มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่ยังนึกถึงอดีตภรรยาของตนหลังจากที่หย่ากันไป โม่ไป๋ที่อยู่ข้างๆกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เฮ้อ คุณหนูเสิ่น จะว่าไป คุณมีความเกี่ยวข้องกับอดีตภรรยาของเจ้าของห้องนี้บ้างไหมครับ?” "ความเกี่ยวข้องหรอคะ?" เธอเกี่ยวข้องกับอดีตภรรยาของเจ้าของห้องนี้งั้นหรอ? เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ยิ้มและพูดเบาๆว่า "ความเกี่ยวข้องจะทำให้ฉันเช่าห้องนี้ได้ไหมคะ?" “ถ้าเกี่ยวข้องกันจริงๆ ก็อาจจะได้ละมั้งครับ คุณหนูเสิ่น เจ้าของห้องนี้มีนามสกุลเดียวกันกับคุณ” “นามสกุล เสิ่น หรอคะ?” “ใช่ครับ ผมได้ยินมาว่าเธอยังสาวและหน้าตาสะสวยมาก” เสิ่นหยินอู้ "....." ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเธอได้ยินถึงตรงนี้ เธอจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ทุกคนลงลิฟต์ลงไปชั้นล่างด้วยกัน ขณะที่กำลังจะออกจากประตู พวกเขาก็พบกับชายวัยกลางคนในชุดสูท ซึ่งน่าจะเป็นเจ้านายของบริษัทนี้ ทันทีที่เขาเห็นเขา สีหน้าของเขาก็หม่นลงทันที “เสี่ยวฉี ทำไมแกถึงพาแขกมาที่นี่อีกแล้วล่ะ? แกนี่นะ ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าพาแขกมาที่นี่ ถึงเขาจะถูกใจ เขาก็เช่าไม่ได้ แกอ
นี่มันอะไรกัน?เสิ่นหยินอู้คิดว่าเธอได้ยินผิด เถ้าแก่เสิ่น? ตรวจสอบ? ท่าทีการแสดงความเคารพของอีกฝ่ายทำให้เสิ่นหยินอู้สับสน ทันใดนั้นสิ่งที่ตัวแทนพูดไว้ก่อนหน้านี้ก็แวบขึ้นมาในหัวของเธอ สายตาของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เจ้านายกับอดีตภรรยาที่ตัวแทนพูดถึงคงไม่ได้หมายถึงเธอกับฉินเย่ใช่ไหม? นามสกุลเสิ่น ไปต่างประเทศ และถึงขั้นไม่สามารถติดต่อได้ ทำไมถึงรู้สึกว่ามันบังเอิญได้ขนาดนี้ เมื่อกี้นี้พวกเขาเห็นบัตรประชาชนของเธอ แล้วก็เรียกเธอว่าเถ้าแก่อีก แม้ว่าเธอจะไม่อยากที่จะเชื่อ แต่เสิ่นหยินอู้ก็ยังคงมองไปที่ตัวแทนและพูดอย่างจริงจังว่า "ก่อนหน้านี้คุณพูดว่า คุณไม่สามารถติดต่อเจ้าของห้องนั้นได้ งั้นขอฉันดูเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้หน่อยได้ไหมคะ?" เมื่อได้ยิน สายตาของตัวแทนก็สับสนอย่างเห็นได้ชัด “เอ่อ เถ้าแก่เสิ่น เจ้าของห้องนั้น ไม่ใช่คุณหรอครับ?” ถึงจะพูดเช่นนั้น อีกฝ่ายก็ไปหาเบอร์โทรศัพท์นั้นอย่างเชื่อฟังและนำมายื่นให้กับเสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง และพบว่าหมายเลขบัญชีที่ตัวแทนให้มานั้นคือหมายเลขโทรศัพท์มือถือเดิมของเธอ อีกทั้งกรรมสิทธิ์ของห้องทั
หลังจากได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็มองไปที่เขา “เธอโอเคที่จะให้ผมคิดค่าเช่าใช่ไหม?” “อืม คิดซะว่าเป็นการหาเงินพิเศษแล้วกัน” เงินพิเศษ... เขาจะขาดแคลนเงินพิเศษเพียงเล็กน้อยนี้ได้อย่างไรกัน? “เท่าไรล่ะ? ถ้านายจะให้ฉันเช่าถูกๆ งั้นก็ไม่ต้องหรอก” “ไม่ถูกหรอก ที่นั่นทำเลดี ราคาบ้านก็สูงมาก ตอนผมซื้อก็จ่ายเงินไปเยอะมาก ถ้าเธอจะเช่า งั้นเดือนละ 10,000 หยวน” เมื่อเธอได้ยินราคา เสิ่นหยินอุ้ก็ตกใจ ไม่ใช่เพราะเธอคิดว่ามันแพง อย่างไรเสีย ในทำเลที่ดี มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีราคาหลักหมื่น เธอแค่ไม่คาดคิดว่าโม่ไป๋จะทำได้ในสิ่งที่เขาพูดจริงๆที่คิดจะให้เธอเช่าบ้านจริงๆ แต่ในไม่ช้า เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก "ตกลง" เมื่อเห็นเธอดีใจอย่างเห็นได้ชัด สายตาของโม่ไป๋ที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตาก็ฉายแววออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เก็บค่าเช่าก็เก็บค่าเช่า ถ้าเขาไม่เก็บค่าเช่า เขาเกรงว่าเรื่องอะไรก็จะทำไม่สำเร็จ หลังจากตัดสินใจที่จะย้ายไปที่นั่น เย็นวันนั้นโม่ไป๋ก็โทรหาผู้ช่วยเฉินให้มาช่วยเธอย้ายของ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องขนย้ายมากนัก เธอเพิ่งมาถึงเจียงเฉิงเมื่อไม่นานนี้ และไม่ได้เอาอะไรม
