หลังจากส่งข้อความนี้ไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับมาเสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์ไว้ สีหน้าของเธอเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดตรงเกินไปหรือเปล่า?แต่ถ้าพูดอ้อมเกินไป เสิ่นหยินอู้ก็กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น บางทีอาจเป็นเพราะคำเตือนของอู๋อี้ไห่เกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ที่ทำให้เธอต้องระมัดระวังตัว หลังจากผ่านไปนานห้านาที ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา"สนามม้าเขตตะวันออก ตอนนี้มาได้ไหม?" สนามม้า?แม้ว่าจะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการคุยงาน แต่นี่ก็เป็นโอกาส! เสิ่นหยินอู้ไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ากระเป๋าและผ้าพันคอของเธอแล้วเดินออกไปทันทีข้างนอกลมแรง ตอนลงมาจากตึกเสิ่นหยินอู้ก็พันผ้าพันคอทันที จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ สนามม้าเขตตะวันออก ภายในสนามม้ามีฝุ่นและทรายลอยฟุ้ง ม้าสีดำตัวสูงใหญ่กำลังวิ่งอยู่ในสนาม ขณะที่บนหลังม้ามีชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลาชายคนนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม มือที่จับสายบังเหียนแข็งแรงทรงพลัง ถึงจะอยู่ไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและความดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ตั้งแต่เขาเข้ามาในสนาม คนอื่นๆ ในสนามม้าต่างรีบขี่ม้าออกไป กลัวว่าจะโดนความด
รถจอดที่สนามม้าเขตตะวันออก เมื่อเสิ่นหยินอู้ลงจากรถ เธอก็เห็นฟู่ถิงสือยืนอยู่ที่ทางเข้าสนามม้า เขาสวมชุดขี่ม้าที่ดูทะมัดทะแมง ทั้งตัวดูสูงและหล่อเหลา พอเห็นเธอเขาก็ยิ้มออกมา"คุณเสิ่น" เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าเขาจะออกมารอเธอด้วยซ้ำ เธอรีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาพร้อมกระเป๋าของตัวเอง"ประธานฟู่ ทำไมคุณถึงออกมาล่ะคะ?""เฮ้อ คุณเสิ่น คุณนี่ก็เรียกผมทั้งประธานฟู่ ทั้งคุณ ๆ ผมดูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?" ยังไม่ทันที่เสิ่นหยินอู้จะตอบ ฟู่ถิงสือก็ยกมือขึ้นขัดเธอก่อนจะพูดต่อ "ถ้าคุณไม่ถือสา เรียกผมว่าถิงสือก็พอ"เสิ่นหยินอู้: "......" เธอจะกล้าเหรอ? อีกอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เธอจะเรียกเขาแบบนั้นได้ยังไง?"ประธานฟู่ แบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่นะคะ"ได้ยินแบบนี้ ฟู่ถิงสือก็ค่อย ๆ หรี่ตาลง จ้องมองเธออย่างมีนัยยะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ก็ได้ งั้นก็เรียกผมว่าประธานฟู่ไปก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนทีหลัง" "......" "แต่อย่าพูดคำว่าคุณ(您ที่ใช้เรียกแทนคนอายุมากกว่า)อีกนะ" เสิ่นหยินอู้ได้แต่พยักหน้า"ได้ค่ะ ประธานฟู่""ไปเถอะ ผมจะพาคุณเข้าไป" เมื่อพูดจบ ฟู่ถิงสือก
ดวงตาที่ดูเยือกเย็นแต่มีชีวิตชีวา จมูกที่ดูเรียวสวย และริมฝีปากสีแดงสด ถูกวางบนใบหน้าที่ขาวเนียนละเอียดของเธออย่างลงตัวเมื่อเวลาผ่านไป มีคนทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้นว่า "ประธานฟู่เลือกของเล่นชิ้นนี้ได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ" เสิ่นหยินอู้ไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดเลย เธออยากชวนฟู่ถิงสือมาร่วมลงทุน จึงได้แต่เดินตามเขาไปข้างหน้าเพราะมัวแต่คิดว่าจะเริ่มพูดยังไง เสิ่นหยินอู้จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งฟู่ถิงสือพาเธอไปที่ขอบรั้ว แล้วโบกมือให้กับคนที่กำลังขี่ม้าอยู่ในสนามม้า เสิ่นหยินอู้ก็หันมองตามสายตาของเขาไป"ฉินเย่ ทางนี้!" เสิ่นหยินอู้ที่มองตามฟู่ถิงสือไป พอเห็นคนที่อยู่บนหลังม้า รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็หายไปทันที ทำไม......ถึงบังเอิญแบบนี้?นับตั้งแต่เรื่องครั้งก่อน ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ช่วงนี้เสิ่นหยินอู้ก็ยุ่งมาก ดังนั้น เธอคิดว่าเรื่องนี้น่าจะผ่านไปแล้ว เจียงเฉิงไม่ใช่พื้นที่ของฉินเย่ เขาควรจะกลับไปหนานเฉิงนานแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเขายังอยู่ที่นี่ เมื่อสายตาของชายหนุ่มที่มองมาจากระยะไกลประสานกับสายตาของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็หันตัวแล้วตั้งท่าวิ่งหนีโดยไม่รู้ตัว ฟู่ถิงสือที่อย
