วันเวลาช่างผ่านไปไวราวกับโกหกตอนนี้เจ้าแฝดทั้งสองคนของเธออายุสี่ขวบกว่าแล้ว แต่ความซนความเฟียร์สของทั้งคู่ไม่ได้ต่างจากแก้มใสตอนที่เป็นเด็ก ๆ เลยแม้แต่น้อยและอาจจะมีมากกว่าด้วยซ้ำ ในแต่ละวันมีเรื่องราวมากมายที่ลูกเธอก่อเรื่องขึ้นมาซึ่งนิสัยที่ได้มาไม่ได้มาจากเธอผู้เป็นมารดานะ แต่กลับได้มาจากคุณปู่สายเฟียร์สกับคุณตาสายห้าวต่างหากเล่าสอนหลานอย่างไรให้ถอดนิสัยของตัวเองมาแบบที่เหมือนกันแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว สอนเอง ปวดหัวเอง กุมขมับเอง เป็นไงล่ะ แก้มใสไม่รู้จะยินดีที่ลูก ๆ ได้นิสัยของคุณปู่คุณตามาหรือจะนั่งร้องไห้แทนดีหลาน ๆ ซนขึ้นมาเมื่อไรไม่พากันความดันขึ้นก็พากันนั่งกุมขมับชนแก้วด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ“เด็ก ๆ คะวันนี้พากันไปโรงเรียนอย่าดื้อกับคุณครูแล้วก็พี่อากิระกับพี่ฮิโรชินะคะเข้าใจไหม”แก้มใสที่อยู่ในชุดนักศึกษาบอกลูก ๆ ทั้งสองคนที่พากันยิ้มแฉ่งพยักหน้ารับหงึกหงักมือน้อย ๆ ก็ตักข้าวต้มรสชาติอร่อยที่บิดาเป็นคนทำให้กินด้วยความเอร็ดอร่อย วันไหนที่ทั้งสองคนดื้อแก้มใสก็จะเป็นคนลงมือทำอาหารรสชาติอร่อยม้ากมากให้ลูก ๆ ทาน แต่ถ้าวันไหนทั้งคู่เป็นเด็กดีอาหารรสชาติถูกปากก็จะมารออยู่ตรงหน้าทำไมต
คฤหาสน์วายุ“กอหญ้าคะกินผักด้วยค่ะลูกสาว”แก้มใสบอกลูกสาวที่แอบเขี่ยผักมากองไว้ที่ขอบจานแถมข้าวผัดกุ้งที่แก้มใสโชว์ฝีมือทำมื้อเช้าให้สองแฝดกินยังเหลือเต็มจานของเด็กน้อย ส่วนรามสูรตักข้าวกินเงียบ ๆ โดยที่ไม่พูดไม่จาสักคำทั้ง ๆ ที่รสมือของมารดาทำเอาแฝดคนพี่แทบอยากคายข้าวที่อยู่ในปากออกมาคืน แต่พอหันมาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในฝีมือการทำกับข้าวที่ไม่เคยพัฒนาเลยสักนิดของมารดาทำให้รามสูรต้องกล้ำกลืนฝืนทนกลืนข้าวลงไปทั้ง ๆ ที่อยากจะร้องไห้ออกมาเต็มแก่กับรสชาติที่แสนจืดชืดของข้าวผัดจานนี้ ส่วนเด็กหญิงกอหญ้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาก่อนที่จะตักผักเข้าปากด้วยท่าทางยี้ เพราะเธอไม่ชอบกินผักเลยสักนิดและด้วยความสงสารน้องสาวที่ไม่ชอบกินผักพี่ชายที่แสนดีอย่างรามสูรก็เลยแอบตักผักจากจานของแฝดน้องมาไว้ที่จานของตัวเองในยามที่มารดาเผลอ ทำเอาเด็กหญิงกอหญ้าถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่พี่ชายมักจะช่วยเธอกินผักเสมอเวลาที่มารดาหรือบิดาทำอาหารที่มีผักเป็นส่วนผสม“เป็นอย่างไรกันบ้างคะวันนี้ข้าวผัดฝีมือคุณแม่ขาอร่อยขึ้นหรือยัง”แก้มใสเดินกลับมาที่โต๊ะทานอาหารอีกครั้งหลังจากที่เดินออกไปหยิบโทรศัพท์
