แชร์

คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ
คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ
ผู้แต่ง: เสี่ยวชิงเทียน

ล้างตระกูล

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-08 12:48:33

บทนำ

ล้างตระกูล

กลางเหมันต์ฤดู คืนหิมะโปรยปราย คฤหาสน์ใหญ่โตตระกูลหวงกลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนมิขาดช่วง ไม่เว้นแม้ริมกำแพง ใต้ต้นไม้ ซอกมุมเรือน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นบนหิมะขาวยิ่งเห็นยิ่งให้สลดใจ เด็กเล็กเด็กน้อย บ่าว ไพร่ อายุไม่เท่าไรก็ถูกคมดาบคมกระบี่ปลิดชีพจนสิ้นทั้งคฤหาสน์

เมืองทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้ความเงียบกลางลมหิมะ น่าสลดใจนักตระกูลหวงเคยมีความดีความชอบมากมายเป็นที่นับหน้าถือตา เพียงคืนเดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นตระกูลผู้คิดก่อการกบฏ มีผู้คนมากมายไม่คิดเช่นนั้นแต่จะทำอย่างไรได้นี่คือพระบัญชาของกษัตริย์ กวาดล้างตระกูลหวงให้สิ้นมิเว้นผู้ใด

ไม่รู้โชคดีหรือร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวกลับไม่อยู่ในคฤหาสน์นางป่วยไข้อยู่หลายวัน มารดาจึงส่งไปรักษายังวัดบนเขา นางจึงรอดพ้นจากการฆ่าล้างตระกูลคืนนี้ คฤหาสน์หลังใหญ่ตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุตรสาวอย่างหวงซิ่วอิงยังมีชีวิตอยู่

7 ปีผ่านไป

หอสุราอิงฮวาในตอนนี้มีชื่ออย่างมากเรื่องหญิงงามล่มเมือง ผู้คนมากมายจึงพากันมายลโฉม วันนี้ของทุกเดือนตั้งแต่สี่ปีก่อนทำให้หอสุรานี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ผู้คนแวะเวียนมามิขาดเพื่อให้ได้ชมการประมูลหญิงงาม ‘ลี่อิน’

การประมูลคณิกาจะเริ่มขึ้นหลังยามโหย่ว หากผู้ใดให้ราคามากที่สุดเมื่อเริ่มยามห้ายแม่นางลี่อินจะไปดูแล เล่นดนตรี คอยอยู่ปรนนิบัติจนกว่าจะถึงยามโฉ่ว แต่ผู้ประมูลมิสามารถแตะต้องร่างกายนางได้หากนางไม่ยินยอม

ผู้คนล้วนเล่าลือกันว่าจนป่านนี้ยังไม่มีบุรุษใดได้แตะนางแม้ปลายเส้นผม คำเล่าลือเหล่านี้ทำให้บุรุษมากมายทั้งเศรษฐี พ่อค้า ขุนนาง พากันมาประมูล หว่านล้อมอยากรับนางเป็นทั้งภรรยาเอก ทั้งอนุ เชื้อพระวงศ์เองก็มีไม่น้อยเลย

ยามสองเท้าเปล่าเปลือยก้าวไปเบื้องหน้า กำไลข้อเท้าที่มีกระพรวนเล็กติดอยู่ส่งเสียงดังเรียกสายตาบุรุษและสตรีทั้งหออิงฮวาให้หันมอง ร่างบอบบางสวมอาภรณ์สีชมพูอ่อนช่างเข้ากับลานหิมะกลางหอยิ่งนัก เสื้อคลุมตัวนอกสีขาวบางพลิ้วปลิวตามลม ผิวกายขาวราวหิมะ ระบำงดงามอ่อนช้อยไม่มีผู้ใดไม่หยุดมอง

งามล่มเมืองยังน้อยไปเมื่อเทียบกับความงามตรงหน้ายามนี้ เรือนผมดำยาวสลวย ผมถูกเกล้าขึ้นไว้ด้านบนครึ่งหนึ่งปักปิ่นหยกรูปดอกท้อ คิ้วสวยได้รูป ดวงตากลมโตเปล่งประกาย จมูกและปากถูกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมหน้าผืนบาง แม้จะเห็นเพียงครึ่งหน้าก็ไม่ทำให้นางดูงดงามน้อยลง