"ช่วยแชร์หน่อยได้ไหมคะว่าพี่จีบประธานฟู่ยังไง? สอนวิธีให้ฉันหน่อย ฉันจะได้เรียนรู้บ้าง" ผู้หญิงคนนั้นชอบฉินเย่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกับเสิ่นหยินอู้ที่เธอคิดไปเองว่าเป็นผู้หญิงของฟู่ถิงสือ และรีบพาเธอเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พนักงานในสนามม้าได้ยินว่าฉินเย่และฟู่ถิงสือจะมาแข่งขันกัน จึงได้เตรียมพื้นที่ให้กับพวกเขาทั้งสองคน และดูแลคู่เดทของพวกเขาอย่างดี พอทั้งสองเดินเข้าไป ก็มีพนักงานเข้ามาส่งชุดขี่ม้าให้ทันทีพนักงานคนหนึ่งนำชุดขี่ม้ามาให้เสิ่นหยินอู้ พร้อมชมว่า "คุณผู้หญิงหุ่นดีมาก ไซส์น่าจะเลือกได้ง่ายเลยค่ะ" พูดจบก็ยัดชุดขี่ม้าใส่มือเธอเสิ่นหยินอู้: "......"เธออยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้จริง ๆ แต่ถ้าเธอเดินหนีไปตอนนี้ ก็คงจะทำให้ฟู่ถิงสือเสียหน้าอย่างมาก และไม่ต้องพูดถึงการหาเงินลงทุนเลย เธอคงจะทำให้เขาโกรธจนไม่มีทางร่วมงานกันได้อีก ตอนที่เสิ่นหยินอู้เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอยังคงรู้สึกหดหู่ใจ เอาแต่คิดว่าเป็นเพราะตอนออกจากบ้านวันนี้ไม่ได้ดูปฏิทินจีนก่อน ถึงได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือเธอรู้สึกเสียใจมากในตอนนี้เสิ่นหยินอู้ถึงขั้
ฉินเย่เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลย ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อย แต่ยังโน้มตัวเข้าใกล้เธอทีละนิดจนกระทั่งร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไม่มีช่องว่างใดๆเสียงเยาะเย้ยของฉินเย่ดังขึ้นตามมา"อะไร? นี่โม่ไป๋ปล่อยให้คุณออกมาเล่นกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้ได้เหรอ? ดูท่าว่าเขาก็ไม่ได้สนใจคุณเท่าไหร่นะ"ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขมวดคิ้ว"เขาจะปฏิบัติกับฉันยังไง ก็ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะมาพูด"พูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็เริ่มพยายามดิ้นอีกครั้งทั้งสองคนแนบชิดกันอยู่แล้ว เสื้อผ้าที่กั้นอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะหนา เมื่อเธอดิ้น ฉินเย่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงส่วนโค้งเว้าที่น่าประทับใจของเธอเสียดสีกับร่างกายของเขาสีหน้าของฉินเย่เปลี่ยนไป เขาจับข้อมือของเสิ่นหยินอู้แน่นขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เสิ่นหยินอู้กำลังดิ้นอยู่ เธอก็รู้ตัวถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเธอแข็งทื่อและหยุดเคลื่อนไหวลงทันทีมีความอึกอักลอยอยู่ในอากาศไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าขาวของเสิ่นหยินอู้ก็แดงก่ำ เธอจ้องมองคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกัดฟันพูดว่า: "คุณมันไร้ยางอายจริงๆ!"สีหน้าฉินเย่ก็ไม่ดีเช่นกัน เรียกได้ว่าหน้าดำเหมือนก้นหม้อ เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า:"ถ้
จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ยื่นมาคว้าเอวของเธอจู่ๆก็มีอะไรมาสัมผัสกะทันหันทำให้เสิ่นหยินอู้ร้องออกมาด้วยความตกใจ"เป็นอะไรไป?"ผู้หญิงที่นอกห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยินเสียงร้องของเธอ ไม่รู้ว่าเธอสงสัยหรือเป็นห่วง แต่เธอเริ่มบิดลูกบิดประตู พยายามจะเข้ามาแต่ประตูถูกฉินเย่ล็อคตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าผู้หญิงจะบิดยังไงก็ไม่มีประโยชน์"พี่ประตูนี่ทำไมเปิดไม่ออกล่ะ? พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม? พูดอะไรหน่อยสิ""ฉันไม่เป็นไร."แม้จะยังตกใจ เสิ่นหยินอู้ก็พูดขณะพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง:"แค่เมื่อกี้นี้ฉันเกือบล้มน่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว""จริงเหรอ?"ผู้หญิงดูเหมือนยังคงสงสัยอยู่บ้างเธอยืนอยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มองไปรอบๆ แล้วกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆที่จริงแล้วเธอได้ยินเสียงผู้ชายพูดมาจากทางเสิ่นหยินอู้ขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่เธอไม่แน่ใจว่านั้นคิดไปเธอเองหรือเปล่า อีกอย่างเสียงของผู้ชายคนนี้ยังคล้ายกับเสียงของประธานฉินมากดังนั้นเธอจึงเดินออกมา แต่หลังเธอออกมา ตรงนี่ก็ไม่มีเสียงอะไรแล้วดูเหมือนเมื่อกี้นี้ทั้งหมดจะเป็นเธอที่หูแว่วไปเองคิดมาถึงตรงนี้ ผู้หญิงอดไม่ได้ที่จ
"ว่าไง?"ฟู่ถิงสือหันกลับมาฉินเย่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา: "มึงไปไหน?""มึงยังจะมาถามว่ากูจะไปไหนอีกเหรอ?"ฟู่ถิงสือยิ้มอย่างมีเลศนัย"กูได้ยินมาว่าคู่ควงของกูข้อเท้าพลิกตอนอยู่ในห้องแต่งตัว ก็เลยคิดว่าจะไปดูหน่อย"ได้ยินแบบนี้ ฉินเย่ก็หรี่ตาลงอย่างอันตรายฟู่ถิงสือไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร อธิบายเสร็จแล้วก็หันหลังกลับ กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน แต่จู่ๆ ก็หยุดก้าวเท้าแล้วก็ตะลึงอยู่กับที่ มองดูเสิ่นหยินอู้ที่เปลี่ยนเป็นชุดขี่ม้าแล้วอย่างอึ้งๆชุดขี่ม้าของเธอดูสง่างาม และยังใช้การจับคู่สีแดงและขาวได้อย่างชาญฉลาดหลังจากที่เสิ่นหยินอู๋สวมชุดขี่ม้านี้แล้ว เอวที่เดิมก็เพรียวบางอยู่แล้วก็กระชับให้แน่นขึ้น ไหล่ที่งดงาม เอวที่เพรียวบาง และผมยาวที่ยาวถึงเอวราวกับน้ำตกฟู่ถิงสือมองเธออย่างตกตะลึงเขาไม่คิดว่าเสิ่นหยินอู้ที่ปล่อยผมและสวมชุดขี่ม้าจะมีหุ่นแบบนี้น่าทึ่งจนไม่มีใครเทียบได้หัวใจในอกเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆกว่าฟู่ถิงสือจะรู้สึกตัว เขาก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว "คุณหนูเสิ่น เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอครับ"เสิ่นหยินอู้มองไปที่ฉินเย่ที่อยู่ไม่ไกลด้านหลังฟู่ถิงสือ มองเพียงแวบเดียวก็ละสายตากลั
ไม่ต้องพูดถึงเมิ่งอิ่งจือและฟู่ถิงสือหรอกพนักงานที่อยู่ข้างๆ ต่างตกใจกับบรรยากาศที่ฉินเย่ปล่อยออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับกำลังประกาศถึงพายุที่กำลังจะมาและเขาก็เป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในสนามม้าในวันนี้ ไม่มีใครกล้าทำให้เขาไม่พอใจหรอก ฉากนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะเมื่อเทียบกับความตื่นตระหนกของคนอื่น ๆ ร่างผอมบางของเสิ่นหยินอู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดูสงบมาก ราวกับไม่มีผลกระทบอะไรจากความไม่พอใจของฉินเย่จนกระทั่งเธอขมวดคิ้วสวยและพูดต่อหน้าทุกคนว่า:"คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันมากับประธานฟู่ ไม่ใช่คู่ควงของคุณ"ความหมายก็คือปฏิเสธเขาทุกคนต่างตกใจจนตาโตกับคำตอบของเธอ คงไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธฉินเย่ด้วยวิธีนี้ และไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำให้เขาโกรธโต้งๆแบบนี้อย่างที่คิด ฉินเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปที่เธออย่างอันตราย แล้วทันใดนั้นก็โยกตัวแรงบนหลังม้า พุ่งเข้ามาหาเธอเมิ่งอิ่งจือดูสถานการณ์อยู่นั้น เธอตกใจจนต้องปิดปากทุกคนตกใจมากเมื่อเห็นเขาพุ่งตรงไปที่เธอประธานฉินคงไม่คิดจะขี่ม้าชนเธอหรอกนะ?"ฉินเย่!"แม้แต่ฟู่ถิงสือก็ยังตกใจกับการกระทำของเขา เขาคิดว่าฉินเย่คิดจะทำร้ายเสิ่นหย