แชร์

บทที่ 1

ผู้เขียน: แมวขนยุ่ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-20 19:43:58

ชายไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะหลับไปนานได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่การหลับข้ามวันข้ามคืนหลังจากอดหลับอดนอนทำรายงานส่งอาจารย์ ไม่ใช่การสลบไปเป็นอาทิตย์เพราะอาการบาดเจ็บ แต่เป็นการเข้าสู่นิทรารมณ์ยาวนานนับพันปี

ใช่ นานนับพันปีที่เขาหลับใหลไม่ได้สติ พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งโลกก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาจะไม่มีทางได้กลับไปที่โลกอันเป็นดาวบ้านเกิดของตนอีกแล้ว

สถานีอวกาศประจำหน่วยรบที่สิบเอ็ดคือสถานที่ที่ชายอยู่ในตอนนี้ มันเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอวกาศราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น ส่วนสาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ก็เป็นเพราะว่าหน่วยลาดตระเวนของกองกำลังสมาพันธรัฐอันโดรเมดาได้ช่วยเขาออกมาจากสถานีอวกาศโบราณ

‘พวกนั้นบอกว่าเราถูกจับไปทดลอง’ พอนึกย้อนไปถึงการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เมื่อหลายวันก่อนชายก็รู้สึกสับสน ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือแสงไฟที่ส่องสว่างลงมาจากฟากฟ้ายามราตรีก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป พอตื่นมาอีกครั้งเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในสถานีอวกาศแห่งนี้แล้ว

สำหรับเขามันเหมือนกับการเป็นลมไประหว่างทางกลับบ้านก่อนจะตื่นขึ้นมาพบว่าชีวิตของตัวเองได้กลับตาลปัตรไปหมด ไม่ใช่เพียงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและห่างไกลจากบ้านเกิดหลายล้านปีแสงเท่านั้น แม้แต่ร่างกายของเขาก็ยังต่างไปจากเดิม

ชายมองเงาสะท้อนของตนบนบานหน้าต่าง วงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น และริมฝีปากอิ่มนั้นช่างดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ทรงผมของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าระยะเวลากว่าพันปีที่ผ่านมาร่างของเขาถูกแช่แข็งเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

ใช่ หากมองเพียงผิวเผินเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เมื่อได้สำรวจส่วนลับของร่างกายและดูภาพที่ฉายอยู่บนจอเครื่องตรวจภายในแล้ว ชายก็จำต้องยอมรับว่าตัวเองได้กลายเป็นมนุษย์ที่มีสองเพศไปแล้วจริงๆ

เขาอยากให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งแต่น่าเสียดายที่มันคือเรื่องจริง ชายไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอนว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว แต่หญิงสาวที่ถูกช่วยมาพร้อมกันบอกว่าเธอมาจากอารยธรรมมาร์ซึ่งเคยรุ่งเรืองเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ชายจำได้ว่ายุคที่เขาจากมาอารยธรรมบนดาวอังคารยังเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ดังนั้นช่วงเวลาที่เขาจากมาคงนานกว่าหนึ่งพันปีแน่ๆ

‘ให้ตายเถอะ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?’ ชายคิดพลางถอนหายใจจากนั้นก็เหม่อมองออกไปในอวกาศด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งตื่นตาตื่นใจ สับสน และเศร้าใจ จริงอยู่ว่าเขาเหลือตัวคนเดียวแล้วตั้งแต่เสียคุณแม่ไปเมื่ออายุสิบเจ็ด แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไร้เพื่อนฝูง พอคิดว่าคนเหล่านั้นตายกันไปหมดแล้วในอกมันก็รู้สึกวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก

“คุณชายได้เวลาเข้ารับการประเมินแล้ว” หุ่นยนต์ตัวกลมที่ลอยอยู่กลางอากาศได้เหมือนเล่นกลส่งเสียงเตือนเป็นภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างแปร่งหู แต่ชายก็เริ่มชินแล้ว เขาดึงตัวเองออกจากห้วงความคิดอันยุ่งเหยิงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ ต่อให้เรื่องที่ประสบพบเจอจะหนักหนาเพียงใดสุดท้ายแล้วเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ และเขาจะต้องเดินหน้าต่อไป

เด็กหนุ่มที่อยู่มานานจนไม่รู้ว่าควรแทนตัวเองว่าอะไรเดินตามหุ่นยนต์ไปจนถึงห้องที่ใช้สำหรับการประเมิน ผนังด้านหนึ่งของห้องติดกระจกทางเดียวเอาไว้ดูคล้ายห้องสอบสวนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ ตรงกลางห้องมีโต๊ะสนามอย่างง่ายๆ ตั้งอยู่ พร้อมกับเตาแก๊ส อุปกรณ์ครัวและวัตถุดิบอีกจำนวนหนึ่ง ของพวกนี้เป็นของที่เขาร้องขอไปเพื่อใช้ในการประเมินและเขาก็คาดหวังกับมันมากเพราะนี่จะเป็นตัวตัดสินว่าเขาจะได้ทุนสำหรับตั้งตัวเท่าไร

ใช่ “ทุนสำหรับตั้งตัว” เพราะชายเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยผู้คนในหน่วยรบที่สิบเอ็ดจึงไม่อยากเก็บเขาเอาไว้ ความสนใจของพวกเขามุ่งตรงไปที่ผู้หญิงจากอารยธรรมมาร์ เพราะเธอเป็นถึงนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์อาหารจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของที่นั่น

อย่างไรก็ตามหน่วยรบที่สิบเอ็ดก็ไม่สามารถขับไล่ “มนุษย์ผู้ไร้ประโยชน์” ออกไปเฉยๆ ได้ พวกเขาจำเป็นจะต้องทำเอกสารยืนยันตัวตนและมอบเงินทุนสำหรับตั้งตัวให้กับมนุษย์ที่ถือว่าเป็นผู้ประสบภัยตามข้อกำหนดของกฎหมายสมาพันธรัฐอันโดรเมดา ด้วย แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมอบเงินให้เปล่าๆ ตัวผู้ประสบภัยจะต้องแบ่งปันความรู้เป็นการแลกเปลี่ยนกับทุนที่จะได้

แน่นอนว่าสำหรับอดีตเด็กหออย่างชายแล้วเขาย่อมเลือกที่จะแบ่งปันสูตรอาหาร เพราะดูเหมือนว่าผู้คนในยุคนี้จะไม่ค่อยกินอาหารปรุงสุกกันสักเท่าไร ส่วนมากจะเป็นอาหารสำเร็จรูปจำพวกเจลลี อาหารเหลว หรือไม่ก็อาหารสังเคราะห์อบกรอบที่มีหน้าตาเหมือนอาหารเม็ดสำหรับสัตว์เท่านั้น

