2
ส่งท่านเท่านี้
“คุณชายมาทำสิ่งใดในป่าเช่นนี้กัน”
“ข้ามาตามหาหมอเทวดาที่ผู้คนล่ำลือแต่ไม่รู้หมอเทวดาท่านนั้นอยู่ที่ใด ระหว่างทางเจอเข้ากับโจรป่าจึงแยกกับผู้ติดตาม หนีตายจนตกเขา เหตุนี้ถึงได้แม่นางช่วยไว้ ข้าขอขอบคุณ หากข้ากลับถึงบ้านแล้วจะต้องมอบสิ่งตอบแทนให้แม่นางเป็นแน่” มู่โม่โฉวลุกขึ้นยืนยกมือทั้งสองข้างมาประสาน ขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า หากไม่ได้นางเขาคงตายอยู่กลางป่ากลางเขาไม่มีใครหาเจอแล้วเป็นแน่
นางเคยได้ยินแต่ผู้อื่นพูดถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลมู่ว่าเป็นบุรุษรูปงาม เอาแต่ใจ ไม่น่าคบหา อ่อนแอ ชอบสัมมะเรเทเมา ไม่เอางานเอาการ หากไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหวงกุ้ยเฟยในองค์จักรรพรรดิ เกรงว่าคนคงกร่นด่ากันทั่วเมือง
วันนี้ได้เจอตัวจริง ไม่เป็นดังที่ผู้อื่นกล่าวเลย บุรุษผู้นี้ทั้งอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ พูดจาก็ดี ข่าวเล่าข่าวลือพวกนั้นเอามาจากที่ใดกัน
“คุณชายไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน หลังจากนี้คุณชายจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”
“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอพักที่นี่สักวันได้หรือไม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบไปไม่รบกวนเจ้าอย่างแน่นอน” น้ำเสียงสุภาพกล่าวเกรงอกเกรงใจ แม้ไม่อยากรบกวนแต่ก็รบกวนนางไปเสียแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองอ่อนเพลียเกินจะเดินทางได้ จึงจำต้องรบกวนนางอีกสักครา
“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ ท่านพักผ่อนเถิด ข้าขอตัวก่อน” พูดคุยกันรู้เรื่อง นางหันไปยกอ่างไม้เดินกลับไปที่ประตู ก้าวไปได้ไม่เท่าใดก็ถูกเรียกรั้งไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนแม่นาง เจ้าจะบอกหน่อยได้หรือไม่ เจ้าชื่อแซ่ใด”
“ข้าน้อยต่ำต้อยไม่มีแซ่มีเพียงชื่อ ข้าน้อยลี่อินเจ้าค่ะ คุณชายมู่”
“ลี่อินงั้นหรือ หรือว่าแม่นางลี่อินแห่งหออิงฮวา” มู่โม่โฉวกล่าวเสียงแผ่ว เช่นนี้เองนางจึงงดงามล่มบ้านล่มเมืองถึงเพียงนี้ ถึงหออิงฮวาจะเป็นของตระกูลมู่แต่เขากลับไม่เคยไปที่หอเลยสักครั้ง เขาได้ยินจากพ่อบ้านว่าแม่นางลี่อินแห่งหออิงฮวาทำกำไรให้หอแห่งนี้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าผู้ประมูลไม่เคยมีผู้ใดได้แตะต้องร่างกายนาง บุรุษผู้นั้นทำได้เพียงนั่งดื่มสุราที่นางริน นั่งชมระบำ ฟังดนตรี พูดคุยกันเท่านั้น ถึงเวลานางจะจากไป แต่อย่างไรวันต่อมาก็จะมีบรรดาคุณชาย ขุนนาง แวะมาหาตั้งใจมาพูดคุย ดูเหมือนเป็นธรรมเนียมเพราะนางไม่มีทางออกมาพบผู้คนนอกเหนือจากการประมูล
“คุณชายเข้าใจไม่ผิด ข้าน้อยเป็นคณิกาหอสุราเจ้าค่ะ’
