Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2024-12-20 19:46:23

ชายนั่งรอผลการประเมินอยู่ในห้องเดิม พวกหุ่นยนต์เก็บครัวชั่วคราวไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาจึงได้แต่นั่งเล่นเป่ายิ้งฉุบกับตัวเองแก้เบื่อ แต่แล้วอยู่ๆ พวกหุ่นยนต์ก็หอบครัวชั่วคราวกลับมาตั้งใหม่อีกครั้ง

‘เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?’ เด็กหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ กับความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า แต่เขาก็ไม่ต้องสงสัยอยู่นานนักเพราะไม่กี่อึดใจต่อมาคนในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้อง

“สวัสดีคุณชายพวกเราคือคณะกรรมการประเมินผลของคุณ” กรรมการจากเผ่าหมาป่าผู้มีใบหูสีรูปสามเหลี่ยมสีเทาอยู่บนศีรษะกล่าวทักทายเป็นภาษากลางของสมาพันธรัฐอันโดรเมดา แน่นอนว่าชายย่อมฟังไม่ออกแต่เจ้าหุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ลอยอยู่ข้างตัวก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้โดยไม่ต้องร้องขอ

“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายตอบด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เขาสามารถใช้สื่อสารกับผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้ หลังจากเว้นระยะให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาแล้วเขาก็ถามต่อไปว่า “การประเมินของผมมีปัญหาหรือครับ? ทำไมถึงต้องตั้งครัวอีกครั้งด้วย?”

“ไม่เชิงมีปัญหาหรอก เรื่องของเรื่องก็คือข้าวที่คุณหุงนั้นดีมาก เราจึงอยากให้คุณหุงข้าวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ขอให้อธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียดด้วย” ตัวแทนคณะกรรมการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา

ชายต้องรอให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาอยู่ครู่หนึ่งจึงจะสามารถโต้ตอบกับอีกฝ่ายได้ อันที่จริงแล้วภาษากลางในยุคนี้ก็ไม่ถึงกับฟังไม่ออก มันคล้ายกับภาษาอังกฤษปนกับภาษาจีนและภาษาอื่นๆ อีกอย่างละนิดละหน่อย แต่เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมและกาลเวลาอันยาวนานทำให้สำเนียงและคำศัพท์แตกต่างไปจนยากจะทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ

“อ้อ! ได้สิครับ” เขาตอบตกลงเมื่อหุ่นยนต์แปลความให้ฟัง ชายเห็นว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีจึงรีบคว้าเอาไว้ จากนั้นเขาก็ลงมือทันที อย่างไรก็ตามข้าวที่ถูกนำมาในคราวนี้ไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวเหมือนที่ผ่านมา

“เป็นอะไรไปหรือ?” กรรมการสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มจึงถามขึ้นมา ในใจของพวกเขาเริ่มเป็นกังวล น่ากลัวเหลือเกินว่าการที่ข้าวออกมาดีในครั้งก่อนนั้นอาจจะเป็นเพราะโชคช่วย

“ข้าวบางชนิดที่พวกคุณเตรียมมาผมไม่รู้จัก หรือต่อให้รู้จักก็กะปริมาณน้ำไม่ถูก” ชายบอกไปตามตรงก่อนถามว่า “จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมหุงข้าวแค่ไม่กี่ชนิดที่มั่นใจว่าจะทำออกมาได้ดี”

พอมนุษย์โบราณถามมาแบบนี้พวกกรรมการก็หันไปปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาว่า “คุณชายเริ่มจากข้าวที่ถนัดก่อน ส่วนข้าวที่เหลือลองทำดูก็ไม่เสียหาย เราอยากรวบรวมองค์ความรู้จากยุคก่อนให้ได้มากที่สุด”

เมื่อได้รับคำสั่งมาแบบนั้นชายก็ไม่คิดมากอีก เขาเริ่มจากข้าวที่ดูคล้ายข้าวญี่ปุ่นในความทรงจำ ชายไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนที่เขาตวงข้าวชนิดนี้ขึ้นมากรรมการทั้งสี่คนจะกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น

ข้าวเม็ดกลมมนนั้นเป็นข้าวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรเพราะเมื่อหุงแล้วมักจะแข็งอีกทั้งยังมียางมากทำให้ได้สัมผัสที่ไม่อร่อย หากนำไปทำข้าวต้มก็พอได้อยู่แต่ข้าวขาวธรรมดาก็นำไปทำข้าวต้มได้เช่นกัน ดังนั้นข้าวเม็ดกลมชนิดนี้จึงแทบจะไม่มีการปลูกกันแล้ว หน่วยรบที่สิบเอ็ดมีข้าวชนิดนี้อยู่ก็เพราะมันเป็นของเหลือค้างจากเสบียงเมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อน ทุกครั้งที่ช่วยเหลือชนเผ่าโบราณมาได้พวกเขาก็มักจะนำข้าวเก่าเก็บพวกนี้มาให้ทดลองใช้ เผื่อว่าจะค้นพบวิธีประกอบอาหารใหม่ๆ ให้เป็นผลงานของหน่วยบ้างแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง

“ข้าวชนิดนี้ต้องล้างให้สะอาดไม่อย่างนั้นพอหุงแล้วจะเหนียวมียางมาก” มนุษย์โบราณผู้ไม่ตระหนักถึงความเสื่อมถอยของวัฒนธรรมการปรุงอาหารแห่งโลกอนาคตพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ถ้ามีกระชอนตาถี่ช่วยจะดีมากแต่ถ้าไม่มีก็ขัดถูข้าวให้ดีๆ แล้วค่อยๆ รินน้ำออก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำจะใส” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ทำการล้างข้าวต่อไป สัมผัสของข้าวบนฝ่ามือทำให้รู้สึกดีไม่น้อย สมัยเรียนอยู่เขาเคยไปทำงานพิเศษให้กับร้านขายซูชิตามตลาดนัด ถึงจะไม่ใช่ร้านต้นตำรับแต่อย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง

การล้างข้าวอย่างพิถีพิถันของชายสร้างความประหลาดใจให้แก่คณะกรรมการเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยคิดว่าการล้างข้าวมากเกินไปจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่สำคัญ “คนโบราณนี่ไม่คำนึงถึงหลักโภชนาการเลยจริงๆ” หนึ่งในคณะกรรมการบ่น แต่กรรมการอีกคนกลับไม่เห็นด้วย “ข้าวขาวไม่ค่อยมีสารอาหารอะไรนอกจากคาร์โบไฮเดรตอยู่แล้ว ถ้ามันทำให้อร่อยขึ้นได้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร กินสารอาหารอัดเม็ดทดแทนก็ได้”

“แบบนั้นจะกินอาหารปรุงสุกไปทำไมกันล่ะ?”

