Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2024-12-20 19:46:23

ชายนั่งรอผลการประเมินอยู่ในห้องเดิม พวกหุ่นยนต์เก็บครัวชั่วคราวไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาจึงได้แต่นั่งเล่นเป่ายิ้งฉุบกับตัวเองแก้เบื่อ แต่แล้วอยู่ๆ พวกหุ่นยนต์ก็หอบครัวชั่วคราวกลับมาตั้งใหม่อีกครั้ง

‘เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?’ เด็กหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ กับความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า แต่เขาก็ไม่ต้องสงสัยอยู่นานนักเพราะไม่กี่อึดใจต่อมาคนในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้อง

“สวัสดีคุณชายพวกเราคือคณะกรรมการประเมินผลของคุณ” กรรมการจากเผ่าหมาป่าผู้มีใบหูสีรูปสามเหลี่ยมสีเทาอยู่บนศีรษะกล่าวทักทายเป็นภาษากลางของสมาพันธรัฐอันโดรเมดา แน่นอนว่าชายย่อมฟังไม่ออกแต่เจ้าหุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ลอยอยู่ข้างตัวก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้โดยไม่ต้องร้องขอ

“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายตอบด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เขาสามารถใช้สื่อสารกับผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้ หลังจากเว้นระยะให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาแล้วเขาก็ถามต่อไปว่า “การประเมินของผมมีปัญหาหรือครับ? ทำไมถึงต้องตั้งครัวอีกครั้งด้วย?”

“ไม่เชิงมีปัญหาหรอก เรื่องของเรื่องก็คือข้าวที่คุณหุงนั้นดีมาก เราจึงอยากให้คุณหุงข้าวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ขอให้อธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียดด้วย” ตัวแทนคณะกรรมการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา

ชายต้องรอให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาอยู่ครู่หนึ่งจึงจะสามารถโต้ตอบกับอีกฝ่ายได้ อันที่จริงแล้วภาษากลางในยุคนี้ก็ไม่ถึงกับฟังไม่ออก มันคล้ายกับภาษาอังกฤษปนกับภาษาจีนและภาษาอื่นๆ อีกอย่างละนิดละหน่อย แต่เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมและกาลเวลาอันยาวนานทำให้สำเนียงและคำศัพท์แตกต่างไปจนยากจะทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ

“อ้อ! ได้สิครับ” เขาตอบตกลงเมื่อหุ่นยนต์แปลความให้ฟัง ชายเห็นว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีจึงรีบคว้าเอาไว้ จากนั้นเขาก็ลงมือทันที อย่างไรก็ตามข้าวที่ถูกนำมาในคราวนี้ไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวเหมือนที่ผ่านมา

“เป็นอะไรไปหรือ?” กรรมการสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มจึงถามขึ้นมา ในใจของพวกเขาเริ่มเป็นกังวล น่ากลัวเหลือเกินว่าการที่ข้าวออกมาดีในครั้งก่อนนั้นอาจจะเป็นเพราะโชคช่วย

“ข้าวบางชนิดที่พวกคุณเตรียมมาผมไม่รู้จัก หรือต่อให้รู้จักก็กะปริมาณน้ำไม่ถูก” ชายบอกไปตามตรงก่อนถามว่า “จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมหุงข้าวแค่ไม่กี่ชนิดที่มั่นใจว่าจะทำออกมาได้ดี”

พอมนุษย์โบราณถามมาแบบนี้พวกกรรมการก็หันไปปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาว่า “คุณชายเริ่มจากข้าวที่ถนัดก่อน ส่วนข้าวที่เหลือลองทำดูก็ไม่เสียหาย เราอยากรวบรวมองค์ความรู้จากยุคก่อนให้ได้มากที่สุด”

เมื่อได้รับคำสั่งมาแบบนั้นชายก็ไม่คิดมากอีก เขาเริ่มจากข้าวที่ดูคล้ายข้าวญี่ปุ่นในความทรงจำ ชายไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนที่เขาตวงข้าวชนิดนี้ขึ้นมากรรมการทั้งสี่คนจะกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น

ข้าวเม็ดกลมมนนั้นเป็นข้าวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรเพราะเมื่อหุงแล้วมักจะแข็งอีกทั้งยังมียางมากทำให้ได้สัมผัสที่ไม่อร่อย หากนำไปทำข้าวต้มก็พอได้อยู่แต่ข้าวขาวธรรมดาก็นำไปทำข้าวต้มได้เช่นกัน ดังนั้นข้าวเม็ดกลมชนิดนี้จึงแทบจะไม่มีการปลูกกันแล้ว หน่วยรบที่สิบเอ็ดมีข้าวชนิดนี้อยู่ก็เพราะมันเป็นของเหลือค้างจากเสบียงเมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อน ทุกครั้งที่ช่วยเหลือชนเผ่าโบราณมาได้พวกเขาก็มักจะนำข้าวเก่าเก็บพวกนี้มาให้ทดลองใช้ เผื่อว่าจะค้นพบวิธีประกอบอาหารใหม่ๆ ให้เป็นผลงานของหน่วยบ้างแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง

“ข้าวชนิดนี้ต้องล้างให้สะอาดไม่อย่างนั้นพอหุงแล้วจะเหนียวมียางมาก” มนุษย์โบราณผู้ไม่ตระหนักถึงความเสื่อมถอยของวัฒนธรรมการปรุงอาหารแห่งโลกอนาคตพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ถ้ามีกระชอนตาถี่ช่วยจะดีมากแต่ถ้าไม่มีก็ขัดถูข้าวให้ดีๆ แล้วค่อยๆ รินน้ำออก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำจะใส” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ทำการล้างข้าวต่อไป สัมผัสของข้าวบนฝ่ามือทำให้รู้สึกดีไม่น้อย สมัยเรียนอยู่เขาเคยไปทำงานพิเศษให้กับร้านขายซูชิตามตลาดนัด ถึงจะไม่ใช่ร้านต้นตำรับแต่อย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง

การล้างข้าวอย่างพิถีพิถันของชายสร้างความประหลาดใจให้แก่คณะกรรมการเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยคิดว่าการล้างข้าวมากเกินไปจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่สำคัญ “คนโบราณนี่ไม่คำนึงถึงหลักโภชนาการเลยจริงๆ” หนึ่งในคณะกรรมการบ่น แต่กรรมการอีกคนกลับไม่เห็นด้วย “ข้าวขาวไม่ค่อยมีสารอาหารอะไรนอกจากคาร์โบไฮเดรตอยู่แล้ว ถ้ามันทำให้อร่อยขึ้นได้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร กินสารอาหารอัดเม็ดทดแทนก็ได้”

“แบบนั้นจะกินอาหารปรุงสุกไปทำไมกันล่ะ?”