“ข้าไม่ตั้งใจดูถูกแม่นาง ข้าเพียงแปลกใจเท่านั้น ข้าเคยได้ยินว่าเจ้าไม่ออกจากหอจึงไม่คิดว่าจะพบเจ้านอกเมืองเช่นนี้” เขามีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยหลังรู้ว่านางเป็นคณิกาที่ผู้คนร่ำลือ พอเห็นนางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเขาจึงคิดว่านางรู้สึกไม่ดีกับท่าทีของตนเองจึงรีบแก้ความเข้าใจผิด
“คุณชายพักเถิด” หญิงสาวตอบแล้วหัวเราะขบขันเล็กน้อยก่อนเดินออกไป นางไม่ได้รู้สึกว่าดูถูกดูแคลนแต่อย่างใด จึงขบขันเมื่อเห็นบุรุษตรงหน้าดูลนลาน นางเองต้องการให้ผู้คนคิดว่านางเป็นเพียงสตรีต่ำต้อยเท่านั้น จะได้ไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวนาง ทำการสิ่งใดจะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
หลังออกจากห้องพักนางก็เดินเลี่ยงจากห้องพักของมู่โม่โฉว ไปยังห้องของหวงเหว่ยถิง เขาเองก็รอจะพูดคุยกับนางอยู่เช่นกันแต่ไม่ได้ไปรบกวนตอนนางรักษาบุรุษนั่น เขาเองก็หลีกหนีผู้คนมาอาศัยอยู่ที่นี่ จะกล่าวให้ถูกเขาเป็นหมอหากนับดี ๆ ก็ถือเป็นหนึ่งในตระกูลหวง จึงมิอาจแสดงตัวได้
“เป็นอย่างไร” เหว่ยถิงถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าลูกศิษย์สาว เอื้อมมือไปรินชาใส่จอกยื่นให้ นางเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามเอื้อมมือไปรินชาให้ผู้เป็นอาจารย์ เขารับชามาดื่มมองหน้าลี่อินรอคอยคำตอบ
เขาดูแล้วบุรุษผู้นั้นไม่เป็นอันใดมาก เพียงบาดเจ็บจากการตกเขาแล้วผิวพรรณนอกอาภรณ์ถูกครูดกับดิน หิน รวมถึงตอไม้ หญ้าแห้ง เขาจึงให้นางได้รักษาเอง นอกจากวันประมูลนางมักไปรักษาผู้ยากไร้แถบนอกเมือง ขอทาน ผู้ไร้บ้านมากมายไปรวมกันอยู่เพราะไม่มีเงินไปรักษาโรงหมอในเมือง
“ไม่เป็นอันใดมาก ตอนนี้กำลังพักผ่อนเจ้าค่ะท่านอาจารย์ เขาเป็นบุตรชายตระกูลมู่”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ให้ลุงจางไปส่งเขาในเมืองเถอะ หากอยู่นานแล้วเขารู้สิ่งใดขึ้นมาเราอาจมีปัญหาภายหลัง”
“อาจารย์คราวนี้ผู้ประมูลคือสวี่เลี่ยงหรง โอกาสของเราคงใกล้เข้ามาแล้ว” ผู้เป็นเจ้าของเสียงหวานบอกด้วยความหวัง นางใช้เวลาเกือบสี่ปีทำให้ตนเองมีชื่อเสียงเลื่องลือจนทำให้ตระกูลสวี่เข้ามาร่วมประมูลได้ ภายหลังนางจะได้มีโอกาสสืบข่าวคราวเรื่องเจ็ดปีก่อนได้
เหว่ยถิงระลึกถึงเหตุการณ์ถูกประหารล้างตระกูลเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาเป็นบุตรชายบุญธรรมของน้องชายบุญธรรมแม่ทัพหวง บิดาเขาเป็นหมอตระกูลในหวงซึ่งถูกประหารไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาศึกษาวิชาการแพทย์จากผู้เป็นบิดาตั้งแต่จำความได้ จนแปดปีก่อนถูกบิดาส่งมาฝึกวิชาสมุนไพรกับการต่อสู้ที่วัดร้างแห่งนี้
หนึ่งปีต่อมาบุตรสาวของตระกูลหวงก็ถูกส่งมาให้เขารักษา มารดานางรู้ว่าตระกูลหวงมีภัยจึงให้บุตรสาวหนีออกมา ทำให้นางรอดพ้นความตายมาได้ แต่ทุกคน ในจวนแม่ทัพหวงกลับถูกฆ่าจนสิ้น หนึ่งคืนเต็ม ๆ ที่จวนถูกเผาจนไม่เหลือแม้สิ่งใด
เหว่ยถิงสืบจนรู้ความว่าจึงยังอยู่ที่นี่ โดยมีลุงจางคนขับรถม้าและลี่อิน บุตรสาวแม่ทัพที่เพิ่งอายุสิบปีเท่านั้น ทั้งสามวางแผนสืบความจริงแก้ข้อกล่าวหากบฎของตระกูล ล้างแค้นผู้ที่ใส่ร้ายตระกูลหวงให้ต้องโทษประหารเช่นนี้