ประเทศญี่ปุ่น20 ปีที่แล้ว“ริว เร็น หนีไปลูก หนีไปหาโอโต้ซัง หนีไป”ริโกะ ซาโต้อิชิบะ ตะโกนบอกลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้ขาเล็ก ๆ ของเธออ่อนแรงเหลือเกิน เธอวิ่งทั้งน้ำตาฝ่าลูกกระสุนที่รัวยิงเข้ามาหาเป้าหมายซึ่งคือเธอกับลูกชายฝาแฝดทั้งสองคน ที่โดนมาเฟียคู่อริของสามีเธอ เรียวอิจิ ซาโต้อิชิบะ จับมาเป็นตัวประกัน เพราะขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจสายตาที่อ่อนโยนจ้องมองลูกชายทั้งสองผ่านม่านน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย เมื่อปลายทางคือเรียวอิจิ สามีของเธอที่รีบวิ่งมารับลูกชายทั้งสองคนเข้าสู่อ้อมกอดก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปเมื่อลูกกระสุนวิ่งผ่านหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นยะเยือกจับใจปัง!! ปัง!! ปัง!!กระสุนสามนัดติดที่ยิงโดนจุดสำคัญของริโกะก่อนที่ร่างเล็กจะหยุดชะงักขาก้าวไม่ออกทันทีที่เด็กชายทั้งสองคนวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ มือบางยื่นมือไปข้างหน้าด้วยความหวังอันเลือนลาง ดวงตากลมโตจ้องมองภาพครอบครัวตรงหน้าไว้เพื่อเก็บเป็นความทรงจำสุดท้ายของชีวิตหยาดน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างบางจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นที่แสนเย็นเยียบ ลมหายใจผะแผ่ว
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!เสียงปืนดังขึ้นรัวห้านัดติดโดยที่คนยิงไม่ได้วอกแวกเลยแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่เป้ากระดาษด้วยความตั้งใจก่อนที่จะลั่นไก ลูกกระสุนพุ่งไปข้างหน้าเข้าเป้าไม่มีพลาดแม้แต่นัดเดียวจนกระดาษพรุนไปหมดแปะ แปะ แปะ“ไม่พลาดเลยน้า” เก้าทัพที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ปรบมือพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้พี่สาวคนสวยด้วยความชื่นชม ส่วนกฤษฎิ์ที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ไม่ไกลยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนโตมากแก้มใสจับปืนตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะรอบตัวมีแต่อันตรายเขาจึงสอนให้ลูกสาวฝึกยิงปืนจนชำนาญ รวมถึงให้ชินกับเรียวสอนการต่อสู้ทุกแขนงให้แก้มใสเอาไว้ป้องกันตัวเองจากศัตรูในที่มืดที่ไม่มีทางรู้เลยว่าจะโผล่มาตอนไหน ถึงเขาจะถอนตัวออกจากวงการมาเฟียแล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะไม่มีศัตรูนี่“พ่อขาแก้มใสเก่งไหมคะ”สาวน้อยแก้มใสในวัย 20 ปีเดินเขามาหากฤษฎิ์ก่อนที่จะนั่งลงข้าง ๆ และกอดแขนพ่อขาเอาไว้อย่างออดอ้อน จะกี่ปีผ่านไปแก้มใสก็ยังคงเป็นเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ในสายตาของกฤษฎิ์เสมอ ถึงแม้ตอนนี้จะโตเป็นสาวสวยสะพรั่งแล้วก็ตาม ทำเอาเขาชักหวงลูกสาวเสียแล้วสิ“เก่งมาก ๆ เลยค่ะ” กฤษฎิ์ยกมือใหญ่ขึ้นมาลูบหัวลูกสาว
