แชร์

บทที่ 275

ผู้เขียน: ลั่วหูโยว
หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล เสิ่นหยินอู้เห็นคุณนายฉินที่ดีขึ้นมากแล้ว ก็ดีใจมาก เอาแต่นั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา

คุณนายฉินเห็นเธอเช่นนั้น ก็เหมือนกับเห็นเด็กน้อยวัยสิบกว่าปี อารมณ์ก็พลอยดีไปด้วย

“คุณย่าคะ หิวน้ำไหมคะ? เจ็บแผลไหม? ง่วงไหม? อยากกินอะไรไหม หรือว่าอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อยไหมคะ? หรือว่าถ้านอนไม่หลับ ให้หนูเล่านิทานให้ฟังไหมคะ?”

อาจเป็นเพราะตื่นเต้นเกินไป ทำให้เสิ่นหยินอู้ไม่ทันสังเกตว่าคำพูดของตนนั้นผิดปกติ

แต่คุณนายฉินก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอ เพียงแค่พูดว่า “ย่าไม่ง่วง ในเมื่อหยินอู้ของย่าจะเล่านิทานให้ฟัง ถ้างั้นย่าขอฟังนิทานสักหน่อยค่อยหลับแล้วกัน”

หลังจากนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เริ่มเล่านิทานต่างๆ นานาให้คุณนายฉินฟัง

คุณนายฉินฟังอย่างได้อารมณ์ มุมปากยกขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน

แม่ฉินที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้สำรวจมองเธอ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกสะใภ้คนนี้เข้าท่าจริงๆ

เพราะว่า หากเปลี่ยนเป็นตนล่ะก็ เธอคงไม่มีความอดทนมากขนาดเล่านิทานให้คนแก่ฟังหรอก แถมในสถานการณ์ที่ไม่เห็นภาพ ยังสามารถเล่าได้ดีขนาดนี้ด้วย

สุดท้ายภายใต้เสียงอันอ่อนโยนของเสิ่นหยินอู้ ทำให้คุณนายฉินเคลิ้มหลับไป

รอให้เธอหล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
อักษรวดี ทราเลา
อย่ารู้ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 276

    อย่างไรก็ตาม ท่าทีแบบนั้นคงจะเป็นลักษณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบและอยากดูแลล่ะมั้งตัดภาพมาที่เสิ่นหยินอู้ แม่ฉินพลันถอนหายใจใช่ว่าเสิ่นหยินอู้ไม่สวย เพียงแต่ว่าเธอแข็งแกร่งมากเกินไป เรื่องส่วนมากก็จัดการเองเสมอแต่เจียงฉูฉู่กลับ…ในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเจียงฉูฉู่คิดอะไรกับลูกชายตัวเอง?แต่เจียงฉูฉู่เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลฉิน ต่อหน้าแม่ฉินยังต้องเกรงอกเกรงใจหล่อนด้วยแต่ความเกรงใจนี้ เป็นความเกรงใจที่มีต่อแขกเท่านั้นหากเจียงฉูฉู่คิดจะแย่งตำแหน่งของเสิ่นหยินอู้ไปล่ะก็ เช่นนั้นเธอในฐานะแม่ต้องไม่เห็นด้วยแน่นอนแต่งตัวธรรมดาเกินไปเหรอ?ความจริงก่อนที่แม่ฉินจะกลับมา เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้แต่งตัวธรรมดาหรอกเธอเป็นคนรักสวยรักงามมาตลอด ตอนที่ตระกูลเสิ่นยังไม่ล้มละลาย เสื้อผ้าและเครื่องประดับหรือกระเป๋าของเธอล้วนแต่เป็นคอลเล็กชันใหม่ล่าสุดของซีซั่นนั้นเสมอ และเธอก็เป็นลูกค้าวีไอพีขั้นสูงสุดของแบรนด์ด้วย ทุกปีจะมีของขวัญพิเศษส่งมาเสมอ และมีการเชื้อเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายหลังจากที่ตระกูลเสิ่นล้มละลาย เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกถึงแม้ฉ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 277