“เช่นนั้นเจ้าคิดทำสิ่งใดต่อ แล้วอยากให้ข้าทำสิ่งใด”
“ต้องรอการประมูลเดือนหน้า หากผู้ชนะเป็นสวี่เลี่ยงหรง ข้าจะทำให้บุรุษผู้นั้นหลงใหลจนอยากรับข้าเป็นภรรยา การแอบเข้าห้องหนังสือของสวี่เฟยฮุ่ยคงไม่ยากแล้ว”
“เจ้ามั่นใจแล้วหรือที่จะใช้ตนเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน” เหว่ยถิงกล่าวแผ่วเบา เขาเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่นางคิดทำ แต่รู้สึกหวิวไหวไม่น้อยเมื่อนางอยากใช้ตนเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนในการแก้แค้น อย่างไรเสียเขาก็ดูแลนางมาเจ็ดแปดปีแล้ว นางเป็นเหมือนน้องสาว เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
หากหลังจากแก้แค้นสำเร็จ แต่นางต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต การแก้แค้นนี้ไม่อาจบอกได้เลยว่าคุ้มค่าแล้วหรือไม่
“ขอเพียงล้างคำครหาของตระกูลได้ข้ายอมทั้งนั้น ข้าต้องทำให้ตระกูลสวี่ได้รับกรรมอย่างสาสมให้ได มิเช่นนั้นชาตินี้ข้าคงไม่อาจหลับสนิทได้อีก”
“เช่นนั้นข้าขอลาแม่นางลี่อิน หากมีโอกาสข้าต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน” คุณชายมู่ยกมือขึ้นมาประสานกันกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า นับจากนี้นางถือว่าเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเขามีโอกาสเมื่อใดเขาต้องตอบแทนนางให้ได้
“ข้าส่งคุณชายเพียงเท่านี้ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” นางเดินเข้าหาเขาครึ่งก้าว ยิ้มอ่อนหวาน กล่าวลาก่อนเขาจะขึ้นรถม้า เขาชะงักครู่หนึ่งเมื่อนางส่งยิ้มอ่อนหวานให้ พลันใจเต้นรัว คงเป็นเพราะความงามของนาง ยามพูดคุยด้วยจึงไม่มีสติเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยเหตุใดนางต้องใส่ผ้าคลุมหน้ายามอยู่ในหอสุรา เกรงว่าหากนางปลดผ้าคลุมออกราคาประมูลคงเพิ่มขึ้นอีกสี่ห้าเท่า ผู้คนแย่งกันประมูลจนโกลาหลเป็นแน่
“ขอบคุณแม่นางลี่อินอีกครั้ง”
3ความลับของหญิงงามนางใช้เวลาอยู่บนเขาสามวันจึงนั่งรถม้าลงจากเขา นอกจากเรียนวิชาแพทย์นางยังใช้เวลาฝึกการใช้อาวุธจากลุงจางในทุก ๆ เดือน พอครบวันก็ลงเขากลับหอสุรา หญิงสาวในหอสุราล้วนสงสัยที่นางทำแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถามลี่อินถอดหมวกมีผ้าคลุมออกเมื่อกลับถึงห้องพักตนเองในหอสุรา ผิงผิงรีบเข้ามารินชาอุ่น ๆ ให้ นางนั่งลงหยิบจอกชาขึ้นมาจรดริมฝีปากบางสีเดียวกับผลอิงเถา พักหายเหนื่อยครู่หนึ่งจึงถามเรื่องบุตรชายตระกูลสวี่ผู้นั้น“คุณชายสวี่ได้มาหาข้าหรือไม่ผิงผิง”“มาเจ้าค่ะพี่ลี่อิน ผิงผิงบอกคุณชายสวี่แล้วว่าพี่ลี่อินไม่พบผู้ใดหลังการประมูลเกรงคนจะกล่าวเล่าลื่อ โชคดีคุณชายมิได้ดึงดั้นเช่นผู้อื่นจึงกลับไป คุณชายยังกล่าวว่าเดือนหน้าจะมาพบพี่ลี่อินอีกครา” นางได้ฟังก็ยกยิ้มพอใจกับคำตอบ ทุกอย่างเป็นตามที่นางคาดไว้ อีกไม่นานนางจะต้องได้เข้าไปในตระกูลสวี่อย่างแน่นอน“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรอ แต่วันนี้เจ้าเตรียมตัวหรือยัง”“ผิงผิง เก็บข้าวของเรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ รอพี่ลี่อินหายเหนื่อยเราก็ไปกันได้เลย” ลี่อินพยักหน้าให้ หันไปหยิบของสำคัญพร้อมเงินจำนวนหนึ่งใส่ห่อผ้าที่ผิงผิงเป็นผู้เตรียม หลังกลับจากวัด