ถ้าความบังเอิญเจอกันสามครั้งคือพรหมลิขิต พระเจ้าคงขีดเส้นพรหมลิขิตผิด ให้เธอมาเจอผู้ชายที่ไม่คู่ควรกับรอยยิ้มที่สดใสของเธอวายุตื่นขึ้นมาแต่เช้าด้วยความสดชื่น เพราะต้องเริ่มงานอาทิตย์หน้าวายุจึงหาอะไรทำฆ่าเวลาไปก่อน อย่างตอนนี้ที่ร่างสูงกำลังขุดดินเพื่อเตรียมเอาต้นมะลิที่ซื้อมาลงปลูก เขาชอบต้นมะลิมาก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิทำให้รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้สูดกลิ่น และที่สำคัญต้นมะลิคือตัวแทนของมารดาเขาริโกะ แปลว่า ดอกมะลิ อย่างไรล่ะทุกครั้งที่คิดถึงโอก้าซังวายุมักจะมองไปที่ต้นมะลิเสมอ อบอุ่นทุกครั้งที่ได้มอง เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าแม่ยังคงอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาไม่ได้จากไปไหนแม่จะคงอยู่ในใจของเขาตลอดไปครืด ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้วายุที่กำลังทานมื้อเที่ยงอยู่รีบกดรับสายทันที ปลายสายที่โทรเข้ามาคือเพื่อนใหม่ที่เขาเจออยู่ที่ผับ คุยกันถูกคอ ชอบอะไรเหมือน ๆ และก็ชวนกันไปแข่งรถบ่อย ๆ อย่างวันนี้ก็เช่นกันพวกเขามีนัดแข่งรถตอนช่วงเย็น“ว่าไงเค” วายุทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนที่เคจะตอบกลับมา(ไม่ว่าอย่างไรหรอกเพื่อน แค่โทรมาถามว่าวันนี้พร้อมไหม เงินเดิมพันโคตรสูงเลย
“วินาทีที่ปากนุ่มหยุ่นประทับที่ริมฝีปากเย็นชืดของผม หัวใจที่ไม่เคยอ่อนไหวและเต้นแรงกับใครมาก่อนกลับสั่นไหวอย่างแรง เพียงเพราะผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของผมคือเธอ คนที่พรหมลิขิตขีดเส้นให้เราได้มาเจอกัน”เมื่อถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขันวายุรีบเหยียบคันเร่งจนมิด ถึงแม้ว่ารถของเขาจะทิ้งห่างคู่แข่งอยู่มากก็ตาม Lamboghini สีดำที่แต่งอย่างเท่แล่นเข้าเส้นชัยไปอย่างสวยงาม เสียงกรี๊ดด้วยความยินดีดังขึ้นทั่วทั้งสนาม รวมไปถึงแก้มใสด้วยที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อรถจอดสนิทวายุจัดการเปิดประตูรถลงมาท่ามกลางเสียงกรี๊ดที่ดังไม่หยุด ดวงตาคมกริบกวาดสายตามองไปรอบ ๆ สนามก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าเนียนสวยของใครบางคนที่กำลังมองมายังเขาพอดี ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง ๆรอยยิ้มกว้างที่แสนอ่อนโยนถูกส่งไปให้แก้มใส แต่เมื่อรถของคู่แข่งขับตามหลังเข้ามาจอดวายุก็หันกลับไปคุยกับเอ็มคู่แข่งที่มาท้าดวลกับเขาวันนี้ อีกฝ่ายเปิดประตูรถลงมาด้วยรอยยิ้มของความเป็นมิตร“พี่เก่งมาก ๆ เลยครับ ตั้งแต่แข่งรถมาผมยังไม่เจอใครที่ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่นเหมือนพี่เลย”เอ็มเดินเข้ามาหาวายุพร้อมกับกล่าวช
