"หยินอู้ หยินอู้!"เสียงของคุณแม่ฉินดังขึ้นอีกครั้งในโสตประสาทของเสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วพบว่านี่เป็นครั้งที่สามในวันนี้ที่เธอเหม่อต่อหน้าคุณแม่ฉิน เธอทั้งรู้สึกอับอายและรู้สึกผิด"ขอโทษค่ะคุณแม่ วันนี้หนูไม่มีสมาธิเลย ขอตรวจวันหลังแทนได้ไหมคะ?"ครั้งนี้เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาคุณแม่ฉินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจ"ถ้าเธอไม่อยากตรวจจริง ๆ งั้นไว้วันหลังก็ได้""ขอบคุณค่ะคุณแม่" เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย "หนูมีธุระอื่นต้องไปจัดการก่อน แล้วเดี๋ยวอีกซักพักหนูจะไปเยี่ยมคุณย่าที่ห้องพักค่ะ" คุณแม่ฉินเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นดี เมื่อได้ยินเธอบอกว่ามีธุระต้องจัดการ ก็ไม่ได้ขัดอะไร"งั้นดีแล้ว ไปจัดการธุระเถอะ แม่เห็นหนูเหม่อทั้งวัน คงไม่มีอารมณ์ไปตรวจจนกว่าจะจัดการเสร็จ" พูดจบ คุณแม่ฉินก็โบกมือให้เสิ่นหยินอู้"ไปเถอะ ถ้าต้องการให้แม่ช่วยก็บอกได้นะ" พูดจบ คุณแม่ฉินก็หยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "หนูคิดว่าคุณย่าเป็นย่าของหนูได้ ก็คิดว่าแม่เป็นแม่ของหนูได้เหมือนกัน" เสิ่นหยินอู้ที่ตั้งใจจะออกไปแล้วคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ฉินจะพูดแบบนี้ เธอหยุดเดินและรู้สึกถึ
คำตำหนิของคุณแม่ฉินทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วเขาเกือบจะพูดเรื่องที่เขาทั้งสองคนจะหย่ากันออกไปแล้ว แต่เมื่อนึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่แม่เคยถามเรื่องต่าง ๆ จากเขา แต่เขาปิดบังไว้ ดังนั้นแม่ก็เลยใช้คำพูดหลอกให้เขาพูดออกมา แต่ในความเป็นจริง ตอนนั้นแม่ไม่ได้รู้ความจริงเลยครั้งนี้......อาจจะเหมือนกันก็ได้ คิดได้แบบนั้น แววตาของฉินเย่ก็เปลี่ยนไป แม่อาจจะยังเป็นแม่คนเดิม แต่ฉินเย่ไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว "ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังครับ พวกเราแค่มีปัญหากันนิดหน่อย แม่ก็รู้มาตลอดนี่ครับ?" ฉินเย่จึงเลือกถอยเพื่อรุกต่อไป ถ้าคุณแม่ฉินรู้เรื่องหย่า หลังจากประโยคนี้เธอคงจะแสดงออกมาแน่จริงอย่างที่คิดไว้ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ คุณแม่ฉินก็มีน้ำเสียงสงสัย “แค่ปัญหานิดหน่อย? ความสัมพันธ์ของพวกลูกแย่ขนาดนี้แล้ว ยังจะบอกว่าเป็นแค่ปัญหานิดหน่อยอีกหรอ? หรือว่าลูกไม่ใส่ใจหยินอู้ เลยคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย?"ฉินเย่ "......""อย่าหาว่าแม่พูดเลย แต่ถ้าลูกไม่ใส่ใจปัญหาระหว่างลูกกับหยินอู้ ต่อไปปัญหาเล็ก ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้"หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณแม่ฉินพูด ฉินเย่ก็ไม่ได้โต้แย้ง แต่เงียบไป