ฉินเย่ซึ่งแต่เดิมยังคงไร้สีหน้าหรี่ตาลงหลังจากได้ยิน “ไม่อยู่ที่โรงแรมนี้แล้วงั้นหรอ? แล้วเธอไปไหนล่ะ?” “คุณผู้ชายฉิน เราไม่แน่ใจสำหรับเรื่องนี้ เธอเป็นเพียงแขกของโรงแรม และไม่ได้บอกเราว่าเธอจะไปที่ไหน” หลี่มู่ถิงพยักหน้าเห็นด้วย "นั่นก็จริง" "แต่ว่า..." เขาหรี่ตาลงและจ้องมองพนักงานต้อนรับด้วยความสงสัย "เธอออกไปแล้วจริงๆ หรือคุณตั้งใจปิดบังให้เธออยู่?" “ไม่ค่ะ ไม่ค่ะ เธอออกไปแล้วจริงๆ แล้วก็เพิ่งออกไปไม่นานก่อนที่คุณจะมา” หลังจากได้ยิน สีหน้าของฉินเย่ก็บึ้งตึงมากขึ้นไปอีก พอเขามา เธอก็จากไป ครั้งที่แล้วที่เขาไปบ้านผู้หญิงคนนั้น เธอก็บังเอิญไม่อยู่พอดี ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่เขามา เธอก็จากไป นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นความตั้งใจกันแน่? เมื่อคิดเช่นนั้น ฉินเย่ก็กวาดสายตาไปมองอีกฝ่ายแล้วถามอย่างเย็นชาว่า "เธอออกไปคนเดียวเหรอ?" พนักงานต้อนรับหลายคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองหน้ากัน "ไม่ ไม่ใช่ค่ะ" ได้ยินดังนั้น ในที่สุดฉินเย่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มเยาะ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป เขาไม่สามารถทนฟังสิ่งที่พนักงานต้อนรับจะพูดอีกต่อไป เมื่อเห็นเช่
หลังจากเขาไปแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็จัดเตียงให้เด็กทั้งสองคน เปิดฮีทเตอร์ และให้เด็กๆไปพักผ่อนส่วนตัวเองก็เอาโน้ตบุ๊กเข้าไปในห้องหนังสือต้องบอกว่าโม่ไป๋คิดแทนเธอได้อย่างรอบคอบมาก ห้องหนังสือในบ้านหลังนี้ใหญ่ มีหน้าต่างบานใหญ่ที่ทอดยาวไปถึงพื้น ข้าง ๆ เป็นชั้นหนังสือที่ยาวติดผนังทั้งแผง และมีบันไดเล็ก ๆ อีกด้วยเสิ่นหยินอู้ชอบบรรยากาศแบบนี้มากแต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมสิ่งเหล่านี้ เธอหยิบโน้ตบุ๊กออกมาเริ่มค้นหาข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายทำให้เธอรู้สึกกังวลใจไม่หายถ้าบ้านนั้นจริง ๆ แล้วเป็นชื่อของเธอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอคิดว่าไม่ต้องการสิ่งใดจากเขา แม้แต่เงินที่เขาให้เธอก็คืนไปหมดแล้ว ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณงั้นที่ทำไปจะมีความหมายอะไร?เสิ่นหยินอู้เปิดเว็บค้นหาข้อมูล มีข้อมูลบางอย่างที่เธอหาเจอทางอินเทอร์เน็ต แต่เหมือนที่นายหน้าบอก สิ่งที่ละเอียดกว่านั้นเธอหาไม่เจอถ้าเธอต้องการรู้วันและทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อเธอจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะต้องหาคนที่ช่วยตรวจสอบให้คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ดูเวลา จากนั้นก็โทรหาทนายของพ่อเธอ"คุณหนูเสิ่น?"เมื่อได้รับสายจากเสิ่นห
เสิ่นหยินอู้ส่งข้อมูลส่วนตัวของตัวเองไปแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีการตอบกลับมาเป็นเวลานาน และก็ไม่ได้บอกราคากับเธอเธอมองดูเวลา แล้วก็นึกถึงเสียงที่ได้ยินจากโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ คิดว่าวันนี้เขาน่าจะยุ่งข้อมูลของตัวเองก็ได้ตรวจสอบแทบทั้งหมดแล้ว สิ่งที่สามารถขุดคุ้ยได้เธอก็ขุดคุ้ยมาหมดแล้ว ตรวจสอบต่อไป ก็คงจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา สุดท้ายเสิ่นหยินอู้ก็ปิดโน้ตบุ๊ค แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นว่า หลังจากที่เธอไปอาบน้ำ ทนายซุนได้โทรหาเธอ รอจนเธออาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นว่าทนายซุนได้ส่งข้อมูลที่เธอต้องการทั้งหมดมาให้แล้วข้อมูลยังไม่ได้เปิดดู แต่แค่เห็นสารบัญก็อดถอนหายใจไม่ได้ สมกับเป็นคนที่ทนายเซียวแนะนำมา ประสิทธิภาพในการทำงานนี่น่าทึ่งจริงๆ เธอไม่ได้ดูข้อมูลทันที แต่ตอบขอบคุณไปให้กับอีกฝ่าย แล้วขอให้เขาประเมินราคามา จากนั้นจึงเปิดดู แม้จะเตรียมใจล่วงหน้าไว้แล้ว แต่เมื่อเธอเห็นทรัพย์สินในชื่อของตัวเอง เสิ่นหยินอู้ก็ยังคงตกใจกับจำนวนที่มหาศาล เพราะไม่ใช่แค่ในหนานเฉิง เจียงเฉิง แต่ยังมีอีกหลายเมืองที่เธอมีอสังหาริมทรัพย์ และไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ธรรมดา มีอสังหาริ
