๋า... เร่งเลย พี่ก็ไม่ไหวแล้ว เร่งเลย... โอว... เมียจ๋า...” “พี่ชิด! โอว... โอว... กรี๊ดดดดด...” “โอ้ว... อา... โอย...” เสียงแม่กรีดร้องดังกว่าเคย และดูเหมือนว่าแม่จะลืมไปแล้วว่ามีหล่อนนอนอยู่อีกฟากของตัวบ้าน ส่วนลุงชิดนั้นไม่ต้องพูดถึง ร้องเสียงดังอย่างกับควายจะถูกเชือด ร่างของแม่เกร็งกระตุกเร็วๆ อยู่บนตัวของลุงชิด พร้อมร่างของลุงชิดที่ยกสะโพกบดเบียดแตงลูกเขื่องสวนเข้าแรงๆ ภาพที่เห็นทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะเกร็งตามไปทั้งร่างจากนั้นแม่ก็ถลานอนซบลงไปบนอกของลุง แต่ก็ยังไม่วายจะบดเบียดบั้นท้ายอย่างช้าๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแม่และลุงชิดที่ต่างสรรหาคำหยาบมาหยอกเอินกัน คำที่แ
“เอ่อ... ลุงยังไม่ได้พิสูจน์เลย ไหน... ไหนมืดลองอ้าขาสิ ลุงต้องดมกลิ่นก่อนว่าใช้ได้หรือยัง เหมือนที่ลุงดมของแม่ไง” มืดค่อยๆ กางขาออกอย่างช้าๆ แค่คิดว่าลุงจะเอาจมูกเข้ามาใกล้เต่าตัวน้อย หล่อนก็รู้สึกวาบไปทั้งร่าง และเมื่อจมูกของลุงเข้ามาใกล้ หล่อนก็ต้องขยับขาออก “ทำไมล่ะมืด ขอ... ขอลุงดมหน่อยนะ”อีกนิดเดียวก็จะถึง กลิ่นบริสุทธิ์ปนกลิ่นฉี่บางๆ โชยมาใกล้จนแกต้องสูดลมหายใจลึกๆ แกรู้ว่าลูกเลี้ยงก็อยากไม่แพ้แกหรอกแต่มันไม่รู้ว่าจะต้องแสดงออกยังไงเท่านั้น “นะ... ถ่างขาออกสิ ลุงดมแป๊บเดียวไม่นานหรอก อืม... อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น... อืม... หะ... หอม... กลิ่นใช้ได้ อืม... ใกล้... ใกล้เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ขอ... ขอลุงชิมหน่อยนะ” “อุ้ย! ลุง! ไม่ได้นะ มันสกปรก”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ขาสั่น ขยับตัวหนี เมื่อปลายลิ้นร้อนๆ ของพ่อเลี้ยงฉกวาบเข้ามาที่เต่านาตัวน้อยของหล่อนพอดิบพอดี แต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้ไกลนัก เพราะฝ่ามือหยาบใหญ่ของลุงกระชับอยู่ที่ต้นขาคล้ายจะกดให้หล่อนอยู่นิ่งๆ “ไม่เห็นสกปรกเลย ทั้งหอม... ทั้งหวาน” “หนู...
“อีกนิดนะรวย เดี๋ยวพี่เก็บต้นนี้อีกต้นหนึ่งก็จะเต็มเข่งพอดี เอาไปขายทั้งทีต้องเอาไปให้คุ้มค่าน้ำมัน”ลุงชิดพูดพลางแหงนหน้ามองมะม่วงต้นดกที่ลุงกับแม่ช่วยกันเก็บตั้งแต่บ่าย เพราะวันพรุ่งนี้ลุงจะต้องไปฉายหนังเร่อีกหมู่บ้าน แกว่าไปทั้งทีหาของติดไม้ติดมือไปขายบ้างจะดีกว่ารอคนมาซื้อตั๋วดูหนังเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม่ก็เห็นด้วยทั้งยังแอบชื่นชมลุงให้หล่อนฟังอยู่ตลอดว่า ลุงชิดเป็นคนขยันและเป็นคนดี แม่เลือกคนไม่ผิด ซึ่งหล่อนก็เห็นด้วยตามนั้น “งั้นฉันกลับบ้านไปทำกับข้าวก่อนดีกว่าพี่ เดี๋ยวให้นังมืดอยู่ช่วยพี่เก็บล่ะกัน มืดถ้าเสร็จแล้วไปตามแม่นะ จะได้มาช่วยกันขน” “จ้ะแม่” หล่อนรับคำของแม่พลางก้มหน้าก้มตาเก็บมะม่วงที่ลุงหย่อนตะกร้อลงมาให้ใส่ตะกร้าใบใหญ่ที่โคนต้น โดยไม่สนใจอีกว่าแม่จะเดินไปแล้วหรือยัง ‘มืด...’ “จ้ะลุง อ้าว! ลุงไม่เก็บมะม่วงแล้วเหรอ”หล่อนเอ่ยถามสีหน้างงๆ เมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงลงมาจากต้นมะม่วงและยืนอยู่ตรงหน้าในระยะกระชั้นชิด “เอ่อ... เดี๋ยวค่อยเก็บต่อ ลุงมีเรื่องอยากจะคุยกับมืด” หล่อนสงสัยแต่ก็ยอมให้พ่อเลี้ยงจูงมื
