เพียงแต่เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าคำว่าไม่กี่วันของแม่ฉินจะมาเร็วเพียงนี้เพราะผ่านไปเพียงสองวัน จู่ๆ แม่ฉินก็ลากเธอมาอย่างตื่นเต้นว่า “หยินอู้ พรุ่งนี้ไปตรวจร่างกายกันเถอะ”เสิ่นหยินอู้ที่ได้ยินดังนั้นพลันชะงักทันที“แม่คะ ทำไมจู่ๆ ถึงเลื่อนเข้ามาล่ะคะ? บอกว่ารอให้คุณย่าดีขึ้นอีกหน่อยไม่ใช่เหรอคะ?”แม่ฉินยิ้มแย้ม “เพราะว่าช่วงนี้คุณย่าอาการดีขึ้นมาก หมอบอกว่าสถานการณ์ไม่แย่ อีกอย่างสองวันนี้แม่ได้ยินว่ามีหมอเก่งๆ มาแหละ น่าจะอยู่แค่ไม่กี่วัน หนูก็รีบไปตรวจร่างกายซะ ถึงตอนนั้นเราจะได้รักษากับหมอคนนั้นเลย”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็รู้สาเหตุที่แม่ฉินเลื่อนเวลาเข้ามาแล้วเธอทำได้เพียงยิ้มตอบ และคิดหาวิธีปฏิเสธ “ความจริงเราแค่ตรวจร่างกายเฉยๆ เครื่องมือธรรมดาก็สามารถบอกผลได้ หมอทั่วไปก็สามารถรักษาได้เหมือนกันแหละค่ะ”“ก็ถูก แต่ว่าโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว แม่กับย่าทักทายหมอไว้แล้ว บอกว่าช่วงนี้จะพาหนูไปตรวจร่างกาย หมอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”เสิ่นหยินอู้ที่เดิมคิดว่าหากวิธีนี้ไม่เป็นผล ก็จะใช้คุณนายฉินมาอ้าง “…”ไม่คิดว่าแม่ฉินจะทาบทามฝั่งคุณนายฉินแล้วด้วยรวดเร็วทันใจจริงๆหาก
หลังจากที่ฉินเย่จอดรถ มือของเขาจับที่พวงมาลัย แล้วมองไปที่เธอด้วยสายตามึดครึ้ม“ถ้างั้นเธอก็คิดเผื่อฉันมากจริงๆ ฉันต้องขอบคุณเธอไหมล่ะ? เสิ่นนั่วนั่ว!”เขากัดฟันเรียกชื่อเธอสุดท้ายเดิมเสิ่นหยินอู้ไม่อยากจะพูดอะไรอยู่แล้ว แต่เมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้น กลับกลายเป็น “ขอบคุณน่ะไม่ต้องหรอก ถ้าเป็นไปได้งั้นพรุ่งนี้เราก็ไปที่อำเภอเลยได้ไหม?”ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นฉินเย่ที่ไม่พูดจา เขาจ้องเธอตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แววตาราวกับเพลิงไฟ ไม่ละสายตาออกจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียวทั้งๆ ที่เขาเองก็ได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้ว แต่กลับไม่ยอมตอบเมื่อเห็นเขาเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้เองก็หมดหนทาง เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉินเย่คิดอะไรอยู่กันแน่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอาการป่วยของคุณย่าจึงจำต้องทำแบบนั้นแต่สองวันนี้คุณย่าก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่รู้เพราะเสิ่นหยินอู้คิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าฉินเย่ไม่ค่อยอยากหย่าเท่าไหร่นักไม่ เป็นไปไม่ได้เขาอยากจะหย่ากับเธอให้เร็วน่ะสิไม่ว่า จะได้แต่งกับเจียงฉูฉู่แทนหากไม่ใช่เพราะคุณย่าป่วย เขาต้องการทำให้คุณย่าดีใจ ก็เลยให้ตนแต่งงานปลอมๆ กับเขา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เกรงว่าเขาคงอยากแต่ง
