อาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ โม่ไป๋ยืนนิ่งอยู่กับที่อยู่นานถึงจะมองเธออย่างหมดหนทาง“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ให้ฉันไปส่งเธอ เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนได้ไหม?”เสิ่นหยินอู้ตั้งใจจะพูดกับเขาตรงๆ อยู่แล้ว หากเป็นครั้งสุดท้าย ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร“โอเค”ระหว่างทางไปโรงเรียน เสิ่นหยินอู้เงียบเป็นพิเศษ แต่กลับกันเสิ่นเหมิงเหมิงกลับพูดเจื้อยจ้อยไม่หยุดตลอดทางโม่ไป๋นั่งอย่างมีความอดทนเมื่อมาถึงโรงเรียน เขาก็พาเด็กๆ ทั้งสองคนเข้าโรงเรียนด้วยเสิ่นหยินอู้มองดูอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีสายตาอันเฉียบคมสาดมองมาที่แผ่นหลังของตัวเองเธอหันไปมองตามเส้นสายตาเมื่อเห็นรถคันสีดำเมื่อวาน เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักทันใดถ้าความรู้สึกเมื่อวานเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ถ้าอย่างนั้นวันนี้ล่ะ?เซ้นต์ของเสิ่นหยินอู้บอกกับเธอว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ ไม่ชอบกลเธอก้าวเท้าเดินไปยังรถคันสีดำนั่นโดยสัญชาตญาณ“หยินอู้”เสียงของโม่ไป๋ดังขึ้นในขณะนั้น ดึงสติของเสิ่นหยินอู้กลับมา“มีอะไรหรือเปล่า?”อาจเป็นเพราะเห็นเธอจ้องที่นั่นอยู่นาน ดังนั้นโม่ไป๋จึงเดินเข้าไปหาเธอ หยุดอยู่ข้างๆ เธอ แล้วมองตามไปตอน
“ก้มลง!”ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ฉินเย่ที่อยู่ในรถก็พูดขึ้นมาเสียงทุ้มต่ำ หลี่มู่ถิงได้สติแล้วรีบก้มลงอย่างรวดเร็วเสิ่นหยินอู้มองเข้าไปข้างในรถอย่างละเอียดขณะนี้แดดจ้ามาก เธอยืนอยู่ใต้แสงใต้มานานครึ่งวัน สายตาไม่ถือว่าดีนัก ดังนั้นแม้จะมองจากหน้าต่างรถอย่างไร ก็มองไม่เห็นอะไรเลยมืดสนิทแต่เธอไม่ล้มเลิกความพยายาม ยังคงมองอยู่ตรงนั้นต่อไปคนสองคนในรถนอนราบไปแล้ว ฉินเย่นอนอยู่บนเบาะนั่ง แล้วมองเธอที่อยู่ริมหน้าต่างเงียบๆหลี่มู่ถิงตกใจจนหยุดหายใจไปชั่วขณะเขาไม่คิดเลยว่าเซ้นต์ของคุณเสิ่นจะแรงมากขนาดนี้พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ และเพิ่งจะมาที่นี่เป็นวันที่สอง ก็ถูกเธอจับได้ซะแล้ว?ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสิ่นหยินอู้ก็ล้มเลิกความพยายาม เพราะมองอะไรไม่เห็นเลยหลังจากที่เธอจากไป หลี่มู่ถิงถึงจะหายใจได้เต็มปอด“ประธานฉิน คุณเสิ่นน่ากลัวเกินไปแล้ว เธอรู้ได้ยังไงว่าข้างในรถมีคนอยู่น่ะ?”ทั้งสองคนนอนราบอยู่ตรงนั้นคล้ายว่าถูกการกระทำฉับพลันของเสิ่นหยินอู้ทำเอาตกใจจนเสียขวัญ ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่กล้าลุกขึ้นในบัดดล เพราะกลัวว่าเสิ่นหยินอู้จะย้อนกลับมาอีกผ่านไปนานพอควร หลังจากมั่นใ
