“โอ๊ย! เจ็บจัง...”
ขนมปังล้มกระแทกลงกับพื้น แต่เธอไม่ได้เจ็บตัวมากนักเพราะมีชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งมารับเอาไว้แทน ดู ๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนแข็งแรงและมีประสบการณ์ไม่น้อย เพราะนอกจากเขาจะโดนลูกถีบของขนมปังเต็ม ๆ แรงแล้ว เขายังสามารถประคองตัวเองและขนมปังไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย ขนมปังแอบเหล่สายตามองชายชุดดำหน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอได้สติแล้วจึงพยายามรีบลุกออกจากตักของชายคนนั้น แต่ทว่าขนมปังกลับถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยแทน “ว้าย!” “อยู่นิ่ง ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเอง” “ตะ แต่ฉันไม่เป็นไรเลยนะคะ โอ๊ย!” ขนมปังพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนชายแปลกหน้าบีบเอวจนสะดุ้งร้องเสียงดัง “ไม่เป็นไรที่ไหนกันครับ คุณบาดเจ็บอยู่เห็น ๆ” “แต่คุณก็บาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ฉะ...ฉันว่าเราทั้งคู่ไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่าค่ะ” ชายแปลกหน้ากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทันใดนั้นเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนก็ดังเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ข้างขนมปัง “มัวรออะไรอยู่ พาเธอไปโรงพยาบาลซะสิ” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดของเธอ เพียงแค่คำสั่งเดียวจากผู้เป็นนาย ชายชุดดำก็พยักหน้าและพาขนมปังที่อยู่ในอ้อมอกขึ้นรถ และตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที ทางด้านของบอดี้การ์ดอีกกลุ่มนั้นกำลังคุมตัวโจรและซักไซ้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดอยู่ “เฮ้ย! ปล่อยกูนะเว้ย! พวกมึงเป็นใครวะ!” “เอายังไงกับไอ้หัวขโมยนี่ดีครับซ้อ” “พาตัวไปส่งให้ตำรวจซะ แล้วอย่าให้หัวขโมยอย่างนี้มาเพ่นพ่านในตลาดของเฮียได้อีก” “ครับซ้อ!” หัวขโมยถูกนำตัวส่งตำรวจเรียบร้อย พร้อมทั้งหญิงชราและคนโปรดเองก็ได้รับกระเป๋าเงินคืนเช่นกัน โดยที่ซ้อเจ้าของตลาดคนปัจจุบันเป็นคนนำมาคืนให้ด้วยตัวเอง “ขอโทษสำหรับเรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วยนะ” รินรณีกล่าวกับคนโปรด “อะ อ๋อ! ไม่เป็นไรค่ะซ้อ ว่าแต่...ซ้อเห็นเพื่อนหนูบ้างไหมคะ เมื่อกี้เพื่อนหนูวิ่งตามโจรมาด้วยน่ะค่ะ” “เพื่อนเหรอ?” “เอ่อ...คนที่ย้อมผมสีแดง ๆ แล้วก็ใส่ชุดนักศึกษาค่ะ แต่ว่าน่าจะมีเสื้อเกาะอกสีแดงทับข้างนอกอยู่นะคะ” คนโปรดอธิบายลักษณะท่าทางของขนมปังด้วยความเขินอายต่อหน้ารินรณี ด้านรินรณีที่เห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มและหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู เธอตัดสินใจเลิกแกล้งแหย่คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าและเล่าทุกอย่างไปตามจริง “พาไปส่งที่โรงพยาบาลไหนกันเหรอคะ หนูจะได้ตามไปด้วย” คนโปรดเอ่ยถาม “ไปกับฉันสิ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง” ด้วยใจที่ร้อนรนเป็นห่วงเพื่อนสนิทจึงทำให้คนโปรดตอบตกลงและยอมขึ้นรถไปกับรินรณีโดยง่าย