เสิ่นหยินอู้ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในทันที แต่ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นอาจารย์และลูกศิษย์กัน มีอะไรก็ต้องปรึกษากันอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ดูปกติ เธอจึงพูดอะไรไม่ออก"ขอโทษจริงๆครับ คุณเสิ่น ผมไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบถึงคุณ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะครับ อาจารย์ของผมไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องไม่ดีหรอก"ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ใจเย็นลงนิดหน่อย"ขอบคุณค่ะ" "คุณเสิ่น ทรัพย์สินพวกคุณต้องการให้หาคนที่มีความเชี่ยวชาญมาจัดการให้ไหมครับ?""ไม่ค่ะ" เสิ่นหยินอู้ส่ายหัว "ทนายซุน พรุ่งนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ? ฉันคิดว่าเราต้องเจอกันหน่อย""พรุ่งนี้เที่ยงครับ""ได้ค่ะ"วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยง ทั้งสองนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แม้ว่าในตอนที่ทำบัญชีทรัพย์สิน ซุนปินอวี่จะได้เห็นเสิ่นหยินอู้จากในเอกสารแล้ว แต่พอได้เจอเธอตัวจริง ซุนปินอวี่ก็ยังคงอดที่จะตะลึงไม่ได้ เสิ่นหยินอู้เดินมาทักทายเขาตรงหน้า แต่เขาอึ้งไปนานก่อนจะรู้ตัว "สวัสดีครับ คุณเสิ่น""สวัสดีค่ะ ทนายซุน" ทั้งสองคนทักทายกันพอประมาณ หลังจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟ ซุนปินอวี่หิวมาก แต่คนที่นั่งตรงข้ามคือสาวสวยที่โดดเด่นขนาดนี้ เขาไม่กล้ากินอาหารต่อหน
ประโยคหลังทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกประหลาดใจ"คุณรู้จักฉันเหรอคะ?" คนคนนั้นยิ้มและพยักหน้า"แน่นอนครับ ถึงจะผ่านมาแล้วห้าปี แล้วคุณก็สวยขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ผมก็ยังจำคุณได้ตั้งแต่แรกเห็น ตอนที่คุณทำงานที่บริษัทฉินแล้วมาคุยงานที่บริษัทเรา ตอนนั้นผมยังเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆอยู่เลย" ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เข้าใจ"ก็หมายความว่าคุณใช้เวลาห้าปี เลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารหรอคะ?""ใช่ครับ""สุดยอดเลย"ความสามารถนี้ เสิ่นหยินอู้ค่อนข้างชอบ แต่ตอนนี้ที่ต้องแก้ไขยังคงเป็นปัญหาของบริษัท ผู้บริหารที่เสิ่นหยินอู้จ้างมาชื่ออู๋อี้ไห่ ในตอนนั้นเขาก็ให้คำแนะนำกับเธอทันที"จริงๆ แล้ว ถ้าคุณเสิ่นอยากจะแก้ปัญหานี้ มันง่ายมากครับ"ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เหลือบมองเขา "ลองพูดมาเลยค่ะ?""ดึงการลงทุน" อู๋อี้ไห่พูด "ถ้าเราสามารถดึงการลงทุนจากบริษัทใหญ่ได้ เราก็จะมีคนหนุนหลัง การดำเนินงานของบริษัทต่อไปก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับ" เรื่องดึงการลงทุน เสิ่นหยินอู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน แต่ตอนนี้......"คุณหมายความว่า ให้ฉันดึงการลงทุนในสภาพที่บริษัทมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนอย่างตอนนี้หรอคะ?"อู๋อี้ไห
โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?" คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?" โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร? แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด "คุณคือใคร?" เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......" เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"
แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้ หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ” เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......" ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา
"พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!" เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ" เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