    เพียงแต่เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าคำว่าไม่กี่วันของแม่ฉินจะมาเร็วเพียงนี้เพราะผ่านไปเพียงสองวัน จู่ๆ แม่ฉินก็ลากเธอมาอย่างตื่นเต้นว่า “หยินอู้ พรุ่งนี้ไปตรวจร่างกายกันเถอะ”เสิ่นหยินอู้ที่ได้ยินดังนั้นพลันชะงักทันที“แม่คะ ทำไมจู่ๆ ถึงเลื่อนเข้ามาล่ะคะ? บอกว่ารอให้คุณย่าดีขึ้นอีกหน่อยไม่ใช่เหรอคะ?”แม่ฉินยิ้มแย้ม “เพราะว่าช่วงนี้คุณย่าอาการดีขึ้นมาก หมอบอกว่าสถานการณ์ไม่แย่ อีกอย่างสองวันนี้แม่ได้ยินว่ามีหมอเก่งๆ มาแหละ น่าจะอยู่แค่ไม่กี่วัน หนูก็รีบไปตรวจร่างกายซะ ถึงตอนนั้นเราจะได้รักษากับหมอคนนั้นเลย”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็รู้สาเหตุที่แม่ฉินเลื่อนเวลาเข้ามาแล้วเธอทำได้เพียงยิ้มตอบ และคิดหาวิธีปฏิเสธ “ความจริงเราแค่ตรวจร่างกายเฉยๆ เครื่องมือธรรมดาก็สามารถบอกผลได้ หมอทั่วไปก็สามารถรักษาได้เหมือนกันแหละค่ะ”“ก็ถูก แต่ว่าโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว แม่กับย่าทักทายหมอไว้แล้ว บอกว่าช่วงนี้จะพาหนูไปตรวจร่างกาย หมอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”เสิ่นหยินอู้ที่เดิมคิดว่าหากวิธีนี้ไม่เป็นผล ก็จะใช้คุณนายฉินมาอ้าง “…”ไม่คิดว่าแม่ฉินจะทาบทามฝั่งคุณนายฉินแล้วด้วยรวดเร็วทันใจจริงๆหาก

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 278

    หลังจากที่ฉินเย่จอดรถ มือของเขาจับที่พวงมาลัย แล้วมองไปที่เธอด้วยสายตามึดครึ้ม“ถ้างั้นเธอก็คิดเผื่อฉันมากจริงๆ ฉันต้องขอบคุณเธอไหมล่ะ? เสิ่นนั่วนั่ว!”เขากัดฟันเรียกชื่อเธอสุดท้ายเดิมเสิ่นหยินอู้ไม่อยากจะพูดอะไรอยู่แล้ว แต่เมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้น กลับกลายเป็น “ขอบคุณน่ะไม่ต้องหรอก ถ้าเป็นไปได้งั้นพรุ่งนี้เราก็ไปที่อำเภอเลยได้ไหม?”ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นฉินเย่ที่ไม่พูดจา เขาจ้องเธอตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แววตาราวกับเพลิงไฟ ไม่ละสายตาออกจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียวทั้งๆ ที่เขาเองก็ได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้ว แต่กลับไม่ยอมตอบเมื่อเห็นเขาเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้เองก็หมดหนทาง เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉินเย่คิดอะไรอยู่กันแน่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอาการป่วยของคุณย่าจึงจำต้องทำแบบนั้นแต่สองวันนี้คุณย่าก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่รู้เพราะเสิ่นหยินอู้คิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าฉินเย่ไม่ค่อยอยากหย่าเท่าไหร่นักไม่ เป็นไปไม่ได้เขาอยากจะหย่ากับเธอให้เร็วน่ะสิไม่ว่า จะได้แต่งกับเจียงฉูฉู่แทนหากไม่ใช่เพราะคุณย่าป่วย เขาต้องการทำให้คุณย่าดีใจ ก็เลยให้ตนแต่งงานปลอมๆ กับเขา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เกรงว่าเขาคงอยากแต่ง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 279