“ก็มันอร่อยยังไงล่ะ”

เหล่ากรรมการทำท่าจะเถียงกันต่อ แต่เสียงของชายก็ดึงความสนใจของพวกเขากลับไปที่ตัวเด็กหนุ่ม “พอล้างข้าวเสร็จแล้วก็แช่เอาไว้ก่อน ต้องรอจนข้าวเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นทั้งเมล็ดก่อนถึงจะเอาไปหุงได้ ระหว่างนี้ผมจะหุงข้าวอีกชนิดรอ” กล่าวแล้วชายก็หันไปตวงข้าวขาวที่ดูคล้ายข้าวไทยใส่หม้ออีกใบ “ข้าวชนิดนี้ไม่ต้องล้างมากนักก็ได้ ปกติแล้วถ้าทำกินเองที่บ้านเราจะใช้นิ้วมือวัดระดับน้ำ แตะปลายนิ้วลงบนผิวข้าวสารกะให้น้ำอยู่ในระดับหนึ่งข้อนิ้วมือเท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ถ้าต้องหุงจำนวนเยอะหรือทำขายก็ใช้อัตราส่วนข้าวหนึ่งส่วนต่อน้ำหนึ่งส่วนครึ่งก็ได้เหมือนกัน” ข้อมูลใหม่นี้ทำให้เหล่ากรรมการตาวาว แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องรอดูต่อไป เพราะที่ผ่านมาสถาบันวิจัยอาหารปรุงสุกก็เคยทดลองเรื่องปริมาณน้ำแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไร

ชายน้ำหม้อที่ใส่ข้าวและน้ำพร้อมแล้วไปตั้งบนเตา “ผมจะหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ เราจะเริ่มจากไฟแรงก่อน รอจนน้ำเดือดแล้วค่อยเบาไฟลง เราจะปิดฝาเอาไว้ตลอด แต่ถ้ากลัวข้าวก้นหม้อจะไหม้ช่วงแรกที่ใช้ไฟแรงจะคนข้าวไปก่อนก็ได้ แต่พอน้ำเดือดและเบาไฟลงแล้วควรจะปิดฝาไว้ให้ไอน้ำระอุอยู่ภายใน มันจะช่วยให้ข้าวฟูน่ากิน การหุงข้าวด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ช่วงใกล้ครบเวลาจะเปิดดูข้าวเพื่อความแน่ใจก็ได้”

เด็กหนุ่มอธิบายยืดยาวแต่สิ่งที่ทำก็แค่ตั้งหม้อข้าวบนเตาเท่านั้น “ข้าวทางนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งเมล็ดแล้ว ผมจะเริ่มหุงข้าวเลย” กล่าวแล้วเขาก็เทน้ำที่แช่ข้าวออกแล้วเติมน้ำเข้าไปใหม่อีกครั้ง “ข้าวชนิดนี้จะใช้อัตราส่วนข้าวกับน้ำเหมือนกันกับก่อนหน้าก็ได้ หรือจะลดลงมานิดหน่อยก็ได้เหมือนกัน ส่วนวิธีหุงสามารถใช้วิธีเดียวกันได้” พร้อมกับพูดเขาก็ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ จากนั้นก็หรี่ไฟของข้าวหม้อแรกลง เสร็จแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับข้าวชนิดอื่นๆ ที่เหลือ

“ดูด้วยตาแบบนี้ก็ลำบากเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำพลางพยายามแยกข้าวแต่ละชนิดออกจากกัน

“คุณสามารถออกคำสั่งให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยบอกข้อมูลของข้าวแต่ละชนิดได้นะ” กรรมการคนหนึ่งแนะนำด้วยความหวังดี แล้วพูดเสริมอีกว่า “แต่ฐานข้อมูลจะไม่ตรงกับภาษาที่คุณใช้ อาจมีความคลาดเคลื่อนระหว่างแปลอยู่บ้าง”

“เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณครับ” ชายหันไปกล่าวขอบคุณกรรมการคนนั้น ก่อนจะออกคำสั่งกับหุ่นยนต์ผู้ช่วยให้แสดงข้อมูลของข้าวแต่ละชนิด เจ้าลูกบอลพอได้รับคำสั่งก็ฉายแสงออกมาสแกนสัญลักษณ์ที่มีรูปร่างคล้าย QR code แบบสามมิติที่ติดอยู่บนกล่อง ไม่ถึงอึดใจต่อมาข้อมูลของข้าวชนิดนั้นก็ถูกฉายออกมาในรูปแบบของภาพโฮโลแกรม

R002xxxx

ชื่อสามัญ: Tickyrin

คุณสมบัติ: มีความแข็งกว่าข้าวขาวมาตรฐาน นิยมนำไปโม่เป็นแป้งผสมในอาหารสำเร็จรูป

‘ทิกกี้ริน? มันคืออะไรกันล่ะ?’ ชายขมวดคิ้วงุนงงกับคำอธิบายที่เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย แต่พอลองถามรายละเอียดจากหุ่นยนต์ต่อไปก็พบว่าแป้งที่ได้จากข้าวชื่อประหลาดนี้มีคุณสมบัติคล้ายข้าวเหนียวในยุคที่เขาจากมา

‘หรือชื่อเรียกนั่นมันจะเพี้ยนมาจาก Sticky Rice กันนะ?’ พอคิดๆ ดูแล้วชายก็พบว่าข้อสันนิษฐานของตนฟังดูเข้าที ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะหุงมันด้วยวิธีการเดียวกับข้าวเหนียว

“โอ๊ะ! น้ำเดือดแล้วนี่นา” ชายพึมพำกับตัวเองเมื่อหันมาเห็นว่าหม้อหุงข้าวญี่ปุ่นส่งเสียงเดือดปุดๆ แล้ว เด็กหนุ่มรีบเข้าไปหรี่ไฟ จากนั้นก็กลับไปตวงข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาด

“คุณจะหุงทิกกี้รินหรือ? ลองข้าวชนิดอื่นจะดีกว่าไหม อย่างข้าวสีครามนั่นถึงรสชาติจะขมไปสักหน่อยแต่ก็นิ่มกว่าทิกกี้รินนะ” กรรมการคนเดิมกับที่บอกชายเรื่องการตรวจสอบพันธุ์ข้าวเอ่ยแนะนำ

“ผมคิดว่ามันคล้ายกับข้าวเหนียวจากดาวบ้านเกิดผมน่ะครับ เลยอยากลองดู”

“ข้าวเหนียว?”