“ก็มันอร่อยยังไงล่ะ”

เหล่ากรรมการทำท่าจะเถียงกันต่อ แต่เสียงของชายก็ดึงความสนใจของพวกเขากลับไปที่ตัวเด็กหนุ่ม “พอล้างข้าวเสร็จแล้วก็แช่เอาไว้ก่อน ต้องรอจนข้าวเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นทั้งเมล็ดก่อนถึงจะเอาไปหุงได้ ระหว่างนี้ผมจะหุงข้าวอีกชนิดรอ” กล่าวแล้วชายก็หันไปตวงข้าวขาวที่ดูคล้ายข้าวไทยใส่หม้ออีกใบ “ข้าวชนิดนี้ไม่ต้องล้างมากนักก็ได้ ปกติแล้วถ้าทำกินเองที่บ้านเราจะใช้นิ้วมือวัดระดับน้ำ แตะปลายนิ้วลงบนผิวข้าวสารกะให้น้ำอยู่ในระดับหนึ่งข้อนิ้วมือเท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ถ้าต้องหุงจำนวนเยอะหรือทำขายก็ใช้อัตราส่วนข้าวหนึ่งส่วนต่อน้ำหนึ่งส่วนครึ่งก็ได้เหมือนกัน” ข้อมูลใหม่นี้ทำให้เหล่ากรรมการตาวาว แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องรอดูต่อไป เพราะที่ผ่านมาสถาบันวิจัยอาหารปรุงสุกก็เคยทดลองเรื่องปริมาณน้ำแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไร

ชายน้ำหม้อที่ใส่ข้าวและน้ำพร้อมแล้วไปตั้งบนเตา “ผมจะหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ เราจะเริ่มจากไฟแรงก่อน รอจนน้ำเดือดแล้วค่อยเบาไฟลง เราจะปิดฝาเอาไว้ตลอด แต่ถ้ากลัวข้าวก้นหม้อจะไหม้ช่วงแรกที่ใช้ไฟแรงจะคนข้าวไปก่อนก็ได้ แต่พอน้ำเดือดและเบาไฟลงแล้วควรจะปิดฝาไว้ให้ไอน้ำระอุอยู่ภายใน มันจะช่วยให้ข้าวฟูน่ากิน การหุงข้าวด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ช่วงใกล้ครบเวลาจะเปิดดูข้าวเพื่อความแน่ใจก็ได้”

เด็กหนุ่มอธิบายยืดยาวแต่สิ่งที่ทำก็แค่ตั้งหม้อข้าวบนเตาเท่านั้น “ข้าวทางนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งเมล็ดแล้ว ผมจะเริ่มหุงข้าวเลย” กล่าวแล้วเขาก็เทน้ำที่แช่ข้าวออกแล้วเติมน้ำเข้าไปใหม่อีกครั้ง “ข้าวชนิดนี้จะใช้อัตราส่วนข้าวกับน้ำเหมือนกันกับก่อนหน้าก็ได้ หรือจะลดลงมานิดหน่อยก็ได้เหมือนกัน ส่วนวิธีหุงสามารถใช้วิธีเดียวกันได้” พร้อมกับพูดเขาก็ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ จากนั้นก็หรี่ไฟของข้าวหม้อแรกลง เสร็จแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับข้าวชนิดอื่นๆ ที่เหลือ

“ดูด้วยตาแบบนี้ก็ลำบากเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำพลางพยายามแยกข้าวแต่ละชนิดออกจากกัน

“คุณสามารถออกคำสั่งให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยบอกข้อมูลของข้าวแต่ละชนิดได้นะ” กรรมการคนหนึ่งแนะนำด้วยความหวังดี แล้วพูดเสริมอีกว่า “แต่ฐานข้อมูลจะไม่ตรงกับภาษาที่คุณใช้ อาจมีความคลาดเคลื่อนระหว่างแปลอยู่บ้าง”

“เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณครับ” ชายหันไปกล่าวขอบคุณกรรมการคนนั้น ก่อนจะออกคำสั่งกับหุ่นยนต์ผู้ช่วยให้แสดงข้อมูลของข้าวแต่ละชนิด เจ้าลูกบอลพอได้รับคำสั่งก็ฉายแสงออกมาสแกนสัญลักษณ์ที่มีรูปร่างคล้าย QR code แบบสามมิติที่ติดอยู่บนกล่อง ไม่ถึงอึดใจต่อมาข้อมูลของข้าวชนิดนั้นก็ถูกฉายออกมาในรูปแบบของภาพโฮโลแกรม

R002xxxx

ชื่อสามัญ: Tickyrin

คุณสมบัติ: มีความแข็งกว่าข้าวขาวมาตรฐาน นิยมนำไปโม่เป็นแป้งผสมในอาหารสำเร็จรูป

‘ทิกกี้ริน? มันคืออะไรกันล่ะ?’ ชายขมวดคิ้วงุนงงกับคำอธิบายที่เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย แต่พอลองถามรายละเอียดจากหุ่นยนต์ต่อไปก็พบว่าแป้งที่ได้จากข้าวชื่อประหลาดนี้มีคุณสมบัติคล้ายข้าวเหนียวในยุคที่เขาจากมา

‘หรือชื่อเรียกนั่นมันจะเพี้ยนมาจาก Sticky Rice กันนะ?’ พอคิดๆ ดูแล้วชายก็พบว่าข้อสันนิษฐานของตนฟังดูเข้าที ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะหุงมันด้วยวิธีการเดียวกับข้าวเหนียว

“โอ๊ะ! น้ำเดือดแล้วนี่นา” ชายพึมพำกับตัวเองเมื่อหันมาเห็นว่าหม้อหุงข้าวญี่ปุ่นส่งเสียงเดือดปุดๆ แล้ว เด็กหนุ่มรีบเข้าไปหรี่ไฟ จากนั้นก็กลับไปตวงข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาด

“คุณจะหุงทิกกี้รินหรือ? ลองข้าวชนิดอื่นจะดีกว่าไหม อย่างข้าวสีครามนั่นถึงรสชาติจะขมไปสักหน่อยแต่ก็นิ่มกว่าทิกกี้รินนะ” กรรมการคนเดิมกับที่บอกชายเรื่องการตรวจสอบพันธุ์ข้าวเอ่ยแนะนำ

“ผมคิดว่ามันคล้ายกับข้าวเหนียวจากดาวบ้านเกิดผมน่ะครับ เลยอยากลองดู”

“ข้าวเหนียว?”