วันต่อมาเสิ่นหยินอู้ตื่นมาพบว่าเป็นแปดโมงเช้าของอีกวันแล้วเธอมองดูเพดานสีขาวหิมะและสภาพแวดล้อมรอบๆ อันคุ้นเคย และดื่มด่ำกับความนุ่มของเตียงใหญ่ๆ นี้ในที่สุดก็มั่นใจแล้วว่าเป็นเตียงใหญ่ของบ้านตนหลังจากตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เสิ่นหยินอู้ก็จับศีรษะของตนแล้วนั่งตัวตรงไม่คิดว่าเธอจะหลับไปตื่นหนึ่งจนถึงตอนนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอยังนอนหลับอยู่บนรถนี่ หมายความว่าฉินเย่พาเธอกลับมางั้นเหรอ?เธอนั่งอยู่นานพักหนึ่ง ถึงจะเปิดโทรศัพท์ดูข้อความฉินเย่ไม่ได้ทิ้งข้อความอะไรไว้ให้กับเธอ ช่องแชทของเขายังคงว่างเปล่าเธอคิดแล้วคิดพลางโทรศัพท์หาฉินเย่พลางล้างหน้าแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำโทรศัพท์ดังอยู่นานถึงจะมีคนรับเสียงของฉินเย่เย็นเยือก “มีอะไร?”เสิ่นหยินอู้บีบยาสีฟันลงบนแปรงแล้ว ขณะที่กำลังจะแปรงก็ได้ยินเสียงเขาดังขึ้น พลันหยุดลง“เรื่องที่ฉันบอกนายเมื่อวานไง วันนี้เราต้องไป…”ไม่รอให้เธอพูดจบ ฉินเย่ก็ขัดคำพูดของนางไว้ “ตอนนี้ฉันมีประชุมสำคัญ ต้องใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง”เสิ่นหยินอู้ “…’เธอเม้มปาก แล้วระงับโทสะไว้ “นายเลื่อนเวลาไม่ได้เลยเหรอ? ขอแค่ครึ่งชั่วโมงน่าจะได้แหละมั้ง?”ไม่คาดคิ
ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงยิ้มแย้ม“เปล่าค่ะ วันนั้นหนูแค่ได้รับบาดเจ็บที่ขานิดหน่อย ที่อื่นไม่เป็นอะไรค่ะ”อีกอย่างยังเป็นฝีมือของซูเชี่ยวนั่นด้วยส่วนต้วนจื่อเหย่นั่น แม้จะเป็นคนลักพาตัวเธอไป แต่กลับไม่ทำอะไรเธอเลยแม้แต่นิดเมื่อนึกถึงซูเชี่ยวกับเขา เสิ่นหยินอู้ก็สงสัยจริงๆ ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้างแล้ว“แม่คะ แม่รู้ไหมคะคนสองคนวันนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว?”แม่ฉินส่ายหน้า “แม่ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าเรื่องนี้โม่ไป๋บอกว่าเขาจะจัดการเอง โม่ไป๋เป็นคนทำงานรอบคอบอยู่แล้ว แม่เองก็วางใจ อีกอย่างหนูวางใจได้เลย แม่ได้ยินว่าหลังจากเกิดเรื่อง เสี่ยวเย่ก็ได้ไปสืบเรื่องนี้เช่นกัน เขาต้องทำให้พวกนั้นได้รับการสั่งสอนแน่”“หมายความว่า เรื่องนี้ตอนนี้โม่ไป๋เป็นคนดูแลอยู่?”“น่าจะใช่”เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็คิดจะไปหาโม่ไป๋สักรอบ“ไปกันเถอะ แม่นัดหมอไว้แล้ว ถึงแม้วันนี้จะสายไปหน่อย แต่ไปหาหมอตอนนี้ก็ไม่เป็นไรเหมือนกันกล่าวจบ แม่ฉินก็จูงมือเสิ่นหยินอู้ไว้เสิ่นหยินอู้อยากปฏิเสธมากจริงๆ แต่แม่ฉินจูงมือเธอไปแล้วสุดท้าย เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลตอนน
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเจอเสิ่นหยินอู้ในโรงพยาบาล หลินเหม่ยหลานคงไม่ต้องระมัดระวังตัวขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องที่ลูกสาวเธอทำลงไปทั้งหมด เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ ตระกูลหลินของพวกเธอใหญ่โตธุรกิจก็ใหญ่โตตามกัน ลูกสาวของหลินเหม่ยหลานจึงต้องคู่กับผู้ชายที่ดีที่สุด ตั้งแต่แรก หลินเหม่ยหลานสนิทกับหลี่ซืออี้ เพราะเธอเล็งเห็นทายาทคนเดียวของตระกูลฉิน—ฉินเย่ หากตระกูลหลินและตระกูลฉินสามารถรวมเป็นครอบครัวเดียวกันได้ การพัฒนาของทั้งสองตระกูลคงจะไม่มีใครสู้ได้ โดยสรุปแล้ว ตระกูลหลินของพวกเธอก็อยากลงเรือลำเดียวกันกับตระกูลฉินเหมือนกัน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีตระกูลเจียงโผล่เข้ามาขวาง หลินเหม่ยหลานเกลียดลูกสาวตระกูลเจียงมานาน ผลสุดท้ายก็ไม่คิดว่าคนที่ได้แต่งงานกับฉินเย่คือเสิ่นหยินอู้ ดังนั้นหลินเหม่ยหลานจึงย้ายเอาความอิจฉาและความเกลียดชังนั้นไปไว้ที่เสิ่นหยินอู้แทน ครั้งก่อนที่เจอเธอที่โรงพยาบาลนั้น หลินเหม่ยหลานเดาว่าเธอคงจะไปทำแท้ง สำหรับเหตุผลที่ต้องทำแท้ง ถ้าเด็กเป็นลูกของฉินเย่ ด้วยความเพรียบพร้อมของครอบครัวแบบตระกูลฉินนั้นเธอคงจะบอกตระกูลฉินไปแล้ว แล้วก็จะได้ใช้ลูกยกระดับตัวเองไปด
"หยินอู้ หยินอู้!"เสียงของคุณแม่ฉินดังขึ้นอีกครั้งในโสตประสาทของเสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วพบว่านี่เป็นครั้งที่สามในวันนี้ที่เธอเหม่อต่อหน้าคุณแม่ฉิน เธอทั้งรู้สึกอับอายและรู้สึกผิด"ขอโทษค่ะคุณแม่ วันนี้หนูไม่มีสมาธิเลย ขอตรวจวันหลังแทนได้ไหมคะ?"ครั้งนี้เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาคุณแม่ฉินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจ"ถ้าเธอไม่อยากตรวจจริง ๆ งั้นไว้วันหลังก็ได้""ขอบคุณค่ะคุณแม่" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย "หนูมีธุระอื่นต้องไปจัดการก่อน แล้วเดี๋ยวอีกซักพักหนูจะไปเยี่ยมคุณย่าที่ห้องพักค่ะ" คุณแม่ฉินเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นดี เมื่อได้ยินเธอบอกว่ามีธุระต้องจัดการ ก็ไม่ได้ขัดอะไร"งั้นดีแล้ว ไปจัดการธุระเถอะ แม่เห็นหนูเหม่อทั้งวัน คงไม่มีอารมณ์ไปตรวจจนกว่าจะจัดการเสร็จ" พูดจบ คุณแม่ฉินก็โบกมือให้เสิ่นหยินอู้"ไปเถอะ ถ้าต้องการให้แม่ช่วยก็บอกได้นะ" พูดจบ คุณแม่ฉินก็หยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "หนูคิดว่าคุณย่าเป็นย่าของหนูได้ ก็คิดว่าแม่เป็นแม่ของหนูได้เหมือนกัน" เสิ่นหยินอู้ที่ตั้งใจจะออกไปแล้วคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ฉินจะพูดแบบนี้ เธอหยุดเดินและรู้สึกถึ