ผู้คนมากมายยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับระบำลี่อิน ระบำที่นางเป็นคนคิดขึ้นเองและระบำเองเพียงผู้เดียว หญิงคณิกาอื่นในหอล้วนไม่กล้าระบำเทียบเคียงนางจึงไม่มีผู้อื่นระบำอีก เมื่อระบำจบนางจึงเดินไปนั่งกลางลาน สองมือเล็ก ๆ อ่อนช้อยหยิบผีผาขึ้นมาบรรเลงต่อ

“งดงามดังคำร่ำลือจริง ๆ” ท่านโหวน้อยแห่งจวนสวี่กล่าวกับผู้ดูแลหอ หลังการบรรเลงผีผาของนางจบลง เขาเองมาที่แห่งนี้เพราะอยากรู้นางงามล่มเมืองงามอย่างผู้คนร่ำลือจริงหรือไม่ ผู้ดูแลหอรีบก้มตัวคำนับรับคำชมจากท่านโหวน้อย คืนนี้เห็นทีการประมูลนี้คงมีผู้ร่วมประมูลจนราคาสูงอีกกระมัง

ทุกวันคณิกาคนอื่นจำต้องดูแลบุรุษนับไม่ถ้วนต่างจากลี่อิน นางทำเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น แต่หนึ่งครั้งของนางทำกำไรให้หอสุราแห่งนี้มากกว่าคณิกาผู้อื่นทำทั้งเดือนเสียอีก นางจึงได้รับการปฏิบัติที่พิเศษกว่าผู้อื่น

“เริ่มการประมูลได้” เข้าสู่ยามซวีสตรีวัยกลางคนกล่าวขึ้น นางยืนอยู่กลางลานหอสุรา บนแท่นไม้โดดเด่นกลางหิมะขาวโพลน ที่เดียวกับการบรรเลงผีผาก่อนนี้

“ห้าสิบตำลึง” นางยังไม่บอกราคาประมูลเริ่มต้นกลับมีผู้ร่วมประมูลให้มากกว่าเสียแล้ว ราคานี้มากกว่าราคาเริ่มต้นนางจึงเริ่มประมูลต่อไป

“หกสิบตำลึง”

“เจ็ดสิบ”

“แปดสิบ”

“หนึ่งร้อยตำลึง”

“สามร้อยตำลึง”

“ห้าร้อยตำลึง”

“ห้าร้อยตำลึง” ผู้ร่วมประมูลต่างพากันเงียบเมื่อมีคนประมูลราคาซ้ำกับบุรุษก่อนหน้า ท่านโหวน้อยลุกยืนสะบัดชายเสื้อตนเอง เขาเดินไปหยุดตรงริมระเบียงชั้นสอง มองลงไปกลางลานหิมะ ท่าทางเพียบพร้อมสง่างามทำให้ผู้คนพากันมองไม่น้อย “ทอง” เมื่อผู้คนพากันเงียบท่านโหวจึงเอ่ยคำต่อมาผู้คนพากันร้องฮือฮาทั่วหอ ตั้งแต่ประมูลมายังมิเคยเห็นผู้ประมูลมากเพียงนี้เลย

สุดท้ายไม่มีผู้ประมูลแข่ง ค่ำคืนนี้ท่านโหวน้อยจึงได้แม่นางลี่อินมาคอยอยู่ปรนนิบัติ หลังการประมูลจบเถ้าแก่ผู้ดูแลจึงขอตัวออกจากห้องไปพาหญิงสาวผู้นั้นเข้ามา

“ลี่อินคารวะท่านโหวน้อย” สตรีบอบบางอ่อนช้อยย่อตัวกล่าวคารวะลูกค้าคนสำคัญในคืนนี้ สวี่เลี่ยงหรงพยักหน้าพอใจกับสตรีตรงหน้า เขาลุกเดินไปหานางช้า ๆ หมายจะโอบประคอง นางขยับถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนจะกล่าวกับบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทีแช่มช้อยน่าทะนุถนอมจนมิอาจะกล่าวโทษเอาผิดใด

“ขอบคุณท่านโหวน้อยเจ้าค่ะ แต่ลี่อินมีกฎต้องรักษาหากท่านโหวมิทำตามกฎเกรงว่าต่อไปลี่อินคงมิอาจขัดขืนผู้ใดได้อีก ขอท่านโหวน้อยโปรดเมตตาลี่อินสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” สตรีตรงหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงรื่นหู แบ่งรับแบ่งสู้ บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น น้ำเสียงอ่อนหวานของนางไม่ว่าบุรุษใดได้ฟังก็คงโกรธนางไม่ลง