“เป็นข้าวที่พอหุงแล้วจะมีความเหนียวกว่าข้าวธรรมดา ให้รสสัมผัสที่แตกต่างออกไปแต่ก็อร่อยครับ” ชายอธิบายพลางนำข้าวเหนียวไปล้างให้สะอาด “ข้าวชนิดนี้จะมียางมากกว่าข้าวญี่ปุ่น...เอ่อผมหมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ ก่อนหน้านี้เพราะฉะนั้นก็เลยต้องล้างหลายน้ำหน่อย แล้วก็มันเป็นข้าวที่สุกยาก ปกติเราจะแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง หรือไม่ก็แช่ข้ามคืนเลย แต่เพื่อประหยัดเวลาผมจะแช่ในน้ำอุ่นแทนนะครับ” กล่าวแล้วก็กดน้ำร้อนจากเครื่องจ่ายน้ำที่ถูกนำมาติดตั้งชั่วคราวใส่ภาชนะ “แช่ไว้สักสามสิบถึงหกสิบนาทีก็พอ” มันเป็นวิธีที่เขามักจะใช้เวลาอยากกินข้าวเหนียวขึ้นมากะทันหัน แค่แช่ข้าวไว้ในน้ำอุ่นก่อนนำไปนึ่งตามปกติสักครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องแช่ข้าวทิ้งไว้ข้ามคืนให้วุ่นวายเลย

“ต้องรอนานขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ครับ ไม่อย่างนั้นข้าวมันจะสุกไม่ทั่ว” ชายหันไปตอบยิ้มๆ ตอนนั้นก็พอดีกับที่ข้าวหม้อแรกสุก เขาปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา คนข้าวดูเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสุกทั่วถึงกันดีและไม่แฉะก็คลี่ยิ้มออกมา “ข้าวขาวสุกแล้วครับ ลองชิมดูได้”

เมื่อได้รับคำเชิญคณะกรรมการทั้งสี่ก็ก้าวเข้ามามุงดูหม้อใบน้อยอย่างสนใจ พวกเขาใช้ช้อนส่วนตัวตักข้าวชิมคนละคำ ก่อนจะส่งเสียงพึมพำอย่างพออกพอใจในผลลัพธ์ที่ได้

“เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก คุณจะได้ค่าตอบแทนจากองค์ความรู้นี้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว”

“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ” รอยยิ้มของชายกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าเขาจะได้รับเงินทุนมากกว่าจำนวนขั้นต่ำอย่างแน่นอน ‘อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดไปพักใหญ่ล่ะนะไอ้ชาย’ เขาบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็กลับไปให้ความสนใจกับข้าวสารชนิดอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทำการหุง

ชายอาจจะไม่เคยทำงานในร้านอาหารอย่างจริงจังแต่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขาก็คือการได้เข้าครัวกับคุณพ่อคุณแม่เมื่อครั้งยังเด็ก พ่อของเขาเป็นพ่อครัวฝีมือดีที่ถนัดอาหารแนวตะวันตก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชายจะรู้สึกคุ้นเคยกับเมล็ดข้าวสองสามชนิดที่โดดเด่นท่ามกลางข้าวสารมากมายหลายชนิด

“แต่มีแค่น้ำแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ...” เด็กหนุ่มพึมพำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจจนหนึ่งในคณะกรรมการอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“มีปัญหาอะไรหรือคุณชาย?”

“ข้าวสามชนิดนี้ผมรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็นน่ะสิครับ ผมสามารถบอกแค่วิธีทำที่รู้ได้ไหม?”

“คุณรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น?”

“ครับ” ชายพยักหน้า แล้วขยายความต่อไป “มันต้องใช้ทักษะและความชำนาญ ผมไม่เคยทำมาก่อนคงทำไม่ได้ดี อีกอย่างวัตถุดิบก็ไม่ครบด้วย”

“การปรุงข้าวปกติใช้แค่น้ำไม่ใช่หรือ?”

“โดยพื้นฐานก็ใช่ แต่เราสามารถปรุงข้าวระหว่างหุงได้เช่นกัน อย่างข้าวขาวที่ผมหุงไปนั่นหากเติมเกลือไปสักนิดจะได้ข้าวที่มีรสติดเค็มเล็กน้อยและเก็บรักษาได้นานขึ้น หรือถ้าชอบกลิ่นเครื่องเทศก็สามารถใส่เครื่องเทศปริมาณเล็กน้อยลงไปได้ ส่วนข้าวญี่ปุ่น...หมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ นี่หากจะนำไปทำซูชิก็จะนำข้าวที่หุงเสร็จแล้วไปคลุกเคล้ากับน้ำส้มสายชูที่ปรุงรสเอาไว้ครับ” พูดถึงตรงนี้ก็ได้เวลาที่ข้าวญี่ปุ่นจะสุกพอดี ชายปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา พอเปิดฝาหม้อออกก็เห็นข้าวสีขาวนุ่มฟูที่ดูแฉะเล็กน้อย

“มันค่อนข้างจะเละนะ” กรรมการคนหนึ่งออกความเห็นทันที แต่ชายก็หาได้มีสีหน้าเป็นกังวลไม่ เขาระบายยิ้มบางๆ แล้วก็หยิบไม้พายมาคนข้าวเบาๆ

“แรกๆ ก็จะดูเหมือนแฉะไปหน่อย แต่พอคนข้าวให้ไอน้ำระเหยแล้วข้าวก็จะแห้งขึ้นครับ” เขาอธิบายไปพลางคนข้าวไปพลาง ระวังไม่ให้ออกแรงมากเกินไปไม่อย่างนั้นข้าวจะเละเข้าจริงๆ ทำอยู่ไม่นานข้าวที่ดูแฉะไม่น่ารับประทานในตอนแรกก็กลายเป็นข้าวที่ดูนุ่มฟูชวนน้ำลายสอ

คราวนี้พวกกรรมการไม่รอให้ชายเอ่ยเชิญพวกเขาต่างชิมข้าวที่เพิ่งหุงใหม่กันคนละคำทันที แล้วก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง ใครจะคิดเล่าว่าข้าวที่แทบจะถูกลืมเลือนไปแล้วจะอร่อยเช่นนี้

“คุณชายบอกว่ามันสามารถปรุงรสเพิ่มได้ใช่ไหม?”

“ครับ ก่อนอื่นก็ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาล ให้ได้รสที่ถูกปากแล้วก็เอามาพรมลงบนข้าว คลุกให้ทั่วก็จะได้ข้าวซูชิแล้ว”

“ซูชิ?”