4ไม่อยากแต่งบุรุษหนุ่มอายุเกือบยี่สิบรีบวิ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากว่าอยากกินแป้งย่างมีหรือบุตรชายแสนดีเช่นเขาจะไม่ตามใจ มู่โมโฉวรีบออกไปตลาดเพื่อซื้อแป้งย่าง ก่อนหน้านี้มารดาเขายังคงแข็งแรงดีจนกระทั่งได้รับรู้ว่าสหายสนิทเพียงคนเดียวตายในกองเพลิงไปแล้ว หลังจากนั้นมู่หยางซื่อจึงล้มป่วย เจ็บปวดอยู่เสมอ ต้องลมนานก็พาลจะป่วยไข้หมอทั่วทุกสารทิศได้มาทำการรักษาแต่นางก็ไม่ดีขึ้นเลย ผู้เป็นบุตรจะทนเห็นมารดาทุกข์ทรมานได้อย่างไร เช่นนี้เขาจึงเข้าป่าตามหาหมอเทวดาตั้งใจพามารักษามารดา“ลูกแม่เจ้าไปไหนมาหรือ เหตุใดจึงนานเพียงนี้”“ท่านแม่ข้าออกไปซื้อแป้งย่างให้ท่านแม่อย่างไรเล่า ท่านแม่ลองกินเถิดดีหรือไม่” มู่โม่โฉวตอบผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงผู้เป็นมารดายื่นแป้งย่างแผ่นสุดท้ายให้ อย่างที่เนี่ยนเจินกล่าวหากเขาไปช้ากว่านี้ทั้งตลาดก็คงไม่เหลือแป้งย่างแล้วสักร้านจะกล่าวให้ถูกคือเขาถูกกลิ่นหอมคุ้นจมูกล่อตาลวงใจต่างหาก กลิ่นหอมที่คงไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ใช้อีกแล้ว แต่เขากลับจดจำใบหน้าเจ้าของกลิ่นนี้ได้ชัดเจน จึงได้เผลอเดินตามนางไป
บทนำล้างตระกูลกลางเหมันต์ฤดู คืนหิมะโปรยปราย คฤหาสน์ใหญ่โตตระกูลหวงกลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนมิขาดช่วง ไม่เว้นแม้ริมกำแพง ใต้ต้นไม้ ซอกมุมเรือน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นบนหิมะขาวยิ่งเห็นยิ่งให้สลดใจ เด็กเล็กเด็กน้อย บ่าว ไพร่ อายุไม่เท่าไรก็ถูกคมดาบคมกระบี่ปลิดชีพจนสิ้นทั้งคฤหาสน์เมืองทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้ความเงียบกลางลมหิมะ น่าสลดใจนักตระกูลหวงเคยมีความดีความชอบมากมายเป็นที่นับหน้าถือตา เพียงคืนเดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นตระกูลผู้คิดก่อการกบฏ มีผู้คนมากมายไม่คิดเช่นนั้นแต่จะทำอย่างไรได้นี่คือพระบัญชาของกษัตริย์ กวาดล้างตระกูลหวงให้สิ้นมิเว้นผู้ใดไม่รู้โชคดีหรือร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวกลับไม่อยู่ในคฤหาสน์นางป่วยไข้อยู่หลายวัน มารดาจึงส่งไปรักษายังวัดบนเขา นางจึงรอดพ้นจากการฆ่าล้างตระกูลคืนนี้ คฤหาสน์หลังใหญ่ตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุตรสาวอย่างหวงซิ่วอิงยังมีชีวิตอยู่7 ปีผ่านไปหอสุราอิงฮวาในตอนนี้มีชื่ออย่างมากเรื่องหญิงงามล่มเมือง ผู้คนมากมายจึงพากันมายลโฉม วันนี้ของทุกเดือนตั้งแต่สี่ปีก่อนทำให้หอสุรานี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ผู้คนแวะเวียนมามิขาดเพื่อให้ได้ชมการประมู
