@ร้านข้าว
“เป็นไงบ้างวะโปรด” “เอฟอะดิ รอไรล่ะ เฮ้ออออออออ” เมื่อมองผลการเรียนในมือถือหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแทบทั้งปอด คนโปรดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เธอทั้งเรียนไปด้วยและทำงานเป็นเด็กล้างจานในร้านเหล้าไปด้วย เทอมนี้คนโปรดจึงติดเอฟหลายตัวเพราะแทบไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ “เทอมนี้แกเอฟตัวที่เท่าไรแล้ว จำได้บ้างไหมเนี่ย” “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นี่ เอฟยาวติดกันระนาวขนาดนี้” “ถ้าทำงานแล้วมันไม่มีเวลาเรียน ฉันว่าแกเปลี่ยนงานเถอะ ไม่งั้นคงไม่ได้จบพร้อมเพื่อนแน่” คนโปรดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพักหลัง ๆ มานี้เธอเสียสมาธิกับการเรียนมากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากลูกค้าในที่ทำงานของเธอ เพราะหัวหน้าของเธอมักจะคอยโน้มน้าวให้เธอกลับไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ตลอดจนเธอรำคาญใจ สมัยที่คนโปรดเรียนอยู่ปี 1 เธอเริ่มจากทำงานเป็นเด็กล้างจานและขยับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระทั่งวันหนึ่งรูปร่างและหน้าตาของเธอดันไปถูกใจลูกค้าคนหนึ่งเข้า เขาจึงอยากให้เธอมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ประจำตัวของเขาโดยเฉพาะ และบอกว่าจะจ่ายให้หนัก ๆ อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็เริ่มลวนลามคนโปรดจนเธอทนไม่ไหวเผลอสาดเหล้าใส่หน้าเขา โชคดีที่ลูกค้าคนนั้นไม่ได้เอาเรื่องอะไร แถมเขายังใจสู้ยืนยันว่าอยากให้คนโปรดไปเป็นเด็กเลี้ยงของตัวเองอยู่ดี “ดุ ๆ อย่างนี้เสี่ยชอบ” คนโปรดจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่กลับไปทำหน้าที่นั้นอีก ทำให้เธอต้องมาทนล้างจานงก ๆ จนมือเปื่อยอย่างทุกวันนี้ “เป็นเด็กเสี่ยไม่ดีตรงไหน ถ้าเสี่ยรักแล้วก็เอ็นดูเรามาก ๆ จนเซ็นยกสมบัติให้เราล่ะ มันจะปังมากเลยนะแก” “มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทีเดียวหรอกขนม แต่แกก็รู้...ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายอะ” ขนมปังเบะปากมองบนใส่เพื่อนสาวของตัวเอง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่อนุบาล เพราะนอกจากแม่ของขนมปังกับแม่ของคนโปรดจะเป็นเพื่อนกันแล้ว บ้านของทั้งคู่ยังบังเอิญอยู่ข้างกันอีก สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันและกันได้ดีคือการถูกล้อว่าเป็นพวกผิดเพศมาตั้งแต่เด็ก ๆ คนหนึ่งก็เป็นกะเทย อีกคนก็เป็นเลสเบี้ยน “เอาน่าแก เดี๋ยวนี้โลกเรามันเปิดกว้างไปถึงไหนละ ถ้าหาเสี่ยเลี้ยงไม่ได้...แกก็หาเจ๊หรือไม่ก็หาอาซ้อมาเลี้ยงสิ” “โอ๊ยขนม! แกนี่คิดจะให้คนอื่นเลี้ยงอย่างเดียวเลยรึไง ฉันไม่เอาด้วยหรอก” “แล้วแกคิดวิธีอื่นออกไหมล่ะ” คำถามของขนมปังนั้นแทงใจดำคนโปรดเข้าเต็ม ๆ เพราะตอนนี้คนโปรดไม่ได้ทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนเพียงอย่างเดียว เธอเป็นเสาหลักของครอบครัวจึงต้องทำงานส่งน้องสาวเรียนด้วย ครอบครัวของคนโปรดไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยนักแต่ถือว่าพอมีฐานะในระดับปานกลาง พ่อของเธอเป็นพนักงานบริษัททั่วไป ส่วนแม่ของเธอก็เปิดร้านขายเบเกอรี่และเครื่องดื่ม “ไม่รู้สิ ช่วงนี้ลูกค้าที่ร้านก็ไม่ได้เยอะเท่าเมื่อก่อน ยิ่งช่วงโควิดนี่กว่าจะฟื้นตัวได้เล่นเอาเข้าเนื้อแทบแย่เลย