“เช่นนั้นข้าต้องขออภัยแม่นางลี่อินด้วย เชิญนั่งเถอะ” สวี่เลี่ยงหรงกล่าวจบก็ผายมือให้นางเข้าไปด้านใน นางย่อตัวครั้งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปภายในห้อง

“ท่านโหวน้อยบอกลี่อินได้หรือไม่เจ้าคะว่าชอบสิ่งใด”

“ก่อนข้าจะบอกว่าชอบสิ่งใด แม่นางควรถอดผ้าคลุมหน้าก่อนหรือไม่ ข้าประมูลเวลาของแม่นางมาราคามิใช่น้อยเลย”

“ขออภัยท่านโหวน้อย” หญิงสาวเบนใบหน้าค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมออก จากนั้นจึงหันกลับมามองผู้เป็นลูกค้าในวันนี้ช้า ๆ ดวงตาเรียวคมเบิกขึ้นเมื่อเห็นดวงหน้างดงามทั้งหมดโดยปราศจากผ้าคลุม ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมช่างงดงามนัก ยิ่งไม่ถูกสิ่งใดบดบังยิ่งงดงาม

ผู้ชนะการประมูลเท่านั้นจึงมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของนางอย่างเช่นตอนนี้ คำเล่าลือจึงยิ่งไปไกลเพราะผู้เห็นมีไม่มาก

“ท่านโหวน้อย” สวี่เลี่ยงหรงนิ่งเงียบตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองไปครู่หนึ่ง หากไม่ได้ยินเสียงหวานเรียกคงไม่อาจคืนสติได้ในตอนนี้ บุรุษรูปงามตรงหน้าแย้มยิ้มให้นางอย่างจริงใจ มิใช่ยิ้มปั้นแต่งอย่างเคย

สวี่เลี่ยงหรงเป็นบุตรชาติคนโตของตระกูลสวี่ที่มีหน้ามีตามากในเมืองจิงโจวหลังเหตุการณ์ปราบกบฏ เจ็ดปีก่อน เขาจึงรับสืบทอดบรรดาศักดิ์จากบิดา เขาไม่มีความคิดอยากรับราชการเหมือนบิดาแต่เขาเป็นบุตรชายคนโตจึงมิอาจขัดคำบิดาได้

ตระกูลสวี่มีบุตรเพียงสองคน บุตรชายคนโตสวี่เลี่ยงหรง บุตรสาวสวี่ลี่จูแต่น้องสาวได้พูดคุยหมั้นหมายกับตระกูลมู่ที่เป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ของเมือง ตระกูลมู่มิได้รับราชการแต่เป็นตระกูลใหญ่เพราะน้องสาวมู่ชิงอีเป็นถึงหวงกุ้ยเฟยในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และยังเป็นเจ้าของหอสุราแห่งนี้อีกด้วย

“งดงามสมคำร่ำลือจริง ๆ แม่นางคงฟังคำพูดนี่จนเบื่อแล้วกระมัง” ลี่อินยิ้มให้กับคำพูดเมื่อครู่ จากนั้นจึงหันไปเทสุราใส่จอกกระเบื้องเคลือบอย่างดีให้บุรุษหนุ่มตรงหน้า สวี่เลี่ยงหรงสังเกตทุกท่าทีทุกการกระทำของนาง

“หากท่านโหวน้อยไม่ยอมบอก เช่นนั้นลี่อินจะบรรเลงเพลงให้ท่านได้ฟัง” สิ้นเสียงหวานนิ้วมือขวากดลงบนสายเสียงของฉินไม้ขนาดกลางเนื้อไม้เงาวาวงดงาม มือซ้ายดีดสายเสียงตามบทเพลง เรียวนิ้วเคลื่อนไปมาพลิ้วไหวแผ่วเบาแต่ยังคงความอ่อนช้อยเอาไว้ ทำนองเพลงสุภาพอ่อนโยนเข้ากับภาพตรงหน้าเหมาะสมยิ่งเมื่อผู้บรรเลงคือหญิงงามผู้นี้

เขามิอาจละสายตาจากนางได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่นี่แหละสิ่งที่นางต้องการ นางรู้ว่าต้องทำอย่างไร ทำสิ่งใดบุรุษมากมายจึงยอมศิโรราบแด่ตนเอง บุรุษผู้นี้ก็ไม่เว้นเช่นกัน