“เป็นเมนูจากดาวบ้านเกิดของผมเอง” ชายให้คำนิยามง่ายๆ แล้วก็อธิบายให้คนแห่งอนาคตฟังว่าซูชิคืออะไรรวมไปถึงอาหารคล้ายๆ กันอย่างข้าวปั้น และมากิด้วย เหล่าคณะกรรมการดูจะชอบใจกับแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาของอาหารชนิดนี้ อย่างไรก็ตามเพราะมันฟังดูง่ายชายจึงไม่ต้องสาธิตวิธีทำให้ดู เช่นเดียวกันกับข้าวรีซอตโตที่เขารู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น เด็กหนุ่มเพียงแค่ต้องพิมพ์วิธีทำและวาดภาพประกอบตามที่จำเป็นให้แก่ทางกองทัพเท่านั้น

ตลอดทั้งวันชายจึงวุ่นวายอยู่ในห้องประเมินจนเย็นแต่มันก็คุ้มค่าเพราะเขาได้รับเงินทุนตั้งตัวเป็นจำนวนถึงสามล้านสองแสนหกหมื่นสตาร์เลยทีเดียว เหตุที่ได้เงินมากถึงขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าวิธีการหุงข้าวของเขาถูกจัดให้เป็นองค์ความรู้ระดับสูงที่เป็นประโยชน์มากต่อสมาพันธรัฐอันโดรเมดา วิธีหุงข้าวหนึ่งชนิดเขาได้ค่าตอบแทนถึงหนึ่งล้านสตาร์เลยทีเดียว แน่นอนว่ามันต้องหักภาษีไปอีกร้อยละเจ็ดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้เขายังได้ใบประกอบวิชาชีพผู้ปรุงอาหารมาด้วย เส้นทางชีวิตต่อจากนี้ย่อมไม่ลำบากเกินไปนัก

๐๐๐

Related chapters

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 3

    ชายถูกส่งตัวออกจากสถานีอวกาศของหน่วยรบที่สิบเอ็ดพร้อมด้วยสัมภาระพื้นฐานเพียงไม่กี่ชิ้น เด็กหนุ่มพลันนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “เสื่อผืนหมอนใบ” ขึ้นมา แต่ในกรณีของเขามันมีแค่ชุดที่สวมอยู่กับบัตรประจำตัวเท่านั้น ชายมองดูเนื้อผ้าเรียบลื่นสบายตัวแต่สีไม่สบายตาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เสื้อที่เขาสวมอยู่เป็นสีขาวก็จริงแต่พอโดนแสงมันกลับสะท้อนประกายสีรุ้งราวกับเปลือกหอยมุกดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง ยังดีที่มันไม่ใช่ชุดรัดรูปเหมือนในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่เขาเคยดูมิฉะนั้นแล้วชายคงรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่านี้‘แล้ว....ยังไงต่อล่ะ?’ คนหลงยุคถามตัวเองขณะนั่งอยู่ในยานขนส่ง ภายในห้องโดยสารไม่มีสื่อบันเทิงใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวของยานลำนี้อีกด้วยเมื่อมีอะไรให้ทำชายก็ตัดสินใจสำรวจบัตรประจำตัวที่เพิ่งได้มา มันเป็นบัตรสีดำที่ดูเผินๆ แล้วก็เหมือนบัตรเครดิตธรรมดา หากนายทหารที่มอบบัตรนี้ให้แก่เขาไม่บอกวิธีการใช้งานชายก็คงต้องนั่งงมกับมันอีกนานเลยทีเดียวนิ้วเรียวเคาะเบาๆ ลงบนสันบัตรพลันบัตรสีดำก็สว่างจ้าขึ้นมา ใช่ บัตรประจำตัวของสมาพันธรัฐอันโดรเมดานั้นคล้ายกับสมาร์ตโฟนที่ชายคุ้นเ

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 4

    เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงจากดาว E5196 ไปยังจุดหมายที่เขาต้องการ ชายจึงต้องไปต่อเครื่องที่สถานีอวกาศ J666 เสียก่อน การเดินทางครั้งนี้จึงกินเวลาถึงห้าชั่วโมงเต็ม หากไม่นับระยะทางที่ไกลหลายปีแสงแล้วเขาก็รู้สึกว่าการเดินทางในโลกอนาคตไม่ได้สะดวกสบายมากเท่าที่คิดเมื่อมาถึงท่าอากาศยานของดาว D517 ชายก็มุ่งหน้าไปยังไอบ็อกซ์ทันที ตามแผนการเขาจะต้องซื้อคอมพิวเตอร์แบบพกพาเป็นอันดับแรกเพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ คอมพิวเตอร์พกพานี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ABrain แต่ผู้คนนิยมเรียกมันว่า “แอ๊บบี้” คอมพิวเตอร์พกพาพวกนี้มีผู้ผลิตหลายเจ้าและรูปแบบของเครื่องก็หลากหลายมาก มันมีตั้งแต่การ์ดแผ่นบางๆ เหมือนกับบัตรประจำตัว หุ่นยนต์รูปร่างต่างๆ ไปจนถึงแผ่นแปะที่แนบสนิทไปกับผิวเหมือนรอยสัก แต่ชายอยากได้อะไรที่พกพาง่ายและให้ความรู้สึกคุ้นเคยเขาจึงเลือกแบบที่ดูเหมือนสมาร์ตวอชท์มาชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าฟังก์ชันการทำงานของมันย่อมต้องเป็นแบบพิเศษเพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาโบราณที่ไม่ใช่ภาษาพื้นฐานของระบบ ราคาของ ABrain ที่ชายซื้อมาจึงมีราคาสูงกว่าปกติ แถมยังผ่อนไม่ได้อีกต่างหากไม่ใช่ว่ามันไม่มีระบบผ่อนชำระแต่เป็

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 5

    “ไม่เลวเลยแฮะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านใหม่ของตน นัยน์ตาสีนิลมองสำรวจไปรอบๆ ขณะเมินเสียงรายงานเรื่องตรวจไม่พบภาษาของแอ๊บบี้ เครื่องจักรหน้าตาไม่คุ้นเคยถูกตั้งเอาไว้ตามจุดที่เขาระบุอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันอาจให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยานอวกาศไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดอะไร ใกล้กับประตูระเบียงชั้นล่างมีเรือนกระจกขนาดเล็กตั้งอยู่ ภายในนั้นยังคงว่างเปล่ารอการปรับแต่งของผู้เป็นเจ้าของ“ลืมซื้อเมล็ดมานี่สิ งั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” ชายพูดพลางยักไหล่ก่อนจะเดินไปสำรวจเครื่องจักรที่ซื้อมา แน่นอนว่าที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเครื่องเพาะไข่เพราะเขาลงทุนกับมันไปมากในสายตาของชายเครื่องเพาะไข่มีลักษณะเหมือนตู้เย็นขนาดใหญ่เครื่องหนึ่ง แม้แต่การแบ่งส่วนก็ยังเหมือนกัน ส่วนบนเป็นแผงควบคุมกับจอแสดงผลและด้านล่างมีประตูสำหรับหยิบไข่ที่พร้อมบริโภค ตอนนี้แถบแสงตรงที่จับประตูเป็นสีแดงหมายความว่ามันยังไม่พร้อม“คู่มือบอกว่าต้องรอยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้าอย่างนั้นวันนี้คงได้แค่ลงทะเบียน” ชายตัดสินใจได้ในที่สุด หลังจากตรวจเครื่องจักรอื่นๆ โดยคร่าวแล้วเขาก็ขึ้นไปบนชั้นลอย ที่นั่นถูกจัดไว้