แม่กด ‘เต่าตัวน้อย’ ลงไปที่ ‘แท่ง’ ของลุงชิดจนมิดไม่เห็นช่องว่าง จากนั้นแม่ก็เริ่มโยกขึ้นโยกลง ขยับซ้ายขยับขวา และมีบ้างที่แม่ทำเป็นจะถอนออกก่อนจะกดซ้ำๆ ลงไปอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผับๆ พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยทั้งของลุงชิดและของแม่ แต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “โอย... พี่ชิดจ๋า... ฉันจะไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว โอย... ฉันเสียว...” “เร่งเลยจ้ะเมียจ๋า... เร่งเลย พี่ก็ไม่ไหวแล้ว เร่งเลย... โอว... เมียจ๋า...” “พี่ชิด! โอว... โอว... กรี๊ดดดดด...” “โอ้ว... อา... โอย...” เสียงแม่กรีดร้องดังกว่าเคย และดูเหมือนว่าแม่จะลืมไปแล้วว่ามีหล่อนนอนอยู่อีกฟากของตัวบ้าน ส่วนลุงชิดนั้นไม่ต้องพูดถึง ร้องเสียงดังอย่างกับควายจะถูกเชือด ร่างของแม่เกร็งกระตุกเร็วๆ อยู่บนตัวของลุงชิด พร้อมร่างของลุงชิดที่ยกสะโพกบดเบียดแตงลูกเขื่องสวนเข้าแรงๆ ภาพที่เห็นทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะเกร็งตามไปทั้งร่างจากนั้นแม่ก็ถลานอนซบลงไปบนอกของลุง แต่ก็ยังไม่วายจะบดเบียดบั้นท้ายอย่างช้าๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแม่และลุงชิดที่ต่างสรรหาคำหยาบมาหยอกเอินกัน คำที่แ
นิ้วมือคีบบุหรี่อัดควันสีจางเข้าสู่ปอด ก่อนจะไอแคกๆ เพราะอาการแห้งผากในลำคอ จนต้องหยิบขวดแก้วที่วางอยู่ด้านข้างเปิดและยกซดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ดีกรีนั้นไม่ได้บางเบาเลย แต่เพราะความเคยชินมันจึงบางเบาเสียจนบางครั้งหล่อนไม่รู้รสฝ่ามือกระชับขวดแก้วแนบกับอกอวบอิ่มที่ถูกขยำขยี้นับหมื่นครั้งจากผู้ชายมากหน้าหลายตา เอนศีรษะพิงซบกับพนักเก้าอี้บุนวมนุ่ม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแหงนมองขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด หนทางกว้างไกลนั้นมืดมนไม่ต่างจากตัวหล่อน แต่ใครล่ะอยากให้ชีวิตเป็นเช่นนี้ หล่อนก็ไม่อยากหล่อนก็มีความต้องการที่ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น คือต้องการแต่งงานกับคนที่เรารักและรักเรา ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีบ้านหลังพอประมาณให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่น และตัวหล่อนนั่งมองสามีวิ่งหยอกล้อกับลูกอย่างสนุกสนานแต่นั่นมันคือ ‘ความฝัน’ ที่หล่อนฝังมันสู่ก้นบึ้งของความต้องการ ถ้าจะไม่ถูกใครสะกิดต่อมขึ้นมาซะก่อน หล่อนก็คงจะไม่หวนหามันอีก เมื่อหนทางที่หล่อนเลือกเดินก็คือความมืดมิดตรงหน้า ทางเดินที่ไร้ ‘ความรัก’ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สาดซัดเข้าสู่ลำคอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้รัตติกาลหว
“อา... โอว... อา... อู้...”ริมฝีปากบอบบางอ้าค้างอย่างหุบไม่ลงก่อนจะห่อปากเข้าหากันเพราะแรงกระแทกกระทั้นจากทั้งสองช่องทางพร้อมๆ กัน กระทบเข้ากับอวัยวะภายในจนร่างกายของหล่อนปั่นป่วนไปหมดความอัดอั้นมากมายรุนแรงจนหล่อนต้องกรีดร้อง ความซ่านเสียว ความเจ็บปวด ความตึงแน่น ผสมผสานปนเปจนหล่อนแยกไม่ออก แต่เหนือกว่าสิ่งใดนั้นคือ ‘มัน’ หล่อนกำลังได้รับความมันตอบสนองความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของตนเอง ชาวต่างชาติผิวดำมันวาวกระแทกตัวตนขนาดมหึมาเข้าสู่โพรงถ้ำกว้างและลึกของหล่อนไม่หยุดยั้ง และทุกแรงกระแทกก็ทำให้อีกช่องทางต้องกดลึกกับความแข็งแกร่งอีกท่อนที่เสียบคาอยู่ด้านล่าง เสียงกรีดร้องสอดประสานกับเสียงหอบหายใจพร้อมคำสบถเป็นภาษาต่างชาติชนิดที่ ‘หยาบ’ แต่ยิ่งเร่งเร้าความดิบเถื่อนของหล่อนให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก “โอว... โอว... เยส... เยส... โอว...” หล่อนยังคงกรีดร้องกับความใหญ่โตที่สอดใส่เข้ามา สิ่งที่สายตาเห็นจากเงาสะท้อนของกระจกบานโตสูงจากพื้นจดเพดานห้อง ไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดรดบนกองไฟแห่งความมักมาก อยาก และปรารถนาเมื่อร่างสีดำมะเมื่อมขนาบกับร่างขาวนวล