“พี่ลี่อิน จะออกไปอีกแล้วหรือ” ผิงผิงสาวงามนางหนึ่งเอ่ยถามนางถูกนำมาขายบังคับให้เป็นนางคณิกายังหออิงฮวา ด้วยความสงสารลี่อินจึงซื้อนางมาคอยรับใช้ หลังจากวันประมูลพี่สาวลี่อินมักจะออกไปนอกหอสุราเสมอ นางไม่รู้ว่าพี่สาวคนดีไปที่ไหน ไปทำไม แต่นางเห็นภาพแบบนี้มาตลอดสองปี

“ข้ามีบางอย่างต้องทำ เจ้าอยู่นี่คอยต้อนรับท่านโหวน้อยให้ข้าก็พอ เข้าใจหรือไม่”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นพี่ลี่อินท่านจะกลับมาเมื่อใด”

“อีกสองสามวันข้าจะกลับ”

“พี่ลี่อินดูแลตนเองด้วย เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” ลี่อินพยักหน้าให้หญิงสาว จากนั้นหยิบหมวกไม้ไผ่สานที่มีผ้าสีขาวผืนบางคลุมอยู่ขึ้นมาสวมปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ หากนางไม่ปกปิดใบหน้าเกรงจะออกจากหอได้ยากยิ่ง

นางสวมอาภรณ์สีเขียวเหมือนสตรีทั่วไปจะได้ไม่สะดุดตามากนัก เดินออกไปถึงนอกชานเมืองก็มีรถม้ารออยู่แล้ว

“เชิญคุณหนู” ชายผู้นั้นเอ่ยเชิญนางขึ้นรถม้า เขามารอนางที่นี่ตั้งแต่ครึ่งชั่วยามก่อน ทุกเดือนเขาจะขับรถม้ามารอนางเพื่อไปวัดบนเขา เวลาช่วงหนึ่งก้านธูปบนถนนแถบนอกเมือง ป่าเขารกร้าง คนขับรถม้าสังเกตเห็นหลังพุ่มหญ้าสูงเทียบเข่าดูเหมือนมีคนนอนอยู่จึงหยุดรถม้า

“มีสิ่งใดหรือลุงจาง”

“ดูเหมือนมีคนบาดเจ็บ ข้าจะลงไปดูเสียหน่อย ท่านรอที่นี่เถิด” จางหย่งลงจากรถม้าเดินตรงไปพุ่มหญ้าสูง พลิกกายคนที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น ตามร่างกายเปรอะเลือดไม่น้อย ดูท่าจะบาดเจ็บมานานแล้ว

“ให้ข้าดูหน่อยเถอะลุงจาง เผื่อช่วยสิ่งใดเขาได้” หลังพลิกตัวคนเจ็บให้นอนหงาย คนขับรถม้าจึงเบี่ยงตัวหลบให้สตรีด้านหลังเข้ามาดูอาการ

“ดูเหมือนจะหนักเอาการ ลุงจางพาเขาขึ้นรถม้าไปด้วยเถอะ ที่นี่หนาวเย็นเกินไปหากอยู่นานเกินไปเกรงจะหนาวตายเป็นแน่” หลังจากจับชีพจรคนเจ็บแล้วจึงหันไปบอกกับบุรุษด้านหลัง ใบหน้าเขาเปื้อนดินโคลน ตามเนื้อตัวมีบาดแผลจากการถูกครูดเกี่ยว เปื้อนเลือด เสื้อผ้ามีแต่รอยแห้งกรังของเลือด ตัวขาวซีดเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่านอนอยู่นี่มานานเท่าใด จากอาภรณ์ที่เขาสวมคงเป็นบุตรผู้ดีมีเงินอย่างแน่นอน แต่มิรู้ว่าเป็นบุตรผู้ดีตระกูลใด

“คุณหนู นี่มิใช่หยกแขวนตระกูลมู่หรอกหรือ” จางหย่งเอ่ยขึ้นขณะพาเขาขึ้นรถม้าได้ บังเอิญเชือกแขวนหยกห้อยเอวขาด ทำให้หยกแขวนของเขาหล่นลงบนรถม้า

“เช่นนั้นบุรุษผู้นี้ก็คงเป็นบุตรชายของมู่ชิงอีกระมัง”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ข้าคือมู่โม่โฉว