แถมพ่อฉันก็เกือบโดนเลิกจ้างแล้วด้วย” คนโปรดตัดพ้อ “เอาน่าแก เพราะโรคระบาดนี่ใคร ๆ ก็ซวยกันทั้งนั้นแหละ ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วถือว่าดีขึ้นเยอะแหละ” “จะว่าดีที่ไม่ได้เสียใครไปเพราะติดเชื้อก็ดีอะแก แต่จะว่าแย่เพราะเกือบล้มละลายก็แย่อยู่” คนโปรดกวาดสายตาอ่านผลการเรียนของตัวเองซ้ำอีกครั้ง และหยิบน้ำอัดลมในแก้วมาดื่มเติมน้ำตาลแก้เครียด ทั้งสองคนนั่งเงียบไม่พูดอะไรกันต่ออีกหลายนาทีด้วยความเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเองขนมปังก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “พูดถึงเรื่องที่มีคนป่วยตาย อืมม...แกรู้จักเฮียซ้งไหม” ขนมปังเอ่ยถาม “ซ้งไหน ไม่รู้จักอะ” “ก็เฮียซ้งเจ้าของตลาดแถวบ้านพวกเราไง ตอนนั้นฉันได้ยินแม่เม้ากับป้าเพ็ญข้างบ้านว่าตอนอากงของไอ้เม้งตายเพราะโควิด แกยกสมบัติทุกอย่างให้เฮียซ้งที่เป็นลูกชายคนโตหมดเกลี้ยงเลย” “เม้งนี่ใครนะ ขออีกทีได้ไหมฉันตามไม่ทัน” คนโปรดยิ้มแห้ง “โอ๊ยยยย! ฟังนะโปรด ไอ้เม้งที่มาตามจีบแกเป็นลูกของน้องชายเฮียซ้งเจ้าของตลาด ส่วนเฮียซ้งก็เป็นลูกชายคนโตของอากงคนนั้นที่ตายไปเพราะโควิดอีกทีหนึ่ง” คนโปรดกลอกตาสลับซ้ายขวาไปมาด้วยความสับสน เธอนั่งนับนิ้วไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ที่เพื่อนเล่าก่อนจะพยักหน้าตอบรับว่าเข้าใจและเล่าต่อได้ “ตอนนี้มีทั้งหมด 4 คนใช่ไหมที่พูดอยู่เนี่ย” คนโปรดเอ่ยถาม “เออ มีไอ้เม้ง พ่อไอ้เม้ง เฮียซ้ง แล้วก็อากงไอ้เม้ง” “เค แล้วไงต่ออะขนม” “ก็นั่นแหละ ทีนี้ฉันก็ได้ยินมาจากแม่อีกว่าเฮียซ้งที่พึ่งตายไปเมื่อปีก่อน ๆ ก็ตายเพราะโควิดด้วยเหมือนกัน ตลกร้ายดีไหมล่ะแก” “คือสรุปง่าย ๆ เลยว่าปู่กับลุงคนชื่อเม้งนี่ตายเพราะโควิดหมดเลยถูกไหม” “ถูกกกกก” ขนมปังปรบมือให้คนโปรดด้วยความภาคภูมิใจที่เพื่อนหัวทึบเข้าใจทุกอย่างถูกต้อง ขณะที่กำลังเม้ามอยกันอย่างเพลินเพลิน พนักงานก็นำบิลมาให้ที่โต๊ะของทั้งสองคนเพื่อชำระค่าอาหาร “แป๊บหนึ่งนะ ตอนนี้ฉันว่าฉันเริ่มงงแล้ว” “ไหนว่าเข้าใจไง” ขนมปังขมวดคิ้ว “เรื่องที่เล่ามาเมื่อกี้อะเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือแกมาเล่าให้ฉันฟังทำไมต่างหากล่ะ” “เมื่อกี้มันแค่เกริ่นนำ ส่วนที่เหลืออะไว้ค่อยไปเล่าที่ตลาด” ขนมปังพลางหยิบเงินสดจากกระเป๋าจ่ายให้พนักงาน “ไม่ต้องทอนนะคะ” “ขอบคุณมากค่ะคุณลูกค้า โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” เมื่อพนักงานเสิร์ฟคนนั้นเดินจากไป ขนมปังก็ชวนคนโปรดเก็บของให้เรียบร้อยและพากันเดินออกจากร้าน ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปตลาดแถวบ้านทันที โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีกว่าจะถึง “ฉันต้องมาซื้อของตามที่แม่สั่ง ก็เลยพาแกมาที่นี่ด้วยเผื่อจะฟลุ๊คเจอซ้อไง” ขนมปังกล่าว ระหว่างทางขนมปังเล่าเกี่ยวกับภรรยาของเฮียซ้งให้คนโปรดฟังอย่างเต็มที่ แต่ขนมปังที่เป็นคนขับอยู่ข้างหน้านั้นไม่ได้รู้เลยว่าคนซ้อนฟังไม่รู้เรื่องเลยสักประโยค @ตลาดสดเฮียซ้ง “แก เมื่อกี้ที่แกพูดอะ...สารภาพตามตรงว่าฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย” “เอ้า! แล้วทำไมแกไม่บอกฉันล่ะโปรด! ปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวเป็นตุเป็นตะอยู่ได้” “ฉันก็เคยบอกแกไปแล้วไงว่าอย่าชวนคุยตอนขี่รถ” คนโปรดยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ ขนมปังถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ควงแขนคนโปรดเดินเข้าไปซื้อของในตลาดแล้วจึงเล่าให้ฟังใหม่อีกครั้ง “ก็คือแกจะบอกว่าซ้อรินรณีได้สมบัติทั้งหมดหลังจากที่ผัวเขาตายถูกไหม” “ถูก” “ซึ่งผัวของซ้อเขาก็คือเฮียซ้งเจ้าของตลาดที่เราเดินอยู่” “พูดอีกก็ถูกอีก” ขนมปังรีบแทรกตัวเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้ามือสองสภาพดีที่กำลังถูกคนรุมกันยกใหญ่ และทิ้งให้คนโปรดยืนงงอยู่ห่าง ๆ คนโปรดกวาดสายตาชะโงกมองหาเพื่อนตัวเองอยู่สักพักกว่าจะเห็นว่า ขนมปังกับป้าคนหนึ่งกำลังยื้อแย่งเสื้อเกาะอกสีแดงกันอยู่ ใจหนึ่งคนโปรดก็แอบเชียร์เพื่อนตัวเอง ส่วนอีกใจก็กลัวเสื้อจะขาดแล้วล้มบาดเจ็บกัน “ตัวนี้หนูหยิบก่อนนะคะป้า หนูขอเถอะนะมันตะโกนชื่อหนูออกมาอยู่เนี่ย” “ป้าหยิบก่อนต่างหากล่ะอีหนู! ปล่อยสิ ป้าจะเอาไปให้ลูกสาว!” “ลูกสาวป้าใส่ตัวอื่นก็สวยเหมือนกันแหละค่ะ แต่ตัวนี้ถ้าหนูได้ใส่มันจะสวยมากจนป้าเยี่ยวราดเลยเชื่อหนูสิ!” “สวยเสยอะไรหนวดยาวเฟื้อยขนาดนี้!” คนรอบข้างอึ้งไปชั่วขณะ ป้าคนนั้นหลุดปากเอ่ยความในใจที่มีต่อขนมปังออกมาเสียงดังลั่น คนโปรดที่รู้ตัวดีว่าเพื่อนสนิทของตัวเองเป็นคนโมโหง่ายขนาดไหนก็รีบแทรกตัวเข้าไปเพื่อปรามเพื่อนทันที ก่อนจะมีเรื่องตบตีกับป้าให้เจ็บตัว “โอ้โหหหห อีป้า!” “ขนม! อย่า!” ทันใดนั้นเองเสียงกรี๊ดของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น “ขโมย! ใครก็ได้ช่วยด้วย! ขโมย!” ชายชุดดำสวมโม่งคลุมหน้ามิดชิดวิ่งราวกระเป๋าของหญิงชราคนหนึ่งและผลักเธอจนล้มลงไปกองกับพื้น ขโมยคนนั้นวิ่งฝ่าฝูงชนเพื่อไปยังทางออกหลังตลาดด้วยความชำนาญราวกับเป็นคนในพื้นที่ คนโปรดที่โดนเบียดจนกระเด็นมาขวางทางโจรเข้าพอดี เธอจึงโดนลูกหลงและถูกคว้ากระเป๋าติดมือโจรไปด้วย “เฮ้ย! เอาคืนมานะเว้ยไอ้โจรห้าร้อย!” ขนมปังที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองเกือบโดนทำร้าย ก็อาศัยจังหวะชุลมุนที่ป้าคนนั้นเผลอปล่อยแรงจากเสื้อเกาะอก คว้าเสื้อตัวนั้นมาสวมใส่ไว้กับตัวและถอดรองเท้าคัทชูปาทิ้งบนพื้น ก่อนจะสวมวิญญาณฮีโร่สาวสุดเอ็กซ์วิ่งตามไปจับโจร “เชี่ย! มึงตามกูไม่ทันหรอกอีกะเทย!” “หน็อยยย! ปากดีนักนะมึง! กูเป็นกะเทยมีใบค่ะถูกต้องตามกฎหมาย!” ขนมปังสไลด์ผ่านผ้าใบแช่ปลาของแม่ค้าที่วางอยู่บนพื้นเพื่อไปดักทาง เธอตัดสินใจกระโดดสองขาคู่เพื่อจะถีบอัดหน้าโจรให้สลบคาที่ แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีแก๊งชายชุดดำมาขวางทางเอาไว้และรับตีนเธอไปเต็ม ๆ แทน “ว้ายยยยย! แม่มึงแหก!!!” ปั้ก!“โอ๊ย! เจ็บจัง...”ขนมปังล้มกระแทกลงกับพื้น แต่เธอไม่ได้เจ็บตัวมากนักเพราะมีชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งมารับเอาไว้แทน ดู ๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนแข็งแรงและมีประสบการณ์ไม่น้อย เพราะนอกจากเขาจะโดนลูกถีบของขนมปังเต็ม ๆ แรงแล้ว เขายังสามารถประคองตัวเองและขนมปังไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยขนมปังแอบเหล่สายตามองชายชุดดำหน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอได้สติแล้วจึงพยายามรีบลุกออกจากตักของชายคนนั้น แต่ทว่าขนมปังกลับถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยแทน“ว้าย!”“อยู่นิ่ง ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเอง”“ตะ แต่ฉันไม่เป็นไรเลยนะคะ โอ๊ย!” ขนมปังพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนชายแปลกหน้าบีบเอวจนสะดุ้งร้องเสียงดัง “ไม่เป็นไรที่ไหนกันครับ คุณบาดเจ็บอยู่เห็น ๆ”“แต่คุณก็บาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ฉะ...ฉันว่าเราทั้งคู่ไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่าค่ะ”ชายแปลกหน้ากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทันใดนั้นเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนก็ดังเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ข้างขนมปัง“มัวรออะไรอยู่ พาเธอไปโรงพยาบาลซะสิ” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดของเธอเพียงแค่คำสั่งเดียวจากผู้เป็นนาย ชายชุดดำก็พยักหน้าและพาขนมปังที่อ
พ่อของคนโปรดตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าต้องมารับลูกสาวของตัวเองกับลูกของเพื่อนภรรยาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงคนโปรดก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยความใจเย็น หลังจากกลับถึงบ้านคนโปรดก็พาขนมปังเข้าบ้านเจ้าตัวก่อน พร้อมกับต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ของขนมปังฟังอีกยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ขนมปัง คนโปรดก็แอบปลีกตัวออกมาเก็บเสื้อผ้าให้เพื่อน เพื่อไปนอนค้างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน“เฮ้อ กว่าแม่จะยอมหยุดบ่น ฉันนี่หูแทบแตกเลยอะโปรด”“ก็สมควรแล้วแหละที่แม่แกจะบ่น วิ่งไปไล่จับโจรไม่พอยังจะเล่นท่ายากอะไรนั่นอีก” คนโปรดร่วมบ่นด้วยอีกเสียง“ฉันคิดเผื่อการไกลต่างหากล่ะ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้ออกข่าวขึ้นมา...ฉันเป็นดาวรุ่งข้ามคืนเลยนะเว้ยแก! พาดหัวข่าวว่านักศึกษาสาวสุดสวย งามทั้งกายและใจ ช่วยหญิงชราจับโจรกันจ้าละหวั่น”“เพ้อเจ้อ”คนโปรดหยิกแขนของขนมปังไปหนึ่งที ทั้งคู่ผลัดกันไปอาบน้ำและยกกับข้าวเข้ามานั่งกินบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องนอนด้วยกัน เพราะคืนนี้บ้านของคนโปรดไม่มีใครอยู่เลยสักคน พ่อของเธอบอกว่าต้องอยู่ทำโอที แม่ของเธอก็ไปปฏิบัติธรรมยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวนั้นไปก็เข้าค่ายลูกเสือวันนี้เ
พ่อของคนโปรดตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าต้องมารับลูกสาวของตัวเองกับลูกของเพื่อนภรรยาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงคนโปรดก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยความใจเย็น หลังจากกลับถึงบ้านคนโปรดก็พาขนมปังเข้าบ้านเจ้าตัวก่อน พร้อมกับต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ของขนมปังฟังอีกยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ขนมปัง คนโปรดก็แอบปลีกตัวออกมาเก็บเสื้อผ้าให้เพื่อน เพื่อไปนอนค้างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน“เฮ้อ กว่าแม่จะยอมหยุดบ่น ฉันนี่หูแทบแตกเลยอะโปรด”“ก็สมควรแล้วแหละที่แม่แกจะบ่น วิ่งไปไล่จับโจรไม่พอยังจะเล่นท่ายากอะไรนั่นอีก” คนโปรดร่วมบ่นด้วยอีกเสียง“ฉันคิดเผื่อการไกลต่างหากล่ะ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้ออกข่าวขึ้นมา...ฉันเป็นดาวรุ่งข้ามคืนเลยนะเว้ยแก! พาดหัวข่าวว่านักศึกษาสาวสุดสวย งามทั้งกายและใจ ช่วยหญิงชราจับโจรกันจ้าละหวั่น”“เพ้อเจ้อ”คนโปรดหยิกแขนของขนมปังไปหนึ่งที ทั้งคู่ผลัดกันไปอาบน้ำและยกกับข้าวเข้ามานั่งกินบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องนอนด้วยกัน เพราะคืนนี้บ้านของคนโปรดไม่มีใครอยู่เลยสักคน พ่อของเธอบอกว่าต้องอยู่ทำโอที แม่ของเธอก็ไปปฏิบัติธรรมยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวนั้นไปก็เข้าค่ายลูกเสือวันนี้เ