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 6

    ท่านมีข้อความใหม่ 10,000 ข้อความเช้าวันแรกในบ้านหลังใหม่ของชายเริ่มต้นขึ้นด้วยเรื่องน่าตื่นตะลึง เขาจ้องข้อความแจ้งเตือนบนจอเล็กๆ ของแอ๊บบี้อยู่นานเท่าไรไม่ทราบได้ พอสติกลับคืนมาชายหนุ่มก็เปิดใช้งานการฉายหน้าจอเพื่อให้สามารถดูรายละเอียดได้ถนัดข้อความทั้งหนึ่งหมื่นนั้นอยู่ในระบบของสตาร์ทูบ ชายลองเลือกใช้คำสั่งจัดประเภทแล้วก็พบว่ามันถูกส่งมาจากหลากหลายแหล่ง มีทั้งบุคคลธรรมดา บริษัท และแน่นอนว่าต้องมีข้อความจากระบบสตาร์ทูบด้วย“งั้นก็ดูข้อความจากระบบก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วชายก็ปัดหน้าต่างแจ้งเตือนเรื่องการตรวจไม่พบภาษาออกไป จากนั้นก็เรียกข้อความจากสตาร์ทูบขึ้นมายินดีด้วย! คุณได้รับชุดถ่ายทำ 5Senseแค่ข้อความแรกก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้ว ‘เฮ้ๆ มันครบร้อยล้านวิวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’ ไวเท่าความสงสัยชายรีบเปิดเข้าไปดูคลิปวิดีโอที่ลงไว้เมื่อคืนก่อนจะต้องตกตะลึงแทบหัวใจวายเป็นครั้งที่สองของวันเมื่อยอดการเข้าชมทะลุหนึ่งร้อยล้านคนไปแล้วจริงๆ แถมยังมีผู้กดติดตามช่องมากกว่าหนึ่งล้านไปแล้ว ผู้คนแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ชายลองอ่านดูคร่าวๆ ก็พบว่าส่วนใหญ่กำลังเรียกร้องอยากกินซุปไข่

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 7

    ขณะที่คลิปวิดีโอสอนทำอาหารของชายกำลังถูกพูดถึงเป็นวงกว้างเจ้าของคลิปวิดีโอกลับกำลังวุ่นอยู่ในครัว ของรางวัลสิบที่ถูกส่งออกไปแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังเตรียมอาหารสำเร็จรูปสำหรับวางขาย เนื่องจากต้องคำนึงถึงความเคยชินของผู้บริโภคประกอบด้วยชายจึงตัดสินใจทำอาหารที่ให้สัมผัสคล้ายกับอาหารสำเร็จรูปที่วางขายกัน ความจริงมันมีอาหารมากมายที่คล้ายกับเจลลี่พวกนั้นแต่สุดท้ายแล้วหวยก็มาออกที่ไข่ตุ๋น และเนื่องจากเขาต้องการรสชาติที่เข้มข้นจึงเลือกใช้ซุปผสมกับไข่แทนที่จะเป็นน้ำเปล่า แต่จะให้มานั่งต้มกระดูกหมูหรือโครงไก่ก็กินเวลานานเกินไปผงปรุงรสจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แน่นอนว่าโลกอนาคตแห่งนี้มีผงปรุงรสสำเร็จรูปขาย แต่มันก็เป็นเพียงสารสังเคราะห์แถมยังมีราคาแพง ดังนั้นการทำผงปรุงรสขึ้นเองย่อมดีกว่าโชคดีที่สมัยก่อนชายมีงานอดิเรกเป็นการดูคลิปวิดีโอในอินเทอร์เน็ต หนึ่งในหมวดที่เขาชอบดูคือคลิปวิดีโอสอนทำอาหาร นั่นทำให้ชายพอจะรู้วิธีทำผงปรุงรสด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ หลักการคือทำวัตถุดิบให้แห้ง ปั่นเป็นผง จากนั้นก็นำมาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสมปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือกับน้ำตาล เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยชายตัดสิ

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 8

    ชายเพิ่งจะเข้าใจคำว่า “Influencer*” ก็ตอนนี้เอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการทำอาหารของตนจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นไปได้อย่างมากมายเช่นนั้น จริงอยู่ว่าตัวเขาได้ปลุกกระแสอาหารปรุงสุกแนวใหม่ขึ้นมาแต่มันก็น่าจะทำได้เพียงกระตุ้นความชอบของผู้คน ไม่ใช่ทำให้ชีวิตที่สิ้นหวังของเด็กคนหนึ่งสว่างไสวขึ้นมาเช่นนี้*(หมายถึงผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหรือสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้แก่ผู้ติดตาม)รีวิวเปลี่ยนชีวิต พลิกวิกฤติเป็นเงินล้านนั่นคือหนึ่งในหัวข้อข่าวที่ถูกส่งเขามาในกล่องข้อความของเขา ใจความหลักของข่าวไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าสองคนที่ถ่ายคลิปวิจารณ์ไข่ตุ๋นของเขาลงสตาร์ทูบแล้วได้รับรายได้ก้อนโต เพื่อให้ได้เนื้อหาที่มากขึ้นสำนักข่าวหลายแห่งถึงกับส่งข้อความขอสัมภาษณ์ความเห็นของชายต่อเรื่องนี้เลยทีเดียวแน่นอนว่าชายไม่คิดจะให้สัมภาษณ์เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องออกสื่อ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่มือใหม่คนนี้ก็ไม่คิดจะเพิกเฉยต่อกระแสที่เกิดขึ้น สองพี่น้องในข่าวกำลังเป็นที่จับตามอง และเขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณทางอ้อมของเด็กๆ ดังนั้นชายย่อมไม่รู้สึกผิดอะไรหากจะหาประโยชน์จา

    Last Updated : 2024-12-31
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 9

