หลังจากเขาไปแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็จัดเตียงให้เด็กทั้งสองคน เปิดฮีทเตอร์ และให้เด็กๆไปพักผ่อนส่วนตัวเองก็เอาโน้ตบุ๊กเข้าไปในห้องหนังสือต้องบอกว่าโม่ไป๋คิดแทนเธอได้อย่างรอบคอบมาก ห้องหนังสือในบ้านหลังนี้ใหญ่ มีหน้าต่างบานใหญ่ที่ทอดยาวไปถึงพื้น ข้าง ๆ เป็นชั้นหนังสือที่ยาวติดผนังทั้งแผง และมีบันไดเล็ก ๆ อีกด้วยเสิ่นหยินอู้ชอบบรรยากาศแบบนี้มากแต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมสิ่งเหล่านี้ เธอหยิบโน้ตบุ๊กออกมาเริ่มค้นหาข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายทำให้เธอรู้สึกกังวลใจไม่หายถ้าบ้านนั้นจริง ๆ แล้วเป็นชื่อของเธอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอคิดว่าไม่ต้องการสิ่งใดจากเขา แม้แต่เงินที่เขาให้เธอก็คืนไปหมดแล้ว ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณงั้นที่ทำไปจะมีความหมายอะไร?เสิ่นหยินอู้เปิดเว็บค้นหาข้อมูล มีข้อมูลบางอย่างที่เธอหาเจอทางอินเทอร์เน็ต แต่เหมือนที่นายหน้าบอก สิ่งที่ละเอียดกว่านั้นเธอหาไม่เจอถ้าเธอต้องการรู้วันและทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อเธอจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะต้องหาคนที่ช่วยตรวจสอบให้คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ดูเวลา จากนั้นก็โทรหาทนายของพ่อเธอ"คุณหนูเสิ่น?"เมื่อได้รับสายจากเสิ่นห
เสิ่นหยินอู้ส่งข้อมูลส่วนตัวของตัวเองไปแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีการตอบกลับมาเป็นเวลานาน และก็ไม่ได้บอกราคากับเธอเธอมองดูเวลา แล้วก็นึกถึงเสียงที่ได้ยินจากโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ คิดว่าวันนี้เขาน่าจะยุ่งข้อมูลของตัวเองก็ได้ตรวจสอบแทบทั้งหมดแล้ว สิ่งที่สามารถขุดคุ้ยได้เธอก็ขุดคุ้ยมาหมดแล้ว ตรวจสอบต่อไป ก็คงจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา สุดท้ายเสิ่นหยินอู้ก็ปิดโน้ตบุ๊ค แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นว่า หลังจากที่เธอไปอาบน้ำ ทนายซุนได้โทรหาเธอ รอจนเธออาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นว่าทนายซุนได้ส่งข้อมูลที่เธอต้องการทั้งหมดมาให้แล้วข้อมูลยังไม่ได้เปิดดู แต่แค่เห็นสารบัญก็อดถอนหายใจไม่ได้ สมกับเป็นคนที่ทนายเซียวแนะนำมา ประสิทธิภาพในการทำงานนี่น่าทึ่งจริงๆ เธอไม่ได้ดูข้อมูลทันที แต่ตอบขอบคุณไปให้กับอีกฝ่าย แล้วขอให้เขาประเมินราคามา จากนั้นจึงเปิดดู แม้จะเตรียมใจล่วงหน้าไว้แล้ว แต่เมื่อเธอเห็นทรัพย์สินในชื่อของตัวเอง เสิ่นหยินอู้ก็ยังคงตกใจกับจำนวนที่มหาศาล เพราะไม่ใช่แค่ในหนานเฉิง เจียงเฉิง แต่ยังมีอีกหลายเมืองที่เธอมีอสังหาริมทรัพย์ และไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ธรรมดา มีอสังหาริ
เสิ่นหยินอู้ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในทันที แต่ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นอาจารย์และลูกศิษย์กัน มีอะไรก็ต้องปรึกษากันอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ดูปกติ เธอจึงพูดอะไรไม่ออก"ขอโทษจริงๆครับ คุณเสิ่น ผมไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบถึงคุณ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะครับ อาจารย์ของผมไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องไม่ดีหรอก"ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ใจเย็นลงนิดหน่อย"ขอบคุณค่ะ" "คุณเสิ่น ทรัพย์สินพวกคุณต้องการให้หาคนที่มีความเชี่ยวชาญมาจัดการให้ไหมครับ?""