เมื่อเธอพูดออกมา สีหน้าที่ขี้อายของจ้าวเป่าเอ๋อก็เปลี่ยนไปทันที ริมฝีปากซีดไม่มีเลือดฝาด"คุย คุยอะไรเหรอคะ?" เธอถามอย่างตะกุกตะกัก เสิ่นหยินอู้ยิ้มเล็กน้อย"แน่นอนว่าคุยเรื่องชีวิต"จ้าวเป่าเอ๋อ "......""ทำไมล่ะ ไม่อยากเหรอ?"เห็นเธอกังวลจนจับกระโปรงแน่น เสิ่นหยินอู้ก็หัวเราะเบา ๆ "ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?""ไม่ ไม่ใช่นะคะ แค่......""ไปกันเถอะ" เสิ่นหยินอู้ลุกขึ้นแล้ว จ้าวเป่าเอ๋อกัดริมฝีปากล่าง นั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าลังเล เสิ่นหยินอู้เห็นท่าทางของเธอ ก็เดาว่าเธอคงรู้ว่าเสิ่นหยินอู้จะพูดอะไรเธอไม่รีบ คิดหาทางหว่านล้อม "ถนนนอกโรงพยาบาลนี้มีร้านอาหารเช้าของคนแต้จิ๋วอยู่ เธอรู้จักไหม?"เมื่อได้ยิน จ้าวเป่าเอ๋อก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า "รู้จักค่ะ"เสิ่นหยินอู้ยกข้อมือขึ้นดูเวลา แล้วบอกว่า "ฉันจะรอเธอที่นั่นครึ่งชั่วโมง ถ้าหลังจากนั้นถ้าเธอไม่มา ฉันจะไป ระหว่างนั้นเธอคิดดูว่าจะมาหรือไม่มา"จ้าวเป่าเอ๋อ "......" หลังจากพูดกับเธอแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ยืนอยู่ที่เดิมเพื่อกวนใจเธออีก และรีบออกจากโรงพยาบาลทันที จ้าวเป่าเอ๋อมองตามแผ่นหลังของเธออย่างครุ่นค
อย่างไรก็ตาม หลินเหม่ยหลานไม่เชื่อเธอเลย"ครั้งที่แล้วหนูก็บอกแม่ว่าไม่ได้ไปหาเขา แล้วผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ? หนูก็ไปหาเขาอีก กลับมายังเศร้าอีก? นั่นไม่ใช่หนูหรือไง?" คำพูดนี้ทำให้จ้าวเป่าเอ๋อเถียงไม่ออกสักพักหนึ่ง เธอก็อดทนและอธิบายต่อว่า "แม่ หนูรู้ว่าครั้งที่แล้วหนูผิด หนูโกหกแม่ แต่ครั้งนี้หนูพูดความจริง ถ้าแม่ไม่เชื่อ หนูจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน""ภายในครึ่งชั่วโมง?"เวลานี้ทำให้หลินเหม่ยหลานหรี่ตาอย่างสงสัย เพราะถ้าเธอไปหาเขา ภายในครึ่งชั่วโมงเธอคงกลับมาไม่ได้แน่นอนหรือว่าครั้งนี้เธอเข้าใจผิดจริงๆ? "แม่ หนูมีธุระจริงๆ" จ้าวเป่าเอ๋อมองนาฬิกา สีหน้าดูกังวล เธอกลัวว่าถ้าไปสาย เสิ่นหยินอู้จะไม่รอเธอแล้วเห็นหลินเหม่ยหลานยังไม่ยอม จ้าวเป่าเอ๋อจึงโกรธและพูดออกมาตรงๆ "ถ้าแม่เป็นแบบนี้อีก หนูจะออกจากบ้านจ้าวและไม่กลับมาอีกเลย"เมื่อเห็นว่าลูกสาวโกรธ หลินเหม่ยหลานจึงตระหนักว่าถ้าทำแบบนี้ต่อไปก็จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก และบอกว่า "ถ้าหนูไม่โกหกแม่ แม่ก็เชื่อหนู เป่าเอ๋อ หนูไปเถอะ แต่ต้องกลับมาภายในครึ่งชั่วโมงตามที่หนูพูดนะ"พูดจบ หลินเหม่ยหลานหยุดสักพักแล้