“เป็นข้าวที่พอหุงแล้วจะมีความเหนียวกว่าข้าวธรรมดา ให้รสสัมผัสที่แตกต่างออกไปแต่ก็อร่อยครับ” ชายอธิบายพลางนำข้าวเหนียวไปล้างให้สะอาด “ข้าวชนิดนี้จะมียางมากกว่าข้าวญี่ปุ่น...เอ่อผมหมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ ก่อนหน้านี้เพราะฉะนั้นก็เลยต้องล้างหลายน้ำหน่อย แล้วก็มันเป็นข้าวที่สุกยาก ปกติเราจะแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง หรือไม่ก็แช่ข้ามคืนเลย แต่เพื่อประหยัดเวลาผมจะแช่ในน้ำอุ่นแทนนะครับ” กล่าวแล้วก็กดน้ำร้อนจากเครื่องจ่ายน้ำที่ถูกนำมาติดตั้งชั่วคราวใส่ภาชนะ “แช่ไว้สักสามสิบถึงหกสิบนาทีก็พอ” มันเป็นวิธีที่เขามักจะใช้เวลาอยากกินข้าวเหนียวขึ้นมากะทันหัน แค่แช่ข้าวไว้ในน้ำอุ่นก่อนนำไปนึ่งตามปกติสักครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องแช่ข้าวทิ้งไว้ข้ามคืนให้วุ่นวายเลย

“ต้องรอนานขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ครับ ไม่อย่างนั้นข้าวมันจะสุกไม่ทั่ว” ชายหันไปตอบยิ้มๆ ตอนนั้นก็พอดีกับที่ข้าวหม้อแรกสุก เขาปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา คนข้าวดูเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสุกทั่วถึงกันดีและไม่แฉะก็คลี่ยิ้มออกมา “ข้าวขาวสุกแล้วครับ ลองชิมดูได้”

เมื่อได้รับคำเชิญคณะกรรมการทั้งสี่ก็ก้าวเข้ามามุงดูหม้อใบน้อยอย่างสนใจ พวกเขาใช้ช้อนส่วนตัวตักข้าวชิมคนละคำ ก่อนจะส่งเสียงพึมพำอย่างพออกพอใจในผลลัพธ์ที่ได้

“เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก คุณจะได้ค่าตอบแทนจากองค์ความรู้นี้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว”

“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ” รอยยิ้มของชายกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าเขาจะได้รับเงินทุนมากกว่าจำนวนขั้นต่ำอย่างแน่นอน ‘อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดไปพักใหญ่ล่ะนะไอ้ชาย’ เขาบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็กลับไปให้ความสนใจกับข้าวสารชนิดอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทำการหุง

ชายอาจจะไม่เคยทำงานในร้านอาหารอย่างจริงจังแต่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขาก็คือการได้เข้าครัวกับคุณพ่อคุณแม่เมื่อครั้งยังเด็ก พ่อของเขาเป็นพ่อครัวฝีมือดีที่ถนัดอาหารแนวตะวันตก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชายจะรู้สึกคุ้นเคยกับเมล็ดข้าวสองสามชนิดที่โดดเด่นท่ามกลางข้าวสารมากมายหลายชนิด

“แต่มีแค่น้ำแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ...” เด็กหนุ่มพึมพำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจจนหนึ่งในคณะกรรมการอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“มีปัญหาอะไรหรือคุณชาย?”

“ข้าวสามชนิดนี้ผมรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็นน่ะสิครับ ผมสามารถบอกแค่วิธีทำที่รู้ได้ไหม?”

“คุณรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น?”

“ครับ” ชายพยักหน้า แล้วขยายความต่อไป “มันต้องใช้ทักษะและความชำนาญ ผมไม่เคยทำมาก่อนคงทำไม่ได้ดี อีกอย่างวัตถุดิบก็ไม่ครบด้วย”

“การปรุงข้าวปกติใช้แค่น้ำไม่ใช่หรือ?”

“โดยพื้นฐานก็ใช่ แต่เราสามารถปรุงข้าวระหว่างหุงได้เช่นกัน อย่างข้าวขาวที่ผมหุงไปนั่นหากเติมเกลือไปสักนิดจะได้ข้าวที่มีรสติดเค็มเล็กน้อยและเก็บรักษาได้นานขึ้น หรือถ้าชอบกลิ่นเครื่องเทศก็สามารถใส่เครื่องเทศปริมาณเล็กน้อยลงไปได้ ส่วนข้าวญี่ปุ่น...หมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ นี่หากจะนำไปทำซูชิก็จะนำข้าวที่หุงเสร็จแล้วไปคลุกเคล้ากับน้ำส้มสายชูที่ปรุงรสเอาไว้ครับ” พูดถึงตรงนี้ก็ได้เวลาที่ข้าวญี่ปุ่นจะสุกพอดี ชายปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา พอเปิดฝาหม้อออกก็เห็นข้าวสีขาวนุ่มฟูที่ดูแฉะเล็กน้อย

“มันค่อนข้างจะเละนะ” กรรมการคนหนึ่งออกความเห็นทันที แต่ชายก็หาได้มีสีหน้าเป็นกังวลไม่ เขาระบายยิ้มบางๆ แล้วก็หยิบไม้พายมาคนข้าวเบาๆ

“แรกๆ ก็จะดูเหมือนแฉะไปหน่อย แต่พอคนข้าวให้ไอน้ำระเหยแล้วข้าวก็จะแห้งขึ้นครับ” เขาอธิบายไปพลางคนข้าวไปพลาง ระวังไม่ให้ออกแรงมากเกินไปไม่อย่างนั้นข้าวจะเละเข้าจริงๆ ทำอยู่ไม่นานข้าวที่ดูแฉะไม่น่ารับประทานในตอนแรกก็กลายเป็นข้าวที่ดูนุ่มฟูชวนน้ำลายสอ

คราวนี้พวกกรรมการไม่รอให้ชายเอ่ยเชิญพวกเขาต่างชิมข้าวที่เพิ่งหุงใหม่กันคนละคำทันที แล้วก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง ใครจะคิดเล่าว่าข้าวที่แทบจะถูกลืมเลือนไปแล้วจะอร่อยเช่นนี้

“คุณชายบอกว่ามันสามารถปรุงรสเพิ่มได้ใช่ไหม?”

“ครับ ก่อนอื่นก็ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาล ให้ได้รสที่ถูกปากแล้วก็เอามาพรมลงบนข้าว คลุกให้ทั่วก็จะได้ข้าวซูชิแล้ว”

“ซูชิ?”