ตลอดทางไปโรงพยาบาลนั้นคนโปรดนั่งหลังตรงตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตุกติกใด ๆ ถึงแม้ในรถจะเปิดแอร์เย็นมากแต่เธอกลับรู้สึกร้อนรุ่มจนเหงื่อออก “เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หน้าดูแดง ๆ นะ” รินรณีเอ่ยถาม “มะ ไม่เป็นไรค่ะซ้อ! หนูสบายดีค่ะ!” คนโปรดตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล สายตาของเธอแอบเหลือบมองรินรณีมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ที่ได้ยินเพื่อนเล่ามาว่าเธอมีสามีแล้วก็เลยนึกว่าจะดูค่อนข้างมีอายุ แต่ว่าหญิงหม้ายคนนี้กลับมีหน้าตาและรูปร่างที่ดูสวยสะพรั่งและเต่งตึงกว่าที่คนโปรดคิดไว้เยอะจนผิดคาด “ถึงแล้วล่ะ ต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ลงไปดูเพื่อนเธอด้วยกัน เผอิญว่าฉันมีธุระต้องไปจัดการต่อ” รินรณีพูดอย่างรู้สึกผิด ทางด้านคนโปรดซึ่งกำลังตกอยู่ในจินตนาการอันเวิ่นเว้อของตัวเองไปถึงไหนต่อไหน ก็ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงของรินรณีเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งรินรณีต้องโน้มตัวเข้าใกล้ใบหน้าของเธอมากขึ้น เพื่อตรวจดูให้แน่ชัดว่าคนโปรดไม่ได้เป็นอะไร “ไม่ลงหรือไง” “คะ อ๋อ! ถะ ถึงแล้วเหรอคะ” “ก็ใช่น่ะสิ นี่เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเลยเหรอ” “ได้ยินค่ะ! ขอบคุณมากนะคะซ้อ!” คนโปรดแสดงท่าทีลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด เพราะกลัวจะถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เธอรีบคว้ากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง เปิดประตูลงจากรถและวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลโดยไม่ฟังเสียงของรินรณีเลยสักนิด “นี่! เดี๋ยวสิ!” รินรณีถึงกับยกมือกุมขมับ เพราะกระเป๋าสตางค์ที่คนโปรดหยิบไปนั้นเป็นของเธอไม่ใช่ของคนโปรด รินรณีสั่งให้คนขับรถจอดรออยู่สักพักก่อนจะเห็นร่างของนักศึกษาสาวจอมเซ่อวิ่งหน้าตั้งออกมาจากโรงพยาบาล เธอเปิดกระจกรถเพื่อส่งกระเป๋าสตางค์ของคนโปรดคืนให้แก่เจ้าตัวเป็นการแลกเปลี่ยน “ฉันเรียกเธอแล้วนะ แต่เธอรีบวิ่งไปขนาดนั้นแถมไม่หันกลับมามองฉันเลยสักนิด” รินรณีตำหนิเล็กน้อย “ขอโทษค่ะซ้อ เอ่อ ละ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “เธอจะขอบคุณอะไรฉันบ่อย ๆ หืม?” “ก็...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้น่ะค่ะ” รินรณียกยิ้มเบา ๆ พลางโบกมือให้คนโปรดรีบไปดูอาการเพื่อนได้แล้ว คนโปรดยกมือไหว้ขอบคุณซ้ำอีกเป็นครั้งที่สาม พร้อมยืนส่งจนกว่ารถของรินรณีจะเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา “นี่ฉันดูแก่จนเด็กคนนั้นต้องยกมือไหว้สามรอบเลยเหรอ” “ซ้อคุยกับผมเหรอครับ?” “ก็ใช่น่ะสิ ในรถนี้ก็มีแค่ฉันกับนายสองคน จะให้ฉันคุยคนเดียวรึไง” รินรณีรู้สึกตงิดใจ “ขอโทษทีครับซ้อ ผมว่า...