‘พวกเขาบอกว่าถ้าทำได้ดีก็จะทำเรื่องขอใบประกอบวิชาชีพให้ด้วยสินะ’ เด็กหนุ่มคิดพลางตวงข้าวสารใส่หม้อ ยุคนี้ไม่มีหม้อหุงข้าวดังนั้นเขาจึงต้องหุงข้าวด้วยหม้อปรุงอาหารธรรมดาๆ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก หลังจากซาวข้าวเรียบร้อยแล้วก็เติมน้ำให้ท่วมเหนือระดับข้าวสารขึ้นมาประมาณหนึ่งข้อนิ้วมือ จากนั้นจึงนำไปตั้งไฟโดยปิดฝาเอาไว้ เริ่มแรกใช้ไฟแรงก่อนพอน้ำเดือดแล้วค่อยลดไฟลง ระหว่างที่รอน้ำเดือดชายก็หันไปจัดการกับไข่ไก่ซึ่งเป็นตัวเอกของการทำอาหารในครั้งนี้

เขาตอกไข่ใส่ชามแยกไว้ตามรายการอาหารที่คิดจะทำเพื่อที่จะได้หยิบใช้ได้สะดวก พอตอกไข่เสร็จยังไม่ทันได้ปรุงอะไรหูก็ได้ยินเสียงน้ำเดือด เด็กหนุ่มหันไปลดไฟลงเพื่อให้ข้าวค่อยๆ สุก จากนั้นก็หันกลับไปปรุงรสไข่ที่จะใช้ทำไข่เจียว อย่างไรก็ตามเพราะเครื่องปรุงที่ทางกองทัพจัดเตรียมมาให้นั้นมีอยู่อย่างจำกัด ชายจึงใช้แค่เกลือในการปรุงรสเท่านั้น เช่นเดียวกันกับไข่คนที่นอกจากเกลือกับนมแล้วก็ไม่ได้เติมอะไรเข้าไปอีก

เมื่อเตรียมไข่เสร็จเรียบร้อยแล้วชายก็หยิบกระทะก้นแบนมาตั้งบนเตา ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยพอให้ไข่ไม่ติดกระทะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ก็ตอกไข่ใส่ลงไป ปรับเป็นไฟอ่อนแล้วก็ปิดฝาเอาไว้เพื่อให้ไข่ค่อยๆ สุกทั่วกัน ไม่นานก็ได้ไข่ดาวที่ไข่ขาวเรียบเนียนสวยมาหนึ่งฟอง

‘จริงๆ อยากทำไข่ดาวกรอบมากกว่านะ’ เด็กหนุ่มคิดพลางตักไข่ดาวใส่จาน เขาเลือกทำไข่ดาวแบบนี้เพราะไม่แน่ใจว่าผู้คนในโลกอนาคตจะชอบอาหารที่ไหม้เกรียมหรือเปล่า หากพวกเขาไม่ชอบไข่ดาวกรอบของโปรดคงถูกตัดสินว่าเป็นผลงานที่ผิดพลาดก็เป็นได้

ถัดจากไข่ดาวชายก็หยิบกระทะก้นกลมมาตั้งไฟ ครั้งนี้เขาใส่น้ำมันลงไปค่อนข้างมากเพราะตั้งใจจะทอดไข่เจียว พอน้ำมันเดือดก็เทไข่ที่ตีไว้แล้วลงไป รอจนไข่ด้านล่างที่สัมผัสกับน้ำมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองดูกรอบดีแล้วก็ใช้ไม้พายช่วยพลิกกลับด้าน มันค่อนข้างลำบากอยู่สักหน่อยเมื่อไม่มีตะหลิว แต่ชายก็ใช้ไม้พายสองอันช่วยพลิกไข่ได้ในที่สุด รอจนไข่เหลืองกรอบทั้งสองด้านแล้วก็จะได้ไข่เจียวกลิ่นหอมน่ารับประทานมาหนึ่งที่

พอตักไข่เจียวใส่จานแล้วชายก็ลองเปิดฝาหม้อที่หุงข้าวเอาไว้ดู พิจารณาจนมั่นใจว่าข้าวสุกทั่วกันดีแล้วเขาจึงยกหม้อลงจากเตา จากนั้นก็หันไปทำอาหารจานถัดไป

หม้อด้ามขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกนำมาตั้งบนเตาไฟ เพราะไม่มีเนยให้ใช้ชายจึงใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็เทไข่ที่ตีผสมกับนมแล้วลงไป ใช้ไม้พายคนอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ไข่ที่ก้นหม้อไหม้ไปเสียก่อน คนไปได้ครู่หนึ่งเขาก็ยกหม้อลงจากเตา คนต่ออีกสักพักก็นำไปตั้งไฟใหม่ ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนี้จนได้ไข่คนนุ่มฟูน่ารับประทาน

‘เท่านี้ก็ได้สามจานแล้ว’ ชายบอกกับตัวเองก่อนจะหยิบกระทะก้นแบนที่หุ่นยนต์ล้างทำความสะอาดดีแล้วมาใช้อีกครั้ง เขาใส่น้ำมันลงไปก่อนรอจนร้อนได้ที่ก็ปรับเป็นไฟอ่อน จากนั้นจึงค่อยเทไข่ที่ตีผสมกับเกลือและน้ำตาลตามลงไป คราวนี้เขาไม่ได้เทลงไปจนหมดในคราวเดียว แต่ใส่ทีละน้อยกะให้ไข่แผ่เต็มกระทะได้พอดี ระหว่างเทก็เอียงกระทะไปมาเพื่อให้ไข่แผ่เป็นแผ่นสวย พอเริ่มสุกก็ใช้ไม้พายม้วนทบขึ้นไปจากนั้นก็เทไข่ลงไปอีก ทำซ้ำๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมหมด เสร็จแล้วก็ตักขึ้นมาวางพักบนเขียง หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ เพียงเท่านี้ก็ได้ไข่ม้วนอย่างง่ายมาอีกหนึ่งจาน

‘เอาล่ะ! ต่อไปก็ของยากแล้ว’ ชายบอกกับตัวเองขณะยื่นกระทะที่เพิ่งใช้เสร็จให้หุ่นยนต์นำไปล้าง ส่วนตัวเองก็คิดทบทวนวิธีการทำอาหารจานไข่ที่ยากที่สุดในบรรดาห้าจานและเมื่อกระทะพร้อมแล้วเขาก็เริ่มลงมือทำทันที

เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ชายเริ่มต้นด้วยการใส่น้ำมัน พอน้ำมันร้อนแล้วก็เทไข่ที่ปรุงรสแล้วลงไป ใช้ไม้พายคนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ไข่จับตัวเป็นก้อนแข็ง แต่ก็ไม่ได้คนจนออกมาเป็นไข่คน พอเห็นว่าไข่เริ่มจับตัวกันดีแล้วเขาก็เอียงกระทะและเริ่มสะบัดข้อมือเพื่อแต่งรูปทรงของไข่ให้ออกมาเป็นรูปทรงของลูกรักบี้ เด็กหนุ่มนึกทึ่งอยู่ไม่น้อยที่การเคลื่อนไหวของตนยังคงคล่องแคล่วไม่เปลี่ยนทั้งๆ ที่ถูกทำให้หลับไปนานกว่าพันปี เขามองผลงานของตนอย่างพึงพอใจ ก่อนจะปิดไฟที่เตาแล้วตักข้าวสวยใส่จาน

ชายบรรจงแต่งข้าวให้เข้ากับรูปทรงของไข่ที่เพิ่งทำเสร็จ จากนั้นก็ตักไข่วางลงไปก่อนจะใช้มีดกรีดให้ไข่คลี่ออกมาปกคลุมตัวข้าวเอาไว้ ไข่ด้านในที่แม้จะสุกแต่ก็เหลวอยู่เล็กน้อยดูแล้วชุ่มฉ่ำน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถลิ้มรสพวกมันได้

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างเสียดายก่อนจะหยิบจานอาหารทั้งห้าใส่เข้าไปในท้องของหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายตู้เย็นลอยได้ เจ้าหุ่นตัวนี้จะนำอาหารของเขาไปเข้ารับการประเมินจากผู้ประเมินที่อยู่อีกห้องหนึ่ง หากผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจเขาก็น่าจะได้เงินเพียงพอสำหรับตั้งตัวได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเขาก็คงจะได้แค่เงินทุนขั้นต่ำตามกฎหมายคือสามร้อยสตาร์ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพเพียงหนึ่งวันเท่านั้น

๐๐๐

ณ อีกฟากหนึ่งของกระจกเหล่ากรรมการผู้นั่งสังเกตการณ์อยู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากท่วงท่าการทำอาหารของมนุษย์โบราณผู้นั้นช่างงดงามประหนึ่งการร่ายรำในตำนาน ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่ทำออกมาก็ดูน่ารับประทานเป็นอย่างมาก

“เขามีฝีมือขนาดนี้ไม่ใช่ว่าควรให้เป็นที่ปรึกษาด้านอาหารปรุงสุกหรอกหรือ?” หนึ่งในคณะกรรมการประเมินผลเสนอขึ้นมา อาหารปรุงสุกแทบจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของสมาพันธรัฐอันโดรเมดาแล้ว มันจะดีกว่าหากได้พ่อครัวเก่งๆ เพิ่มขึ้นมาแม้จะเพียงแค่คนเดียวก็ตาม

“อาหารจานไข่แบบนี้พ่อครัวจากสถาบันวิจัยอาหารปรุงสุกก็ทำได้” กรรมการอีกคนพูดขึ้น จริงอยู่ว่าพวกเขาคุ้นเคยกับไข่ในรูปของผงโปรตีนเสริม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นหรือลิ้มลองอาหารปรุงสุกจากไข่มาก่อน ยิ่งไข่ดาวที่ต้องใช้ทักษะอย่างมากในการทำจนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในร้อยรายการอาหารที่ต้องกินให้ได้ก่อนตายนั่นแล้วพวกเขาล้วนเคยได้กินกันมาก่อน ส่วนไข่ทอดจานอื่นๆ นั้นดูอย่างไรก็แค่การทอดไข่ด้วยวิธีที่แตกต่างกันเท่านั้น ไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย ถึงแม้ว่าไข่ทอดบางจานพวกเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อนก็ตาม

“นั่นสิ ทอดไข่ต่างวิธีกันเพื่อเพิ่มจำนวนเมนูที่ทำได้ แบบนี้ค่อนข้างมักง่ายไปหน่อย” กรรมการอีกคนกล่าว “แต่ก็ถือว่าเขามีทักษะในการทำอาหารพอสมควร ก็ควรออกใบประกอบวิชาชีพผู้ปรุงอาหารให้เขานะ”

“ระดับต่ำสุดก็น่าจะได้ ว่าแต่ข้าวที่เขาทำมันกินได้แน่หรือ?” อีกเสียงหนึ่งเห็นด้วยกับการออกใบประกอบวิชาชีพผู้ปรุงอาหาร อย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีข้อสงสัยบางประการ หากข้าวที่มนุษย์โบราณผู้นี้ทำขึ้นมามีปัญหาการออกใบอนุญาตก็จำเป็นต้องระงับไป

“เครื่องตรวจสอบคุณภาพอาหารบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ” ชายคนแรกที่อยากให้มนุษย์โบราณผู้นี้เป็นที่ปรึกษาด้านอาหารปรุงสุกกล่าว ก่อนจะสั่งให้หุ่นยนต์ยกอาหารจานที่มีข้าวเป็นส่วนประกอบเข้ามา ทันทีที่ฝาครอบจานอาหารถูกเปิดออกทุกคนในห้องก็เผลอสูดลมหายใจเข้าลึกเพราะถูกยั่วยวนด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของไข่และนม กรรมการคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่อาจหักห้ามใจตนเอง เขารีบคว้าช้อนแล้วตักไข่กับข้าวเข้าปากทันที

ไข่ทอดเนื้อนุ่มไม่แข็งกระด้างจนเกินไปแต่ก็ไม่คาวแม้ว่าเนื้อไข่บางส่วนจะดูเยิ้มคล้ายไม่สุก ส่วนข้าวที่กินคู่กันนั้นก็ทั้งนุ่มทั้งหอม ไม่เละหรือแข็งกระด้างเหมือนข้าวตามปกติ อาหารจานนี้นับว่าเป็นอาหารระดับภัตตาคารห้าดาวเลยทีเดียว

“เป็นยังไงบ้าง?” เหล่ากรรมการที่เหลือเอ่ยถามแต่ดูเหมือนว่ากรรมการคนแรกจะไม่สนใจอะไรแล้ว เขารีบตักคำต่อไปเข้าปากอย่างรวดเร็ว กรรมการที่นั่งข้างกันเห็นดังนั้นก็ลองตักข้าวหน้าไข่ทอดด้านที่ยังไม่ถูกตักกินดูบ้าง แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

“อ—อร่อย!” ทันทีที่ลิ้นได้ลิ้มรสไข่ทอดและข้าวร้อนๆ เขาก็อุทานออกมาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข จากนั้นก็ทำท่าจะตักคำต่อไป ทว่ากรรมการอีกคนรีบคว้าจานไปเสียก่อน