“เป็นเมนูจากดาวบ้านเกิดของผมเอง” ชายให้คำนิยามง่ายๆ แล้วก็อธิบายให้คนแห่งอนาคตฟังว่าซูชิคืออะไรรวมไปถึงอาหารคล้ายๆ กันอย่างข้าวปั้น และมากิด้วย เหล่าคณะกรรมการดูจะชอบใจกับแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาของอาหารชนิดนี้ อย่างไรก็ตามเพราะมันฟังดูง่ายชายจึงไม่ต้องสาธิตวิธีทำให้ดู เช่นเดียวกันกับข้าวรีซอตโตที่เขารู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น เด็กหนุ่มเพียงแค่ต้องพิมพ์วิธีทำและวาดภาพประกอบตามที่จำเป็นให้แก่ทางกองทัพเท่านั้น

ตลอดทั้งวันชายจึงวุ่นวายอยู่ในห้องประเมินจนเย็นแต่มันก็คุ้มค่าเพราะเขาได้รับเงินทุนตั้งตัวเป็นจำนวนถึงสามล้านสองแสนหกหมื่นสตาร์เลยทีเดียว เหตุที่ได้เงินมากถึงขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าวิธีการหุงข้าวของเขาถูกจัดให้เป็นองค์ความรู้ระดับสูงที่เป็นประโยชน์มากต่อสมาพันธรัฐอันโดรเมดา วิธีหุงข้าวหนึ่งชนิดเขาได้ค่าตอบแทนถึงหนึ่งล้านสตาร์เลยทีเดียว แน่นอนว่ามันต้องหักภาษีไปอีกร้อยละเจ็ดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้เขายังได้ใบประกอบวิชาชีพผู้ปรุงอาหารมาด้วย เส้นทางชีวิตต่อจากนี้ย่อมไม่ลำบากเกินไปนัก

๐๐๐

Related chapters

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 3

    ชายถูกส่งตัวออกจากสถานีอวกาศของหน่วยรบที่สิบเอ็ดพร้อมด้วยสัมภาระพื้นฐานเพียงไม่กี่ชิ้น เด็กหนุ่มพลันนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “เสื่อผืนหมอนใบ” ขึ้นมา แต่ในกรณีของเขามันมีแค่ชุดที่สวมอยู่กับบัตรประจำตัวเท่านั้น ชายมองดูเนื้อผ้าเรียบลื่นสบายตัวแต่สีไม่สบายตาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เสื้อที่เขาสวมอยู่เป็นสีขาวก็จริงแต่พอโดนแสงมันกลับสะท้อนประกายสีรุ้งราวกับเปลือกหอยมุกดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง ยังดีที่มันไม่ใช่ชุดรัดรูปเหมือนในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่เขาเคยดูมิฉะนั้นแล้วชายคงรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่านี้‘แล้ว....ยังไงต่อล่ะ?’ คนหลงยุคถามตัวเองขณะนั่งอยู่ในยานขนส่ง ภายในห้องโดยสารไม่มีสื่อบันเทิงใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวของยานลำนี้อีกด้วยเมื่อมีอะไรให้ทำชายก็ตัดสินใจสำรวจบัตรประจำตัวที่เพิ่งได้มา มันเป็นบัตรสีดำที่ดูเผินๆ แล้วก็เหมือนบัตรเครดิตธรรมดา หากนายทหารที่มอบบัตรนี้ให้แก่เขาไม่บอกวิธีการใช้งานชายก็คงต้องนั่งงมกับมันอีกนานเลยทีเดียวนิ้วเรียวเคาะเบาๆ ลงบนสันบัตรพลันบัตรสีดำก็สว่างจ้าขึ้นมา ใช่ บัตรประจำตัวของสมาพันธรัฐอันโดรเมดานั้นคล้ายกับสมาร์ตโฟนที่ชายคุ้นเ

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 4

    เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงจากดาว E5196 ไปยังจุดหมายที่เขาต้องการ ชายจึงต้องไปต่อเครื่องที่สถานีอวกาศ J666 เสียก่อน การเดินทางครั้งนี้จึงกินเวลาถึงห้าชั่วโมงเต็ม หากไม่นับระยะทางที่ไกลหลายปีแสงแล้วเขาก็รู้สึกว่าการเดินทางในโลกอนาคตไม่ได้สะดวกสบายมากเท่าที่คิดเมื่อมาถึงท่าอากาศยานของดาว D517 ชายก็มุ่งหน้าไปยังไอบ็อกซ์ทันที ตามแผนการเขาจะต้องซื้อคอมพิวเตอร์แบบพกพาเป็นอันดับแรกเพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ คอมพิวเตอร์พกพานี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ABrain แต่ผู้คนนิยมเรียกมันว่า “แอ๊บบี้” คอมพิวเตอร์พกพาพวกนี้มีผู้ผลิตหลายเจ้าและรูปแบบของเครื่องก็หลากหลายมาก มันมีตั้งแต่การ์ดแผ่นบางๆ เหมือนกับบัตรประจำตัว หุ่นยนต์รูปร่างต่างๆ ไปจนถึงแผ่นแปะที่แนบสนิทไปกับผิวเหมือนรอยสัก แต่ชายอยากได้อะไรที่พกพาง่ายและให้ความรู้สึกคุ้นเคยเขาจึงเลือกแบบที่ดูเหมือนสมาร์ตวอชท์มาชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าฟังก์ชันการทำงานของมันย่อมต้องเป็นแบบพิเศษเพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาโบราณที่ไม่ใช่ภาษาพื้นฐานของระบบ ราคาของ ABrain ที่ชายซื้อมาจึงมีราคาสูงกว่าปกติ แถมยังผ่อนไม่ได้อีกต่างหากไม่ใช่ว่ามันไม่มีระบบผ่อนชำระแต่เป็

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 5

    “ไม่เลวเลยแฮะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านใหม่ของตน นัยน์ตาสีนิลมองสำรวจไปรอบๆ ขณะเมินเสียงรายงานเรื่องตรวจไม่พบภาษาของแอ๊บบี้ เครื่องจักรหน้าตาไม่คุ้นเคยถูกตั้งเอาไว้ตามจุดที่เขาระบุอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันอาจให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยานอวกาศไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดอะไร ใกล้กับประตูระเบียงชั้นล่างมีเรือนกระจกขนาดเล็กตั้งอยู่ ภายในนั้นยังคงว่างเปล่ารอการปรับแต่งของผู้เป็นเจ้าของ“ลืมซื้อเมล็ดมานี่สิ งั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” ชายพูดพลางยักไหล่ก่อนจะเดินไปสำรวจเครื่องจักรที่ซื้อมา แน่นอนว่าที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเครื่องเพาะไข่เพราะเขาลงทุนกับมันไปมากในสายตาของชายเครื่องเพาะไข่มีลักษณะเหมือนตู้เย็นขนาดใหญ่เครื่องหนึ่ง แม้แต่การแบ่งส่วนก็ยังเหมือนกัน ส่วนบนเป็นแผงควบคุมกับจอแสดงผลและด้านล่างมีประตูสำหรับหยิบไข่ที่พร้อมบริโภค ตอนนี้แถบแสงตรงที่จับประตูเป็นสีแดงหมายความว่ามันยังไม่พร้อม“คู่มือบอกว่าต้องรอยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้าอย่างนั้นวันนี้คงได้แค่ลงทะเบียน” ชายตัดสินใจได้ในที่สุด หลังจากตรวจเครื่องจักรอื่นๆ โดยคร่าวแล้วเขาก็ขึ้นไปบนชั้นลอย ที่นั่นถูกจัดไว้