ไม่ค่ะ" เสิ่นหยินอู้ส่ายหัว "ทนายซุน พรุ่งนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ? ฉันคิดว่าเราต้องเจอกันหน่อย""พรุ่งนี้เที่ยงครับ""ได้ค่ะ"วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยง ทั้งสองนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แม้ว่าในตอนที่ทำบัญชีทรัพย์สิน ซุนปินอวี่จะได้เห็นเสิ่นหยินอู้จากในเอกสารแล้ว แต่พอได้เจอเธอตัวจริง ซุนปินอวี่ก็ยังคงอดที่จะตะลึงไม่ได้ เสิ่นหยินอู้เดินมาทักทายเขาตรงหน้า แต่เขาอึ้งไปนานก่อนจะรู้ตัว "สวัสดีครับ คุณเสิ่น""สวัสดีค่ะ ทนายซุน" ทั้งสองคนทักทายกันพอประมาณ หลังจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟ ซุนปินอวี่หิวมาก แต่คนที่นั่งตรงข้ามคือสาวสวยที่โดดเด่นขนาดนี้ เขาไม่กล้ากินอาหารต่อหน
ประโยคหลังทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกประหลาดใจ"คุณรู้จักฉันเหรอคะ?" คนคนนั้นยิ้มและพยักหน้า"แน่นอนครับ ถึงจะผ่านมาแล้วห้าปี แล้วคุณก็สวยขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ผมก็ยังจำคุณได้ตั้งแต่แรกเห็น ตอนที่คุณทำงานที่บริษัทฉินแล้วมาคุยงานที่บริษัทเรา ตอนนั้นผมยังเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆอยู่เลย" ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เข้าใจ"ก็หมายความว่าคุณใช้เวลาห้าปี เลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารหรอคะ?""ใช่ครับ""สุดยอดเลย"ความสามารถนี้ เสิ่นหยินอู้ค่อนข้างชอบ แต่ตอนนี้ที่ต้องแก้ไขยังคงเป็นปัญหาของบริษัท ผู้บริหารที่เสิ่นหยินอู้จ้างมาชื่ออู๋อี้ไห่ ในตอนนั้นเขาก็ให้คำแนะนำกับเธอทันที"จริงๆ แล้ว ถ้าคุณเสิ่นอยากจะแก้ปัญหานี้ มันง่ายมากครับ"ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เหลือบมองเขา "ลองพูดมาเลยค่ะ?""ดึงการลงทุน" อู๋อี้ไห่พูด "ถ้าเราสามารถดึงการลงทุนจากบริษัทใหญ่ได้ เราก็จะมีคนหนุนหลัง การดำเนินงานของบริษัทต่อไปก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับ" เรื่องดึงการลงทุน เสิ่นหยินอู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน แต่ตอนนี้......"คุณหมายความว่า ให้ฉันดึงการลงทุนในสภาพที่บริษัทมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนอย่างตอนนี้หรอคะ?"อู๋อี้ไห
หลังจากส่งข้อความนี้ไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับมาเสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์ไว้ สีหน้าของเธอเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดตรงเกินไปหรือเปล่า?แต่ถ้าพูดอ้อมเกินไป เสิ่นหยินอู้ก็กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น บางทีอาจเป็นเพราะคำเตือนของอู๋อี้ไห่เกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ที่ทำให้เธอต้องระมัดระวังตัว หลังจากผ่านไปนานห้านาที ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา"สนามม้าเขตตะวันออก ตอนนี้มาได้ไหม?" สนามม้า?แม้ว่าจะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการคุยงาน แต่นี่ก็เป็นโอกาส! เสิ่นหยินอู้ไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ากระเป๋าและผ้าพันคอของเธอแล้วเดินออกไปทันทีข้างนอกลมแรง ตอนลงมาจากตึกเสิ่นหยินอู้ก็พันผ้าพันคอทันที จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ สนามม้าเขตตะวันออก ภายในสนามม้ามีฝุ่นและทรายลอยฟุ้ง ม้าสีดำตัวสูงใหญ่กำลังวิ่งอยู่ในสนาม ขณะที่บนหลังม้ามีชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลาชายคนนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม มือที่จับสายบังเหียนแข็งแรงทรงพลัง ถึงจะอยู่ไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและความดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ตั้งแต่เขาเข้ามาในสนาม คนอื่นๆ ในสนามม้าต่างรีบขี่ม้าออกไป กลัวว่าจะโดนความด