    1ข้าคือมู่โม่โฉ่วเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวถูกถอดมาคลุมร่างไร้สติ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนาวตายก่อนถึงวัด โดยมีเจ้าของรถม้าคอยดูแลอยู่ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดคราบโคลนที่เปื้อนหน้าเขาออกเบา ๆ คราบนี้ติดนานเกินไปจึงใช้ผ้าสะอาดแห้งเช็ดไม่ออก“อือ...” เสียงเจ็บครวญดังออกมาจากริมฝีปากซีดคล้ำเพราะความหนาว นางปรายตามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาลืมตาจึงขยับยื่นหน้าไปมองคนนอนราบอยู่บนที่นั่ง คนเจ็บพยายามหยัดกายลุกนั่งแม้ตาจะยังปิดอยู่“คุณชายอย่าขยับเลยเจ้าค่ะ ท่านยังเจ็บอยู่” เขายังนึกว่าตนเองถูกจับตัวมาเสียแล้วแต่พอได้ยินเสียงหวานจึงลืมตามองคนพูด ใบหน้างดงามเบื้องหน้าทำให้คนเจ็บเกือบลืมหายใจ ใบหน้าห่างเพียงช่วงเอื้อมมือเท่านั้น สีหน้าที่เคยซีดเซียวเพราะเพลียจากการเสียเลือดกลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ“มะ...แม่นาง” คนเจ็บขยับปากพูดเสียงแผ่วเบา นางรู้ว่าบุรุษตรงหน้าอึดอัดท่าทางตอนนี้ จึงขยับไปนั่งพิงด้านในรถม้าเช่นเดิม เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายมากขึ้น“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ นอนพักก่อนเถิด หากมีสิ่งใดอยากถามรอคุณชายดีขึ้นย่อมมีโอกาสได้ถาม” นางว่าเช่นนั้นเขาจึงไม่มีสิ่งใดอยากพูดอีก นอนราบไปกับที่นั่งเช่นเดิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ส่งท่านเท่านี้

    2ส่งท่านเท่านี้“คุณชายมาทำสิ่งใดในป่าเช่นนี้กัน”“ข้ามาตามหาหมอเทวดาที่ผู้คนล่ำลือแต่ไม่รู้หมอเทวดาท่านนั้นอยู่ที่ใด ระหว่างทางเจอเข้ากับโจรป่าจึงแยกกับผู้ติดตาม หนีตายจนตกเขา เหตุนี้ถึงได้แม่นางช่วยไว้ ข้าขอขอบคุณ หากข้ากลับถึงบ้านแล้วจะต้องมอบสิ่งตอบแทนให้แม่นางเป็นแน่” มู่โม่โฉวลุกขึ้นยืนยกมือทั้งสองข้างมาประสาน ขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า หากไม่ได้นางเขาคงตายอยู่กลางป่ากลางเขาไม่มีใครหาเจอแล้วเป็นแน่นางเคยได้ยินแต่ผู้อื่นพูดถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลมู่ว่าเป็นบุรุษรูปงาม เอาแต่ใจ ไม่น่าคบหา อ่อนแอ ชอบสัมมะเรเทเมา ไม่เอางานเอาการ หากไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหวงกุ้ยเฟยในองค์จักรรพรรดิ เกรงว่าคนคงกร่นด่ากันทั่วเมืองวันนี้ได้เจอตัวจริง ไม่เป็นดังที่ผู้อื่นกล่าวเลย บุรุษผู้นี้ทั้งอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ พูดจาก็ดี ข่าวเล่าข่าวลือพวกนั้นเอามาจากที่ใดกัน“คุณชายไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน หลังจากนี้คุณชายจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอพักที่นี่สักวันได้หรือไม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบไปไม่รบกวนเจ้าอย่างแน่นอน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ความลับของหญิงงาม