"โอเค" หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งลง จ้าวเป่าเอ๋อใช้ช้อนตักซุปขึ้นมาหนึ่งคำ"เธอไม่คิดว่ามันแปลกหรอที่ฉันมาหาเธอ? แล้วเธอก็ยังยอมมาอีก"เมื่อได้ยิน จ้าวเป่าเอ๋อก็แอบมองเสิ่นหยินอู้ แล้ววางช้อนลง"มันก็แปลกนิดหน่อย แต่......ฉันรู้ว่าพี่จะไม่ทำร้ายฉัน"เสิ่นหยินอู้ยิ้มให้เธอ "ในเมื่อเธอพูดแบบนั้น งั้นฉันพูดตรงๆ เลยแล้วกัน? ถ้าเธอกลับไปช้าเกินไป แม่เธอคงไม่ยอมใช่ไหม?" เมื่อพูดถึงแม่ของเธอ จ้าวเป่าเอ๋อทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่น"ใช่ค่ะ แม่ยังรอฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันบอกแม่ว่าจะมาไม่เกินครึ่งชั่วโมง"ผลออกมาเป็นแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ไม่แปลกใจเลย"งั้นฉันจะพูดสั้นๆแล้วกัน""ได้ค่ะ""บางทีเธออาจจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เชื่อฉันเถอะว่าฉันไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน วันนั้นฉันเห็นเธอกับแฟนเธอในห้องน้ำที่ร้านอาหาร" เดิมทีเธอคิดว่าพี่เสิ่นนัดเธอออกมาเพื่อคุยเรื่องที่เธอท้องไม่คิดว่าพี่เสิ่นจะพูดถึงเรื่องในร้านอาหาร"วันนั้นตอนฉันเดินผ่านไป ฉันได้ยินพวกเธอคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ"จ้าวเป่าเอ๋อแสยะยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ วันนั้นพวกเราคงคุยเสียงดังเกินไป คนที่เดินผ่านไปมาได้ยินก็เป็นเรื่องปกติ"เสิ
คำถามของจ้าวเป่าเอ๋อทำให้เสิ่นหยินอู้ชะงักไปพักหนึ่ง นั่งอยู่กับที่อย่างเหม่อลอย จ้าวเป่าเอ๋อสูดจมูกเบาๆ คงเป็นเพราะมีคนรู้เรื่องแฟนของเธอ ทำให้เธอรู้สึกอับอาย ขอบตาของเธอเริ่มแดง"พี่เสิ่น ถึงแม้ฉันจะไม่รู้จักพี่มาก่อน และฉันก็ไม่ชอบนินทาคน แต่ฉันก็ได้ยินข่าวลือมาบ้างเหมือนกัน คนของพี่ก็ไม่ได้มีแค่พี่คนเดียว พี่คิดว่าพี่จัดการเรื่องของตัวเองได้ดีแล้วหรอ?" เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เข้าใจความหมายของจ้าวเป่าเอ๋อเธอหมายความว่า เรื่องของตัวเองฉันยังจัดการได้ไม่ดี เลยไม่มีสิทธิมาบอกเรื่องนี้กับเธอ ใช่ไหม?" จ้าวเป่าเอ๋อเองก็หมายความแบบนั้น เพราะเธอคิดว่าเสิ่นหยินอู้จัดการเรื่องความรักของตัวเองได้ไม่ดีจริงๆ ฉินเย่ก็มีคนอื่นอีก แต่เสิ่นหยินอู้ก็ไม่ได้ทำอะไร แน่นอนว่าเธอรู้ว่าการแต่งงานของตระกูลใหญ่ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการดังนั้น เสิ่นหยินอู้จัดการเรื่องของตัวเองยังไม่ได้ แล้วทำไมต้องมายุ่งกับเรื่องของเธอล่ะ?แต่เมื่อเสิ่นหยินอู้พูดออกมา จ้าวเป่าเอ๋อก็รู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไปหน่อย ยังไงก็ตาม เสิ่นหยินอู้แค่กลัวว่าเธอจะไม่รู้ เลยมาเตือนด้วยความหวังดี เมื่อคิด