    “โลกอนาคตนนี่น่ากลัวจริงๆ เลยนะ” เช้าวันต่อมาชายก็ได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจ บริษัทผู้ค้าอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่แห่งรัฐอดาเนียทำไข่ตุ๋นออกมาขายแล้ว บทวิจารณ์บอกว่ามันมีเนื้อที่เด้งสู้ฟันมากกว่าไข่ตุ๋นของเขาเล็กน้อย และมีรสชาติอร่อยพอๆ กับบะหมี่ถ้วยในตำนาน สำหรับเครื่องเคียงที่ให้มาก็เป็นเครื่องเคียงสังเคราะห์แบบที่พบได้ทั่วไปในอาหารสำเร็จรูป อย่างไรก็ตามสิ่งที่ส่งผลกระทบกับกิจการของครัวคุณชายมากที่สุดย่อมเป็นประเด็นเรื่องสารอาหาร เพราะใช้เครื่องเคียงสังเคราะห์ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร คุณค่าทางโภชนาการของไข่ตุ๋นของคู่แข่งจึงชนะไข่ตุ๋นจากครัวคุณชายไปได้อย่างขาดลอยเพียงสองวันพวกเขาก็แกะสูตรออกมาได้นับว่าความสามารถของคนในโลกอนาคตไม่ธรรมดาเลยจริงๆ“เอายังไงดีนะ” ชายถามตัวเองพลางใช้นิ้วเคาะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด กำลังผลิตของเขาในตอนนี้ไม่ถือว่ามากนัก และด้วยรสชาติที่ยังไม่มีใครเลียนแบบได้ก็ทำให้เขามีเปรียบอยู่เล็กน้อย แม้จะผ่านมาหลายพันปีแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ไม่เคยเปลี่ยน หากสถานการณ์เอื้ออำนวยพวกเขาย่อมให้ความสำคัญกับรสชาติมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ ดังน

    Last Updated : 2025-01-01
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 10

    การเปิดตัวอาหารชุดทำให้สถานการณ์ของครัวคุณชายดีขึ้นมาก ด้วยราคาต่อชุดที่ไม่แพงและประสบการณ์การกินที่แปลกใหม่ทำให้ไม่ว่าจะทำมาเท่าไรก็ขายหมด แต่กระนั้นชายก็ผลิตอาหารชุดออกมาไม่ได้มากนัก วันหนึ่งทำออกมาได้เพียงหนึ่งพันสองร้อยชุดเท่านั้น เมื่อรวมกับไข่ตุ๋นอีกแปดร้อยถ้วยก็เท่ากับว่าทุกๆ วันจะมีอาหารจำนวนสองพันชุดถูกผลิตขึ้นที่นี่ ชายหนุ่มจำต้องยอมรับว่าบ้านของเขาได้กลายเป็นโรงงานขนาดเล็กไปแล้วจริงๆ“ช่วงนี้เรียกว่าช่วงพีคสินะ” เถ้าแก่หนุ่มพึมพำกับตัวเองขณะตรวจสอบยอดขายประจำวัน สินค้าของเขายังคงขายหมดทุกวัน นั่นก็ทำให้ชายมีรายได้ถึงหนึ่งแสนสตาร์ต่อวัน และแน่นอนว่าด้วยจำนวนเงินมากถึงขนาดนี้ทำให้ชายไม่ต้องกังวลอะไรไปสักพัก วันนี้เขาถึงกับหาวันหยุดให้ตัวเองเลยทีเดียวทว่ามนุษย์โบราณแบบชายย่อมไม่รู้ว่าจะใช้เวลาในวันหยุดอย่างไร สุดท้ายเขาก็ให้แอ๊บบี้เปิดข่าวให้ดู เรื่องราวในโลกอนาคตนั้นเข้าใจได้ยาก เขาไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ และยิ่งสับสนกับข่าวการสำรวจทางอวกาศ แต่ในที่สุดเขาก็พบกับข่าวที่น่าสนใจชายมั่นใจว่าสาวงามผมทองในข่าวนั้นคือคนเดียวกันกับที่ถูกช่ว

    Last Updated : 2025-01-02

Latest chapter

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 42

    ตอนที่ 42: มาเที่ยววันแรกก็เกิดเรื่องซะแล้วการกินโซเม็งรางน้ำทำให้ทุกคนเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก กว่าจะอิ่มหนำเวลาก็บ่ายคล้อยไปแล้ว และจากการถ่ายทอดสดของชายในครั้งนี้ยอดขายเส้นโซเม็งก็เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับที่มีการออกสินค้าใหม่เป็นรางน้ำแบบประกอบเองจากผู้ประกอบการหลายๆ เจ้า และบางบริษัทก็ออกแบบชุดจ่ายเส้นโซเม็งที่ดูหวือหวาราวกับสวนสนุกในตำนานขึ้นมา การตลาดครั้งนี้อดาเนียกรุปไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เหตุก็เพราะว่าพวกเขาตัดสินใจทำร้านอาหารที่มีบริการรางน้ำขึ้นมาโดยเฉพาะ เรื่องการทำรางน้ำเองที่บ้านนั้นก็ให้เป็นเรื่องของคนอื่นไปกลับมาที่บ้านพักตากอากาศกลางป่า เด็กๆ ที่กินจนพุงกางกำลังนอนอาบแดดอยู่ในสนามหญ้า มองเห็นเป็นก้อนขนสองสีที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ส่วนนีลก็เข้ามานั่งเอกเขนกอยู่ตรงโซฟา เฝ้ามองพ่อครัวร่างเล็กที่ไม่ยอมพักผ่อนด้วยสีหน้าซับซ้อนชายพยายามทำตัวให้ยุ่งจริงๆ อย่างที่จิตแพทย์ลาล่าบอก คล้ายกับกลัวว่าหากว่างแล้วจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น แต่กระนั้นสีหน้าท่าทางผ่อนคลายยามจัดการกับวัตถุดิบก็ทำให้มองไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายมีเรื่องมากมายอยู่ภายในใจ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 41

    ตอนที่ 41: มาเที่ยวก็ต้องหาเรื่องสนุกๆ ทำในที่สุดครอบครัวอดาเนียก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศตามที่ตั้งใจไว้ ชายและเด็กๆ ตื่นเต้นกับบ้านหลังนี้มาก ออซซี่กับเฮคเตอร์ไม่เคยเห็นบ้านที่สร้างด้วยท่อนซุงใหญ่ ส่วนชายก็คิดถึงสัมผัสของเนื้อไม้ธรรมชาติ เขาถึงกับเผลอสูดดมกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของไม้สนเข้าไปเต็มปอดเลยทีเดียว“คุณชอบไหม?” อยู่ๆ นีลก็ก้าวมายืนข้างๆ แล้วถามขึ้น ชายสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกประชิดตัวแต่ก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว“บ้านดูอบอุ่นมาก ครัวแบบเคาน์เตอร์เปิดก็สวยจริงๆ อุปกรณ์ก็ครบมาก ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะจริงจังกับครัวบ้านพักตากอากาศแบบนี้” พ่อครัวหนุ่มเอ่ยชมขณะที่เด็กๆ วิ่งไปกลิ้งเล่นบนพรมขนสัตว์เทียมนุ่มๆ แล้วฝ่ายนีลได้ฟังแล้วก็ยิ้มกริ่ม นึกดีใจที่ทุ่มงบไม่อั้นกับห้องครัว “ด้านหลังมีน้ำตกจำลองกับลานก่อกองไฟด้วยนะ”“ลานก่อกองไฟ?”“ผมเห็นจากในรูปโบราณ เป็นลานหิน แล้วก็มีการก่อหินเตี้ยๆ เอาไว้ใช้ก่อไฟให้ความอบอุ่น” พร้อมกับพูดนีลก็เปิดภาพโบราณที่ว่าให้ดู ชายมองภาพโฆ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 40