“ไหนให้ผมชิมบ้าง” กล่าวแล้วก็จ้วงข้าวกับไข่เข้าปากไปคำหนึ่ง พลันใบหูรูปสามเหลี่ยมที่ควรถูกเก็บซ่อนไว้ก็ชี้ตั้งขึ้นมา เช่นเดียวกับพวงหางนุ่มฟูที่สะบัดแรงอย่างไร้การควบคุม กรรมการคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ชิมข้าวหน้าไข่ทอดจึงลุกมาแย่งจานข้าวบ้างแต่เผ่าสุนัขป่ามีหรือจะยอมปล่อยมือ กรรมการคนสุดท้ายจึงได้แต่หยิบช้อนของตัวเองมาตักข้าวกินทั้งๆ อย่างนั้น

“ข—ข้าวนี่ทำไมถึงนุ่มแต่ไม่เละแบบนี้ล่ะ?” พอกินเข้าไปแล้วกรรมการผู้นั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา มันจะประหลาดเกินไปแล้ว ปกติข้าวถ้าไม่แข็งก็เละไปเลยไม่ใช่หรือ? ความพอดีเช่นนี้มันคืออะไรกัน?

“ใช่ไหมล่ะ นุ่มกว่าข้าวหุงแล้วก็ไม่เละเหมือนข้าวต้มด้วย แบบนี้แล้วจะไม่ให้เขามาเป็นที่ปรึกษาด้านอาหารปรุงสุกได้ยังไง” กรรมการคนแรกได้ทีก็หาพวกทันที และเพราะหลักฐานก็เห็นอยู่คาตา กินอยู่คาปาก กรรมการอีกสามคนที่เหลือจึงไม่อาจโต้แย้งได้เหมือนในตอนแรก

๐๐๐

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 2

    ชายนั่งรอผลการประเมินอยู่ในห้องเดิม พวกหุ่นยนต์เก็บครัวชั่วคราวไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาจึงได้แต่นั่งเล่นเป่ายิ้งฉุบกับตัวเองแก้เบื่อ แต่แล้วอยู่ๆ พวกหุ่นยนต์ก็หอบครัวชั่วคราวกลับมาตั้งใหม่อีกครั้ง‘เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?’ เด็กหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ กับความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า แต่เขาก็ไม่ต้องสงสัยอยู่นานนักเพราะไม่กี่อึดใจต่อมาคนในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้อง“สวัสดีคุณชายพวกเราคือคณะกรรมการประเมินผลของคุณ” กรรมการจากเผ่าหมาป่าผู้มีใบหูสีรูปสามเหลี่ยมสีเทาอยู่บนศีรษะกล่าวทักทายเป็นภาษากลางของสมาพันธรัฐอันโดรเมดา แน่นอนว่าชายย่อมฟังไม่ออกแต่เจ้าหุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ลอยอยู่ข้างตัวก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้โดยไม่ต้องร้องขอ“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายตอบด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เขาสามารถใช้สื่อสารกับผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้ หลังจากเว้นระยะให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาแล้วเขาก็ถามต่อไปว่า “การประเมินของผมมีปัญหาหรือครับ? ทำไมถึงต้องตั้งครัวอีกครั้งด้วย?”“ไม่เชิงมีปัญหาหรอก เรื่องของเรื่องก็คือข้าวที่คุณหุงนั้นดีมาก เราจึงอยากให้คุณหุงข้าวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ขอให้อธิบายทุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 3

    ชายถูกส่งตัวออกจากสถานีอวกาศของหน่วยรบที่สิบเอ็ดพร้อมด้วยสัมภาระพื้นฐานเพียงไม่กี่ชิ้น เด็กหนุ่มพลันนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “เสื่อผืนหมอนใบ” ขึ้นมา แต่ในกรณีของเขามันมีแค่ชุดที่สวมอยู่กับบัตรประจำตัวเท่านั้น ชายมองดูเนื้อผ้าเรียบลื่นสบายตัวแต่สีไม่สบายตาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เสื้อที่เขาสวมอยู่เป็นสีขาวก็จริงแต่พอโดนแสงมันกลับสะท้อนประกายสีรุ้งราวกับเปลือกหอยมุกดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง ยังดีที่มันไม่ใช่ชุดรัดรูปเหมือนในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่เขาเคยดูมิฉะนั้นแล้วชายคงรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่านี้‘แล้ว....ยังไงต่อล่ะ?’ คนหลงยุคถามตัวเองขณะนั่งอยู่ในยานขนส่ง ภายในห้องโดยสารไม่มีสื่อบันเทิงใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวของยานลำนี้อีกด้วยเมื่อมีอะไรให้ทำชายก็ตัดสินใจสำรวจบัตรประจำตัวที่เพิ่งได้มา มันเป็นบัตรสีดำที่ดูเผินๆ แล้วก็เหมือนบัตรเครดิตธรรมดา หากนายทหารที่มอบบัตรนี้ให้แก่เขาไม่บอกวิธีการใช้งานชายก็คงต้องนั่งงมกับมันอีกนานเลยทีเดียวนิ้วเรียวเคาะเบาๆ ลงบนสันบัตรพลันบัตรสีดำก็สว่างจ้าขึ้นมา ใช่ บัตรประจำตัวของสมาพันธรัฐอันโดรเมดานั้นคล้ายกับสมาร์ตโฟนที่ชายคุ้นเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 4

    เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงจากดาว E5196 ไปยังจุดหมายที่เขาต้องการ ชายจึงต้องไปต่อเครื่องที่สถานีอวกาศ J666 เสียก่อน การเดินทางครั้งนี้จึงกินเวลาถึงห้าชั่วโมงเต็ม หากไม่นับระยะทางที่ไกลหลายปีแสงแล้วเขาก็รู้สึกว่าการเดินทางในโลกอนาคตไม่ได้สะดวกสบายมากเท่าที่คิดเมื่อมาถึงท่าอากาศยานของดาว D517 ชายก็มุ่งหน้าไปยังไอบ็อกซ์ทันที ตามแผนการเขาจะต้องซื้อคอมพิวเตอร์แบบพกพาเป็นอันดับแรกเพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ คอมพิวเตอร์พกพานี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ABrain แต่ผู้คนนิยมเรียกมันว่า “แอ๊บบี้” คอมพิวเตอร์พกพาพวกนี้มีผู้ผลิตหลายเจ้าและรูปแบบของเครื่องก็หลากหลายมาก มันมีตั้งแต่การ์ดแผ่นบางๆ เหมือนกับบัตรประจำตัว หุ่นยนต์รูปร่างต่างๆ ไปจนถึงแผ่นแปะที่แนบสนิทไปกับผิวเหมือนรอยสัก แต่ชายอยากได้อะไรที่พกพาง่ายและให้ความรู้สึกคุ้นเคยเขาจึงเลือกแบบที่ดูเหมือนสมาร์ตวอชท์มาชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าฟังก์ชันการทำงานของมันย่อมต้องเป็นแบบพิเศษเพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาโบราณที่ไม่ใช่ภาษาพื้นฐานของระบบ ราคาของ ABrain ที่ชายซื้อมาจึงมีราคาสูงกว่าปกติ แถมยังผ่อนไม่ได้อีกต่างหากไม่ใช่ว่ามันไม่มีระบบผ่อนชำระแต่เป็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 5