"ไม่เป็นไร เธอเลือกเลย พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ได้" เสิ่นหยินอู้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มะรืนนี้แล้วกัน" ตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก "โอเค" โม่ไป๋ตอบรับเธออย่างรวดเร็ว หลังจากวางสาย เสิ่นหยินอู้ก็กลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะคิดได้แล้ว เมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้เข้ามาก็ไม่หลบสายตาอีกต่อไป แต่จ้องตาเธอแล้วพูดว่า "พี่เสิ่น เรื่องที่พี่พูด ฉันอยากจะกลับไปคิดทบทวนอีกที" เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไปซักพักก่อนถามว่า "เธอไม่อยากปล่อยเขาไปใช่ไหม?" จ้าวเป่าเอ๋อยิ้มอย่างขมขื่น "แล้วพี่เสิ่นล่ะ พี่คิดว่าพี่ปล่อยประธานฉินไปได้ไหม? ฉันคิดว่า คนที่เข้าใจความรู้สึกของฉันได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือพี่เสิ่น เราสองคนต่างก็เจอเรื่องคล้ายๆกัน" เธอหมายถึงเธอทั้งคู่ตั้งท้องและผู้ชายก็มีผู้หญิงคนอื่น เมื่อได้ยินแบบนี้นี้ เสิ่นหยินอู้ก็ยิ้มแล้วพูดเบาๆ ว่า "เธอคิดว่าเราเจอเรื่องแบบเดียวกันหรอ?" "ไม่ใช่หรอคะ?" “"มันดูเหมือนว่าเราจะเจอเรื่องคล้ายกัน แต่เธอเคยคิดไหมว่า เราอายุไม่เท่ากัน" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเป่าเอ๋อก็ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะกัด
หลังจากแยกกับจ้าวเป่าเอ๋อแล้ว เสิ่นหยินอู้ไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคุณย่า ระหว่างนั้น คุณแม่ฉินถามเธอว่าทำธุระเสร็จหรือยัง เสิ่นหยินอู้ตั้งใจจะบอกว่าเสร็จแล้ว แต่เมื่อนึกถึงการตรวจ เธอเปลี่ยนคำพูดว่าเธอยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ คุณแม่ฉินได้ยินแบบนั้น ก็เข้าใจดีและไม่เร่งให้เธอไปตรวจ ในวันนั้น เสิ่นหยินอู้ใช้เวลาอยู่กับคุณย่าที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน เห็นว่าท่านฟื้นตัวได้ดี สีหน้ามีเลือดฝาดเล็กน้อย ทำให้เธอดีใจแทนคุณย่า แต่ในคืนนั้น เมื่อเสิ่นหยินอู้กลับจากโรงพยาบาลมาที่บ้าน เธอได้ยินข่าวว่าคืนนี้ฉินเย่จะทำงานล่วงเวลาที่บริษัทและจะไม่กลับบ้าน เมื่อคนรับใช้บอกเรื่องนี้กับเสิ่นหยินอู้และคุณแม่ฉิน คุณแม่ฉินก็ขมวดคิ้วทันที"งานที่บริษัทยุ่งขนาดนั้นเลยหรอ? วันนี้อยู่ที่บริษัททั้งวันไม่โผล่หน้ามา กลางคืนยังต้องทำงานล่วงเวลาอีก?"สีหน้าของคนรับใช้ดูอึดอัดเมื่อเจอกับคำถามของนายหญิงแห่งตระกูลฉิน ทำได้แค่พยักหน้ารับอย่างอึดอัด"อย่าโกรธเลยครับ ช่วงนี้บริษัทค่อนข้างยุ่งจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้" ยังไงก็ตาม คุณแม่ฉินยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนเสิ่นหยินอู้ที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยิน