พ่อของคนโปรดตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าต้องมารับลูกสาวของตัวเองกับลูกของเพื่อนภรรยาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงคนโปรดก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยความใจเย็น
หลังจากกลับถึงบ้านคนโปรดก็พาขนมปังเข้าบ้านเจ้าตัวก่อน พร้อมกับต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ของขนมปังฟังอีกยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ขนมปัง คนโปรดก็แอบปลีกตัวออกมาเก็บเสื้อผ้าให้เพื่อน เพื่อไปนอนค้างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน “เฮ้อ กว่าแม่จะยอมหยุดบ่น ฉันนี่หูแทบแตกเลยอะโปรด” “ก็สมควรแล้วแหละที่แม่แกจะบ่น วิ่งไปไล่จับโจรไม่พอยังจะเล่นท่ายากอะไรนั่นอีก” คนโปรดร่วมบ่นด้วยอีกเสียง “ฉันคิดเผื่อการไกลต่างหากล่ะ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้ออกข่าวขึ้นมา...ฉันเป็นดาวรุ่งข้ามคืนเลยนะเว้ยแก! พาดหัวข่าวว่านักศึกษาสาวสุดสวย งามทั้งกายและใจ ช่วยหญิงชราจับโจรกันจ้าละหวั่น” “เพ้อเจ้อ” คนโปรดหยิกแขนของขนมปังไปหนึ่งที ทั้งคู่ผลัดกันไปอาบน้ำและยกกับข้าวเข้ามานั่งกินบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องนอนด้วยกัน เพราะคืนนี้บ้านของคนโปรดไม่มีใครอยู่เลยสักคน พ่อของเธอบอกว่าต้องอยู่ทำโอที แม่ของเธอก็ไปปฏิบัติธรรมยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวนั้นไปก็เข้าค่ายลูกเสือวันนี้เป็นวันแรก “แกจะอาบน้ำไหม” คนโปรดเอ่ยถาม “ไม่อาบอะ ขี้เกียจ” “ดี งั้นฉันก็ไม่อาบเหมือนกัน ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์อยู่แล้วด้วย” ทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก คนโปรดกับขนมปังช่วยกันหาซีรีส์เพื่อดูด้วยกันในคืนนี้ ระหว่างนั้นก็สั่งขนมกรุบกรอบจากเดลิเวอรี่มาด้วย คนโปรดอธิบายวิธีเช็ดล้างทำความสะอาดแผลตามที่พยาบาลบอกให้ขนมปังเข้าใจ จากนั้นเธอก็ช่วยจัดยาเป็นชุด ๆ ใส่กล่องแบ่งไว้เพื่อให้ขนมปังกินอย่างสะดวก “เออจริงสิ! แล้วที่แกบอกว่าโดนซ้อหลอกนี่คือยังไงอะ ซ้อเขาก็แค่มาส่งแกหน้าโรงบาลเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ” ขนมปังเอ่ยถาม “มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ อะ! ดูนี่” คนโปรดเปิดกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่มีเงินสดนับไม่ถ้วนและโยนให้ขนมปังดู ขนมปังที่เห็นอย่างนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความงงเป็นไก่ตาแตก เธอคว้ากระเป๋าสตางค์ของคนโปรดไปไว้ในมือและกรีดนิ้วนับเงินแบบผ่าน ๆ “อะไรเนี่ย! แกไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหนตั้งหลายหมื่น!” “ฉันไม่ได้ไปเอามาจากไหนเลยนะขนม ตอนลงรถมา...ฉันหยิบกระเป๋ามาผิดใบแต่ก็เอาไปคืนทันทีเลย แต่พอตอนจะจ่ายตังค์ให้แกก็เปิดเจอเงินพวกนี้นี่แหละ” คนโปรดเล่าตามจริง “อย่าบอกนะว่า...