เด็กคนนั้นอาจจะแค่ขอบคุณด้วยความเกรงใจตามมารยาทก็ได้นะครับ ยังไงซ้อก็แก่กว่าเธอจริง ๆ ไม่ใช่เหรอครับ แล้วซ้อจะกังวลทำไมเนี่ย” รินรณีนึกคิดตามคำพูดของคนขับรถ เธอเองก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมตัวเองต้องหมกมุ่นกับความรู้สึกนึกคิดของเด็กแปลกหน้าคนนั้นด้วย หรือแม้กระทั่งกิริยาท่าทางของคนโปรดก็ทำให้รินรณีเก็บรายละเอียดไว้ทั้งหมดอย่างชัดเจนจนผิดวิสัย “นั่นสินะ ฉันจะคิดมากไปทำไมกัน” ... @โรงพยาบาล “ขนม! แกเป็นไงบ้าง!” “ไม่เป็นไรมากหรอกแก มีเทพบุตรมารับนางฟ้าตกสวรรค์อย่างฉันไว้พอดิบพอดีเลยน่ะสิ” “นางฟ้าตกสวรรค์บ้าบออะไรล่ะ แม่ค้าแผงปลาเขาบอกฉันมาว่าแกวิ่งสไลด์ผ่านผ้าใบรองปลาของเขา แล้วก็กระโดดถีบไอ้โจรนั่นไม่ใช่รึไง ดีแค่ไหนที่เขาขายปลาหมดแล้วน่ะ” “ถ้าขายไม่หมดแล้วมันจะทำไมเหรอออ” “แกก็ได้โดนเงี่ยงปลาดุกแทงเอาน่ะสิ ไม่ได้มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อถึงผู้ชายอยู่แบบนี้หรอก” คนโปรดกอดอกพลางเบะปากมองบนใส่เพื่อนตัวดี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ขนมปังไม่เป็นอะไรมาก ผ่านไปสักพักหมอก็เข้ามาตรวจดูอาการของขนมปังอีกครั้งก่อนปล่อยกลับบ้าน คนโปรดเดินไปที่ช่องชำระเงินเพื่อจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาและค่ายา แต่เจ้าหน้าที่การเงินก็แจ้งว่าผู้ชายคนที่พาขนมปังมาเมื่อครู่จ่ายให้เรียบร้อยแล้ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนโปรดตกใจ เพราะสิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือกระเป๋าสตางค์ของเธอที่มีเงินสดอยู่เต็มกระเป๋า “ทำไมเงินพวกนี้มาอยู่ในกระเป๋าฉันได้เนี่ย เมื่อกี้ก็คืนกระเป๋าซ้อไปแล้วไม่ใช่เหรอ” คนโปรดพึมพำกับตัวเอง “มีอะไรหรือเปล่ายัยโปรด” “คืนนี้แกมาค้างบ้านฉันนะ ฉันว่าเราคงมีเรื่องให้คุยกันยาวเลย” คนโปรดรีบเก็บกระเป๋าสตางค์ให้มิดชิด และประคองขนมปังออกมาโทรหาพ่อของเธอให้มารับหน้าโรงพยาบาลทันที ระหว่างที่รออยู่ขนมปังก็สังเกตเห็นว่าสายตาของคนโปรดนั้นสอดส่องมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอด “แกมองหาอะไรอะโปรด แถมยังทำหน้าแปลก ๆ อย่างกับโดนผีหลอกมางั้นแหละ” ขนมปังขมวดคิ้ว “ไม่ได้โดนผีหลอก” “แล้วเป็นอะไร” “โดนซ้อหลอกมากกว่า” “ฮะ?”พ่อของคนโปรดตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าต้องมารับลูกสาวของตัวเองกับลูกของเพื่อนภรรยาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงคนโปรดก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยความใจเย็น หลังจากกลับถึงบ้านคนโปรดก็พาขนมปังเข้าบ้านเจ้าตัวก่อน พร้อมกับต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ของขนมปังฟังอีกยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ขนมปัง คนโปรดก็แอบปลีกตัวออกมาเก็บเสื้อผ้าให้เพื่อน เพื่อไปนอนค้างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน“เฮ้อ กว่าแม่จะยอมหยุดบ่น ฉันนี่หูแทบแตกเลยอะโปรด”“ก็สมควรแล้วแหละที่แม่แกจะบ่น วิ่งไปไล่จับโจรไม่พอยังจะเล่นท่ายากอะไรนั่นอีก” คนโปรดร่วมบ่นด้วยอีกเสียง“ฉันคิดเผื่อการไกลต่างหากล่ะ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้ออกข่าวขึ้นมา...ฉันเป็นดาวรุ่งข้ามคืนเลยนะเว้ยแก! พาดหัวข่าวว่านักศึกษาสาวสุดสวย งามทั้งกายและใจ ช่วยหญิงชราจับโจรกันจ้าละหวั่น”“เพ้อเจ้อ”คนโปรดหยิกแขนของขนมปังไปหนึ่งที ทั้งคู่ผลัดกันไปอาบน้ำและยกกับข้าวเข้ามานั่งกินบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องนอนด้วยกัน เพราะคืนนี้บ้านของคนโปรดไม่มีใครอยู่เลยสักคน พ่อของเธอบอกว่าต้องอยู่ทำโอที แม่ของเธอก็ไปปฏิบัติธรรมยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวนั้นไปก็เข้าค่ายลูกเสือวันนี้เ