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 6

    ท่านมีข้อความใหม่ 10,000 ข้อความเช้าวันแรกในบ้านหลังใหม่ของชายเริ่มต้นขึ้นด้วยเรื่องน่าตื่นตะลึง เขาจ้องข้อความแจ้งเตือนบนจอเล็กๆ ของแอ๊บบี้อยู่นานเท่าไรไม่ทราบได้ พอสติกลับคืนมาชายหนุ่มก็เปิดใช้งานการฉายหน้าจอเพื่อให้สามารถดูรายละเอียดได้ถนัดข้อความทั้งหนึ่งหมื่นนั้นอยู่ในระบบของสตาร์ทูบ ชายลองเลือกใช้คำสั่งจัดประเภทแล้วก็พบว่ามันถูกส่งมาจากหลากหลายแหล่ง มีทั้งบุคคลธรรมดา บริษัท และแน่นอนว่าต้องมีข้อความจากระบบสตาร์ทูบด้วย“งั้นก็ดูข้อความจากระบบก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วชายก็ปัดหน้าต่างแจ้งเตือนเรื่องการตรวจไม่พบภาษาออกไป จากนั้นก็เรียกข้อความจากสตาร์ทูบขึ้นมายินดีด้วย! คุณได้รับชุดถ่ายทำ 5Senseแค่ข้อความแรกก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้ว ‘เฮ้ๆ มันครบร้อยล้านวิวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’ ไวเท่าความสงสัยชายรีบเปิดเข้าไปดูคลิปวิดีโอที่ลงไว้เมื่อคืนก่อนจะต้องตกตะลึงแทบหัวใจวายเป็นครั้งที่สองของวันเมื่อยอดการเข้าชมทะลุหนึ่งร้อยล้านคนไปแล้วจริงๆ แถมยังมีผู้กดติดตามช่องมากกว่าหนึ่งล้านไปแล้ว ผู้คนแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ชายลองอ่านดูคร่าวๆ ก็พบว่าส่วนใหญ่กำลังเรียกร้องอยากกินซุปไข่

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 7

    ขณะที่คลิปวิดีโอสอนทำอาหารของชายกำลังถูกพูดถึงเป็นวงกว้างเจ้าของคลิปวิดีโอกลับกำลังวุ่นอยู่ในครัว ของรางวัลสิบที่ถูกส่งออกไปแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังเตรียมอาหารสำเร็จรูปสำหรับวางขาย เนื่องจากต้องคำนึงถึงความเคยชินของผู้บริโภคประกอบด้วยชายจึงตัดสินใจทำอาหารที่ให้สัมผัสคล้ายกับอาหารสำเร็จรูปที่วางขายกัน ความจริงมันมีอาหารมากมายที่คล้ายกับเจลลี่พวกนั้นแต่สุดท้ายแล้วหวยก็มาออกที่ไข่ตุ๋น และเนื่องจากเขาต้องการรสชาติที่เข้มข้นจึงเลือกใช้ซุปผสมกับไข่แทนที่จะเป็นน้ำเปล่า แต่จะให้มานั่งต้มกระดูกหมูหรือโครงไก่ก็กินเวลานานเกินไปผงปรุงรสจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แน่นอนว่าโลกอนาคตแห่งนี้มีผงปรุงรสสำเร็จรูปขาย แต่มันก็เป็นเพียงสารสังเคราะห์แถมยังมีราคาแพง ดังนั้นการทำผงปรุงรสขึ้นเองย่อมดีกว่าโชคดีที่สมัยก่อนชายมีงานอดิเรกเป็นการดูคลิปวิดีโอในอินเทอร์เน็ต หนึ่งในหมวดที่เขาชอบดูคือคลิปวิดีโอสอนทำอาหาร นั่นทำให้ชายพอจะรู้วิธีทำผงปรุงรสด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ หลักการคือทำวัตถุดิบให้แห้ง ปั่นเป็นผง จากนั้นก็นำมาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสมปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือกับน้ำตาล เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยชายตัดสิ

    Last Updated : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 8

    ชายเพิ่งจะเข้าใจคำว่า “Influencer*” ก็ตอนนี้เอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการทำอาหารของตนจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นไปได้อย่างมากมายเช่นนั้น จริงอยู่ว่าตัวเขาได้ปลุกกระแสอาหารปรุงสุกแนวใหม่ขึ้นมาแต่มันก็น่าจะทำได้เพียงกระตุ้นความชอบของผู้คน ไม่ใช่ทำให้ชีวิตที่สิ้นหวังของเด็กคนหนึ่งสว่างไสวขึ้นมาเช่นนี้*(หมายถึงผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหรือสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้แก่ผู้ติดตาม)รีวิวเปลี่ยนชีวิต พลิกวิกฤติเป็นเงินล้านนั่นคือหนึ่งในหัวข้อข่าวที่ถูกส่งเขามาในกล่องข้อความของเขา ใจความหลักของข่าวไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าสองคนที่ถ่ายคลิปวิจารณ์ไข่ตุ๋นของเขาลงสตาร์ทูบแล้วได้รับรายได้ก้อนโต เพื่อให้ได้เนื้อหาที่มากขึ้นสำนักข่าวหลายแห่งถึงกับส่งข้อความขอสัมภาษณ์ความเห็นของชายต่อเรื่องนี้เลยทีเดียวแน่นอนว่าชายไม่คิดจะให้สัมภาษณ์เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องออกสื่อ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่มือใหม่คนนี้ก็ไม่คิดจะเพิกเฉยต่อกระแสที่เกิดขึ้น สองพี่น้องในข่าวกำลังเป็นที่จับตามอง และเขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณทางอ้อมของเด็กๆ ดังนั้นชายย่อมไม่รู้สึกผิดอะไรหากจะหาประโยชน์จา

    Last Updated : 2024-12-31
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 9