    วันต่อมาเสิ่นหยินอู้ตื่นมาพบว่าเป็นแปดโมงเช้าของอีกวันแล้วเธอมองดูเพดานสีขาวหิมะและสภาพแวดล้อมรอบๆ อันคุ้นเคย และดื่มด่ำกับความนุ่มของเตียงใหญ่ๆ นี้ในที่สุดก็มั่นใจแล้วว่าเป็นเตียงใหญ่ของบ้านตนหลังจากตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เสิ่นหยินอู้ก็จับศีรษะของตนแล้วนั่งตัวตรงไม่คิดว่าเธอจะหลับไปตื่นหนึ่งจนถึงตอนนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอยังนอนหลับอยู่บนรถนี่ หมายความว่าฉินเย่พาเธอกลับมางั้นเหรอ?เธอนั่งอยู่นานพักหนึ่ง ถึงจะเปิดโทรศัพท์ดูข้อความฉินเย่ไม่ได้ทิ้งข้อความอะไรไว้ให้กับเธอ ช่องแชทของเขายังคงว่างเปล่าเธอคิดแล้วคิดพลางโทรศัพท์หาฉินเย่พลางล้างหน้าแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำโทรศัพท์ดังอยู่นานถึงจะมีคนรับเสียงของฉินเย่เย็นเยือก “มีอะไร?”เสิ่นหยินอู้บีบยาสีฟันลงบนแปรงแล้ว ขณะที่กำลังจะแปรงก็ได้ยินเสียงเขาดังขึ้น พลันหยุดลง“เรื่องที่ฉันบอกนายเมื่อวานไง วันนี้เราต้องไป…”ไม่รอให้เธอพูดจบ ฉินเย่ก็ขัดคำพูดของนางไว้ “ตอนนี้ฉันมีประชุมสำคัญ ต้องใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง”เสิ่นหยินอู้ “…’เธอเม้มปาก แล้วระงับโทสะไว้ “นายเลื่อนเวลาไม่ได้เลยเหรอ? ขอแค่ครึ่งชั่วโมงน่าจะได้แหละมั้ง?”ไม่คาดคิ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 280

    ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงยิ้มแย้ม“เปล่าค่ะ วันนั้นหนูแค่ได้รับบาดเจ็บที่ขานิดหน่อย ที่อื่นไม่เป็นอะไรค่ะ”อีกอย่างยังเป็นฝีมือของซูเชี่ยวนั่นด้วยส่วนต้วนจื่อเหย่นั่น แม้จะเป็นคนลักพาตัวเธอไป แต่กลับไม่ทำอะไรเธอเลยแม้แต่นิดเมื่อนึกถึงซูเชี่ยวกับเขา เสิ่นหยินอู้ก็สงสัยจริงๆ ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้างแล้ว“แม่คะ แม่รู้ไหมคะคนสองคนวันนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว?”แม่ฉินส่ายหน้า “แม่ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าเรื่องนี้โม่ไป๋บอกว่าเขาจะจัดการเอง โม่ไป๋เป็นคนทำงานรอบคอบอยู่แล้ว แม่เองก็วางใจ อีกอย่างหนูวางใจได้เลย แม่ได้ยินว่าหลังจากเกิดเรื่อง เสี่ยวเย่ก็ได้ไปสืบเรื่องนี้เช่นกัน เขาต้องทำให้พวกนั้นได้รับการสั่งสอนแน่”“หมายความว่า เรื่องนี้ตอนนี้โม่ไป๋เป็นคนดูแลอยู่?”“น่าจะใช่”เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็คิดจะไปหาโม่ไป๋สักรอบ“ไปกันเถอะ แม่นัดหมอไว้แล้ว ถึงแม้วันนี้จะสายไปหน่อย แต่ไปหาหมอตอนนี้ก็ไม่เป็นไรเหมือนกันกล่าวจบ แม่ฉินก็จูงมือเสิ่นหยินอู้ไว้เสิ่นหยินอู้อยากปฏิเสธมากจริงๆ แต่แม่ฉินจูงมือเธอไปแล้วสุดท้าย เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลตอนน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 281

    ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเจอเสิ่นหยินอู้ในโรงพยาบาล หลินเหม่ยหลานคงไม่ต้องระมัดระวังตัวขนาดนี้
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องที่ลูกสาวเธอทำลงไปทั้งหมด เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้
ตระกูลหลินของพวกเธอใหญ่โตธุรกิจก็ใหญ่โตตามกัน ลูกสาวของหลินเหม่ยหลานจึงต้องคู่กับผู้ชายที่ดีที่สุด
ตั้งแต่แรก หลินเหม่ยหลานสนิทกับหลี่ซืออี้ เพราะเธอเล็งเห็นทายาทคนเดียวของตระกูลฉิน—ฉินเย่
หากตระกูลหลินและตระกูลฉินสามารถรวมเป็นครอบครัวเดียวกันได้ การพัฒนาของทั้งสองตระกูลคงจะไม่มีใครสู้ได้
โดยสรุปแล้ว ตระกูลหลินของพวกเธอก็อยากลงเรือลำเดียวกันกับตระกูลฉินเหมือนกัน
แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีตระกูลเจียงโผล่เข้ามาขวาง
หลินเหม่ยหลานเกลียดลูกสาวตระกูลเจียงมานาน ผลสุดท้ายก็ไม่คิดว่าคนที่ได้แต่งงานกับฉินเย่คือเสิ่นหยินอู้
ดังนั้นหลินเหม่ยหลานจึงย้ายเอาความอิจฉาและความเกลียดชังนั้นไปไว้ที่เสิ่นหยินอู้แทน
ครั้งก่อนที่เจอเธอที่โรงพยาบาลนั้น หลินเหม่ยหลานเดาว่าเธอคงจะไปทำแท้ง
สำหรับเหตุผลที่ต้องทำแท้ง ถ้าเด็กเป็นลูกของฉินเย่ ด้วยความเพรียบพร้อมของครอบครัวแบบตระกูลฉินนั้นเธอคงจะบอกตระกูลฉินไปแล้ว แล้วก็จะได้ใช้ลูกยกระดับตัวเองไปด