@ร้านข้าว“เป็นไงบ้างวะโปรด”“เอฟอะดิ รอไรล่ะ เฮ้ออออออออ”เมื่อมองผลการเรียนในมือถือหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแทบทั้งปอด คนโปรดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เธอทั้งเรียนไปด้วยและทำงานเป็นเด็กล้างจานในร้านเหล้าไปด้วย เทอมนี้คนโปรดจึงติดเอฟหลายตัวเพราะแทบไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ“เทอมนี้แกเอฟตัวที่เท่าไรแล้ว จำได้บ้างไหมเนี่ย”“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นี่ เอฟยาวติดกันระนาวขนาดนี้”“ถ้าทำงานแล้วมันไม่มีเวลาเรียน ฉันว่าแกเปลี่ยนงานเถอะ ไม่งั้นคงไม่ได้จบพร้อมเพื่อนแน่”คนโปรดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพักหลัง ๆ มานี้เธอเสียสมาธิกับการเรียนมากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากลูกค้าในที่ทำงานของเธอ เพราะหัวหน้าของเธอมักจะคอยโน้มน้าวให้เธอกลับไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ตลอดจนเธอรำคาญใจสมัยที่คนโปรดเรียนอยู่ปี 1 เธอเริ่มจากทำงานเป็นเด็กล้างจานและขยับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระทั่งวันหนึ่งรูปร่างและหน้าตาของเธอดันไปถูกใจลูกค้าคนหนึ่งเข้า เขาจึงอยากให้เธอมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ประจำตัวของเขาโดยเฉพาะ และบอกว่าจะจ่ายให้หนัก ๆ อย่างแน่นอนแต่สุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็เริ่มลวนลามคนโปร
พ่อของคนโปรดตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าต้องมารับลูกสาวของตัวเองกับลูกของเพื่อนภรรยาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงคนโปรดก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยความใจเย็น หลังจากกลับถึงบ้านคนโปรดก็พาขนมปังเข้าบ้านเจ้าตัวก่อน พร้อมกับต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ของขนมปังฟังอีกยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ขนมปัง คนโปรดก็แอบปลีกตัวออกมาเก็บเสื้อผ้าให้เพื่อน เพื่อไปนอนค้างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน“เฮ้อ กว่าแม่จะยอมหยุดบ่น ฉันนี่หูแทบแตกเลยอะโปรด”“ก็สมควรแล้วแหละที่แม่แกจะบ่น วิ่งไปไล่จับโจรไม่พอยังจะเล่นท่ายากอะไรนั่นอีก” คนโปรดร่วมบ่นด้วยอีกเสียง“ฉันคิดเผื่อการไกลต่างหากล่ะ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้ออกข่าวขึ้นมา...ฉันเป็นดาวรุ่งข้ามคืนเลยนะเว้ยแก! พาดหัวข่าวว่านักศึกษาสาวสุดสวย งามทั้งกายและใจ ช่วยหญิงชราจับโจรกันจ้าละหวั่น”“เพ้อเจ้อ”คนโปรดหยิกแขนของขนมปังไปหนึ่งที ทั้งคู่ผลัดกันไปอาบน้ำและยกกับข้าวเข้ามานั่งกินบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องนอนด้วยกัน เพราะคืนนี้บ้านของคนโปรดไม่มีใครอยู่เลยสักคน พ่อของเธอบอกว่าต้องอยู่ทำโอที แม่ของเธอก็ไปปฏิบัติธรรมยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวนั้นไปก็เข้าค่ายลูกเสือวันนี้เ