ซ้อเป็นคนใส่เงินพวกนี้ไว้อะ” คนโปรดกับขนมปังมองหน้ากันพร้อมเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ขนมปังจะเทเงินในกระเป๋าสตางค์ของคนโปรดออกมาจนหมดเกลี้ยง และเริ่มนับจำนวนอย่างจริงจัง “ห้าหมื่น คนบ้าอะไรจะใส่เงินผิดกระเป๋าตั้งห้าหมื่นเลยวะ!” ขนมปังเท้าเอว “มันก็ไม่แน่ไหมแก ซ้อเขาอาจจะรีบ ๆ แล้วใส่ผิดจริง ๆ ก็ได้” “แกมองโลกในแง่ดีไปปะโปรด เงินที่ซ้อเอามายัดให้แกอาจจะเป็นเงินร้อนก็ได้นะเว้ย! ฉันว่าแกเอาไปส่งตำรวจแล้วบอกว่าไม่รู้มาอยู่ในกระเป๋าได้ยังไงดีกว่า” คนโปรดฉีกซองขนมออกและหยิบใส่ปากกิน ทั้งสองคนนั่งครุ่นคิดกันอยู่นานกว่าจะตกลงกันได้ว่าควรจะทำยังไงกับเงินก้อนนี้ดี “ถ้าซ้อแค่ใส่ผิดจริง ๆ แล้วฉันไปแจ้งตำรวจ มันจะไม่ดูเล่นใหญ่ไปหน่อยเหรอแก” “งั้นแกจะเอายังไง ลองเอาเงินไปคืนแล้วคุยกับซ้อก่อนดีไหมล่ะ” “ไม่รู้ว่ะแก นอนกันเหอะตื่นมาค่อยคิดต่อ” คนโปรดกับขนมปังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้เรียบร้อย ก่อนจะมานอนดูซีรีส์ด้วยกันจนดึกดื่นและหลับไปทั้งอย่างนั้น เช้าวันต่อมา กว่าทั้งสองคนจะตื่นก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว คนโปรดช่วยขนมปังสระผมและเช็ดตัวให้ด้วยความระมัดระวัง เพราะแผลถลอกบางส่วนนั้นไม่สามารถโดนน้ำได้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็รื้อตู้เย็นเพื่อหาของมาทำกับข้าวกินด้วยกัน “ทำไมตู้เย็นบ้านแกมันโล่งขนาดนี้เนี่ยโปรด” “ก็แม่ฉันไม่อยู่ แถมพ่อก็แทบจะนอนที่ออฟฟิศทุกวันอยู่แล้วด้วยอะ เหลือฉันคนเดียวก็เลยเอาของที่มีอยู่มาทำกินหมดละ” “แล้วเมื่อวานที่ไปตลาดด้วยกันทำไมไม่ซื้อ” “จ้า แกไปยืนแย่งเสื้อเกาะอกกับป้าคนนั้นอยู่ แล้วสักพักก็มีโจรวิ่งราวกระเป๋า ทำไปทำมารู้ตัวอีกทีฉันก็ต้องไปรับแกที่โรงบาลละ ไหนแกบอกฉันหน่อยซิว่าจะให้เอาเวลาช่วงไหนไปซื้อของจ๊ะ?” คนโปรดประชดประชันใส่ขนมปังด้วยความหมั่นไส้ แต่สุดท้ายเธอก็ออกมาซื้อของสดที่ตลาดเอง โดยบอกให้ขนมปังช่วยล้างจานรออยู่ที่บ้าน คนโปรดไล่ซื้อของตามรายการที่แม่ของเธอซื้อเข้าบ้านอยู่บ่อย ๆ @ตลาดสดเฮียซ้ง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ซื้อของจนครบ ขณะที่กำลังจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน แขนของคนโปรดก็ถูกรั้งไว้ด้วยมือปริศนาจากใครบางคน “แม่หนู! นี่แม่หนูเป็นเพื่อนของหนูอีกคนที่ช่วยไปตามเอากระเป๋ามาคืนยายใช่ไหมลูก” หญิงชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อะ อ๋อ! ใช่ค่ะ ๆ” “ยายได้ยินมาว่าแม่หนูคนนั้นเจ็บตัวจนต้องไปโรงบาลเลย ยายฝากเอาผลไม้ไปให้หน่อยได้ไหม ยายอยากขอบคุณที่ช่วยยายน่ะลูก” ในตอนแรกคนโปรดจะเอ่ยปากปฏิเสธเพราะขนมปังเจ็บตัวจากความทะเล้นของตัวเอง แต่เมื่อเห็นยายคนนี้ทำหน้าละห้อย เธอก็ใจอ่อน “ได้ค่ะยาย ขอบคุณมากนะคะ” “ยายต่างหากที่ต้องขอบคุณ ทั้งแม่หนูกับเพื่อน...แล้วก็อาซ้อคนสวย ๆ ด้วย เห็นว่าช่วงนี้ประกาศรับสมัครแม่บ้านด้วยนะ ตอนแรกยายก็ว่าจะไปทำงานตอบแทน แต่ยายอายุมากเกินขาแข้งมันไม่ไหวแล้วน่ะสิ” หญิงชรากล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป เมื่อกลับถึงบ้าน คนโปรดก็เล่าให้ขนมปังฟังระหว่างที่ทำอาหารไปด้วย "แกลองไปสมัครดูไหมล่ะ ยังไงช่วงนี้แกก็กำลังหางานใหม่ที่ได้เงินดี ๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง” ขนมปังเอ่ยถามขณะกำลังหั่นผัก “แม่บ้านเงินเดือนห้าหมื่น แกไม่คิดว่ามันแปลก ๆ เหรอขนม ถ้าเกิดว่าซ้อเขามีลับลมคมในอะไรขึ้นมาแล้วฉันเผลอเข้าไปพัวพันด้วยล่ะก็...