เสิ่นหยินอู้ส่งข้อมูลส่วนตัวของตัวเองไปแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีการตอบกลับมาเป็นเวลานาน และก็ไม่ได้บอกราคากับเธอเธอมองดูเวลา แล้วก็นึกถึงเสียงที่ได้ยินจากโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ คิดว่าวันนี้เขาน่าจะยุ่งข้อมูลของตัวเองก็ได้ตรวจสอบแทบทั้งหมดแล้ว สิ่งที่สามารถขุดคุ้ยได้เธอก็ขุดคุ้ยมาหมดแล้ว ตรวจสอบต่อไป ก็คงจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา สุดท้ายเสิ่นหยินอู้ก็ปิดโน้ตบุ๊ค แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นว่า หลังจากที่เธอไปอาบน้ำ ทนายซุนได้โทรหาเธอ รอจนเธออาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นว่าทนายซุนได้ส่งข้อมูลที่เธอต้องการทั้งหมดมาให้แล้วข้อมูลยังไม่ได้เปิดดู แต่แค่เห็นสารบัญก็อดถอนหายใจไม่ได้ สมกับเป็นคนที่ทนายเซียวแนะนำมา ประสิทธิภาพในการทำงานนี่น่าทึ่งจริงๆ เธอไม่ได้ดูข้อมูลทันที แต่ตอบขอบคุณไปให้กับอีกฝ่าย แล้วขอให้เขาประเมินราคามา จากนั้นจึงเปิดดู แม้จะเตรียมใจล่วงหน้าไว้แล้ว แต่เมื่อเธอเห็นทรัพย์สินในชื่อของตัวเอง เสิ่นหยินอู้ก็ยังคงตกใจกับจำนวนที่มหาศาล เพราะไม่ใช่แค่ในหนานเฉิง เจียงเฉิง แต่ยังมีอีกหลายเมืองที่เธอมีอสังหาริมทรัพย์ และไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ธรรมดา มีอสังหาริ
เสิ่นหยินอู้ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในทันที แต่ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นอาจารย์และลูกศิษย์กัน มีอะไรก็ต้องปรึกษากันอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ดูปกติ เธอจึงพูดอะไรไม่ออก"ขอโทษจริงๆครับ คุณเสิ่น ผมไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบถึงคุณ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะครับ อาจารย์ของผมไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องไม่ดีหรอก"ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ใจเย็นลงนิดหน่อย"ขอบคุณค่ะ" "คุณเสิ่น ทรัพย์สินพวกคุณต้องการให้หาคนที่มีความเชี่ยวชาญมาจัดการให้ไหมครับ?""ไม่ค่ะ" เสิ่นหยินอู้ส่ายหัว "ทนายซุน พรุ่งนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ? ฉันคิดว่าเราต้องเจอกันหน่อย""พรุ่งนี้เที่ยงครับ""ได้ค่ะ"วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยง ทั้งสองนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แม้ว่าในตอนที่ทำบัญชีทรัพย์สิน ซุนปินอวี่จะได้เห็นเสิ่นหยินอู้จากในเอกสารแล้ว แต่พอได้เจอเธอตัวจริง ซุนปินอวี่ก็ยังคงอดที่จะตะลึงไม่ได้ เสิ่นหยินอู้เดินมาทักทายเขาตรงหน้า แต่เขาอึ้งไปนานก่อนจะรู้ตัว "สวัสดีครับ คุณเสิ่น""สวัสดีค่ะ ทนายซุน" ทั้งสองคนทักทายกันพอประมาณ หลังจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟ ซุนปินอวี่หิวมาก แต่คนที่นั่งตรงข้ามคือสาวสวยที่โดดเด่นขนาดนี้ เขาไม่กล้ากินอาหารต่อหน
ประโยคหลังทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกประหลาดใจ"คุณรู้จักฉันเหรอคะ?" คนคนนั้นยิ้มและพยักหน้า"แน่นอนครับ ถึงจะผ่านมาแล้วห้าปี แล้วคุณก็สวยขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ผมก็ยังจำคุณได้ตั้งแต่แรกเห็น ตอนที่คุณทำงานที่บริษัทฉินแล้วมาคุยงานที่บริษัทเรา ตอนนั้นผมยังเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆอยู่เลย" ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เข้าใจ"ก็หมายความว่าคุณใช้เวลาห้าปี เลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารหรอคะ?""ใช่ครับ""สุดยอดเลย"ความสามารถนี้ เสิ่นหยินอู้ค่อนข้างชอบ แต่ตอนนี้ที่ต้องแก้ไขยังคงเป็นปัญหาของบริษัท ผู้บริหารที่เสิ่นหยินอู้จ้างมาชื่ออู๋อี้ไห่ ในตอนนั้นเขาก็ให้คำแนะนำกับเธอทันที"จริงๆ แล้ว ถ้าคุณเสิ่นอยากจะแก้ปัญหานี้ มันง่ายมากครับ"ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เหลือบมองเขา "ลองพูดมาเลยค่ะ?""ดึงการลงทุน" อู๋อี้ไห่พูด "ถ้าเราสามารถดึงการลงทุนจากบริษัทใหญ่ได้ เราก็จะมีคนหนุนหลัง การดำเนินงานของบริษัทต่อไปก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับ" เรื่องดึงการลงทุน เสิ่นหยินอู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน แต่ตอนนี้......"คุณหมายความว่า ให้ฉันดึงการลงทุนในสภาพที่บริษัทมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนอย่างตอนนี้หรอคะ?"อู๋อี้ไห