เสิ่นซือเหนียนชะงักเล็กน้อยตอนที่เห็นฉินเย่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาหลังจากเดินเข้าไปใกล้ เขาถึงจะพูดขึ้นเสียงเบาว่า “คุณลุงเย่มู่”“อืม”ฉินเย่พยักหน้า สายตาที่มองเสิ่นซือเหนียนดูหมดหนทางเล็กน้อยเด็กคนนี้ระมัดระวังตัวมากกว่าเหมิงเหมิงมาก ถึงแม้เขาจะเปิดเผยตัวตนแล้วก็ตาม เขาก็ยังคงระมัดระวังตัวมากอยู่ดีดูท่าแล้ว เขาต้องหาวิธีทำให้เด็กคนนี้เชื่อใจ และพึ่งพาตนให้ได้แต่มาหาที่โรงเรียนทุกวันแบบนี้ จะดูชัดเจนเกินไปฉินเย่ค่อยๆ หรี่ตาลง ในใจพลางคิดหาแผนการ“คุณลุงเย่มู่ ลูกของคุณลุงคือใครเหรอคะ? วันนี้พวกหนูจะทำความรู้จักเขาได้หรือยังคะ?” เสิ่นเหมิงเหมิงยังคงคิดถึงเรื่องลูกที่เขาบอกเมื่อวานฉินเย่เอามือไว้ท้ายทอย แล้วพูดว่า “วันนี้ยังไม่สะดวกน่ะ ไว้วันอื่นนะ?”“อือ ก็ได้ค่ะ”จากนั้นฉินเย่ก็หันไปมองเสิ่นซือเหนียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองน้องสาวของตัวเองอยู่ ในใจคงไม่อยากอยู่ต่อ วันนี้เพิ่งจะวันที่สองเอง ท่าทีของเขาก็ดูระมัดระวังกว่าเมื่อวานมากขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เด็กคนนี้ต้องสร้างกำแพงกีดกันตัวเองแน่ๆ ถึงตอนนั้นคงยากที่จะปีนข้ามกำแพงนี้ไปได้แล้
ส่วนพูดเรื่องอะไรนั้น…ฉินเย่รีบตอบกลับ “ไม่ได้ครับ พรุ่งนี้ผมไม่ว่างเหมือนกัน ตอนนี้ผมต้องการใช้เงินด่วน คุณหาเวลามาแล้วกัน”เสิ่นหยินอู้ที่เห็นข้อความนี้แล้วพลันขมวดคิ้วมุ่นเพราะข้อความที่อีกฝ่ายส่งมามีแต่คำที่แสดงถึงความแข็งกร้าวเหมือนเมื่อคืน ถ้าหากตนจะคืนเงินให้เขา ก็ต้องทำตามที่เขาพูดเสิ่นหยินอู้มีความรู้สึกเหมือนถูก ‘ลักพาตัว’ อย่างไรอย่างนั้นถึงแม้เธอจะสามารถโทรหาโม่ไป๋ว่าไม่ไปดูรถแล้ว ให้เขาไม่ต้องไปเป็นเพื่อนตนแล้วก็ได้ เพราะอย่างไรเรื่องที่จะพูดก็สามารถพูดคราวหลังได้แต่ตอนนี้เธอรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดแข็งกร้าวของอีกฝ่ายมาก เซ้นต์ของเธอบอกเธอว่าห้ามทำแบบนี้แต่เขากลับบอกว่าตนรีบใช้เงินเสิ่นหยินอู้ตอบกลับ “ถ้าคุณรีบใช้เงินจริง งั้นฉันโอนให้คุณเลยดีกว่าค่ะ พกเงินสดมากไปมันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่”หลังกดส่งข้อความแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกว่าคำขอของอีกฝ่ายไม่สมเหตุสมผลเลยโจวชวงชวงมีเวลาว่างพูดคุยกับตนพอดี ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงได้เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังคร่าวๆโจวชวงชวงได้ยินดังนั้น ก็โทรมาหาเธอทันที“นี่มันสะพานรักโรแมนติกหรือเปล่าเนี่ย? เขาอยากเจอเธอใช่ไหม แต่หาข้ออ้