อนาคตฉันจบเห่แน่” “อย่าลืมนะว่าแกต้องไปคุยกับซ้อเรื่องเงินในกระเป๋าแกด้วยอะ ถือโอกาสนี้คุยรวดเดียวไปเลยสิ! ถ้ามีคนไปสมัครงานเยอะแกก็ไม่ต้องกลัวว่าซ้อจะทำอะไรแกได้หรอก” คำว่าซ้อจะทำอะไรแกที่ขนมปังพูดนั้น ทำให้ภาพใบหน้าของรินรณีที่โน้มตัวมาใกล้คนโปรดเมื่อวานนี้ผ่านเข้ามาในหัวอีกครั้ง จมูกของคนโปรดยังคงจำกลิ่นน้ำหอมที่คล้ายกับกลิ่นกุหลาบของรินรณีได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นคนโปรดยังสังเกตเห็นว่า รินรณีมีรอยสักใต้ร่มผ้าโผล่ออกมาที่แขนข้างขวาให้เห็นนิดหน่อยด้วย ขณะกำลังเหม่อลอย คนโปรดก็เผลอจับหม้อร้อน ๆ ด้วยมือเปล่าจนโดนลวก “โอ๊ย! ร้อน ๆ ๆ ๆ ๆ!” “เอามือจับหู ๆ ๆ!” “จับหู หะ...หูอะไร หูหม้อเหรอ!” คนโปรดสะบัดมือไปมาไม่หยุดเพื่อจะคลายความปวดแสบปวดร้อน “จะบ้าเหรอโปรด แกจะจับหูหม้อให้มันลวกมืออีกหรือไง! เอามือจับหูแกสิ!” คนโปรดคว้ามือจับติ่งหูของตัวเองทันที เธอถูกขนมปังไล่ให้ไปหาอะไรมาประคบคลายความร้อนจากนิ้วมือและช่วยทำอย่างอื่นแทน ทั้งสองคนนั่งกินข้าวกันด้วยความเบื่อหน่าย เพราะในหัวตอนนี้มีแต่เรื่องให้คิดไม่หยุดหย่อนสักที คนโปรดถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขนมปังต้องเรียกสติของเพื่อนกลับมา “พอมาคิดอีกที...หรือว่าซ้อเขาตั้งใจใส่ไว้ให้แกวะโปรด” “แล้วซ้อจะเอาเงินมาให้ฉันทำไมตั้งห้าหมื่น ฉันไม่ใช่เจ้าหนี้ซ้อสักหน่อย” “เขาอาจจะให้เพราะชอบแกรึเปล่า ฟีลแบบส่งสัญญาณให้แกรู้ว่าอยากส่งเสียเลี้ยงดูแกเพราะเอ็นดูไง” หลังจากเห็นสีหน้าของคนโปรดที่กำลังอ้าปากค้างด้วยความตะลึงอยู่ ขนมปังก็หัวเราะร่วนออกมาด้วยความพอใจพร้อมยกจานไปตักกับข้าวมาเพิ่ม “...นี่แกคิดงี้จริงดิขนม” “ไว้แกไปคุยกับซ้อเมื่อไหร่แกก็รู้เองแหละ ว่าที่มาที่ไปของเงินก้อนนี้มันเป็นยังไงกันแน่”@ร้านข้าว“เป็นไงบ้างวะโปรด”“เอฟอะดิ รอไรล่ะ เฮ้ออออออออ”เมื่อมองผลการเรียนในมือถือหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแทบทั้งปอด คนโปรดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เธอทั้งเรียนไปด้วยและทำงานเป็นเด็กล้างจานในร้านเหล้าไปด้วย เทอมนี้คนโปรดจึงติดเอฟหลายตัวเพราะแทบไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ“เทอมนี้แกเอฟตัวที่เท่าไรแล้ว จำได้บ้างไหมเนี่ย”“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นี่ เอฟยาวติดกันระนาวขนาดนี้”“ถ้าทำงานแล้วมันไม่มีเวลาเรียน ฉันว่าแกเปลี่ยนงานเถอะ ไม่งั้นคงไม่ได้จบพร้อมเพื่อนแน่”คนโปรดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพักหลัง ๆ มานี้เธอเสียสมาธิกับการเรียนมากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากลูกค้าในที่ทำงานของเธอ เพราะหัวหน้าของเธอมักจะคอยโน้มน้าวให้เธอกลับไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ตลอดจนเธอรำคาญใจสมัยที่คนโปรดเรียนอยู่ปี 1 เธอเริ่มจากทำงานเป็นเด็กล้างจานและขยับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระทั่งวันหนึ่งรูปร่างและหน้าตาของเธอดันไปถูกใจลูกค้าคนหนึ่งเข้า เขาจึงอยากให้เธอมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ประจำตัวของเขาโดยเฉพาะ และบอกว่าจะจ่ายให้หนัก ๆ อย่างแน่นอนแต่สุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็เริ่มลวนลามคนโปร