    3ความลับของหญิงงามนางใช้เวลาอยู่บนเขาสามวันจึงนั่งรถม้าลงจากเขา นอกจากเรียนวิชาแพทย์นางยังใช้เวลาฝึกการใช้อาวุธจากลุงจางในทุก ๆ เดือน พอครบวันก็ลงเขากลับหอสุรา หญิงสาวในหอสุราล้วนสงสัยที่นางทำแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถามลี่อินถอดหมวกมีผ้าคลุมออกเมื่อกลับถึงห้องพักตนเองในหอสุรา ผิงผิงรีบเข้ามารินชาอุ่น ๆ ให้ นางนั่งลงหยิบจอกชาขึ้นมาจรดริมฝีปากบางสีเดียวกับผลอิงเถา พักหายเหนื่อยครู่หนึ่งจึงถามเรื่องบุตรชายตระกูลสวี่ผู้นั้น“คุณชายสวี่ได้มาหาข้าหรือไม่ผิงผิง”“มาเจ้าค่ะพี่ลี่อิน ผิงผิงบอกคุณชายสวี่แล้วว่าพี่ลี่อินไม่พบผู้ใดหลังการประมูลเกรงคนจะกล่าวเล่าลื่อ โชคดีคุณชายมิได้ดึงดั้นเช่นผู้อื่นจึงกลับไป คุณชายยังกล่าวว่าเดือนหน้าจะมาพบพี่ลี่อินอีกครา” นางได้ฟังก็ยกยิ้มพอใจกับคำตอบ ทุกอย่างเป็นตามที่นางคาดไว้ อีกไม่นานนางจะต้องได้เข้าไปในตระกูลสวี่อย่างแน่นอน“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรอ แต่วันนี้เจ้าเตรียมตัวหรือยัง”“ผิงผิง เก็บข้าวของเรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ รอพี่ลี่อินหายเหนื่อยเราก็ไปกันได้เลย” ลี่อินพยักหน้าให้ หันไปหยิบของสำคัญพร้อมเงินจำนวนหนึ่งใส่ห่อผ้าที่ผิงผิงเป็นผู้เตรียม หลังกลับจากวัด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ข้าไม่อยากแต่ง

    4ไม่อยากแต่งบุรุษหนุ่มอายุเกือบยี่สิบรีบวิ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากว่าอยากกินแป้งย่างมีหรือบุตรชายแสนดีเช่นเขาจะไม่ตามใจ มู่โมโฉวรีบออกไปตลาดเพื่อซื้อแป้งย่าง ก่อนหน้านี้มารดาเขายังคงแข็งแรงดีจนกระทั่งได้รับรู้ว่าสหายสนิทเพียงคนเดียวตายในกองเพลิงไปแล้ว หลังจากนั้นมู่หยางซื่อจึงล้มป่วย เจ็บปวดอยู่เสมอ ต้องลมนานก็พาลจะป่วยไข้หมอทั่วทุกสารทิศได้มาทำการรักษาแต่นางก็ไม่ดีขึ้นเลย ผู้เป็นบุตรจะทนเห็นมารดาทุกข์ทรมานได้อย่างไร เช่นนี้เขาจึงเข้าป่าตามหาหมอเทวดาตั้งใจพามารักษามารดา“ลูกแม่เจ้าไปไหนมาหรือ เหตุใดจึงนานเพียงนี้”“ท่านแม่ข้าออกไปซื้อแป้งย่างให้ท่านแม่อย่างไรเล่า ท่านแม่ลองกินเถิดดีหรือไม่” มู่โม่โฉวตอบผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงผู้เป็นมารดายื่นแป้งย่างแผ่นสุดท้ายให้ อย่างที่เนี่ยนเจินกล่าวหากเขาไปช้ากว่านี้ทั้งตลาดก็คงไม่เหลือแป้งย่างแล้วสักร้านจะกล่าวให้ถูกคือเขาถูกกลิ่นหอมคุ้นจมูกล่อตาลวงใจต่างหาก กลิ่นหอมที่คงไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ใช้อีกแล้ว แต่เขากลับจดจำใบหน้าเจ้าของกลิ่นนี้ได้ชัดเจน จึงได้เผลอเดินตามนางไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08

บทล่าสุด

  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ข้าไม่อยากแต่ง

    4ไม่อยากแต่งบุรุษหนุ่มอายุเกือบยี่สิบรีบวิ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากว่าอยากกินแป้งย่างมีหรือบุตรชายแสนดีเช่นเขาจะไม่ตามใจ มู่โมโฉวรีบออกไปตลาดเพื่อซื้อแป้งย่าง ก่อนหน้านี้มารดาเขายังคงแข็งแรงดีจนกระทั่งได้รับรู้ว่าสหายสนิทเพียงคนเดียวตายในกองเพลิงไปแล้ว หลังจากนั้นมู่หยางซื่อจึงล้มป่วย เจ็บปวดอยู่เสมอ ต้องลมนานก็พาลจะป่วยไข้หมอทั่วทุกสารทิศได้มาทำการรักษาแต่นางก็ไม่ดีขึ้นเลย ผู้เป็นบุตรจะทนเห็นมารดาทุกข์ทรมานได้อย่างไร เช่นนี้เขาจึงเข้าป่าตามหาหมอเทวดาตั้งใจพามารักษามารดา“ลูกแม่เจ้าไปไหนมาหรือ เหตุใดจึงนานเพียงนี้”“ท่านแม่ข้าออกไปซื้อแป้งย่างให้ท่านแม่อย่างไรเล่า ท่านแม่ลองกินเถิดดีหรือไม่” มู่โม่โฉวตอบผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงผู้เป็นมารดายื่นแป้งย่างแผ่นสุดท้ายให้ อย่างที่เนี่ยนเจินกล่าวหากเขาไปช้ากว่านี้ทั้งตลาดก็คงไม่เหลือแป้งย่างแล้วสักร้านจะกล่าวให้ถูกคือเขาถูกกลิ่นหอมคุ้นจมูกล่อตาลวงใจต่างหาก กลิ่นหอมที่คงไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ใช้อีกแล้ว แต่เขากลับจดจำใบหน้าเจ้าของกลิ่นนี้ได้ชัดเจน จึงได้เผลอเดินตามนางไป