หลังจากส่งข้อความนี้ไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับมาเสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์ไว้ สีหน้าของเธอเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดตรงเกินไปหรือเปล่า?แต่ถ้าพูดอ้อมเกินไป เสิ่นหยินอู้ก็กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น บางทีอาจเป็นเพราะคำเตือนของอู๋อี้ไห่เกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ที่ทำให้เธอต้องระมัดระวังตัว หลังจากผ่านไปนานห้านาที ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา"สนามม้าเขตตะวันออก ตอนนี้มาได้ไหม?" สนามม้า?แม้ว่าจะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการคุยงาน แต่นี่ก็เป็นโอกาส! เสิ่นหยินอู้ไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ากระเป๋าและผ้าพันคอของเธอแล้วเดินออกไปทันทีข้างนอกลมแรง ตอนลงมาจากตึกเสิ่นหยินอู้ก็พันผ้าพันคอทันที จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ สนามม้าเขตตะวันออก ภายในสนามม้ามีฝุ่นและทรายลอยฟุ้ง ม้าสีดำตัวสูงใหญ่กำลังวิ่งอยู่ในสนาม ขณะที่บนหลังม้ามีชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลาชายคนนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม มือที่จับสายบังเหียนแข็งแรงทรงพลัง ถึงจะอยู่ไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและความดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ตั้งแต่เขาเข้ามาในสนาม คนอื่นๆ ในสนามม้าต่างรีบขี่ม้าออกไป กลัวว่าจะโดนความด
รถจอดที่สนามม้าเขตตะวันออก เมื่อเสิ่นหยินอู้ลงจากรถ เธอก็เห็นฟู่ถิงสือยืนอยู่ที่ทางเข้าสนามม้า เขาสวมชุดขี่ม้าที่ดูทะมัดทะแมง ทั้งตัวดูสูงและหล่อเหลา พอเห็นเธอเขาก็ยิ้มออกมา"คุณเสิ่น" เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าเขาจะออกมารอเธอด้วยซ้ำ เธอรีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาพร้อมกระเป๋าของตัวเอง"ประธานฟู่ ทำไมคุณถึงออกมาล่ะคะ?""เฮ้อ คุณเสิ่น คุณนี่ก็เรียกผมทั้งประธานฟู่ ทั้งคุณ ๆ ผมดูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?" ยังไม่ทันที่เสิ่นหยินอู้จะตอบ ฟู่ถิงสือก็ยกมือขึ้นขัดเธอก่อนจะพูดต่อ "ถ้าคุณไม่ถือสา เรียกผมว่าถิงสือก็พอ"เสิ่นหยินอู้: "......" เธอจะกล้าเหรอ? อีกอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เธอจะเรียกเขาแบบนั้นได้ยังไง?"ประธานฟู่ แบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่นะคะ"ได้ยินแบบนี้ ฟู่ถิงสือก็ค่อย ๆ หรี่ตาลง จ้องมองเธออย่างมีนัยยะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ก็ได้ งั้นก็เรียกผมว่าประธานฟู่ไปก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนทีหลัง" "......" "แต่อย่าพูดคำว่าคุณ(您ที่ใช้เรียกแทนคนอายุมากกว่า)อีกนะ" เสิ่นหยินอู้ได้แต่พยักหน้า"ได้ค่ะ ประธานฟู่""ไปเถอะ ผมจะพาคุณเข้าไป" เมื่อพูดจบ ฟู่ถิงสือก
