คำพูดที่ดูต่ำต้อยแบบนี้...ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินจากปากของโม่ไป๋แต่ทุกครั้งที่เขาพูด หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดพูดตามตรงโม่ไป๋นั้นดีกับเธอมากจริงๆ เขาทุ่มเทให้ทุกอย่างขั้นสุดแล้ว อาจจะไม่มีใครในโลกนี้ที่ปฏิบัติกับเธอดีขนาดนี้อีกแล้วหัวใจของเธอก็ไม่ได้ทำจากหิน ตลอดหลายปีที่เขาดีกับเธอมา เธอเห็นหมด ถ้าเธอไม่ได้มีลูกแล้วสองคน บางที ... อาจจะเลือกที่จะคบกับเขาก็ได้ แต่เธอเองก็เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอคนเดียวก็ให้ลูกได้น้อยอยู่แล้ว ไม่มีพลังเหลือพอที่จะมีความรักหรือควรพูดว่าแบ่งพลังงานไปให้คนนอกที่ไม่ใช่เด็กสองคนนี้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจในใจในที่สุด เธอก็เลือกที่จะบอกเขาให้ชัดเจน"คุณดีมาก โม่ไป๋ คุณดีมาโดยตลอด แต่……ฉันไม่สามารถรับอะไรดีๆจากคุณไปตลอดแต่กลับไม่เคยตอบกลับอะไรให้คุณเลย"ฟังคำพูดนั้นจบ โม่ไป๋ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า: "งั้นคุณก็ตอบรับผมนิดๆหน่อยๆได้ไหม? หยินอู้ ผมไม่ได้ต้องการอะไรเยอะ"เสิ่นหยินอู้:"……"เห็นเธอไม่พูดอะไร โม่ไป๋ก็พูดอีกว่า: "ถ้าไม่เชื่อคุณลองดูก็ได้ อยู่กับผม ผมจะไม่ทำ
เสิ่นหยินอุ้พาเด็กสองคนเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่เธอไป โม่ไป๋ก็กวาดสายตามองไปที่เฉียวลี่ซือ"สถานการณ์วันนี้เป็นไง"โม่ไป๋ชิงถามขึ้นมาแบบนี้ทำเอาเฉียวลี่ซืองงไปเล็กน้อย"อะไร?"ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังถามอะไรอยู่ โม่ไป๋เลยต้องเตือนสติเธอ: "เมื่อคืน"ได้ยินแล้ว สีหน้าของเฉียวลี่ซือก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย"เรื่องเมื่อคืนนี้ คุณรู้ได้อย่างไร? คงไม่ใช่เพราะหยินอู้บอกใช่ไหม? "พอคิดว่าโม่ไป๋รู้ว่าเมื่อคืนเธอไปแอบรอดูห้องผู้ชายคนหนึ่ง สีหน้าของเฉียวลี่ซือก็แย่ลงทันที อารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"นี่เธอเป็นอะไร? ฉันบอกเธอแล้วนะว่าถึงเราจะอยู่ด้วยกัน แต่เราก็ยังมีสถานะอิสระกันเหมือนเดิม ไม่ควรยุ่งเรื่องของอีกฝ่ายไง ทำไมเธอต้องบอกเรื่องฉันให้คุณฟังด้วย?"ความรู้สึกไม่พอใจที่เต็มเปี่ยมทำเอาโม่ไป๋ชะงัก เขาไม่คิดว่าการลองเชิงของเขาจะสร้างปัญหาให้เสิ่นหยินอู้ขนาดนี้แต่……แค่คิดว่าต่อไปถ้าเฉียวลี่ซือยังคงพัวพันผู้ชายแซ่ฉินอยู่ล่ะก็ เขายิ่งไม่สามารถปล่อยให้เสิ่นหยินอู้และเฉียวลี่ซืออยู่ที่นี่ด้วยกันได้ไม่อย่างนั้นมีปัญหาแน่นอนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดว
เฉียวลี่ซือหน้าซีดเดิมทีเธอคิดจะบอกกับเสิ่นหยินอู้ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณชายฉินจะมาขอโทษเธอ แต่หลังจากฟังคำพูดของโม่ไป๋เมื่อครู่แล้ว เฉียวลี่ซือก็รู้สึกว่าตัวเธอนั้นไม่จำเป็นต้องบอกหยินอู้นี่หลังคิดได้แบบนั้น เฉียวลี่ซือก็ยิ้มอย่างอึกอัก:"ไม่มี ไม่มีอะไร "ได้ยินแบบนั้น บนหน้าของเสิ่นหยินอู๋ปรากฏสีหน้าสงสัย"ตอนแกกลับมา แกโทรหาฉันไม่ใช่ว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันเหรอ?""ใช่ จริงสิ"เฉียวลี่ซือพยายามอธิบายอย่างลนลานเล็กน้อย:"ตอนนั้นอารมณ์พุ่งพล่านเลยมีเรื่องจะคุยกับแกน่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว"เสิ่นหยินอู้เลิกคิ้ว"งั้นหรอกเหรอ?"เฉียวลี่ซือพยักหน้าซ้ำๆแม้ว่าจะรู้จักเธอมาไม่นานนัก แต่เสิ่นหยินอู้คิดว่าเธอรู้จักเฉียวลี่ซือดีพอสมควร ตอนเธอโกหกจะปกปิดความไม่มั่นใจไม่ได้เลย สายตาล่อกแล่ก และพยักหน้าราวลูกไก่จิกข้าวเพราะงั้นท่าทางเธอในตอนนี้ เสิ่นหยินอู้มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังโกหกคงไม่อยากบอกแล้วล่ะมั้งเสิ่นหยินอู้ถอนหายใจในใจแล้วไม่ถามอะไรอีก"ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่ถามละ"เฉียวลี่ซือพยักหน้าต่ออีกตอนที่เสิ่นหยินอู้ผูกผ้ากันเปื้อนเตรียมจะหั่นเนื้อ เฉียวลี่ซือท
เฉียวลี่ซือพยายามฝืนยิ้มให้เด็กทั้งสองคนทันทีเสิ่นหยินอู้มองไปที่ทั้งสองคน พอพวกเขาลุกขึ้นก็ยกมือขึ้นลูบหัวพวกเขา: "เหนียนเหนียน เหมิงเหมิง คืนนี้เป็นเด็กดีมาก กลับห้องไปพักสักแป๊บแล้วเก็บข้าวเก็บของนะ โอเคไหม"เฉียวลี่ซือที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแบบนั้นก็ใบหน้าซีดกัดริมฝีปากล่างตัวเองเด็กสองคนได้ยินแบบนั้น ก็หันไปมองเสิ่นหยินอู้ทันที คงไม่คิดว่าสถานการณ์จะรุนแรงขนาดนี้ไม่คิดว่าวินาทีถัดมา เสิ่นหยินอู้จะยิ้มและพูดว่า:"พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนใหม่แล้วนะ "ได้ยินดังนั้น เด็กน้อยทั้งสองเลยวางใจและไปเก็บสัมภาระรอจนกว่าพวกเขาจะไป เสิ่นหยินอู้จึงค่อยๆกินข้าวที่เหลือในชามจนหมดเฉียวลี่ซือที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่ที่เธอบอกให้เด็กทั้งสองเก็บกระเป๋าเดินทางก็นั่งอยู่ที่เดิมราวกับไร้จิตวิญญาณจนกระทั่งเสิ่นหยินอู้กินเสร็จและลุกขึ้นเก็บจาน เธอถึงได้สติกลับมารีบขอโทษหยินอู้"หยินอู้ ขอโทษนะ"สีหน้าเสิ่นหยินอู้พูดออกมาอย่างยิ้มๆนิ่งๆ: "ไม่เป็นไร แกนึกถึงฉันนี่เนอะ เดี๋ยวๆดึกๆฉันจะไปหาโม่ไป๋" จริงๆแล้วหลังจากที่เฉียวลี่ซือพูดออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจทีหลัง แต่ตอนนี้ได้ยินว่าหยินอู้จะไปหาโม่