1ข้าคือมู่โม่โฉ่วเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวถูกถอดมาคลุมร่างไร้สติ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนาวตายก่อนถึงวัด โดยมีเจ้าของรถม้าคอยดูแลอยู่ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดคราบโคลนที่เปื้อนหน้าเขาออกเบา ๆ คราบนี้ติดนานเกินไปจึงใช้ผ้าสะอาดแห้งเช็ดไม่ออก“อือ...” เสียงเจ็บครวญดังออกมาจากริมฝีปากซีดคล้ำเพราะความหนาว นางปรายตามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาลืมตาจึงขยับยื่นหน้าไปมองคนนอนราบอยู่บนที่นั่ง คนเจ็บพยายามหยัดกายลุกนั่งแม้ตาจะยังปิดอยู่“คุณชายอย่าขยับเลยเจ้าค่ะ ท่านยังเจ็บอยู่” เขายังนึกว่าตนเองถูกจับตัวมาเสียแล้วแต่พอได้ยินเสียงหวานจึงลืมตามองคนพูด ใบหน้างดงามเบื้องหน้าทำให้คนเจ็บเกือบลืมหายใจ ใบหน้าห่างเพียงช่วงเอื้อมมือเท่านั้น สีหน้าที่เคยซีดเซียวเพราะเพลียจากการเสียเลือดกลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ“มะ...แม่นาง” คนเจ็บขยับปากพูดเสียงแผ่วเบา นางรู้ว่าบุรุษตรงหน้าอึดอัดท่าทางตอนนี้ จึงขยับไปนั่งพิงด้านในรถม้าเช่นเดิม เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายมากขึ้น“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ นอนพักก่อนเถิด หากมีสิ่งใดอยากถามรอคุณชายดีขึ้นย่อมมีโอกาสได้ถาม” นางว่าเช่นนั้นเขาจึงไม่มีสิ่งใดอยากพูดอีก นอนราบไปกับที่นั่งเช่นเดิ
4ไม่อยากแต่งบุรุษหนุ่มอายุเกือบยี่สิบรีบวิ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากว่าอยากกินแป้งย่างมีหรือบุตรชายแสนดีเช่นเขาจะไม่ตามใจ มู่โมโฉวรีบออกไปตลาดเพื่อซื้อแป้งย่าง ก่อนหน้านี้มารดาเขายังคงแข็งแรงดีจนกระทั่งได้รับรู้ว่าสหายสนิทเพียงคนเดียวตายในกองเพลิงไปแล้ว หลังจากนั้นมู่หยางซื่อจึงล้มป่วย เจ็บปวดอยู่เสมอ ต้องลมนานก็พาลจะป่วยไข้หมอทั่วทุกสารทิศได้มาทำการรักษาแต่นางก็ไม่ดีขึ้นเลย ผู้เป็นบุตรจะทนเห็นมารดาทุกข์ทรมานได้อย่างไร เช่นนี้เขาจึงเข้าป่าตามหาหมอเทวดาตั้งใจพามารักษามารดา“ลูกแม่เจ้าไปไหนมาหรือ เหตุใดจึงนานเพียงนี้”“ท่านแม่ข้าออกไปซื้อแป้งย่างให้ท่านแม่อย่างไรเล่า ท่านแม่ลองกินเถิดดีหรือไม่” มู่โม่โฉวตอบผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงผู้เป็นมารดายื่นแป้งย่างแผ่นสุดท้ายให้ อย่างที่เนี่ยนเจินกล่าวหากเขาไปช้ากว่านี้ทั้งตลาดก็คงไม่เหลือแป้งย่างแล้วสักร้านจะกล่าวให้ถูกคือเขาถูกกลิ่นหอมคุ้นจมูกล่อตาลวงใจต่างหาก กลิ่นหอมที่คงไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ใช้อีกแล้ว แต่เขากลับจดจำใบหน้าเจ้าของกลิ่นนี้ได้ชัดเจน จึงได้เผลอเดินตามนางไป
