ก่อนที่หลินเหม่ยหลินจะพูดจบ คนที่คุ้นเคยของเธอก็เดินออกมาจากห้องให้คำปรึกษาที่อยู่ด้านหลังเธอ "แม่" เมื่อเสียงที่นุ่มอ่อนเยาว์ของเด็กสาวดังขึ้น ใบหน้าที่เย่อหยิ่งและร้ายกาจของหลินเหม่ยหลานก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เสิ่นหยินอู้มองไปยังที่มาของเสียง เธอจำได้ทันทีว่าเป็นจ้าวเป่าเอ๋อ ลูกสาวของหลินเหม่ยหลาน เธอถือใบรายการตรวจอยู่ในมือ สีหน้าและสีปากของเธอซีดมาก สภาพของเธอดูไม่ค่อยดีนัก ก่อนที่เธอจะได้ตอบอะไรกลับไป หลินเหม่ยหลานซึ่งยังคงเยาะเย้ยเสิ่นหยินอู้อยู่ก็หันกลับไปทันที จากนั้นก็เดินไปดึงจ้าวเป่าเอ๋อและเดินออกไป เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบของเธอทำให้เสิ่นหยินอู้เดาผลลัพธ์ได้ อย่างไรก็ตาม เสิ่นหยินอู้ไม่เคยอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เธอก็เลยไม่ได้สนใจอะไรนัก จากนั้นไม่นาน หลินเหม่ยหลานก็กลับมา และไม่ได้พาใครมากับเธอ คงจะพาลูกสาวของเธอไปไว้ที่อื่น เธอเดินกลับไปหาเสิ่นหยินอู้อีกครั้ง ท่าทางของเธอแสดงให้เห็นถึงความใจร้ายที่ไม่เหมาะกับใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของเธอ “เสิ่นหยินอู้ ฉันรู้ว่าถ้าเธอเป็นคนฉลาด เธอคงจะเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรเอา
พวกเธอได้รับความทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จะไม่ทำร้ายพวกเธอเป็นครั้งที่สอง สองนาทีต่อมา โจวชวงชวงก็กลับมา “ฉันซื้อแซนด์วิช นมข้าวโอ๊ต แล้วก็ลูกอมมา ในร้านมีของน้อยมาก เธอกินของพวกนี้รองท้องไปก่อนนะ” ขณะที่โจวชวงชวงพูด เธอก็แกะห่อขนมให้ จากนั้นก็ยื่นให้เธอ “กินซะสิ เดี๋ยวก็หิวแย่” เสิ่นหยินอู้มองดูโจวชวงชวงด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นในดวงตาของเธอ "ขอบคุณ" โจวชวงชวงเป็นห่วงเธอมากกว่าแม่ของเธอเสียอีก "มาขอบคุณอะไรกันเล่า!" โจวชวงชวงจ้องเธอ "ระหว่างเราสองคน ยังต้องมาของคงขอบคุณอะไรกันอีกหรอ? ถ้าจะขอบคุณ น่าจะเป็นฉันที่ต้องขอบคุณเธอมากกว่าไหม ตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันอาจจะไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ” เสิ่นหยินอู้ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เธอและโจวชวงชวงรู้จักกันตอนเรียนมัธยมปลาย และทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตั้งแต่แรก สิ่งที่เหมือนจะเป็นพรหมลิขิตก็คือการที่ทั้งคู่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันได้ แต่ในช่วงปิดเทอมนั้น พ่อของโจวชวงชวงเป็นบ้าไปด้วยเหตุผลบางอย่างและติดการพนัน ส่งผลให้เขาเป็นหนี้มากมายจนเจ้าหนี้มาตามถึงท
เสิ่นหยินอู้ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แต่ด้วยการคะยั้นคะยอของโจวชวงชวง เธอจึงต้องจำใจดื่มนมจนหมดและกินแซนด์วิชไปสองสามคำ โจวชวงชวงเห็นว่าเธอกินไม่ลงแล้วจริงๆ เธอจึงไม่บังคับหยินอู้อีก หลังจากที่เธอเอาขยะไปทิ้งแล้วเธอก็กลับมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นมากแล้วสินะ?” "อืม" โจวชวงชวงกระแอมออกมาเบาๆ แล้วถามว่า “ถ้างั้น วันนี้เรากลับก่อนดีไหม?” เสิ่นหยินอู้ไม่ได้พูดอะไร โจวชวงชวงกุมมือของเธอแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า "ไปกันเถอะ" "ก็ได้……" ตอนนี้เสิ่นหยินอู้ดูราวกับว่ากำลังหลงอยู่ในหมอก และต้องการใครสักคนที่จะมาช่วยและสนับสนุนเธอ ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม เธอลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมกับโจวชวงชวง เมื่อผ่านมุมมุมหนึ่ง เสิ่นหยินอู้ก็ได้ยินเสียงคนกำลังเถียงกัน “แต่แม่ หนูชอบเขา” น้ำเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งฟังดูเศร้ามาก “หุบปาก!” หญิงสาวคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวและใจร้าย “แกพูดไร้สาระอะไร? แเม่บอกแกไปแล้วไม่ใช่หรอ? แกกำลังถูกมันหลอก เข้าจำไหม?” "แม่……" “หลังจากเรื่องวันนี้ แกไม่ได้รับอนุญาตให้ไปมาหาสู่กับมันอีก คนจนๆอย่างมันไม่คู่ควร