    “โลกอนาคตนนี่น่ากลัวจริงๆ เลยนะ” เช้าวันต่อมาชายก็ได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจ บริษัทผู้ค้าอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่แห่งรัฐอดาเนียทำไข่ตุ๋นออกมาขายแล้ว บทวิจารณ์บอกว่ามันมีเนื้อที่เด้งสู้ฟันมากกว่าไข่ตุ๋นของเขาเล็กน้อย และมีรสชาติอร่อยพอๆ กับบะหมี่ถ้วยในตำนาน สำหรับเครื่องเคียงที่ให้มาก็เป็นเครื่องเคียงสังเคราะห์แบบที่พบได้ทั่วไปในอาหารสำเร็จรูป อย่างไรก็ตามสิ่งที่ส่งผลกระทบกับกิจการของครัวคุณชายมากที่สุดย่อมเป็นประเด็นเรื่องสารอาหาร เพราะใช้เครื่องเคียงสังเคราะห์ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร คุณค่าทางโภชนาการของไข่ตุ๋นของคู่แข่งจึงชนะไข่ตุ๋นจากครัวคุณชายไปได้อย่างขาดลอยเพียงสองวันพวกเขาก็แกะสูตรออกมาได้นับว่าความสามารถของคนในโลกอนาคตไม่ธรรมดาเลยจริงๆ“เอายังไงดีนะ” ชายถามตัวเองพลางใช้นิ้วเคาะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด กำลังผลิตของเขาในตอนนี้ไม่ถือว่ามากนัก และด้วยรสชาติที่ยังไม่มีใครเลียนแบบได้ก็ทำให้เขามีเปรียบอยู่เล็กน้อย แม้จะผ่านมาหลายพันปีแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ไม่เคยเปลี่ยน หากสถานการณ์เอื้ออำนวยพวกเขาย่อมให้ความสำคัญกับรสชาติมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ ดังน

    Last Updated : 2025-01-01
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 10

    การเปิดตัวอาหารชุดทำให้สถานการณ์ของครัวคุณชายดีขึ้นมาก ด้วยราคาต่อชุดที่ไม่แพงและประสบการณ์การกินที่แปลกใหม่ทำให้ไม่ว่าจะทำมาเท่าไรก็ขายหมด แต่กระนั้นชายก็ผลิตอาหารชุดออกมาไม่ได้มากนัก วันหนึ่งทำออกมาได้เพียงหนึ่งพันสองร้อยชุดเท่านั้น เมื่อรวมกับไข่ตุ๋นอีกแปดร้อยถ้วยก็เท่ากับว่าทุกๆ วันจะมีอาหารจำนวนสองพันชุดถูกผลิตขึ้นที่นี่ ชายหนุ่มจำต้องยอมรับว่าบ้านของเขาได้กลายเป็นโรงงานขนาดเล็กไปแล้วจริงๆ“ช่วงนี้เรียกว่าช่วงพีคสินะ” เถ้าแก่หนุ่มพึมพำกับตัวเองขณะตรวจสอบยอดขายประจำวัน สินค้าของเขายังคงขายหมดทุกวัน นั่นก็ทำให้ชายมีรายได้ถึงหนึ่งแสนสตาร์ต่อวัน และแน่นอนว่าด้วยจำนวนเงินมากถึงขนาดนี้ทำให้ชายไม่ต้องกังวลอะไรไปสักพัก วันนี้เขาถึงกับหาวันหยุดให้ตัวเองเลยทีเดียวทว่ามนุษย์โบราณแบบชายย่อมไม่รู้ว่าจะใช้เวลาในวันหยุดอย่างไร สุดท้ายเขาก็ให้แอ๊บบี้เปิดข่าวให้ดู เรื่องราวในโลกอนาคตนั้นเข้าใจได้ยาก เขาไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ และยิ่งสับสนกับข่าวการสำรวจทางอวกาศ แต่ในที่สุดเขาก็พบกับข่าวที่น่าสนใจชายมั่นใจว่าสาวงามผมทองในข่าวนั้นคือคนเดียวกันกับที่ถูกช่ว

    Last Updated : 2025-01-02

Latest chapter

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 35

    บรรยากาศยามเช้าวันนี้ไม่เหมือนเคย ชายตระหนักถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาตื่นเต็มที่ กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่คุ้ยเคยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นเฉพาะตัวอย่างหนึ่งที่ชวนให้นึกถึงแสงแดดและความนุ่มฟู‘ไม่สิ…มันนุ่มจริงๆ นี่นา’ คนที่เริ่มรู้สึกตัวขมวดคิ้วเมื่อประสาทสัมผัสเริ่มแจ่มชัด ชายหนุ่มพลันสะดุ้งลืมตา สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือกลุ่มขนสีดำมันวาว “หวา!” ร่างผอมผุดลุกขึ้นนั่งอย่างลนลาน ภาพความทรงจำเมื่อคืนฉายขึ้นมาเป็นฉากๆ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเขาเห่อร้อนเจ้าของกลุ่มขนสีดำวาวขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะบิดขี้เกียจจนลำตัวโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว อ้าปากหาวจนเห็นเขี้ยวขาวสะดุดตา จากนั้นนัยน์ตาสีอำพันคู่งามก็จ้องเขม็งไปยังต้นเหตุของเสียงรบกวนแน่นอนว่าคนที่ถูกจ้องย่อมกลัวจนตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ“อ—เอ่อ…คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” ชายพยายามทำใจดีสู้เสือแต่กระนั้นก็ทราบว่ารอยยิ้มของตนแข็งกระด้างเพียงใด มุมปากของเขาถึงกับกระตุกเพราะเกร็งมากไปด้วยซ้ำ แต่จะทำตัวตามสบายก็คงไม่ได้เพราะเมื่อคืนเขาก่อเรื่องเอาไว้มากเลยทีเดียว

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 34

    ขณะที่พี่ชายดีเด่นกำลังกลุ้มใจกับความเนื้อหอมของน้องสาว พ่อครัวผู้จุดกระแสข้าวกล่องก็กำลังยืนนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องอาหารบ้านอดาเนีย คิ้วที่ขมวดเป็นปมกับสีหน้าหนักใจของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังจะออกไปทำงานชะงักฝีเท้าแล้วหันเหทิศทางที่ก้าวเดินไปยังห้องอาหารแทน“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“ใกล้ถึงวันออกอากาศรายการใหม่ที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้โจทย์อะไรดี” รายการของไอเดนนั้นเป็นรายการสดดังนั้นอาหารที่ทำควรเป็นอะไรที่ใช้เวลาไม่นาน หรือสามารถใช้อุปกรณ์ครัวอันล้ำสมัยย่นระยะเวลาได้ ไลลาบอกว่าในการออกอากาศครั้งแรกอยากให้ชายเป็นผู้มอบโจทย์ด้วยตัวเอง ดังนั้นชายจึงตั้งใจมากกับการเลือกเมนูในครั้งนี้“คุณมีตัวเลือกในใจหรือเปล่า?”“ของคาวมีข้าวผัด พาสตาผัด กับ ไข่ตุ๋น แล้วก็พวกของหวานอย่างพุดดิ้ง ฝอยทอง ทองหยอด ไม่ก็ไอศกรีม”“ไอศกรีมได้รับความนิยมพอตัว คุณเคยสอนทำเชอร์เบทไปแล้ว คราวนี้สอนทำไอศกรีมแบบอื่นบ้างสิ”“มันจะไม่จำเจไปใช่ไหม?”“ไม่หรอก กลับกันพ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 34