รถจอดที่สนามม้าเขตตะวันออก เมื่อเสิ่นหยินอู้ลงจากรถ เธอก็เห็นฟู่ถิงสือยืนอยู่ที่ทางเข้าสนามม้า เขาสวมชุดขี่ม้าที่ดูทะมัดทะแมง ทั้งตัวดูสูงและหล่อเหลา พอเห็นเธอเขาก็ยิ้มออกมา"คุณเสิ่น" เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าเขาจะออกมารอเธอด้วยซ้ำ เธอรีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาพร้อมกระเป๋าของตัวเอง"ประธานฟู่ ทำไมคุณถึงออกมาล่ะคะ?""เฮ้อ คุณเสิ่น คุณนี่ก็เรียกผมทั้งประธานฟู่ ทั้งคุณ ๆ ผมดูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?" ยังไม่ทันที่เสิ่นหยินอู้จะตอบ ฟู่ถิงสือก็ยกมือขึ้นขัดเธอก่อนจะพูดต่อ "ถ้าคุณไม่ถือสา เรียกผมว่าถิงสือก็พอ"เสิ่นหยินอู้: "......" เธอจะกล้าเหรอ? อีกอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เธอจะเรียกเขาแบบนั้นได้ยังไง?"ประธานฟู่ แบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่นะคะ"ได้ยินแบบนี้ ฟู่ถิงสือก็ค่อย ๆ หรี่ตาลง จ้องมองเธออย่างมีนัยยะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ก็ได้ งั้นก็เรียกผมว่าประธานฟู่ไปก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนทีหลัง" "......" "แต่อย่าพูดคำว่าคุณ(您ที่ใช้เรียกแทนคนอายุมากกว่า)อีกนะ" เสิ่นหยินอู้ได้แต่พยักหน้า"ได้ค่ะ ประธานฟู่""ไปเถอะ ผมจะพาคุณเข้าไป" เมื่อพูดจบ ฟู่ถิงสือก
ดวงตาที่ดูเยือกเย็นแต่มีชีวิตชีวา จมูกที่ดูเรียวสวย และริมฝีปากสีแดงสด ถูกวางบนใบหน้าที่ขาวเนียนละเอียดของเธออย่างลงตัวเมื่อเวลาผ่านไป มีคนทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้นว่า "ประธานฟู่เลือกของเล่นชิ้นนี้ได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ" เสิ่นหยินอู้ไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดเลย เธออยากชวนฟู่ถิงสือมาร่วมลงทุน จึงได้แต่เดินตามเขาไปข้างหน้าเพราะมัวแต่คิดว่าจะเริ่มพูดยังไง เสิ่นหยินอู้จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งฟู่ถิงสือพาเธอไปที่ขอบรั้ว แล้วโบกมือให้กับคนที่กำลังขี่ม้าอยู่ในสนามม้า เสิ่นหยินอู้ก็หันมองตามสายตาของเขาไป"ฉินเย่ ทางนี้!" เสิ่นหยินอู้ที่มองตามฟู่ถิงสือไป พอเห็นคนที่อยู่บนหลังม้า รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็หายไปทันที ทำไม......ถึงบังเอิญแบบนี้?นับตั้งแต่เรื่องครั้งก่อน ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ช่วงนี้เสิ่นหยินอู้ก็ยุ่งมาก ดังนั้น เธอคิดว่าเรื่องนี้น่าจะผ่านไปแล้ว เจียงเฉิงไม่ใช่พื้นที่ของฉินเย่ เขาควรจะกลับไปหนานเฉิงนานแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเขายังอยู่ที่นี่ เมื่อสายตาของชายหนุ่มที่มองมาจากระยะไกลประสานกับสายตาของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็หันตัวแล้วตั้งท่าวิ่งหนีโดยไม่รู้ตัว ฟู่ถิงสือที่อย