    ตอนที่ 40: ออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้นชายกับครอบครัวอดาเนียก็ออกเดินทางไปยังดาวตากอากาศตามแผนที่วางไว้ สัมภาระที่จะนำไปใช้ที่บ้านพักถูกแยกส่งไปต่างหาก ส่วนที่ติดตัวแต่ละคนก็มีเพียงกระเป๋าใบเล็กสำหรับใช้ระหว่างการเดินทางเท่านั้น“ต้องใช้ยานสาธารณะแบบนี้อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่เอาไว้คุณเป็นพลเมืองอดาเนียเต็มตัวแล้วผมจะพาไปลงทะเบียน ต่อไปจะได้ใช้ยานของบ้านเราได้เลย” นีลกล่าวกับชายระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปยังท่าอากาศยาน“แสดงว่าพวกคุณสามคนสามารถใช้ยานส่วนตัวเดินทางไปได้ใช่ไหม?” ชายคาดเดา “แบบนี้ทำไมคุณกับเด็กๆ ไม่ใช้ยานส่วนตัวล่ะ จะได้ไม่ลำบาก ผมเคยขึ้นยานสาธารณะแล้ว เดินทางคนเดียวได้ไม่ต้องห่วงหรอก”“ไม่เอา! ออซอยากเที่ยวกับพี่ชายนี่นา!” เด็กชายออซซี่รีบค้านความคิดของชายทันทีโดยมีเฮคเตอร์พยักหน้าสนับสนุน ส่วนนีลก็ยิ้มบางๆ ให้ชายคล้ายกับจะบอกว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธการตัดสินใจในครั้งนี้ได้‘ทำไมต้องทำทหน้าภูมิใจแบบนั้นด้วย’ ชายนึกหมั่นไส้พ่อเสือดำตงิดๆ หากแคทนิปไม่มีผลข้างเคียงท

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 39

    ตอนที่ 39: พักร้อน?“คุณว่าอะไรนะ?” ชายที่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดถามทั้งขี้ตา เขาไม่คิดว่านีลจะกลับมาก่อนกำหนดแถมยังพูดเรื่องน่าเหลือเชื่อออกมาด้วย“เราสี่คนจะไปพักร้อน ผมอยากพาเด็กๆ ไปเที่ยวชดเชยเวลาที่มัวยุ่งกับงาน คุณเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหน ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันเถอะ” นีลทวนความประสงค์ของตนอีกครั้ง“ผมว่าคุณกลัวจะไม่มีคนทำอาหารให้มากกว่า” ชายทำทีเป็นไม่เชื่อถือคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ในใจก็ทราบดีว่านีลหมายความตามที่พูดจริงๆ แต่ความกระอักกระอ่วนในใจก็ทำให้ชายเลือกพูดไปแบบนั้น นีลกลับบ้านมาก่อนกำหนดทำให้เขามีเวลาทำใจไม่พอ ดังนั้นชายจึงตั้งใจจะซื้อเวลาให้ตัวเองอีกหน่อย “จริงๆ แล้วผมสอนหุ่นพ่อบ้านให้ทำอาหารได้หลายอย่างแล้วนะ คุณไม่จำเป็นต้องพาผมไปด้วยหรอก” เขากล่าว“ออซกับเฮคคงเสียใจแน่ถ้าคุณไม่ไปด้วย” นีลยังไม่ละความพยายาม “ลองดูดาวตากอากาศของผมก่อนก็ได้ เผื่อว่าจะมีที่ไหนถูกใจคุณบ้าง” พูดจบเขาก็เปิดภาพดาว

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 38

    ตอนที่ 38: เรื่องของใจข้าวห่อสาหร่ายที่สามารถสร้างสรรค์ลวดลายต่างๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดกลายเป็นกระแสใหม่ในสตาร์เน็ตเวิร์กตามคาด รูปภาพข้าวห่อสาหร่ายมากมายถูกเผยแพร่ออกมาประชันกัน ผู้ขายอาหารหลายรายเริ่มทำข้าวห่อสาหร่ายออกจำหน่าย นอกจากนี้หน่วยงานตลอดจนองค์กรต่างๆ เริ่มจัดประกวดการทำข้าวห่อสาหร่ายด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ยอดขายผงโรยข้าวและสาหร่ายพุ่งทะยานอย่างฉุดไม่อยู่แน่นอนว่านีลย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะกอบโกยผลประโยชน์จากกระแสในครั้งนี้อดาเนียกรุปไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พวกเขาเพียงจัดสินค้าเดิมเป็นชุดพร้อมด้วยเครื่องมือกับคู่มือประกอบอีกเล็กน้อย เป็นต้นว่าชุดข้าวกล่องคุณหมีก็จะประกอบไปด้วยกล่องถนอมอาหารแบบแบ่งช่อง วัตถุดิบที่ปรุงเสร็จแล้ว และวิดีโอสอนทำข้าวกล่องคุณหมีตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างนี้เป็นต้นด้วยความสะดวกและเข้าใจได้ง่ายทำให้ชุดทำข้าวกล่องรูปต่างๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่หัดทำข้าวกล่องให้ลูกๆ คนเป็นครูจัดกิจกรรมฝึกทักษะให้กับนักเรียน และเหล่าเจ้าของช่องสตาร์เน็ตเวิร์กทั้งหลายก็พยายามอวดฝีไม้ลายมือกันเต็มที่เพื่อกอบโกยผลประโย