    ขณะที่พี่ชายดีเด่นกำลังกลุ้มใจกับความเนื้อหอมของน้องสาว พ่อครัวผู้จุดกระแสข้าวกล่องก็กำลังยืนนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องอาหารบ้านอดาเนีย คิ้วที่ขมวดเป็นปมกับสีหน้าหนักใจของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังจะออกไปทำงานชะงักฝีเท้าแล้วหันเหทิศทางที่ก้าวเดินไปยังห้องอาหารแทน“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“ใกล้ถึงวันออกอากาศรายการใหม่ที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้โจทย์อะไรดี” รายการของไอเดนนั้นเป็นรายการสดดังนั้นอาหารที่ทำควรเป็นอะไรที่ใช้เวลาไม่นาน หรือสามารถใช้อุปกรณ์ครัวอันล้ำสมัยย่นระยะเวลาได้ ไลลาบอกว่าในการออกอากาศครั้งแรกอยากให้ชายเป็นผู้มอบโจทย์ด้วยตัวเอง ดังนั้นชายจึงตั้งใจมากกับการเลือกเมนูในครั้งนี้“คุณมีตัวเลือกในใจหรือเปล่า?”“ของคาวมีข้าวผัด พาสตาผัด กับ ไข่ตุ๋น แล้วก็พวกของหวานอย่างพุดดิ้ง ฝอยทอง ทองหยอด ไม่ก็ไอศกรีม”“ไอศกรีมได้รับความนิยมพอตัว คุณเคยสอนทำเชอร์เบทไปแล้ว คราวนี้สอนทำไอศกรีมแบบอื่นบ้างสิ”“มันจะไม่จำเจไปใช่ไหม?”“ไม่หรอก กลับกันพ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 33

    กระแสการทำอาหารเหลวแบบโบราณทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในสมาพันธรัฐอันโดรเมดา ไม่เพียงแต่มันจะเป็นการปฏิวัติรสชาติของอาหารเหลวที่หากไม่หวานจนแสบคอก็ขมจนหน้าบี้ให้กลายเป็นรสชาติกลมกล่อมพอดี แต่มันยังทำให้คนกลุ่มหนึ่งมองเห็นช่องทางทำกินใหม่ๆ อีกด้วย เพียงชั่วข้ามคืนก็มีร้านค้าอิสระเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาอาจไม่สามารถวางขายอาหารของตนกับเครื่องขายอาหารอัตโนมัติหรือซูเปอร์มาเก็ตได้ แต่ก็ยังสามารถทำการค้าตัวต่อตัวกันได้ ตราบใดที่เครื่องตรวจสอบคุณภาพอาหารบอกว่าปลอดภัยความนิยมในการทำอาหารตลอดจนตลาดขายอาหารปรุงสุกที่คึกคักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนั้น ทำให้สามารถกล่าวได้ว่าความพยายามมากมายตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาของสถาบันวิจัยอาหารโบราณได้พ่ายแพ้ให้กับพ่อครัวตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างราบคาบแม้การทำอาหารจะเป็นที่นิยมมากขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีครัวเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงินซื้อ แต่เป็นเพราะไม่มีสถานที่ติดตั้งครัวต่างหากทุกวันนี้กว่าห้าสิบเปอร์เซนต์ของประชากรทั้งสมาพันธรัฐอันโดรเมดาอาศัยอยู่ในรังผึ้ง มันคือห้องเช่าราคาประหยัดที่มีเพียงเตียงกับโต๊ะแบบพับได้ให้ใช้เท่านั้น แม้แต

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 32

    ท่ามกลางการรอคอยของใครหลายๆ คนในที่สุดชายก็เริ่มการถ่ายทอดสดช่วงบ่าย เขาจั่วหัวข้อเอาไว้ว่าเป็นการเตรียมชุดอาหารเย็น รายการวัตถุดิบตลอดจนอุปกรณ์ทั้งที่จะเป็นและแนะนำให้มีทั้งหมดถูกเขียนเอาไว้ในหน้าประกาศข่าวก่อนแล้วดังนั้นคนที่อยากทำตามย่อมมีความพร้อมเต็มที่“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ครัวคุณชาย วันนี้เราจะมาทำชุดอาหารเย็นสองแบบกันนะ และแน่นอนว่าผมมีสูตรอาหารโบราณที่คล้ายกับอาหารเหลวมาฝากทุกคนตามที่สัญญาไว้ด้วย” ชายกล่าวทักทายผู้ชมด้วยรอยยิ้ม“สูตรอาหารโบราณที่ใกล้เคียงอาหารเหลวมากที่สุดหากนับจากอาหารคาวแล้วก็น่าจะเป็นซุปนี่แหละ แต่อย่าเพิ่งคิดถึงซุปไข่หรืออื่นๆ ที่ผมเคยทำไปนะ ครั้งนี้จะเป็นซุปข้นที่ไม่ต้องเคี้ยวเลย ซุปข้นนี้จริงๆ ก็หลายสูตรทั้งซุปผักโขม ซุปแคร์รอต ซุปมันฝรั่ง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่วันนี้ผมจะเริ่มจากอะไรที่กินได้ง่ายอย่างฟักทอง” กล่าวแล้ววางมือลงบนฟักทองลูกโตที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์“ก่อนอื่นเลยคุณต้องล้างทำความสะอาดฟักทองให้ดี สมัยนี้ดีหน่อยฟักทองถูกปลูกแบบไร้ดินจึงสะอาดมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมต้องพยายามขัดดินออกจากเป