“โอ๊ย! เจ็บจัง...”ขนมปังล้มกระแทกลงกับพื้น แต่เธอไม่ได้เจ็บตัวมากนักเพราะมีชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งมารับเอาไว้แทน ดู ๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนแข็งแรงและมีประสบการณ์ไม่น้อย เพราะนอกจากเขาจะโดนลูกถีบของขนมปังเต็ม ๆ แรงแล้ว เขายังสามารถประคองตัวเองและขนมปังไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยขนมปังแอบเหล่สายตามองชายชุดดำหน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอได้สติแล้วจึงพยายามรีบลุกออกจากตักของชายคนนั้น แต่ทว่าขนมปังกลับถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยแทน“ว้าย!”“อยู่นิ่ง ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเอง”“ตะ แต่ฉันไม่เป็นไรเลยนะคะ โอ๊ย!” ขนมปังพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนชายแปลกหน้าบีบเอวจนสะดุ้งร้องเสียงดัง “ไม่เป็นไรที่ไหนกันครับ คุณบาดเจ็บอยู่เห็น ๆ”“แต่คุณก็บาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ฉะ...ฉันว่าเราทั้งคู่ไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่าค่ะ”ชายแปลกหน้ากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทันใดนั้นเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนก็ดังเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ข้างขนมปัง“มัวรออะไรอยู่ พาเธอไปโรงพยาบาลซะสิ” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดของเธอเพียงแค่คำสั่งเดียวจากผู้เป็นนาย ชายชุดดำก็พยักหน้าและพาขนมปังที่อ
พ่อของคนโปรดตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าต้องมารับลูกสาวของตัวเองกับลูกของเพื่อนภรรยาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงคนโปรดก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยความใจเย็น หลังจากกลับถึงบ้านคนโปรดก็พาขนมปังเข้าบ้านเจ้าตัวก่อน พร้อมกับต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ของขนมปังฟังอีกยกใหญ่ ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ขนมปัง คนโปรดก็แอบปลีกตัวออกมาเก็บเสื้อผ้าให้เพื่อน เพื่อไปนอนค้างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน“เฮ้อ กว่าแม่จะยอมหยุดบ่น ฉันนี่หูแทบแตกเลยอะโปรด”“ก็สมควรแล้วแหละที่แม่แกจะบ่น วิ่งไปไล่จับโจรไม่พอยังจะเล่นท่ายากอะไรนั่นอีก” คนโปรดร่วมบ่นด้วยอีกเสียง“ฉันคิดเผื่อการไกลต่างหากล่ะ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้ออกข่าวขึ้นมา...ฉันเป็นดาวรุ่งข้ามคืนเลยนะเว้ยแก! พาดหัวข่าวว่านักศึกษาสาวสุดสวย งามทั้งกายและใจ ช่วยหญิงชราจับโจรกันจ้าละหวั่น”“เพ้อเจ้อ”คนโปรดหยิกแขนของขนมปังไปหนึ่งที ทั้งคู่ผลัดกันไปอาบน้ำและยกกับข้าวเข้ามานั่งกินบนโต๊ะญี่ปุ่นในห้องนอนด้วยกัน เพราะคืนนี้บ้านของคนโปรดไม่มีใครอยู่เลยสักคน พ่อของเธอบอกว่าต้องอยู่ทำโอที แม่ของเธอก็ไปปฏิบัติธรรมยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวนั้นไปก็เข้าค่ายลูกเสือวันนี้เ