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่ 37

    ตอนที่ 37: ศิลปะกับอาหาร“คุณไม่คิดว่าเสือดำน่ากินบ้างหรือ?”ชายไม่คิดเลยว่าประโยคสองแง่สองง่ามเช่นนี้จะออกมาจากปากของนีล กว่าเขาจะตั้งตัวได้ใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนแทบจะต้มไข่สุกได้ อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วครอบครัวเมอร์แรงเสือดำกับเสือดาวก็ถูกทำออกมาจนได้ และตอนนี้เด็กๆ ก็กำลังจดจ้องเมอร์แรงในจานอยู่อย่างตื่นเต้น“เป็นไงชอบกันหรือเปล่า?” ชายที่รอลุ้นมานานเอ่ยถาม แล้วเด็กๆ ก็หันมาส่งยิ้มสดใสให้เขา“ชอบมากเลย!”“พี่ชายทำได้ยังไง!”“ถ้ารู้ก่อนก็ไม่สนุกสิ” พ่อครัวหนุ่มหัวเราะ เมื่อเย็นทางรายการติดต่อมาแจ้งแล้วว่าโจทย์ของวันนี้จะเป็นเมอร์แรง ขนมที่เขาตัดสินใจทำขึ้นภายหลัง ไม่ใช่เหล่าตระกูลทองทั้งหลายที่ตั้งใจทำตั้งแต่แรก ตอนแรกที่ทราบเรื่องชายก็ทักท้วงไปด้วยเรื่องเวลาในการอบ แต่ทางรายการมั่นใจในเตาอบรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทผลิตเครื่องครัวชื่อดัง พวกเขาบอกว่า “เตาอบรุ่นนี้ช่วยร่นระยะเวลาได้ถึงสามเท่าจากปกติเลยล่ะ” ดังนั้นชายจึงไม่คัดค้านอะไรอีกและรอ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่ 36

    ตอนที่ 36: ไข่มีดีกว่าที่คิดหลังจากงานวันเกิดของออซซี่กับเฮคเตอร์ผ่านพ้นไปไอศกรีมก็กลายเป็นที่นิยมอย่างสูง ผู้คนทั่วทั้งสมาพันธรัฐอันโดรเมดาต่างต้องการกินไอศกรีมจนอดาเนียกรุปต้องเร่งการผลิตในชั่วข้ามคืน ด้วยเหตุนี้ไอศกรีมชุดแรกที่วางขายจึงเป็นไอศกรีมถ้วยแบบเรียบง่าย แต่กระนั้นรสชาติก็มีมากพอให้ผู้คนไม่รู้สึกเบื่อ และเมื่อพวกเขามีเวลาไอศกรีมแท่ง ไอศกรีมโคน และคุกกี้ไอศกรีมก็วางขายตามมาไอศกรีมของอดาเนียกรุปทำให้หลายบริษัทต้องรีบปรับตัว ผู้ผลิตอาหารเหลวหลายรายถึงกับต้องออกอาหารเหลวแบบไอศกรีมขึ้นมา และอีกหลายรายก็เพิ่ม “ความเย็น” และ “รสชาติ” ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา หากจะกล่าวว่าอุตสาหกรรมอาหารมีความเปลี่ยนมากที่สุดในรอบหลายร้อยปีก็คงจะไม่ผิดนักนอกจากความนิยมในไอศกรีมแล้วความนิยมในของหวานเองก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้คนในยุคนี้คุ้นเคยกับรสหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อมีการนำเสนอความหวานในรูปแบบที่แตกต่างและลึกล้ำกว่าที่เคยมีมา และด้วยเหตุนี้เองตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาชายจึงวุ่นวายอยู่กับการทำงาน ทั้งเขียนสูตร วิจารณ์อาหารตัวอย่าง และนำเสนอลูกเล่นทางการตลาดต่างๆ เพื่อสร

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 35

    บรรยากาศยามเช้าวันนี้ไม่เหมือนเคย ชายตระหนักถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาตื่นเต็มที่ กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่คุ้ยเคยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นเฉพาะตัวอย่างหนึ่งที่ชวนให้นึกถึงแสงแดดและความนุ่มฟู‘ไม่สิ…มันนุ่มจริงๆ นี่นา’ คนที่เริ่มรู้สึกตัวขมวดคิ้วเมื่อประสาทสัมผัสเริ่มแจ่มชัด ชายหนุ่มพลันสะดุ้งลืมตา สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือกลุ่มขนสีดำมันวาว “หวา!” ร่างผอมผุดลุกขึ้นนั่งอย่างลนลาน ภาพความทรงจำเมื่อคืนฉายขึ้นมาเป็นฉากๆ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเขาเห่อร้อนเจ้าของกลุ่มขนสีดำวาวขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะบิดขี้เกียจจนลำตัวโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว อ้าปากหาวจนเห็นเขี้ยวขาวสะดุดตา จากนั้นนัยน์ตาสีอำพันคู่งามก็จ้องเขม็งไปยังต้นเหตุของเสียงรบกวนแน่นอนว่าคนที่ถูกจ้องย่อมกลัวจนตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ“อ—เอ่อ…คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” ชายพยายามทำใจดีสู้เสือแต่กระนั้นก็ทราบว่ารอยยิ้มของตนแข็งกระด้างเพียงใด มุมปากของเขาถึงกับกระตุกเพราะเกร็งมากไปด้วยซ้ำ แต่จะทำตัวตามสบายก็คงไม่ได้เพราะเมื่อคืนเขาก่อเรื่องเอาไว้มากเลยทีเดียว

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 34

    ขณะที่พี่ชายดีเด่นกำลังกลุ้มใจกับความเนื้อหอมของน้องสาว พ่อครัวผู้จุดกระแสข้าวกล่องก็กำลังยืนนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องอาหารบ้านอดาเนีย คิ้วที่ขมวดเป็นปมกับสีหน้าหนักใจของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังจะออกไปทำงานชะงักฝีเท้าแล้วหันเหทิศทางที่ก้าวเดินไปยังห้องอาหารแทน“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“ใกล้ถึงวันออกอากาศรายการใหม่ที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้โจทย์อะไรดี” รายการของไอเดนนั้นเป็นรายการสดดังนั้นอาหารที่ทำควรเป็นอะไรที่ใช้เวลาไม่นาน หรือสามารถใช้อุปกรณ์ครัวอันล้ำสมัยย่นระยะเวลาได้ ไลลาบอกว่าในการออกอากาศครั้งแรกอยากให้ชายเป็นผู้มอบโจทย์ด้วยตัวเอง ดังนั้นชายจึงตั้งใจมากกับการเลือกเมนูในครั้งนี้“คุณมีตัวเลือกในใจหรือเปล่า?”“ของคาวมีข้าวผัด พาสตาผัด กับ ไข่ตุ๋น แล้วก็พวกของหวานอย่างพุดดิ้ง ฝอยทอง ทองหยอด ไม่ก็ไอศกรีม”“ไอศกรีมได้รับความนิยมพอตัว คุณเคยสอนทำเชอร์เบทไปแล้ว คราวนี้สอนทำไอศกรีมแบบอื่นบ้างสิ”“มันจะไม่จำเจไปใช่ไหม?”“ไม่หรอก กลับกันพ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status