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 31

    หลังจากจบการถ่ายทอดสดตอนเช้าชายก็รีบทำข้าวกล่องสำหรับพ่อลูกบ้านอดาเนีย แป้งตอติญาสำเร็จรูปซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อการค้าซันชายน์ถูกนำไปย่างบนกระทะพอให้เหลือง เสร็จแล้วก็นำมาห่อไส้ที่เตรียมไว้ ชายเลือกใช้สลัด เนื้อปู และไส้กรอกจึงไม่เสียเวลามานักในการเตรียม ตอนที่สามพ่อลูกอดาเนียจะออกจากบ้านข้าวกล่องทั้งสามใบก็เสร็จเรียบร้อย“ไม่เห็นคุณสอนวิธีทำของพวกนี้เลยนะ” นีลทักตอนที่รับข้าวกล่องมาถือไว้ ชายบอกเขาแล้วว่าข้างในกล่องเป็นอะไรท่านประธานจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสดีในการโฆษณาสินค้า เพราะตั้งแต่สินค้าชุดใหม่ออกวางขายมีลูกค้าหลายคนที่ซื้อสินค้าไปทั้งๆ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน หากมองในแง่ดีพวกเขาก็ยังได้กำไร แต่หากมองอีกมุมหนึ่งยอดขายจากกระแสความนิยมเช่นนี้ไม่ได้ยั่งยืนเลย“ถ้าถ่ายทอดสดไปด้วยผมกลัวว่าจะทำไม่ทันน่ะ” ชายอธิบาย “แต่ผมตั้งใจว่าจะทำคลิปวิดีโอง่ายๆ ให้พอเห็นคอนเซ็ปของการทำเบอร์ริโต คิดว่าน่าจะจุดประกายไอเดียให้ใครหลายๆ คนได้นะ”“ใช้ครัวบ้านผมแล้วกัน คุณสั่งของผ่านพ่อบ้านได้เลยถือเสียว่าเป็นการโฆษณาสินค้าของเรา”

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 30

    ความพ่ายแพ้ต่อสถาบันวิจัยอาหารโบราณไม่ทำให้ชายรู้สึกแย่แต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ได้จุดกระแสความนิยมการกินเผ็ดและการกินขมขึ้นมาในหมู่ประชาชน นอกจากนี้มันก็ไม่ได้กระทบต่อกิจการของครัวคุณชายหรืออดาเนียกรุปด้วย กลับกันการออกอากาศที่ผ่านมานั้นทำให้ครัวคุณชายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของประชากรในสมาพันธรัฐอันโดรเมดารู้จักครัวคุณชาย ซึ่งนั่นนับเป็นจำนวนไม่น้อยเลย ส่วนความหนักใจเดียวของชายในตอนนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องที่ผลิตสินค้าได้ไม่พอขาย‘ให้ตายสิ จำนวนผู้บริโภคต่างจากโลกเก่าลิบลับเลย’ พ่อครัวหนุ่มคิดขณะมองตัวเลขที่ต่อท้ายด้วยหน่วย “แสนล้านล้าน” ในรายงานคำร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องสินค้าขาดตลาด มันเป็นตัวเลขที่มากเสียจนเขาจินตนาการภาพไม่ออกเลย‘เอาเป็นว่าช่วงขาขึ้นก็รีบโกยก่อนแล้วกัน พอความนิยมเริ่มซาก็ค่อยลดอัตราการผลิต’ สุดท้ายมนุษย์โบราณก็ตัดสินใจง่ายๆ และหลังจากปัดปัญหาเรื่องของไม่พอขายไปได้แล้วเขาก็มุ่งความสนใจไปที่มื้อเช้าและข้าวกล่องของบ้านอดาเนียแทน“จำได้ว่าที่ห้องนั้นยั

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 29

    การแข่งขันทำอาหารระหว่างครัวคุณชายกับสถาบันวิจัยอาหารโบราณเป็นที่จับตามองมาตั้งแต่แรก เมื่อถึงช่วงของการตัดสินที่นักวิจารณ์อาหารชื่อดังตลอดจนนักวิชาการด้านอาหารที่มีชื่อเสียงจำนวนผู้ชมก็เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐอดาเนีย จำนวนผู้ชมเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรแล้วคิดเป็นเกือบร้อยละเจ็ดสิบ แทบจะเท่ากับการประชุมกำหนดแผนนโยบายประจำปีเลยทีเดียวหนึ่งในคณะกรรมการคือ แลนดอน หลี่ นักวิจารณ์อาหารชื่อดัง เขาเป็นนักชิมกลุ่มแรกๆ ที่ได้กินไข่ตุ๋นครัวคุณชาย และตอนนี้เขาก็แทบจะอดใจรอที่จะได้ชิมอาหารปรุงสุกฝีมือพ่อครัวคนดังไม่ไหวแล้ว แต่น่าเสียดายที่อาหารของชายต้องใช้เวลาในการจัดส่ง ดังนั้นคณะกรรมการทั้งสามคนจะได้ชิมอาหารของเชฟรูดอล์ฟกันก่อน“จานแรกของผมมีชื่อว่า ‘พันบุปผา’ เป็นการจำลองทุ่งดอกไม้มาไว้บนจานหนึ่งใบ คุณจะได้สัมผัสทุ่งดอกไม้ที่เริ่มแย้มบานด้วยตัวของคุณเอง เพียงเปิดฝาครอบออกเท่านั้น” พ่อครัวเผ่าลีฟผู้มีผิวกายและสีผมคล้ายพฤกษาต้นหนึ่งกล่าวนำเสนอผลงานของตน เขาจงใจเริ่มมื้ออาหารด้วยดอกไม้นานาพันธุ์อันสื่อถึงพื้นเพของตนกรรมการทั้งสามสี

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 28

    เนื่องจากตัดสินใจว่าจะชงกาแฟใส่ขิงชายจึงต้องสั่งเมล็ดกาแฟจากทางรายการมาเพิ่ม แน่นอนว่าการจัดส่งจากซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นรวดเร็วมาก ทว่าชายก็ไม่ได้รีบร้อนนำมาใช้เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้อบคุกกี้เลย นอกจากนี้เขาก็ลืมทำของหวานอีกอย่างที่ควรจะเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างไอศกรีมด้วย“ผลไม้...เอาเป็นอะไรดีนะ?” ชายพึมพำพลางนึกว่าอะไรที่กินคู่กับพริกเกลือแล้วอร่อยบ้าง รายการผักผลไม้มากมายพลันผุดขึ้นมาจนเลือกไม่ถูก เพราะโดยพื้นฐานแล้วผลไม้รสเปรี้ยวไม่ว่าชนิดไหนพอกินกับพริกเกลือก็อร่อยทั้งนั้น แม้แต่ผลไม้หวานๆ เองก็กินกับพริกเกลือได้เช่นกันหลังจากชั่งใจอยู่พักหนึ่งชายก็หยิบสับปะรด ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี เลมอน มะม่วงสุก เสาวรส และแตงโมออกมาจากลังวัตถุดิบ ผลไม้ทั้งหมดถูกล้างทำความสะอาดอย่างดี พวกเบอร์รีนั้นแค่ล้างและตัดขั้วออกก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนที่เหลือยังต้องปอกเปลือกและหั่นให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาชายจึงเอาเบอร์รีทั้งหมดไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็งพิเศษการแช่แข็งผลไม้แบบนี้เป็นวิธีประหยัดเวลาที่เขาเรียนรู้มาระหว่างที่ต้องรับผิดชอบขนมในงาน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status