    “ไม่เลวเลยแฮะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านใหม่ของตน นัยน์ตาสีนิลมองสำรวจไปรอบๆ ขณะเมินเสียงรายงานเรื่องตรวจไม่พบภาษาของแอ๊บบี้ เครื่องจักรหน้าตาไม่คุ้นเคยถูกตั้งเอาไว้ตามจุดที่เขาระบุอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันอาจให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยานอวกาศไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดอะไร ใกล้กับประตูระเบียงชั้นล่างมีเรือนกระจกขนาดเล็กตั้งอยู่ ภายในนั้นยังคงว่างเปล่ารอการปรับแต่งของผู้เป็นเจ้าของ“ลืมซื้อเมล็ดมานี่สิ งั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” ชายพูดพลางยักไหล่ก่อนจะเดินไปสำรวจเครื่องจักรที่ซื้อมา แน่นอนว่าที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเครื่องเพาะไข่เพราะเขาลงทุนกับมันไปมากในสายตาของชายเครื่องเพาะไข่มีลักษณะเหมือนตู้เย็นขนาดใหญ่เครื่องหนึ่ง แม้แต่การแบ่งส่วนก็ยังเหมือนกัน ส่วนบนเป็นแผงควบคุมกับจอแสดงผลและด้านล่างมีประตูสำหรับหยิบไข่ที่พร้อมบริโภค ตอนนี้แถบแสงตรงที่จับประตูเป็นสีแดงหมายความว่ามันยังไม่พร้อม“คู่มือบอกว่าต้องรอยี่สิบสี่ชั่วโมงถ้าอย่างนั้นวันนี้คงได้แค่ลงทะเบียน” ชายตัดสินใจได้ในที่สุด หลังจากตรวจเครื่องจักรอื่นๆ โดยคร่าวแล้วเขาก็ขึ้นไปบนชั้นลอย ที่นั่นถูกจัดไว้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 6

    ท่านมีข้อความใหม่ 10,000 ข้อความเช้าวันแรกในบ้านหลังใหม่ของชายเริ่มต้นขึ้นด้วยเรื่องน่าตื่นตะลึง เขาจ้องข้อความแจ้งเตือนบนจอเล็กๆ ของแอ๊บบี้อยู่นานเท่าไรไม่ทราบได้ พอสติกลับคืนมาชายหนุ่มก็เปิดใช้งานการฉายหน้าจอเพื่อให้สามารถดูรายละเอียดได้ถนัดข้อความทั้งหนึ่งหมื่นนั้นอยู่ในระบบของสตาร์ทูบ ชายลองเลือกใช้คำสั่งจัดประเภทแล้วก็พบว่ามันถูกส่งมาจากหลากหลายแหล่ง มีทั้งบุคคลธรรมดา บริษัท และแน่นอนว่าต้องมีข้อความจากระบบสตาร์ทูบด้วย“งั้นก็ดูข้อความจากระบบก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วชายก็ปัดหน้าต่างแจ้งเตือนเรื่องการตรวจไม่พบภาษาออกไป จากนั้นก็เรียกข้อความจากสตาร์ทูบขึ้นมายินดีด้วย! คุณได้รับชุดถ่ายทำ 5Senseแค่ข้อความแรกก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้ว ‘เฮ้ๆ มันครบร้อยล้านวิวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’ ไวเท่าความสงสัยชายรีบเปิดเข้าไปดูคลิปวิดีโอที่ลงไว้เมื่อคืนก่อนจะต้องตกตะลึงแทบหัวใจวายเป็นครั้งที่สองของวันเมื่อยอดการเข้าชมทะลุหนึ่งร้อยล้านคนไปแล้วจริงๆ แถมยังมีผู้กดติดตามช่องมากกว่าหนึ่งล้านไปแล้ว ผู้คนแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ชายลองอ่านดูคร่าวๆ ก็พบว่าส่วนใหญ่กำลังเรียกร้องอยากกินซุปไข่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 7

    ขณะที่คลิปวิดีโอสอนทำอาหารของชายกำลังถูกพูดถึงเป็นวงกว้างเจ้าของคลิปวิดีโอกลับกำลังวุ่นอยู่ในครัว ของรางวัลสิบที่ถูกส่งออกไปแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังเตรียมอาหารสำเร็จรูปสำหรับวางขาย เนื่องจากต้องคำนึงถึงความเคยชินของผู้บริโภคประกอบด้วยชายจึงตัดสินใจทำอาหารที่ให้สัมผัสคล้ายกับอาหารสำเร็จรูปที่วางขายกัน ความจริงมันมีอาหารมากมายที่คล้ายกับเจลลี่พวกนั้นแต่สุดท้ายแล้วหวยก็มาออกที่ไข่ตุ๋น และเนื่องจากเขาต้องการรสชาติที่เข้มข้นจึงเลือกใช้ซุปผสมกับไข่แทนที่จะเป็นน้ำเปล่า แต่จะให้มานั่งต้มกระดูกหมูหรือโครงไก่ก็กินเวลานานเกินไปผงปรุงรสจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แน่นอนว่าโลกอนาคตแห่งนี้มีผงปรุงรสสำเร็จรูปขาย แต่มันก็เป็นเพียงสารสังเคราะห์แถมยังมีราคาแพง ดังนั้นการทำผงปรุงรสขึ้นเองย่อมดีกว่าโชคดีที่สมัยก่อนชายมีงานอดิเรกเป็นการดูคลิปวิดีโอในอินเทอร์เน็ต หนึ่งในหมวดที่เขาชอบดูคือคลิปวิดีโอสอนทำอาหาร นั่นทำให้ชายพอจะรู้วิธีทำผงปรุงรสด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ หลักการคือทำวัตถุดิบให้แห้ง ปั่นเป็นผง จากนั้นก็นำมาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสมปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือกับน้ำตาล เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยชายตัดสิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 8

    ชายเพิ่งจะเข้าใจคำว่า “Influencer*” ก็ตอนนี้เอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการทำอาหารของตนจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นไปได้อย่างมากมายเช่นนั้น จริงอยู่ว่าตัวเขาได้ปลุกกระแสอาหารปรุงสุกแนวใหม่ขึ้นมาแต่มันก็น่าจะทำได้เพียงกระตุ้นความชอบของผู้คน ไม่ใช่ทำให้ชีวิตที่สิ้นหวังของเด็กคนหนึ่งสว่างไสวขึ้นมาเช่นนี้*(หมายถึงผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหรือสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้แก่ผู้ติดตาม)รีวิวเปลี่ยนชีวิต พลิกวิกฤติเป็นเงินล้านนั่นคือหนึ่งในหัวข้อข่าวที่ถูกส่งเขามาในกล่องข้อความของเขา ใจความหลักของข่าวไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าสองคนที่ถ่ายคลิปวิจารณ์ไข่ตุ๋นของเขาลงสตาร์ทูบแล้วได้รับรายได้ก้อนโต เพื่อให้ได้เนื้อหาที่มากขึ้นสำนักข่าวหลายแห่งถึงกับส่งข้อความขอสัมภาษณ์ความเห็นของชายต่อเรื่องนี้เลยทีเดียวแน่นอนว่าชายไม่คิดจะให้สัมภาษณ์เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องออกสื่อ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่มือใหม่คนนี้ก็ไม่คิดจะเพิกเฉยต่อกระแสที่เกิดขึ้น สองพี่น้องในข่าวกำลังเป็นที่จับตามอง และเขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณทางอ้อมของเด็กๆ ดังนั้นชายย่อมไม่รู้สึกผิดอะไรหากจะหาประโยชน์จา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 9

    “โลกอนาคตนนี่น่ากลัวจริงๆ เลยนะ” เช้าวันต่อมาชายก็ได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจ บริษัทผู้ค้าอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่แห่งรัฐอดาเนียทำไข่ตุ๋นออกมาขายแล้ว บทวิจารณ์บอกว่ามันมีเนื้อที่เด้งสู้ฟันมากกว่าไข่ตุ๋นของเขาเล็กน้อย และมีรสชาติอร่อยพอๆ กับบะหมี่ถ้วยในตำนาน สำหรับเครื่องเคียงที่ให้มาก็เป็นเครื่องเคียงสังเคราะห์แบบที่พบได้ทั่วไปในอาหารสำเร็จรูป อย่างไรก็ตามสิ่งที่ส่งผลกระทบกับกิจการของครัวคุณชายมากที่สุดย่อมเป็นประเด็นเรื่องสารอาหาร เพราะใช้เครื่องเคียงสังเคราะห์ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร คุณค่าทางโภชนาการของไข่ตุ๋นของคู่แข่งจึงชนะไข่ตุ๋นจากครัวคุณชายไปได้อย่างขาดลอยเพียงสองวันพวกเขาก็แกะสูตรออกมาได้นับว่าความสามารถของคนในโลกอนาคตไม่ธรรมดาเลยจริงๆ“เอายังไงดีนะ” ชายถามตัวเองพลางใช้นิ้วเคาะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด กำลังผลิตของเขาในตอนนี้ไม่ถือว่ามากนัก และด้วยรสชาติที่ยังไม่มีใครเลียนแบบได้ก็ทำให้เขามีเปรียบอยู่เล็กน้อย แม้จะผ่านมาหลายพันปีแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ไม่เคยเปลี่ยน หากสถานการณ์เอื้ออำนวยพวกเขาย่อมให้ความสำคัญกับรสชาติมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ ดังน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01

บทล่าสุด

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 35

    บรรยากาศยามเช้าวันนี้ไม่เหมือนเคย ชายตระหนักถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาตื่นเต็มที่ กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่คุ้ยเคยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นเฉพาะตัวอย่างหนึ่งที่ชวนให้นึกถึงแสงแดดและความนุ่มฟู‘ไม่สิ…มันนุ่มจริงๆ นี่นา’ คนที่เริ่มรู้สึกตัวขมวดคิ้วเมื่อประสาทสัมผัสเริ่มแจ่มชัด ชายหนุ่มพลันสะดุ้งลืมตา สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือกลุ่มขนสีดำมันวาว “หวา!” ร่างผอมผุดลุกขึ้นนั่งอย่างลนลาน ภาพความทรงจำเมื่อคืนฉายขึ้นมาเป็นฉากๆ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเขาเห่อร้อนเจ้าของกลุ่มขนสีดำวาวขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะบิดขี้เกียจจนลำตัวโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว อ้าปากหาวจนเห็นเขี้ยวขาวสะดุดตา จากนั้นนัยน์ตาสีอำพันคู่งามก็จ้องเขม็งไปยังต้นเหตุของเสียงรบกวนแน่นอนว่าคนที่ถูกจ้องย่อมกลัวจนตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ“อ—เอ่อ…คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” ชายพยายามทำใจดีสู้เสือแต่กระนั้นก็ทราบว่ารอยยิ้มของตนแข็งกระด้างเพียงใด มุมปากของเขาถึงกับกระตุกเพราะเกร็งมากไปด้วยซ้ำ แต่จะทำตัวตามสบายก็คงไม่ได้เพราะเมื่อคืนเขาก่อเรื่องเอาไว้มากเลยทีเดียว

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 34

    ขณะที่พี่ชายดีเด่นกำลังกลุ้มใจกับความเนื้อหอมของน้องสาว พ่อครัวผู้จุดกระแสข้าวกล่องก็กำลังยืนนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องอาหารบ้านอดาเนีย คิ้วที่ขมวดเป็นปมกับสีหน้าหนักใจของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังจะออกไปทำงานชะงักฝีเท้าแล้วหันเหทิศทางที่ก้าวเดินไปยังห้องอาหารแทน“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“ใกล้ถึงวันออกอากาศรายการใหม่ที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้โจทย์อะไรดี” รายการของไอเดนนั้นเป็นรายการสดดังนั้นอาหารที่ทำควรเป็นอะไรที่ใช้เวลาไม่นาน หรือสามารถใช้อุปกรณ์ครัวอันล้ำสมัยย่นระยะเวลาได้ ไลลาบอกว่าในการออกอากาศครั้งแรกอยากให้ชายเป็นผู้มอบโจทย์ด้วยตัวเอง ดังนั้นชายจึงตั้งใจมากกับการเลือกเมนูในครั้งนี้“คุณมีตัวเลือกในใจหรือเปล่า?”“ของคาวมีข้าวผัด พาสตาผัด กับ ไข่ตุ๋น แล้วก็พวกของหวานอย่างพุดดิ้ง ฝอยทอง ทองหยอด ไม่ก็ไอศกรีม”“ไอศกรีมได้รับความนิยมพอตัว คุณเคยสอนทำเชอร์เบทไปแล้ว คราวนี้สอนทำไอศกรีมแบบอื่นบ้างสิ”“มันจะไม่จำเจไปใช่ไหม?”“ไม่หรอก กลับกันพ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 34