  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ความลับของหญิงงาม

    3ความลับของหญิงงามนางใช้เวลาอยู่บนเขาสามวันจึงนั่งรถม้าลงจากเขา นอกจากเรียนวิชาแพทย์นางยังใช้เวลาฝึกการใช้อาวุธจากลุงจางในทุก ๆ เดือน พอครบวันก็ลงเขากลับหอสุรา หญิงสาวในหอสุราล้วนสงสัยที่นางทำแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถามลี่อินถอดหมวกมีผ้าคลุมออกเมื่อกลับถึงห้องพักตนเองในหอสุรา ผิงผิงรีบเข้ามารินชาอุ่น ๆ ให้ นางนั่งลงหยิบจอกชาขึ้นมาจรดริมฝีปากบางสีเดียวกับผลอิงเถา พักหายเหนื่อยครู่หนึ่งจึงถามเรื่องบุตรชายตระกูลสวี่ผู้นั้น“คุณชายสวี่ได้มาหาข้าหรือไม่ผิงผิง”“มาเจ้าค่ะพี่ลี่อิน ผิงผิงบอกคุณชายสวี่แล้วว่าพี่ลี่อินไม่พบผู้ใดหลังการประมูลเกรงคนจะกล่าวเล่าลื่อ โชคดีคุณชายมิได้ดึงดั้นเช่นผู้อื่นจึงกลับไป คุณชายยังกล่าวว่าเดือนหน้าจะมาพบพี่ลี่อินอีกครา” นางได้ฟังก็ยกยิ้มพอใจกับคำตอบ ทุกอย่างเป็นตามที่นางคาดไว้ อีกไม่นานนางจะต้องได้เข้าไปในตระกูลสวี่อย่างแน่นอน“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรอ แต่วันนี้เจ้าเตรียมตัวหรือยัง”“ผิงผิง เก็บข้าวของเรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ รอพี่ลี่อินหายเหนื่อยเราก็ไปกันได้เลย” ลี่อินพยักหน้าให้ หันไปหยิบของสำคัญพร้อมเงินจำนวนหนึ่งใส่ห่อผ้าที่ผิงผิงเป็นผู้เตรียม หลังกลับจากวัด

  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ส่งท่านเท่านี้

    2ส่งท่านเท่านี้“คุณชายมาทำสิ่งใดในป่าเช่นนี้กัน”“ข้ามาตามหาหมอเทวดาที่ผู้คนล่ำลือแต่ไม่รู้หมอเทวดาท่านนั้นอยู่ที่ใด ระหว่างทางเจอเข้ากับโจรป่าจึงแยกกับผู้ติดตาม หนีตายจนตกเขา เหตุนี้ถึงได้แม่นางช่วยไว้ ข้าขอขอบคุณ หากข้ากลับถึงบ้านแล้วจะต้องมอบสิ่งตอบแทนให้แม่นางเป็นแน่” มู่โม่โฉวลุกขึ้นยืนยกมือทั้งสองข้างมาประสาน ขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า หากไม่ได้นางเขาคงตายอยู่กลางป่ากลางเขาไม่มีใครหาเจอแล้วเป็นแน่นางเคยได้ยินแต่ผู้อื่นพูดถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลมู่ว่าเป็นบุรุษรูปงาม เอาแต่ใจ ไม่น่าคบหา อ่อนแอ ชอบสัมมะเรเทเมา ไม่เอางานเอาการ หากไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหวงกุ้ยเฟยในองค์จักรรพรรดิ เกรงว่าคนคงกร่นด่ากันทั่วเมืองวันนี้ได้เจอตัวจริง ไม่เป็นดังที่ผู้อื่นกล่าวเลย บุรุษผู้นี้ทั้งอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ พูดจาก็ดี ข่าวเล่าข่าวลือพวกนั้นเอามาจากที่ใดกัน“คุณชายไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน หลังจากนี้คุณชายจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอพักที่นี่สักวันได้หรือไม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบไปไม่รบกวนเจ้าอย่างแน่นอน