“โอ๊ย! เจ็บจัง...”ขนมปังล้มกระแทกลงกับพื้น แต่เธอไม่ได้เจ็บตัวมากนักเพราะมีชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งมารับเอาไว้แทน ดู ๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนแข็งแรงและมีประสบการณ์ไม่น้อย เพราะนอกจากเขาจะโดนลูกถีบของขนมปังเต็ม ๆ แรงแล้ว เขายังสามารถประคองตัวเองและขนมปังไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยขนมปังแอบเหล่สายตามองชายชุดดำหน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอได้สติแล้วจึงพยายามรีบลุกออกจากตักของชายคนนั้น แต่ทว่าขนมปังกลับถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยแทน“ว้าย!”“อยู่นิ่ง ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเอง”“ตะ แต่ฉันไม่เป็นไรเลยนะคะ โอ๊ย!” ขนมปังพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนชายแปลกหน้าบีบเอวจนสะดุ้งร้องเสียงดัง “ไม่เป็นไรที่ไหนกันครับ คุณบาดเจ็บอยู่เห็น ๆ”“แต่คุณก็บาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ฉะ...ฉันว่าเราทั้งคู่ไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่าค่ะ”ชายแปลกหน้ากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทันใดนั้นเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนก็ดังเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ข้างขนมปัง“มัวรออะไรอยู่ พาเธอไปโรงพยาบาลซะสิ” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดของเธอเพียงแค่คำสั่งเดียวจากผู้เป็นนาย ชายชุดดำก็พยักหน้าและพาขนมปังที่อ
@ร้านข้าว“เป็นไงบ้างวะโปรด”“เอฟอะดิ รอไรล่ะ เฮ้ออออออออ”เมื่อมองผลการเรียนในมือถือหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแทบทั้งปอด คนโปรดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เธอทั้งเรียนไปด้วยและทำงานเป็นเด็กล้างจานในร้านเหล้าไปด้วย เทอมนี้คนโปรดจึงติดเอฟหลายตัวเพราะแทบไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ“เทอมนี้แกเอฟตัวที่เท่าไรแล้ว จำได้บ้างไหมเนี่ย”“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นี่ เอฟยาวติดกันระนาวขนาดนี้”“ถ้าทำงานแล้วมันไม่มีเวลาเรียน ฉันว่าแกเปลี่ยนงานเถอะ ไม่งั้นคงไม่ได้จบพร้อมเพื่อนแน่”คนโปรดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพักหลัง ๆ มานี้เธอเสียสมาธิกับการเรียนมากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากลูกค้าในที่ทำงานของเธอ เพราะหัวหน้าของเธอมักจะคอยโน้มน้าวให้เธอกลับไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ตลอดจนเธอรำคาญใจสมัยที่คนโปรดเรียนอยู่ปี 1 เธอเริ่มจากทำงานเป็นเด็กล้างจานและขยับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระทั่งวันหนึ่งรูปร่างและหน้าตาของเธอดันไปถูกใจลูกค้าคนหนึ่งเข้า เขาจึงอยากให้เธอมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ประจำตัวของเขาโดยเฉพาะ และบอกว่าจะจ่ายให้หนัก ๆ อย่างแน่นอนแต่สุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็เริ่มลวนลามคนโปร