    ขณะที่พี่ชายดีเด่นกำลังกลุ้มใจกับความเนื้อหอมของน้องสาว พ่อครัวผู้จุดกระแสข้าวกล่องก็กำลังยืนนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องอาหารบ้านอดาเนีย คิ้วที่ขมวดเป็นปมกับสีหน้าหนักใจของชายหนุ่มทำให้คนที่กำลังจะออกไปทำงานชะงักฝีเท้าแล้วหันเหทิศทางที่ก้าวเดินไปยังห้องอาหารแทน“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“ใกล้ถึงวันออกอากาศรายการใหม่ที่ผมเคยบอกคุณไปแล้ว แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้โจทย์อะไรดี” รายการของไอเดนนั้นเป็นรายการสดดังนั้นอาหารที่ทำควรเป็นอะไรที่ใช้เวลาไม่นาน หรือสามารถใช้อุปกรณ์ครัวอันล้ำสมัยย่นระยะเวลาได้ ไลลาบอกว่าในการออกอากาศครั้งแรกอยากให้ชายเป็นผู้มอบโจทย์ด้วยตัวเอง ดังนั้นชายจึงตั้งใจมากกับการเลือกเมนูในครั้งนี้“คุณมีตัวเลือกในใจหรือเปล่า?”“ของคาวมีข้าวผัด พาสตาผัด กับ ไข่ตุ๋น แล้วก็พวกของหวานอย่างพุดดิ้ง ฝอยทอง ทองหยอด ไม่ก็ไอศกรีม”“ไอศกรีมได้รับความนิยมพอตัว คุณเคยสอนทำเชอร์เบทไปแล้ว คราวนี้สอนทำไอศกรีมแบบอื่นบ้างสิ”“มันจะไม่จำเจไปใช่ไหม?”“ไม่หรอก กลับกันพ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 33

    กระแสการทำอาหารเหลวแบบโบราณทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในสมาพันธรัฐอันโดรเมดา ไม่เพียงแต่มันจะเป็นการปฏิวัติรสชาติของอาหารเหลวที่หากไม่หวานจนแสบคอก็ขมจนหน้าบี้ให้กลายเป็นรสชาติกลมกล่อมพอดี แต่มันยังทำให้คนกลุ่มหนึ่งมองเห็นช่องทางทำกินใหม่ๆ อีกด้วย เพียงชั่วข้ามคืนก็มีร้านค้าอิสระเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาอาจไม่สามารถวางขายอาหารของตนกับเครื่องขายอาหารอัตโนมัติหรือซูเปอร์มาเก็ตได้ แต่ก็ยังสามารถทำการค้าตัวต่อตัวกันได้ ตราบใดที่เครื่องตรวจสอบคุณภาพอาหารบอกว่าปลอดภัยความนิยมในการทำอาหารตลอดจนตลาดขายอาหารปรุงสุกที่คึกคักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนั้น ทำให้สามารถกล่าวได้ว่าความพยายามมากมายตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาของสถาบันวิจัยอาหารโบราณได้พ่ายแพ้ให้กับพ่อครัวตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างราบคาบแม้การทำอาหารจะเป็นที่นิยมมากขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีครัวเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงินซื้อ แต่เป็นเพราะไม่มีสถานที่ติดตั้งครัวต่างหากทุกวันนี้กว่าห้าสิบเปอร์เซนต์ของประชากรทั้งสมาพันธรัฐอันโดรเมดาอาศัยอยู่ในรังผึ้ง มันคือห้องเช่าราคาประหยัดที่มีเพียงเตียงกับโต๊ะแบบพับได้ให้ใช้เท่านั้น แม้แต

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 32

    ท่ามกลางการรอคอยของใครหลายๆ คนในที่สุดชายก็เริ่มการถ่ายทอดสดช่วงบ่าย เขาจั่วหัวข้อเอาไว้ว่าเป็นการเตรียมชุดอาหารเย็น รายการวัตถุดิบตลอดจนอุปกรณ์ทั้งที่จะเป็นและแนะนำให้มีทั้งหมดถูกเขียนเอาไว้ในหน้าประกาศข่าวก่อนแล้วดังนั้นคนที่อยากทำตามย่อมมีความพร้อมเต็มที่“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ครัวคุณชาย วันนี้เราจะมาทำชุดอาหารเย็นสองแบบกันนะ และแน่นอนว่าผมมีสูตรอาหารโบราณที่คล้ายกับอาหารเหลวมาฝากทุกคนตามที่สัญญาไว้ด้วย” ชายกล่าวทักทายผู้ชมด้วยรอยยิ้ม“สูตรอาหารโบราณที่ใกล้เคียงอาหารเหลวมากที่สุดหากนับจากอาหารคาวแล้วก็น่าจะเป็นซุปนี่แหละ แต่อย่าเพิ่งคิดถึงซุปไข่หรืออื่นๆ ที่ผมเคยทำไปนะ ครั้งนี้จะเป็นซุปข้นที่ไม่ต้องเคี้ยวเลย ซุปข้นนี้จริงๆ ก็หลายสูตรทั้งซุปผักโขม ซุปแคร์รอต ซุปมันฝรั่ง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่วันนี้ผมจะเริ่มจากอะไรที่กินได้ง่ายอย่างฟักทอง” กล่าวแล้ววางมือลงบนฟักทองลูกโตที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์“ก่อนอื่นเลยคุณต้องล้างทำความสะอาดฟักทองให้ดี สมัยนี้ดีหน่อยฟักทองถูกปลูกแบบไร้ดินจึงสะอาดมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมต้องพยายามขัดดินออกจากเป