มหาวิทยาลัย A“ปะ ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ผมกลัวแล้ว”ซีนยกมือไหว้กลุ่มรุ่นพี่ปีสามด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขาโดนรุ่นพี่มาหาเรื่อง สาเหตุมาจากเมื่อคืนมีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งดื่มที่เคาน์เตอร์บาร์ผับที่เขาเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ ดื่มจนเมาทำให้เขาต้องไปส่งเธอกลับคอนโดด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะเจอคนมาฉุดไปทำมิดีมิร้ายเข้า“ถ้ามึงกลัว มึงคงไม่มายุ่งกับเมียกูหรอกว่ะไอ้เหี้ยซีน” ไปป์ยกเท้าขึ้นมาพุ่งกระทืบเข้าไปที่ท้องของซีนเต็มแรง หนุ่มรุ่นน้องถึงกับยกมือขึ้นมากุมท้องไว้ด้วยความเจ็บปวด เจ็บจนจุกไปหมด“ผมไม่รู้จริง ๆ ครับพี่ไปป์ว่าพี่เกรซเป็นแฟนพี่ เมื่อคืนพี่เกรซเมามาก ผมเลยไปส่งพี่เขาที่คอนโดไม่ได้มีอะไรเกินเลยอย่างที่พี่เข้าใจเลยนะครับ”ซีนมองไปป์ด้วยแววตาที่ขอร้องและอ้อนวอน เขาไม่ได้จีบพี่เกรซจริง ๆ เมื่อคืนอยู่ ๆ พี่เกรซก็มานั่งที่เคาน์เตอร์แล้วก็สั่งเหล้าดื่ม เขาพยายามบอกว่าให้พอ แต่พี่เกรซก็ไม่ฟังดื่มจนเมาฟุบลงบนเคาน์เตอร์บาร์จนผับปิดก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาด้วยความที่ห่วง เพราะเป็นผู้หญิงเขาเลยตัดสินใจไปส่งพี่เกรซกลับที่พัก แต่พี่ไปป์กลับเข้าใจไปเองว่าเขาไปต่อกับพี่เกรซซึ่งมันไม่ใช่เลยสักนิด“
วายุตรวจร่างกายของซีนอย่างละเอียดโดยที่มีแก้มใสตามติดไม่ห่างก่อนที่เขาจะส่งซีนไปเอกซเรย์ตรวจเช็กภายในร่างกายว่ามีส่วนไหนแตกหักหรือเปล่า เพราะสภาพของเด็กหนุ่มค่อนข้างบอบช้ำทีเดียว“มือเรามีแผลนี่” หลังจากที่ตรวจซีนเสร็จแล้ววายุก็หันมาเห็นมือบอบบางของแก้มใสที่มีแผลเลือดแตกซิบ ๆ เล็กน้อย ส่วนแก้มใสเมื่อมองไปที่มือก็แค่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“ไม่เป็นไรค่ะ แก้มใสชินแล้วตีกับผู้ชายบ่อยแผลแค่นี้ไกลหัวใจ” บอกวายุด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นคิ้วเข้มถึงกับขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ ลูกสาวท่านประธานนี่ห้าวตีนไม่เบาแฮะ จากที่เจอกันวันนั้นที่สนามแข่งรถแล้วสู้เก่งไม่เบา ดูจากท่ากระทืบคนแล้วน่าจะมือหนักเท้าหนักไม่ใช่เล่น“แต่พี่หมอเป็นค่ะ” บอกสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง ต่างกับแก้มใสที่พอได้ฟังประโยคนี้แล้วก็นึกไปถึงประโยคเดียวกันก่อนหน้านี้ที่พี่หมอวายุเคยพูดที่สนามแข่ง“เป็นอีกแล้ว อยากเป็นแฟนกับแก้มใสเหรอคะ” แซววายุด้วยสายตาที่แพรวพราวตามแบบฉบับของสาวขี้เล่นก่อนที่วายุจะก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ จนชิดแก้มเนียนใสที่ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เมื่อพี่หมอก้มหน้ามาจนชิดแก้มสีแดงเป็นลูกเ