“โอ๊ย! เจ็บจัง...”ขนมปังล้มกระแทกลงกับพื้น แต่เธอไม่ได้เจ็บตัวมากนักเพราะมีชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งมารับเอาไว้แทน ดู ๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนแข็งแรงและมีประสบการณ์ไม่น้อย เพราะนอกจากเขาจะโดนลูกถีบของขนมปังเต็ม ๆ แรงแล้ว เขายังสามารถประคองตัวเองและขนมปังไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยขนมปังแอบเหล่สายตามองชายชุดดำหน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอได้สติแล้วจึงพยายามรีบลุกออกจากตักของชายคนนั้น แต่ทว่าขนมปังกลับถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยแทน“ว้าย!”“อยู่นิ่ง ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเอง”“ตะ แต่ฉันไม่เป็นไรเลยนะคะ โอ๊ย!” ขนมปังพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนชายแปลกหน้าบีบเอวจนสะดุ้งร้องเสียงดัง “ไม่เป็นไรที่ไหนกันครับ คุณบาดเจ็บอยู่เห็น ๆ”“แต่คุณก็บาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ฉะ...ฉันว่าเราทั้งคู่ไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่าค่ะ”ชายแปลกหน้ากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทันใดนั้นเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนก็ดังเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ข้างขนมปัง“มัวรออะไรอยู่ พาเธอไปโรงพยาบาลซะสิ” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดของเธอเพียงแค่คำสั่งเดียวจากผู้เป็นนาย ชายชุดดำก็พยักหน้าและพาขนมปังที่อ
@ร้านข้าว“เป็นไงบ้างวะโปรด”“เอฟอะดิ รอไรล่ะ เฮ้ออออออออ”เมื่อมองผลการเรียนในมือถือหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแทบทั้งปอด คนโปรดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เธอทั้งเรียนไปด้วยและทำงานเป็นเด็กล้างจานในร้านเหล้าไปด้วย เทอมนี้คนโปรดจึงติดเอฟหลายตัวเพราะแทบไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ“เทอมนี้แกเอฟตัวที่เท่าไรแล้ว จำได้บ้างไหมเนี่ย”“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นี่ เอฟยาวติดกันระนาวขนาดนี้”“ถ้าทำงานแล้วมันไม่มีเวลาเรียน ฉันว่าแกเปลี่ยนงานเถอะ ไม่งั้นคงไม่ได้จบพร้อมเพื่อนแน่”คนโปรดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพักหลัง ๆ มานี้เธอเสียสมาธิกับการเรียนมากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากลูกค้าในที่ทำงานของเธอ เพราะหัวหน้าของเธอมักจะคอยโน้มน้าวให้เธอกลับไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ตลอดจนเธอรำคาญใจสมัยที่คนโปรดเรียนอยู่ปี 1 เธอเริ่มจากทำงานเป็นเด็กล้างจานและขยับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระทั่งวันหนึ่งรูปร่างและหน้าตาของเธอดันไปถูกใจลูกค้าคนหนึ่งเข้า เขาจึงอยากให้เธอมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ประจำตัวของเขาโดยเฉพาะ และบอกว่าจะจ่ายให้หนัก ๆ อย่างแน่นอนแต่สุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็เริ่มลวนลามคนโปร