"ช่วยแชร์หน่อยได้ไหมคะว่าพี่จีบประธานฟู่ยังไง? สอนวิธีให้ฉันหน่อย ฉันจะได้เรียนรู้บ้าง" ผู้หญิงคนนั้นชอบฉินเย่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกับเสิ่นหยินอู้ที่เธอคิดไปเองว่าเป็นผู้หญิงของฟู่ถิงสือ และรีบพาเธอเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พนักงานในสนามม้าได้ยินว่าฉินเย่และฟู่ถิงสือจะมาแข่งขันกัน จึงได้เตรียมพื้นที่ให้กับพวกเขาทั้งสองคน และดูแลคู่เดทของพวกเขาอย่างดี พอทั้งสองเดินเข้าไป ก็มีพนักงานเข้ามาส่งชุดขี่ม้าให้ทันทีพนักงานคนหนึ่งนำชุดขี่ม้ามาให้เสิ่นหยินอู้ พร้อมชมว่า "คุณผู้หญิงหุ่นดีมาก ไซส์น่าจะเลือกได้ง่ายเลยค่ะ" พูดจบก็ยัดชุดขี่ม้าใส่มือเธอเสิ่นหยินอู้: "......"เธออยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้จริง ๆ แต่ถ้าเธอเดินหนีไปตอนนี้ ก็คงจะทำให้ฟู่ถิงสือเสียหน้าอย่างมาก และไม่ต้องพูดถึงการหาเงินลงทุนเลย เธอคงจะทำให้เขาโกรธจนไม่มีทางร่วมงานกันได้อีก ตอนที่เสิ่นหยินอู้เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอยังคงรู้สึกหดหู่ใจ เอาแต่คิดว่าเป็นเพราะตอนออกจากบ้านวันนี้ไม่ได้ดูปฏิทินจีนก่อน ถึงได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือเธอรู้สึกเสียใจมากในตอนนี้เสิ่นหยินอู้ถึงขั้
หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี ทั้งสองคนสบตากัน "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน" แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋? พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ? คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?" โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ" แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที" เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่" พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง
หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?" หรงเค่ออินพยักหน้า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย" พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?" ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว
ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู “คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?” เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้” ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้ เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง – เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได “คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“
ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ” เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?” ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ
เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ? ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ” ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......" ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม? แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด "เราไปกันเถอะครับ" หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ
เขาพูดด้วยเสียงที่เบามากจนแทบไม่ได้ยิน ขณะที่เขาโน้มตัวเข้ามาเช็ดอีกด้าน เดิมทีเสิ่นหยินอู้จิตใจไม่สงบ พอได้ยินก็แค่กระพริบตาเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ช่วยเฉิน ผู้ช่วยเฉินเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้เธอเสร็จ ก็ถอนมือกลับไป หลังจากนั้นเขาก็กลับมาเป็นปกติ ตอนเช้าที่ผู้ช่วยเฉินบอกเธอว่าฉินเย่ปลอดภัย เธอก็ยังอดกังวลไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะบอกสถานการณ์ให้เธอฟังอีกครั้ง เสิ่นหยินอู้ก็ยังอดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้อีก ท้ายที่สุด รูปถ่ายนั้นก็สร้างความหวาดกลัวให้เธอมากเกินไป อาจเป็นเพราะเพิ่งฝันร้าย ตอนนี้เธอยังคงรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วอยู่ ถึงแม้จะเป็นเพียงความฝัน แต่ถ้าเรื่องในฝันเกิดขึ้นจริงล่ะจะทำยังไง?