คำตำหนิของคุณแม่ฉินทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วเขาเกือบจะพูดเรื่องที่เขาทั้งสองคนจะหย่ากันออกไปแล้ว แต่เมื่อนึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่แม่เคยถามเรื่องต่าง ๆ จากเขา แต่เขาปิดบังไว้ ดังนั้นแม่ก็เลยใช้คำพูดหลอกให้เขาพูดออกมา แต่ในความเป็นจริง ตอนนั้นแม่ไม่ได้รู้ความจริงเลยครั้งนี้......อาจจะเหมือนกันก็ได้ คิดได้แบบนั้น แววตาของฉินเย่ก็เปลี่ยนไป แม่อาจจะยังเป็นแม่คนเดิม แต่ฉินเย่ไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว "ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังครับ พวกเราแค่มีปัญหากันนิดหน่อย แม่ก็รู้มาตลอดนี่ครับ?" ฉินเย่จึงเลือกถอยเพื่อรุกต่อไป ถ้าคุณแม่ฉินรู้เรื่องหย่า หลังจากประโยคนี้เธอคงจะแสดงออกมาแน่จริงอย่างที่คิดไว้ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ คุณแม่ฉินก็มีน้ำเสียงสงสัย “แค่ปัญหานิดหน่อย? ความสัมพันธ์ของพวกลูกแย่ขนาดนี้แล้ว ยังจะบอกว่าเป็นแค่ปัญหานิดหน่อยอีกหรอ? หรือว่าลูกไม่ใส่ใจหยินอู้ เลยคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย?"ฉินเย่ "......""อย่าหาว่าแม่พูดเลย แต่ถ้าลูกไม่ใส่ใจปัญหาระหว่างลูกกับหยินอู้ ต่อไปปัญหาเล็ก ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้"หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณแม่ฉินพูด ฉินเย่ก็ไม่ได้โต้แย้ง แต่เงียบไป
เมื่อเธอพูดออกมา สีหน้าที่ขี้อายของจ้าวเป่าเอ๋อก็เปลี่ยนไปทันที ริมฝีปากซีดไม่มีเลือดฝาด"คุย คุยอะไรเหรอคะ?" เธอถามอย่างตะกุกตะกัก เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย"แน่นอนว่าคุยเรื่องชีวิต"จ้าวเป่าเอ๋อ "......""ทำไมล่ะ ไม่อยากเหรอ?"เห็นเธอกังวลจนจับกระโปรงแน่น เสิ่นหยินอู้ก็หัวเราะเบา ๆ "ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?""ไม่ ไม่ใช่นะคะ แค่......""ไปกันเถอะ" เสิ่นหยินอู้ลุกขึ้นแล้ว จ้าวเป่าเอ๋อกัดริมฝีปากล่าง นั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าลังเล เสิ่นหยินอู้เห็นท่าทางของเธอ ก็เดาว่าเธอคงรู้ว่าเสิ่นหยินอู้จะพูดอะไรเธอไม่รีบ คิดหาทางหว่านล้อม "ถนนนอกโรงพยาบาลนี้มีร้านอาหารเช้าของคนแต้จิ๋วอยู่ เธอรู้จักไหม?"เมื่อได้ยิน จ้าวเป่าเอ๋อก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า "รู้จักค่ะ"เสิ่นหยินอู้ยกข้อมือขึ้นดูเวลา แล้วบอกว่า "ฉันจะรอเธอที่นั่นครึ่งชั่วโมง ถ้าหลังจากนั้นถ้าเธอไม่มา ฉันจะไป ระหว่างนั้นเธอคิดดูว่าจะมาหรือไม่มา"จ้าวเป่าเอ๋อ "......" หลังจากพูดกับเธอแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ยืนอยู่ที่เดิมเพื่อกวนใจเธออีก และรีบออกจากโรงพยาบาลทันที จ้าวเป่าเอ๋อมองตามแผ่นหลังของเธออย่างครุ่นค