“โอ๊ย! เจ็บจัง...”ขนมปังล้มกระแทกลงกับพื้น แต่เธอไม่ได้เจ็บตัวมากนักเพราะมีชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งมารับเอาไว้แทน ดู ๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนแข็งแรงและมีประสบการณ์ไม่น้อย เพราะนอกจากเขาจะโดนลูกถีบของขนมปังเต็ม ๆ แรงแล้ว เขายังสามารถประคองตัวเองและขนมปังไว้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยขนมปังแอบเหล่สายตามองชายชุดดำหน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอได้สติแล้วจึงพยายามรีบลุกออกจากตักของชายคนนั้น แต่ทว่าขนมปังกลับถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยแทน“ว้าย!”“อยู่นิ่ง ๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเอง”“ตะ แต่ฉันไม่เป็นไรเลยนะคะ โอ๊ย!” ขนมปังพูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนชายแปลกหน้าบีบเอวจนสะดุ้งร้องเสียงดัง “ไม่เป็นไรที่ไหนกันครับ คุณบาดเจ็บอยู่เห็น ๆ”“แต่คุณก็บาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ฉะ...ฉันว่าเราทั้งคู่ไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่าค่ะ”ชายแปลกหน้ากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทันใดนั้นเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคนก็ดังเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ข้างขนมปัง“มัวรออะไรอยู่ พาเธอไปโรงพยาบาลซะสิ” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งต่อบอดี้การ์ดของเธอเพียงแค่คำสั่งเดียวจากผู้เป็นนาย ชายชุดดำก็พยักหน้าและพาขนมปังที่อ
@ร้านข้าว“เป็นไงบ้างวะโปรด”“เอฟอะดิ รอไรล่ะ เฮ้ออออออออ”เมื่อมองผลการเรียนในมือถือหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแทบทั้งปอด คนโปรดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เธอทั้งเรียนไปด้วยและทำงานเป็นเด็กล้างจานในร้านเหล้าไปด้วย เทอมนี้คนโปรดจึงติดเอฟหลายตัวเพราะแทบไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ“เทอมนี้แกเอฟตัวที่เท่าไรแล้ว จำได้บ้างไหมเนี่ย”“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นี่ เอฟยาวติดกันระนาวขนาดนี้”“ถ้าทำงานแล้วมันไม่มีเวลาเรียน ฉันว่าแกเปลี่ยนงานเถอะ ไม่งั้นคงไม่ได้จบพร้อมเพื่อนแน่”คนโปรดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพักหลัง ๆ มานี้เธอเสียสมาธิกับการเรียนมากเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากลูกค้าในที่ทำงานของเธอ เพราะหัวหน้าของเธอมักจะคอยโน้มน้าวให้เธอกลับไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ตลอดจนเธอรำคาญใจสมัยที่คนโปรดเรียนอยู่ปี 1 เธอเริ่มจากทำงานเป็นเด็กล้างจานและขยับไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระทั่งวันหนึ่งรูปร่างและหน้าตาของเธอดันไปถูกใจลูกค้าคนหนึ่งเข้า เขาจึงอยากให้เธอมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ประจำตัวของเขาโดยเฉพาะ และบอกว่าจะจ่ายให้หนัก ๆ อย่างแน่นอนแต่สุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็เริ่มลวนลามคนโปร