เมื่อนึกถึงแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจลึก ๆ อย่างอ่อนล้า จากนั้นทำทีเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจว่า "ผู้ช่วยเฉิน คุณเคยฝันร้ายไหม?" ทันทีที่เธอพูดขึ้น คนรอบข้างก็หันมามองผู้ช่วยเฉินไม่คาดคิดว่าเธอจะคุยด้วย เขาจึงชะงักไปเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “เคยครับ” หลังจากนั้นเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ผู้ช่วยเฉินมองเธอแวบหนึ่งและปลอบว่า “คุณเสิ่นความฝันก็คือความฝัน เพราะมันตรงข้ามกับความเป็นจริง สภาพของคุณต
เสิ่นหยินอู้พยายามจะอธิบายกับเขา แต่เขากลับดึงเข็มน้ำเกลือออกแล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป เสิ่นหยินอู้รีบออกไปตามหา แต่เมื่อออกมาจากห้องผู้ป่วยกลับไม่เห็นเขา เธอจึงวิ่งตามหาอย่างกระหืดกระหอบ แต่ก็ไม่พบตัวฉินเย่เลย เธอค้นหาเขาหลายสถานที่ จนในที่สุดก็เห็นแผ่นหลังที่เหมือนกับฉินเย่ทุกประการ แต่ไม่ว่าจะพยายามไล่ตามแค่ไหนก็ไม่ทัน เธอทำได้แค่เดินตามหลัง และเห็นเขาก้าวเข้าไปในพิธีแต่งงานพร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่สวมชุดเจ้าสาวถึงขั้นที่สุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นไล่เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนออกไป แล้วชี้มาทางเธอพร้อมกับพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกัน พาลูกนอกสมรสสองคนมาคิดจะมาเป็นคุณนายฉินหรอ? เพ้อเจ้อจริง ๆ รีบไสหัวไปให้พ้นก่อนที่ฉันจะโมโห ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่ปรานี” เด็กทั้งสองคนกอดเธอและร้องไห้เสียงดัง ถามหา ‘ป่าป๊า’ เสิ่นหยินอู้รู้สึกกระวนกระวายใจมาก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมเรื่องราวถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ เธอต้องการแก้ไขสถานการณ์ แต่เหมือนถูกพันธนาการจนขยับไม่ได้ ทำให้เธอกระวนกระวายใจอย่างคนที่ร้อนใจไม่เป็นสุข “คุณเสิ่น......คุณเสิ่นครับ” เสิ่นหยินอู้เหมือนจะได้ยินเสียงค
หลังจากขอบคุณนักศึกษาหญิงที่มีน้ำใจแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ออกจากห้องน้ำและกลับไปหากลุ่มคนที่รอเธออยู่ เธอไม่ทันสังเกตว่านักศึกษาหญิงแอบเดินตามเธอออกจากห้องน้ำและมองดูเธอเดินไปหากลุ่มชายหนุ่มที่รุมล้อมเธอไว้จากระยะไกล “คุณเสิ่นครับ คุณกลับมาแล้ว งั้นตอนนี้เราออกเดินทางกันเถอะครับ” ด้วยความเป็นห่วงเพราะได้รับคำสั่ง พวกเขาก็ล้อมเสิ่นหยินอู้ไว้ขณะพาเธอไปยังจุดหมาย นักศึกษาหญิงมองพวกเขาจากข้างหลังด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ระหว่างเดินออกไป เสิ่นหยินอู้ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้า หาจังหวะเพื่อแอบเอากระดาษทิชชู่ใส่ในกระเป๋าของผู้ช่วยเฉิน ผู้ช่วยเฉินรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เธอทำ ดวงตาฉายแววเล็กน้อย แต่ยังคงทำท่าทางเฉยเมยเดินหน้าต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งก่อนขึ้นเครื่อง เขาอ้างเหตุผลขอไปเข้าห้องน้ำและแอบเปิดกระดาษทิชชู่ที่เสิ่นหยินอู้เขียนมาให้ เสิ่นหยินอู้ไม่ได้เขียนอะไรมากนัก คำถามแรกคือ ตอนนี้ฉินเย่เป็นยังไงบ้าง? คำถามที่สองคือ แล้วเขาล่ะ? มีจุดอ่อนอะไรอยู่ในมือของโม่ไป๋หรือเปล่า? ความห่วงใยของเธอทำให้ผู้ช่วยเฉินรู้สึกอบอุ่นในใจ ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจความลำบากของเขาและไม่ได้เข้าใจ