คำพูดเหล่านี้ทำเอาเสิ่นหยินอู้อยากหัวเราะออกมา“เธอนี่มันกังวลเรื่องของฉันทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”“ก็ฉันมีเพื่อนสนิทแค่เธอคนเดียวนี่ ฉันไม่กังวลแทนเธอ แล้วจะกังวลแทนใครล่ะ? จริงๆ เลยเธอเนี่ย อีกอย่างนี่เป็นความสุขของเธอในอนาคตนะ ฉันต้องใส่ใจให้มากอยู่แล้ว”เสิ่นหยินอู้ฟังเงียบๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ“แทนที่จะกังวลแทนฉัน กังวลเรื่องตัวเองดีกว่านะโจวชวงชวง ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่มีแฟนเลยสักคน”“อย่ามาตัดบท อย่าพยายามเบนความสนใจมาที่ฉัน ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังกับเธออยู่”จากนั้นเสิ่นหยินอู้อยากจะพูดอะไรต่ออีก เมื่อเห็นเย่มู่ส่งข้อความมาหาเธออีก เธอจึงบอกโจวชวงชวงถึงแม้โจวชวงชวงจะไม่ใช่คนที่ประสบปัญหา แต่เธอก็มีท่าทีตื่นเต้นมาก“รีบตอบไปสิ ตอบเหมือนที่ฉันบอกเธอ”เสิ่นหยินอู้ “…”“เร็วเข้าสิหยินอู้ โอกาสดีๆ แบบนี้จะรออะไรอีก? อีกฝ่ายร่ำรวยเงินทองขนาดนั้น”“ตอนเย็นฉันนัดโม่ไป๋ไว้”โจวชวงชวงพูดตรงๆ “ยกเลิกสิ”“แต่ว่า…”“อย่ามาแต่ ยังไงเธอก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ถึงจะทำให้เขาผิดหวังก็ทำอะไรไม่ได้ มันไม่มีทางที่เรื่องทุกเรื่องจะราบรื่นหรอกนะ เขาดีกับเธอก็จริง พวกเธอโตมาด้วยกั
“เดี๋ยวผมจะติดต่อหาพวกเขาเลย ดูซิว่าจะยอมย้ายลูกมาเรียนที่นี่ไหม แต่ว่าโรงเรียนที่นี่อยู่ห่างจากที่พักของพวกเขามาก อีกฝ่ายอาจจะไม่ยอมก็ได้”สิ้นเสียง ฉินเย่มองไปที่เขา แล้วพูดว่า “ทำทุกวิถีทาง”“เข้าใจแล้วครับ”-เฉาหานอวี่และภรรยาสวีเจียโหรวเพิ่งเลิกงานกำลังจะกลับบ้านพร้อมกันสองสามีภรรยาทำงานในบริษัทเดียวกัน เลิกงานพร้อมกัน ช่วงกลางวันมีเวลาพักสองชั่วโมง ทั้งสองพักอยู่ไม่ไกลจากบริษัท ดังนั้นเพียงแค่เดินเท้าก็กลับถึงบ้านได้ หลังจากทำกับข้าวกินเสร็จเรียบร้อยยังพอมีเวลาพักอีกครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยเดินกลับไปทำงานต่อถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ พวกเขาสองคนใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ทุกวันเฉาหานอวี่พึงพอใจกับชีวิตแบบนี้มาก จะให้เขาใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบนี้ไปจนตายเขาก็ยอม แน่นอนว่าขอแค่ภรรยาของเขาไม่บ่นก็พอเพราะบางครั้งภรรยาของเขามักจะบ่นว่าเขาไม่ได้เรื่องอยู่บ่อยครั้ง ผู้ชายคนอื่นมีเงินขนาดนั้น มีโอกาสได้เลื่อนขั้น แต่เขาทำงานอยู่ที่บริษัทมาหลายปีกลับยังอยู่กับที่ไม่ไปไหนพอบ่นหลายครั้งเข้า เฉาหานอวี่ก็จำฝังลึกอยู่ในใจ นานๆ ไปก็กลายเป็นปมในใจเพียงแต่ปมในใจนี้ยังไม่กระทบต่อชีวิตแต่งงานของทั้งส