  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ข้าคือมู่โม่โฉว

    1ข้าคือมู่โม่โฉ่วเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวถูกถอดมาคลุมร่างไร้สติ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนาวตายก่อนถึงวัด โดยมีเจ้าของรถม้าคอยดูแลอยู่ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดคราบโคลนที่เปื้อนหน้าเขาออกเบา ๆ คราบนี้ติดนานเกินไปจึงใช้ผ้าสะอาดแห้งเช็ดไม่ออก“อือ...” เสียงเจ็บครวญดังออกมาจากริมฝีปากซีดคล้ำเพราะความหนาว นางปรายตามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาลืมตาจึงขยับยื่นหน้าไปมองคนนอนราบอยู่บนที่นั่ง คนเจ็บพยายามหยัดกายลุกนั่งแม้ตาจะยังปิดอยู่“คุณชายอย่าขยับเลยเจ้าค่ะ ท่านยังเจ็บอยู่” เขายังนึกว่าตนเองถูกจับตัวมาเสียแล้วแต่พอได้ยินเสียงหวานจึงลืมตามองคนพูด ใบหน้างดงามเบื้องหน้าทำให้คนเจ็บเกือบลืมหายใจ ใบหน้าห่างเพียงช่วงเอื้อมมือเท่านั้น สีหน้าที่เคยซีดเซียวเพราะเพลียจากการเสียเลือดกลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ“มะ...แม่นาง” คนเจ็บขยับปากพูดเสียงแผ่วเบา นางรู้ว่าบุรุษตรงหน้าอึดอัดท่าทางตอนนี้ จึงขยับไปนั่งพิงด้านในรถม้าเช่นเดิม เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายมากขึ้น“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ นอนพักก่อนเถิด หากมีสิ่งใดอยากถามรอคุณชายดีขึ้นย่อมมีโอกาสได้ถาม” นางว่าเช่นนั้นเขาจึงไม่มีสิ่งใดอยากพูดอีก นอนราบไปกับที่นั่งเช่นเดิ

  • คณิกาผู้นี้เป็นบุตรีแม่ทักบฏ   ล้างตระกูล

    บทนำล้างตระกูลกลางเหมันต์ฤดู คืนหิมะโปรยปราย คฤหาสน์ใหญ่โตตระกูลหวงกลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนมิขาดช่วง ไม่เว้นแม้ริมกำแพง ใต้ต้นไม้ ซอกมุมเรือน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นบนหิมะขาวยิ่งเห็นยิ่งให้สลดใจ เด็กเล็กเด็กน้อย บ่าว ไพร่ อายุไม่เท่าไรก็ถูกคมดาบคมกระบี่ปลิดชีพจนสิ้นทั้งคฤหาสน์เมืองทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้ความเงียบกลางลมหิมะ น่าสลดใจนักตระกูลหวงเคยมีความดีความชอบมากมายเป็นที่นับหน้าถือตา เพียงคืนเดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นตระกูลผู้คิดก่อการกบฏ มีผู้คนมากมายไม่คิดเช่นนั้นแต่จะทำอย่างไรได้นี่คือพระบัญชาของกษัตริย์ กวาดล้างตระกูลหวงให้สิ้นมิเว้นผู้ใดไม่รู้โชคดีหรือร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวกลับไม่อยู่ในคฤหาสน์นางป่วยไข้อยู่หลายวัน มารดาจึงส่งไปรักษายังวัดบนเขา นางจึงรอดพ้นจากการฆ่าล้างตระกูลคืนนี้ คฤหาสน์หลังใหญ่ตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุตรสาวอย่างหวงซิ่วอิงยังมีชีวิตอยู่7 ปีผ่านไปหอสุราอิงฮวาในตอนนี้มีชื่ออย่างมากเรื่องหญิงงามล่มเมือง ผู้คนมากมายจึงพากันมายลโฉม วันนี้ของทุกเดือนตั้งแต่สี่ปีก่อนทำให้หอสุรานี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ผู้คนแวะเวียนมามิขาดเพื่อให้ได้ชมการประมู

DMCA.com Protection Status