ตอนที่มาถึงโรงแรมนั้นยังเช้าอยู่ เสิ่นหยินอู้จองห้องสวีทหนึ่งห้อง เช็คอินเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากทุกๆอย่างเรียบร้อยแล้ว พนักงานของโรงแรมก็พาเธอขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิงคะ ห้องสวีทที่จองไว้มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งเป็นของตัวเอง แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นฤดูหนาว สระว่ายน้ำจึงไม่เปิดให้ใช้งาน อีกทั้งคุณผู้หญิงพาเด็กมาด้วยสองคนด้วย ดังนั้นการไม่เปิดใช้งานจึงเป็นทางที่ดีที่สุดค่ะ” "ค่ะ" เสิ่นหยินอู้พยักหน้าด้วยความซาบซึ้งที่อีกฝ่ายให้คำเตือนอย่างระมัดระวัง "เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ" สภาพห้องสวีทของโรงแรมดีมาก เมื่อเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปจะมีกลิ่นหอมจางๆ ไม่มีกลิ่นความชื้นในอากาศ พนักงานเดินเข้าไปเช็คสิ่งอำนวยความสะดวกและสระว่ายน้ำที่พูดถึงเมื่อครู่ จากนั้นจึงออกไปหลังจากที่แน่นอนแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรภายในห้อง เสิ่นหยินอู้หยิบสิ่งที่เธอต้องการออกมาและจัดวางให้เรียบร้อย เด็กผู้ชายตัวเล็กทั้งสองคนป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆเธอ เมื่อเธอหยุด พวกเขาก็หยุดตาม จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบนตักของเธอ จากนั้นก็เงยหน้าเล็กๆนั้นแล้วถามเธอ “แม่ฮะ แม่ทะเลาะกับป้าลี่ซือมาหรอฮะ?” เสิ่นหยินอู้ไม่อยากให้ลูกๆรู้ว่
“ทำไมไม่บอกฉันล่ะ?” “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เลยไม่จำเป็นต้องบอก” หลังจากได้ยิน โมไป๋ก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "แล้วทำไมไม่ไปบ้านที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอล่ะ? ผมให้กุญแจกับเหมิงเหมิงไปแล้ว" “นายก็รู้ นายให้เหมิงเหมิง ไม่ได้ให้ฉัน” “หยินอู้....” “ขอดูหน่อยแล้วกันว่านายเอาอะไรมาให้กินบ้าง” เสิ่นหยินอู้รับอาหารเช้ามาจากมือของเขา เธอพบว่ามันเย็นชืดไปแล้ว เธอจึงนำไปอุ่นในครัว โม่ไป๋มองดูร่างเพรียวบางของเธอ ดวงตาของเขากลับหม่นลง เธอย้ายมาที่นี่ในตอนกลางดึก ที่จริงแล้วมันก็มีสิ่งที่เขาเขียนอยู่ในนั้นด้วย แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะเร็วขนาดนี้ และเธอก็ไม่ได้บอกอะไรกับเขาสักนิด อีกนานแค่ไหนกันที่เขาจะเข้าไปในใจเธอได้? - เมื่อคืน เฉียวลี่ซือนอนไม่ค่อยหลับ เมื่อฟ้าใกล้สว่าง เธอก็เพิ่งหลับ แต่เธอก็ตื่นขึ้นหลังจากที่นอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เพราะเธอนึกถึงการนัดพบในมื้ออาหารเที่ยงในวันนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างยิ่งที่เมื่อวานนี้ก่อนที่คุณผู้ชายฉินคนนั้นจะไป เขาก็ได้เป็นฝ่ายที่ขอช่องทางการติดต่อของเธอและชวนเธอไปรับประทานอาหารเที่ยงในวันนี้ หลังจากที่เธอรับปากว่าจะพาคนๆหนึ่งไ