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวชวงชวงที่ต่อว่าฉินเย่ เสิ่นหยินอู้ก็ต้องการแก้ตัวแทนฉินเย่โดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อคำพูดนั้นมาจ่ออยู่ที่ปากของเธอ เธอกลับพูดไม่ออกสักคำ ริมฝีปากของเธอเปิดออก แต่เธอก็พบว่าตนไม่มีเรี่ยวแรงเลย แก้ตัวเหรอ? สิ่งที่เป็นความจริงอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอยังต้องแก้ตัวอะไรอีก? เมื่อคิดแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ลดสายตาลงและไม่พูดอะไรอีก โจวชวงชวงได้ตัดสินใจแทนเธอแล้ว “ไม่ต้องไป พวกเขาอยากเจอเธอก็ปล่อยให้พวกเขามาหาเธอเอง ทำไมเธอต้องไปที่นั่นเพียงเพราะพวกเขาโทรหาเธอและส่งที่อยู่มาให้เธอ?” เมื่อเห็นว่าโจวชวงชวงโกรธจัด เสิ่นหยินอู้ก็ปลอบเธอแทน “เอ่อ ฉันไม่ได้คิดจะไป หายโกรธได้แล้ว” “ฉันโกรธที่ไหนกัน ฉันแค่รู้สึกเสียใจแทนเธอเฉยๆ” โจวชวงชวงพูดอย่างขมขื่น เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เจียงฉูฉู่อาจจะขอให้เพื่อนมาหาเธอจริงๆ ดูเหมือนว่าเธอกำลังร้อนรน ฉูฉู่คงกลัวว่าถ้าเธอไม่ทำแท้ง เธอจะขโมยฉินเย่ไปจากฉูฉู่สินะ? โถ่ ฉูฉู่คงรู้ว่าตัวเธอเองคงมั่นใจไม่ได้ร้อยเปอเซ็นต์แหละ” เสิ่นหยินอู้วางมือถือของเธอลงและไม่ได้สนใจข้อความนั้น ต่อให้โจว
นับตั้งแต่วันนั้นที่เธอลบข้อความนั้นออกจากโทรศัพท์ของฉินเย่ เจียงฉูฉู่ก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงตอนนี้ ที่จริงแล้ว เธอเดาได้ว่าตั้งแต่เสิ่นหยินอู้บอกฉินเย่ทางข้อความ เธอคงไม่กล้าพอที่จะบอกเรื่องนั้นกับฉินเย่ด้วยตนเอง แต่เธอยังคงกังวล วันนั้นจึงคิดที่จะชวนฉินเย่ออกไป ผลก็คือ ในคืนนั้นเขาก็ทำงานล่วงเวลา จึงออกไปข้างนอกไม่ได้ แต่เจียงฉูฉู่ก็ยังคงกังวลใจ เธอจึงไปทำงานล่วงเวลาที่บริษัทเป็นเพื่อนเขา และเมื่อเขาเลิกงาน เธอก็ลากเขาไปงานเลี้ยงกับเพื่อนๆของเธอด้วย เขาดื่มเหล้ามากจนเมาหมดสติไป ในช่วงเวลานั้น เธอได้โทรหาเสิ่นหยินอู้ แต่อีกฝ่ายวางสายไปด้วยความอารมณ์เสีย สิ่งนี้ทำให้เจียงฉูฉู่รู้สึกเบิกบานอย่างเงียบๆ ปฏิกิริยาของเสิ่นหยินอู้แสดงให้เห็นว่าเธอเริ่มรู้สึกผิดหวัง แต่เธอเพียงแค่ต้องทำให้เหมือนกับว่าฉินเย่ต้องการให้เธอทำแท้ง และเธอ เจียงฉูฉู่จะชดเชยเธอให้ เช่นนั้น เธอก็จะไม่มีต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป แต่เธอไม่สามารถปล่อยให้หยินอู้พูดออกมาได้ หากฉินเย่รู้เข้าในอนาคต เขาจะต้องโทษเธอสำหรับอาชญากรรมเช่นนี้ ดังนั้น เธอจึงบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนๆของเธอฟังโดยไม่ได
ไม่ต้องคิดเลย จะต้องเป็นเพื่อนของฉูฉู่อีกแน่ๆ เธอกำลังจะตัดสาย แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เธอจึงกดรับสาย เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา และอีกฝ่ายก็เงียบอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงของเจียงฉูฉู่ “หยินอู้ ฉันฉูฉู่เอง...” อย่างที่คิด เพื่อนโทรไม่ติด ก็เลยโทรมาเองเลยงั้นเหรอ? เสิ่นหยินอู้ยกมุมปากขึ้น "อืม" “สะดวกไหมที่จะมาเจอกันสักหน่อยไหม?” หลังจากพูดจบ เจียงฉูฉู่ก็ดูเหมือนว่าจะกลัวเธอปฏิเสธ จึงพูดต่อว่า "บอกที่อยู่ของเธอมา ฉันจะไปหาเธอเอง" เสิ่นหยินอู้คิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ฉันอยู่ที่บ้าน" อีกฝ่ายเงียบไปเป็นเวลานาน และในที่สุดเธอก็ถามว่า "หมาย หมายความว่าไง?" "เธอก็มาที่บ้านฉันสิ" เจียงฉูฉู่ "..." อีกฝ่ายตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน จากนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก "วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น" หลังจากนั้นไม่นาน เจียงฉูฉู่ก็พูดว่า "ได้ ฉันจะไปหาเธอ" หลังจากวางสายแล้ว จู่ๆเสิ่นหยินอู้ก็ตัดสินใจได้ในทันที เธออยากเก็บเด็กคนนี้ไว้! ทำไมเจียงฉูฉู่ถึงมาหาเธอในเวลานี้? หลังจากที่เธ
เอาอีกแล้ว มาทรงนี้อีกแล้ว ในอดีต เสิ่นหยินอู้คิดว่าเจียงฉูฉู่เป็นคนที่อ่อนโยนและอบอุ่น เพราะเธอทำตัวมีน้ำใจและรู้จักกาลเทศะต่อหน้าคนอื่น แต่ในช่วงไม่กี่วันก่อนที่เธอกลับมา เธอพูดแบบนี้ถึงสองครั้ง ครั้งก่อนคือฉินเย่ คราวนี้เป็นคนรับใช้ที่บ้าน ทั้งสองครั้งเธอทำเหมือนว่าเธอรู้สึกขอบคุณหยินอู้ แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นการประกาศว่าฉูฉู่นั้นเหนือกว่าเธอ ความเหนือกว่าเช่นนี้ ที่จริงแล้วเจียงฉูฉู่ไม่ได้มีมันเลยด้วยซ้ำ ถ้าบอกว่าเธอกับฉินเย่เคยเป็นแฟนกันมาก่อน มันก็สมเหตุสมผลที่เธอจะพูดอะไรแบบนี้ในตอนนี้ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ใช่แฟนกัน ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจว่าเจียงฉูฉู่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาพูดกับเธอแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาเป็นแฟนกันในตอนนั้น ต่อให้เสิ่นหยินอู้จะชอบฉินเย่ เธอก็จะไม่ตกลงที่จะแต่งงานปลอมๆเด็ดขาด อย่างไรเสีย เจียงฉูฉู่ก็เคยช่วยเหลือเธอ ดังนั้น เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากของเธอไว้และอดทน สุดท้ายเธอก็ระงับความรู้สึกไม่สบายใจภายในอกของเธอไว้ จากนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร เสิ่นหยินอู้ที่ไม่ได้แสดงอาการไม่สบายใจหรือแสด
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ก่อนที่จะมา เจียงฉูฉู่คิดว่า เสิ่นหยินอู้เป็นคนที่รับมือได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เธอไม่คิดเช่นนั้นแล้ว หากเสิ่นหยินอู้เป็นคนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เธอจะท้องได้อย่างไร? เมื่อเช่นนั้น เจียงฉูฉู่ก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดซองจดหมายให้เธอ เช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทปรากฎอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน เจียงฉูฉู่พูดเบาๆว่า "เธอทำงานหนักมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา ช่วยเหลือทั้งเรื่องในและนอกบริษัท เขายังเคยชมเธอให้ฉันฟัง โดยบอกว่าเธอมีความสามารถและอดทนต่อความลำบาก ฉันคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะเปลี่ยนจากลูกสาวของตระกูลเสิ่นมาเป็นเธอในตอนนี้ แม้ว่าเงินจำนวนนี้อาจจะน้อยไปหน่อย แต่ก็เป็นความหวังดีจากฉัน เธอสามารถเอาเงินนี้ไปซื้อของที่เธออยากได้ เอาไปเติมเต็มในสิ่งที่เธอปรารถนา ดูแลร่างกายเยอะๆ" เมื่อเธอพูดถึงคำว่า "ดูแลร่างกาย" เจียงฉูฉู่จงใจจับข้อมือของเสิ่นหยินอู้แน่นและค่อยๆเอาปลายนิ้วของเธอแตะลงไปที่ฝ่ามือของหยินอู้ เสิ่นหยินอู้เงยหน้าขึ้นและสบตากับเจียงฉูฉู่ ฉูฉู่พยักหน้าและถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจกับอะไรบางอย่าง และยังเอื้อ