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 31

    หลังจากจบการถ่ายทอดสดตอนเช้าชายก็รีบทำข้าวกล่องสำหรับพ่อลูกบ้านอดาเนีย แป้งตอติญาสำเร็จรูปซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อการค้าซันชายน์ถูกนำไปย่างบนกระทะพอให้เหลือง เสร็จแล้วก็นำมาห่อไส้ที่เตรียมไว้ ชายเลือกใช้สลัด เนื้อปู และไส้กรอกจึงไม่เสียเวลามานักในการเตรียม ตอนที่สามพ่อลูกอดาเนียจะออกจากบ้านข้าวกล่องทั้งสามใบก็เสร็จเรียบร้อย“ไม่เห็นคุณสอนวิธีทำของพวกนี้เลยนะ” นีลทักตอนที่รับข้าวกล่องมาถือไว้ ชายบอกเขาแล้วว่าข้างในกล่องเป็นอะไรท่านประธานจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสดีในการโฆษณาสินค้า เพราะตั้งแต่สินค้าชุดใหม่ออกวางขายมีลูกค้าหลายคนที่ซื้อสินค้าไปทั้งๆ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน หากมองในแง่ดีพวกเขาก็ยังได้กำไร แต่หากมองอีกมุมหนึ่งยอดขายจากกระแสความนิยมเช่นนี้ไม่ได้ยั่งยืนเลย“ถ้าถ่ายทอดสดไปด้วยผมกลัวว่าจะทำไม่ทันน่ะ” ชายอธิบาย “แต่ผมตั้งใจว่าจะทำคลิปวิดีโอง่ายๆ ให้พอเห็นคอนเซ็ปของการทำเบอร์ริโต คิดว่าน่าจะจุดประกายไอเดียให้ใครหลายๆ คนได้นะ”“ใช้ครัวบ้านผมแล้วกัน คุณสั่งของผ่านพ่อบ้านได้เลยถือเสียว่าเป็นการโฆษณาสินค้าของเรา”

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 30

    ความพ่ายแพ้ต่อสถาบันวิจัยอาหารโบราณไม่ทำให้ชายรู้สึกแย่แต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ได้จุดกระแสความนิยมการกินเผ็ดและการกินขมขึ้นมาในหมู่ประชาชน นอกจากนี้มันก็ไม่ได้กระทบต่อกิจการของครัวคุณชายหรืออดาเนียกรุปด้วย กลับกันการออกอากาศที่ผ่านมานั้นทำให้ครัวคุณชายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของประชากรในสมาพันธรัฐอันโดรเมดารู้จักครัวคุณชาย ซึ่งนั่นนับเป็นจำนวนไม่น้อยเลย ส่วนความหนักใจเดียวของชายในตอนนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องที่ผลิตสินค้าได้ไม่พอขาย‘ให้ตายสิ จำนวนผู้บริโภคต่างจากโลกเก่าลิบลับเลย’ พ่อครัวหนุ่มคิดขณะมองตัวเลขที่ต่อท้ายด้วยหน่วย “แสนล้านล้าน” ในรายงานคำร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องสินค้าขาดตลาด มันเป็นตัวเลขที่มากเสียจนเขาจินตนาการภาพไม่ออกเลย‘เอาเป็นว่าช่วงขาขึ้นก็รีบโกยก่อนแล้วกัน พอความนิยมเริ่มซาก็ค่อยลดอัตราการผลิต’ สุดท้ายมนุษย์โบราณก็ตัดสินใจง่ายๆ และหลังจากปัดปัญหาเรื่องของไม่พอขายไปได้แล้วเขาก็มุ่งความสนใจไปที่มื้อเช้าและข้าวกล่องของบ้านอดาเนียแทน“จำได้ว่าที่ห้องนั้นยั

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 29

    การแข่งขันทำอาหารระหว่างครัวคุณชายกับสถาบันวิจัยอาหารโบราณเป็นที่จับตามองมาตั้งแต่แรก เมื่อถึงช่วงของการตัดสินที่นักวิจารณ์อาหารชื่อดังตลอดจนนักวิชาการด้านอาหารที่มีชื่อเสียงจำนวนผู้ชมก็เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐอดาเนีย จำนวนผู้ชมเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรแล้วคิดเป็นเกือบร้อยละเจ็ดสิบ แทบจะเท่ากับการประชุมกำหนดแผนนโยบายประจำปีเลยทีเดียวหนึ่งในคณะกรรมการคือ แลนดอน หลี่ นักวิจารณ์อาหารชื่อดัง เขาเป็นนักชิมกลุ่มแรกๆ ที่ได้กินไข่ตุ๋นครัวคุณชาย และตอนนี้เขาก็แทบจะอดใจรอที่จะได้ชิมอาหารปรุงสุกฝีมือพ่อครัวคนดังไม่ไหวแล้ว แต่น่าเสียดายที่อาหารของชายต้องใช้เวลาในการจัดส่ง ดังนั้นคณะกรรมการทั้งสามคนจะได้ชิมอาหารของเชฟรูดอล์ฟกันก่อน“จานแรกของผมมีชื่อว่า ‘พันบุปผา’ เป็นการจำลองทุ่งดอกไม้มาไว้บนจานหนึ่งใบ คุณจะได้สัมผัสทุ่งดอกไม้ที่เริ่มแย้มบานด้วยตัวของคุณเอง เพียงเปิดฝาครอบออกเท่านั้น” พ่อครัวเผ่าลีฟผู้มีผิวกายและสีผมคล้ายพฤกษาต้นหนึ่งกล่าวนำเสนอผลงานของตน เขาจงใจเริ่มมื้ออาหารด้วยดอกไม้นานาพันธุ์อันสื่อถึงพื้นเพของตนกรรมการทั้งสามสี

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   บทที่ 28

    เนื่องจากตัดสินใจว่าจะชงกาแฟใส่ขิงชายจึงต้องสั่งเมล็ดกาแฟจากทางรายการมาเพิ่ม แน่นอนว่าการจัดส่งจากซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นรวดเร็วมาก ทว่าชายก็ไม่ได้รีบร้อนนำมาใช้เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้อบคุกกี้เลย นอกจากนี้เขาก็ลืมทำของหวานอีกอย่างที่ควรจะเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างไอศกรีมด้วย“ผลไม้...เอาเป็นอะไรดีนะ?” ชายพึมพำพลางนึกว่าอะไรที่กินคู่กับพริกเกลือแล้วอร่อยบ้าง รายการผักผลไม้มากมายพลันผุดขึ้นมาจนเลือกไม่ถูก เพราะโดยพื้นฐานแล้วผลไม้รสเปรี้ยวไม่ว่าชนิดไหนพอกินกับพริกเกลือก็อร่อยทั้งนั้น แม้แต่ผลไม้หวานๆ เองก็กินกับพริกเกลือได้เช่นกันหลังจากชั่งใจอยู่พักหนึ่งชายก็หยิบสับปะรด ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี เลมอน มะม่วงสุก เสาวรส และแตงโมออกมาจากลังวัตถุดิบ ผลไม้ทั้งหมดถูกล้างทำความสะอาดอย่างดี พวกเบอร์รีนั้นแค่ล้างและตัดขั้วออกก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนที่เหลือยังต้องปอกเปลือกและหั่นให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาชายจึงเอาเบอร์รีทั้งหมดไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็งพิเศษการแช่แข็งผลไม้แบบนี้เป็นวิธีประหยัดเวลาที่เขาเรียนรู้มาระหว่างที่ต้องรับผิดชอบขนมในงาน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status