ฉินเย่ออกจากร้านอาหารด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เดิมทีเขาคิดว่าจะให้เธอคนนี้พาผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่ คิดไม่ถึงเลยว่า... เมื่อดูจากการเลี่ยงสายตาของเธอ เขาคิดว่าเธออาจจะไม่บอกเรื่องของเขากับเธอคนนั้นด้วยซ้ำ ฉินเย่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก “ตรวจสอบคนๆหนึ่งให้ผมหน่อย” เมื่อเฉียวลี่ซือได้สติและเดินตามเขาออกไป ร่างของฉินเย่ก็หายไปแล้ว เธอทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วติดต่อฉินเย่ โทรศัพท์ดังอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายจึงรับสาย “คุณผู้ชายฉิน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ? เพราะเพื่อนของฉันไม่มา คุณก็เลยโกรธเหรอ? ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณจริงๆ เมื่อคืนนี้เพื่อนของฉันย้ายไปอยู่ด้วยกันกับแฟน ต่อหน้าแฟนของเธอ ฉันไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องของ...” ก่อนที่เธอจะพูดจบ ที่ปลายสายก็มีเสียงเบรกกะทันหันดังขึ้น ซึ่งมันทำให้เธอตกใจ “คุณผู้ชายฉิน คุณผู้ชายฉิน คุณไม่เป็นไรนะคะ?” หลังจากที่อีกฝ่ายสงบลง เป็นเวลาเนิ่นนาน เสียงที่เย็นชาราวกัยน้ำแข็งของชายคนนั้นก็ดังขึ้น เขากัดฟันพูด "แฟนเหรอ?" เฉียวลี่ซืออยู่ในอาการตกใจและพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ใช่ค่ะ เป็นแฟน...” ตู๊ด--- โทรศัพท์
มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่ยังนึกถึงอดีตภรรยาของตนหลังจากที่หย่ากันไป โม่ไป๋ที่อยู่ข้างๆกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เฮ้อ คุณหนูเสิ่น จะว่าไป คุณมีความเกี่ยวข้องกับอดีตภรรยาของเจ้าของห้องนี้บ้างไหมครับ?” "ความเกี่ยวข้องหรอคะ?" เธอเกี่ยวข้องกับอดีตภรรยาของเจ้าของห้องนี้งั้นหรอ? เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ยิ้มและพูดเบาๆว่า "ความเกี่ยวข้องจะทำให้ฉันเช่าห้องนี้ได้ไหมคะ?" “ถ้าเกี่ยวข้องกันจริงๆ ก็อาจจะได้ละมั้งครับ คุณหนูเสิ่น เจ้าของห้องนี้มีนามสกุลเดียวกันกับคุณ” “นามสกุล เสิ่น หรอคะ?” “ใช่ครับ ผมได้ยินมาว่าเธอยังสาวและหน้าตาสะสวยมาก” เสิ่นหยินอู้ "....." ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเธอได้ยินถึงตรงนี้ เธอจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ทุกคนลงลิฟต์ลงไปชั้นล่างด้วยกัน ขณะที่กำลังจะออกจากประตู พวกเขาก็พบกับชายวัยกลางคนในชุดสูท ซึ่งน่าจะเป็นเจ้านายของบริษัทนี้ ทันทีที่เขาเห็นเขา สีหน้าของเขาก็หม่นลงทันที “เสี่ยวฉี ทำไมแกถึงพาแขกมาที่นี่อีกแล้วล่ะ? แกนี่นะ ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าพาแขกมาที่นี่ ถึงเขาจะถูกใจ เขาก็เช่าไม่ได้ แกอ