เฉาหานอวี่ไม่รู้ว่าหลี่มู่ถิงคือใคร แต่เขาจะไม่รู้จักฉินกรุ๊ปได้อย่างไรกัน นอกจากนี้ชื่อของฉินเย่ยังเป็นที่รู้จักกันดีในบริษัทของพวกเขาสวีเจียโหรวที่อยู่ถัดจากพวกเขาก็รู้จักเช่นกัน ดังนั้นสีหน้าของคู่สามีภรรยาจึงเปลี่ยนไปทันที “กำลังตามหาพวกเราอยู่เหรอครับ?” เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของทั้งคู่ หลี่มู่ถิงก็หยิบข้อมูลออกมาจากกระเป๋าเอกสารและพูดชื่อของสามีภรรยาคู่นั้นซ้ำอีกรอบ “เฉาหานอวี่ สวีเจียโหรว พวกคุณสินะ? รูปด้านบนนี้ ตรงกันอยู่นะ” ทั้งคู่เอาหัวเข้าไปใกล้ๆกัน และแน่นอนว่าพวกเขาเห็นสิ่งที่แสดงอยู่บนเอกสารว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา และที่ติดอยู่ก็คือรูปถ่ายของพวกเขา “พวกเราเองครับ แต่ว่า คุณต้องการอะไรจากเราครับ?” “ไม่สะดวกที่จะคุยที่นี่ เราเข้าไปคุยกันข้างในบ้านกันไหมครับ?” "ได้ค่ะ ไปกันเถอะ" ทั้งคู่รีบเชิญหลี่มู่ถิงเข้ามาในบ้าน หลังจากที่หลี่มู่ถิงเข้าไปในบ้าน เขาก็มองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ตามที่คาดไว้ เป็นแบบที่ข้อมูลระบุไว้ สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของทั้งคู่นั้นธรรมดา แม้ว่าพวกเขาจะรวบรวมเงินได้เพียงพอสำหรับเงินดาวน์ แต่ในการใช้ชีวิต พวกเขาก็ยังต้องจ่ายค่าเงินกู้บ
เฉาหานอวี่ไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่ได้โกหกเราใช่ไหม? คุณไม่ใช่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการใช้วิธีนี้มาหลอกเราให้ซื้อบ้านราคาสูงๆใช่ไหม?” วินาทีถัดมา หลี่มู่ถิงก็โยนใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ไปไว้ตรงหน้าทั้งสองคน “บ้านได้รับการชำระเงินเต็มจำนวนแล้ว สิ่งที่คุณสองคนต้องทำคือย้ายเข้าไปก็พอ” ยี่สิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ลงมาส่งหลี่มู่ถิงที่ชั้นล่างด้วยท่าทีสงบ โดยพวกเขาบอกว่าจะไปลาออกจากงานและไปทำเรื่องลาออกให้ลูกที่โรงเรียนในช่วงบ่าย และรับปากว่าจะไปรายงานตัวที่โรงเรียนใหม่ในวันพรุ่งนี้ หลี่มู่ถิงพอใจมาก "อย่าช้านะครับ พรุ่งนี้เช้าผมต้องเห็นพวกคุณ" “โอเค ไม่มีปัญหา เราจะย้ายไปตอนเย็น ต่อให้ไม่ได้นอนก็ต้องไปย้ายไปให้ได้” หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดหลี่มู่ถิงก็จากไปอย่างพึงพอใจ -เสิ่นหยินอู้ไปที่ธนาคารและถอนเงินสดจำนวน 50,000 หยวน เนื่องจากเธอมีลูก กระเป๋าของเธอมักจะต้องเก็บของใช้ต่างๆของเด็กๆไว้เสมอ ดังนั้นกระเป๋าที่เธอถือจึงเปลี่ยนจากกระเป๋าใบเล็กที่มีเสน่ห์ที่เธอสะพายเมื่อตอนสาวๆไปเป็นกระเป๋าใบใหญ่ เงินสดห้าหมื่นหยวนเก็บไว้ในกระเป๋าก็มากเพียงพอแล้ว เธอคาดไ