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บททื่ 282

    "หยินอู้ หยินอู้!"เสียงของคุณแม่ฉินดังขึ้นอีกครั้งในโสตประสาทของเสิ่นหยินอู้
เสิ่นหยินอู้รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วพบว่านี่เป็นครั้งที่สามในวันนี้ที่เธอเหม่อต่อหน้าคุณแม่ฉิน เธอทั้งรู้สึกอับอายและรู้สึกผิด"ขอโทษค่ะคุณแม่ วันนี้หนูไม่มีสมาธิเลย ขอตรวจวันหลังแทนได้ไหมคะ?"ครั้งนี้เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาคุณแม่ฉินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจ"ถ้าเธอไม่อยากตรวจจริง ๆ งั้นไว้วันหลังก็ได้""ขอบคุณค่ะคุณแม่" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย "หนูมีธุระอื่นต้องไปจัดการก่อน แล้วเดี๋ยวอีกซักพักหนูจะไปเยี่ยมคุณย่าที่ห้องพักค่ะ"
คุณแม่ฉินเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นดี เมื่อได้ยินเธอบอกว่ามีธุระต้องจัดการ ก็ไม่ได้ขัดอะไร"งั้นดีแล้ว ไปจัดการธุระเถอะ แม่เห็นหนูเหม่อทั้งวัน คงไม่มีอารมณ์ไปตรวจจนกว่าจะจัดการเสร็จ"
พูดจบ คุณแม่ฉินก็โบกมือให้เสิ่นหยินอู้"ไปเถอะ ถ้าต้องการให้แม่ช่วยก็บอกได้นะ" พูดจบ คุณแม่ฉินก็หยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "หนูคิดว่าคุณย่าเป็นย่าของหนูได้ ก็คิดว่าแม่เป็นแม่ของหนูได้เหมือนกัน"
เสิ่นหยินอู้ที่ตั้งใจจะออกไปแล้วคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ฉินจะพูดแบบนี้ เธอหยุดเดินและรู้สึกถึ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 283

    คำตำหนิของคุณแม่ฉินทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วเขาเกือบจะพูดเรื่องที่เขาทั้งสองคนจะหย่ากันออกไปแล้ว แต่เมื่อนึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่แม่เคยถามเรื่องต่าง ๆ จากเขา แต่เขาปิดบังไว้
ดังนั้นแม่ก็เลยใช้คำพูดหลอกให้เขาพูดออกมา
แต่ในความเป็นจริง ตอนนั้นแม่ไม่ได้รู้ความจริงเลยครั้งนี้......อาจจะเหมือนกันก็ได้
คิดได้แบบนั้น แววตาของฉินเย่ก็เปลี่ยนไป
แม่อาจจะยังเป็นแม่คนเดิม แต่ฉินเย่ไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว
"ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังครับ พวกเราแค่มีปัญหากันนิดหน่อย แม่ก็รู้มาตลอดนี่ครับ?"
ฉินเย่จึงเลือกถอยเพื่อรุกต่อไป
ถ้าคุณแม่ฉินรู้เรื่องหย่า หลังจากประโยคนี้เธอคงจะแสดงออกมาแน่จริงอย่างที่คิดไว้ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ คุณแม่ฉินก็มีน้ำเสียงสงสัย “แค่ปัญหานิดหน่อย? ความสัมพันธ์ของพวกลูกแย่ขนาดนี้แล้ว ยังจะบอกว่าเป็นแค่ปัญหานิดหน่อยอีกหรอ? หรือว่าลูกไม่ใส่ใจหยินอู้ เลยคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย?"ฉินเย่ "......""อย่าหาว่าแม่พูดเลย แต่ถ้าลูกไม่ใส่ใจปัญหาระหว่างลูกกับหยินอู้ ต่อไปปัญหาเล็ก ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้"หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณแม่ฉินพูด ฉินเย่ก็ไม่ได้โต้แย้ง แต่เงียบไป

บทล่าสุด

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status