ดวงตาที่ดูเยือกเย็นแต่มีชีวิตชีวา จมูกที่ดูเรียวสวย และริมฝีปากสีแดงสด ถูกวางบนใบหน้าที่ขาวเนียนละเอียดของเธออย่างลงตัวเมื่อเวลาผ่านไป มีคนทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้นว่า "ประธานฟู่เลือกของเล่นชิ้นนี้ได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ" เสิ่นหยินอู้ไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดเลย เธออยากชวนฟู่ถิงสือมาร่วมลงทุน จึงได้แต่เดินตามเขาไปข้างหน้าเพราะมัวแต่คิดว่าจะเริ่มพูดยังไง เสิ่นหยินอู้จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งฟู่ถิงสือพาเธอไปที่ขอบรั้ว แล้วโบกมือให้กับคนที่กำลังขี่ม้าอยู่ในสนามม้า เสิ่นหยินอู้ก็หันมองตามสายตาของเขาไป"ฉินเย่ ทางนี้!" เสิ่นหยินอู้ที่มองตามฟู่ถิงสือไป พอเห็นคนที่อยู่บนหลังม้า รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็หายไปทันที ทำไม......ถึงบังเอิญแบบนี้?นับตั้งแต่เรื่องครั้งก่อน ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ช่วงนี้เสิ่นหยินอู้ก็ยุ่งมาก ดังนั้น เธอคิดว่าเรื่องนี้น่าจะผ่านไปแล้ว เจียงเฉิงไม่ใช่พื้นที่ของฉินเย่ เขาควรจะกลับไปหนานเฉิงนานแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเขายังอยู่ที่นี่ เมื่อสายตาของชายหนุ่มที่มองมาจากระยะไกลประสานกับสายตาของเธอ เสิ่นหยินอู้ก็หันตัวแล้วตั้งท่าวิ่งหนีโดยไม่รู้ตัว ฟู่ถิงสือที่อย
"ช่วยแชร์หน่อยได้ไหมคะว่าพี่จีบประธานฟู่ยังไง? สอนวิธีให้ฉันหน่อย ฉันจะได้เรียนรู้บ้าง" ผู้หญิงคนนั้นชอบฉินเย่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกับเสิ่นหยินอู้ที่เธอคิดไปเองว่าเป็นผู้หญิงของฟู่ถิงสือ และรีบพาเธอเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พนักงานในสนามม้าได้ยินว่าฉินเย่และฟู่ถิงสือจะมาแข่งขันกัน จึงได้เตรียมพื้นที่ให้กับพวกเขาทั้งสองคน และดูแลคู่เดทของพวกเขาอย่างดี พอทั้งสองเดินเข้าไป ก็มีพนักงานเข้ามาส่งชุดขี่ม้าให้ทันทีพนักงานคนหนึ่งนำชุดขี่ม้ามาให้เสิ่นหยินอู้ พร้อมชมว่า "คุณผู้หญิงหุ่นดีมาก ไซส์น่าจะเลือกได้ง่ายเลยค่ะ" พูดจบก็ยัดชุดขี่ม้าใส่มือเธอเสิ่นหยินอู้: "......"เธออยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้จริง ๆ แต่ถ้าเธอเดินหนีไปตอนนี้ ก็คงจะทำให้ฟู่ถิงสือเสียหน้าอย่างมาก และไม่ต้องพูดถึงการหาเงินลงทุนเลย เธอคงจะทำให้เขาโกรธจนไม่มีทางร่วมงานกันได้อีก ตอนที่เสิ่นหยินอู้เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอยังคงรู้สึกหดหู่ใจ เอาแต่คิดว่าเป็นเพราะตอนออกจากบ้านวันนี้ไม่ได้ดูปฏิทินจีนก่อน ถึงได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือเธอรู้สึกเสียใจมากในตอนนี้เสิ่นหยินอู้ถึงขั้
ฉินเย่เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลย ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อย แต่ยังโน้มตัวเข้าใกล้เธอทีละนิดจนกระทั่งร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไม่มีช่องว่างใดๆเสียงเยาะเย้ยของฉินเย่ดังขึ้นตามมา"อะไร? นี่โม่ไป๋ปล่อยให้คุณออกมาเล่นกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้ได้เหรอ? ดูท่าว่าเขาก็ไม่ได้สนใจคุณเท่าไหร่นะ"ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ขมวดคิ้ว"เขาจะปฏิบัติกับฉันยังไง ก็ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะมาพูด"พูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็เริ่มพยายามดิ้นอีกครั้งทั้งสองคนแนบชิดกันอยู่แล้ว เสื้อผ้าที่กั้นอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะหนา เมื่อเธอดิ้น ฉินเย่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงส่วนโค้งเว้าที่น่าประทับใจของเธอเสียดสีกับร่างกายของเขาสีหน้าของฉินเย่เปลี่ยนไป เขาจับข้อมือของเสิ่นหยินอู้แน่นขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เสิ่นหยินอู้กำลังดิ้นอยู่ เธอก็รู้ตัวถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเธอแข็งทื่อและหยุดเคลื่อนไหวลงทันทีมีความอึกอักลอยอยู่ในอากาศไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าขาวของเสิ่นหยินอู้ก็แดงก่ำ เธอจ้องมองคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกัดฟันพูดว่า: "คุณมันไร้ยางอายจริงๆ!"สีหน้าฉินเย่ก็ไม่ดีเช่นกัน เรียกได้ว่าหน้าดำเหมือนก้นหม้อ เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า:"ถ้