3ความลับของหญิงงามนางใช้เวลาอยู่บนเขาสามวันจึงนั่งรถม้าลงจากเขา นอกจากเรียนวิชาแพทย์นางยังใช้เวลาฝึกการใช้อาวุธจากลุงจางในทุก ๆ เดือน พอครบวันก็ลงเขากลับหอสุรา หญิงสาวในหอสุราล้วนสงสัยที่นางทำแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถามลี่อินถอดหมวกมีผ้าคลุมออกเมื่อกลับถึงห้องพักตนเองในหอสุรา ผิงผิงรีบเข้ามารินชาอุ่น ๆ ให้ นางนั่งลงหยิบจอกชาขึ้นมาจรดริมฝีปากบางสีเดียวกับผลอิงเถา พักหายเหนื่อยครู่หนึ่งจึงถามเรื่องบุตรชายตระกูลสวี่ผู้นั้น“คุณชายสวี่ได้มาหาข้าหรือไม่ผิงผิง”“มาเจ้าค่ะพี่ลี่อิน ผิงผิงบอกคุณชายสวี่แล้วว่าพี่ลี่อินไม่พบผู้ใดหลังการประมูลเกรงคนจะกล่าวเล่าลื่อ โชคดีคุณชายมิได้ดึงดั้นเช่นผู้อื่นจึงกลับไป คุณชายยังกล่าวว่าเดือนหน้าจะมาพบพี่ลี่อินอีกครา” นางได้ฟังก็ยกยิ้มพอใจกับคำตอบ ทุกอย่างเป็นตามที่นางคาดไว้ อีกไม่นานนางจะต้องได้เข้าไปในตระกูลสวี่อย่างแน่นอน“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรอ แต่วันนี้เจ้าเตรียมตัวหรือยัง”“ผิงผิง เก็บข้าวของเรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ รอพี่ลี่อินหายเหนื่อยเราก็ไปกันได้เลย” ลี่อินพยักหน้าให้ หันไปหยิบของสำคัญพร้อมเงินจำนวนหนึ่งใส่ห่อผ้าที่ผิงผิงเป็นผู้เตรียม หลังกลับจากวัด
2ส่งท่านเท่านี้“คุณชายมาทำสิ่งใดในป่าเช่นนี้กัน”“ข้ามาตามหาหมอเทวดาที่ผู้คนล่ำลือแต่ไม่รู้หมอเทวดาท่านนั้นอยู่ที่ใด ระหว่างทางเจอเข้ากับโจรป่าจึงแยกกับผู้ติดตาม หนีตายจนตกเขา เหตุนี้ถึงได้แม่นางช่วยไว้ ข้าขอขอบคุณ หากข้ากลับถึงบ้านแล้วจะต้องมอบสิ่งตอบแทนให้แม่นางเป็นแน่” มู่โม่โฉวลุกขึ้นยืนยกมือทั้งสองข้างมาประสาน ขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า หากไม่ได้นางเขาคงตายอยู่กลางป่ากลางเขาไม่มีใครหาเจอแล้วเป็นแน่นางเคยได้ยินแต่ผู้อื่นพูดถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลมู่ว่าเป็นบุรุษรูปงาม เอาแต่ใจ ไม่น่าคบหา อ่อนแอ ชอบสัมมะเรเทเมา ไม่เอางานเอาการ หากไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหวงกุ้ยเฟยในองค์จักรรพรรดิ เกรงว่าคนคงกร่นด่ากันทั่วเมืองวันนี้ได้เจอตัวจริง ไม่เป็นดังที่ผู้อื่นกล่าวเลย บุรุษผู้นี้ทั้งอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ พูดจาก็ดี ข่าวเล่าข่าวลือพวกนั้นเอามาจากที่ใดกัน“คุณชายไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน หลังจากนี้คุณชายจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ข้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”“หากเป็นเช่นนั้นข้าขอพักที่นี่สักวันได้หรือไม่ แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะรีบไปไม่รบกวนเจ้าอย่างแน่นอน
1ข้าคือมู่โม่โฉ่วเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวถูกถอดมาคลุมร่างไร้สติ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนาวตายก่อนถึงวัด โดยมีเจ้าของรถม้าคอยดูแลอยู่ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดคราบโคลนที่เปื้อนหน้าเขาออกเบา ๆ คราบนี้ติดนานเกินไปจึงใช้ผ้าสะอาดแห้งเช็ดไม่ออก“อือ...” เสียงเจ็บครวญดังออกมาจากริมฝีปากซีดคล้ำเพราะความหนาว นางปรายตามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาลืมตาจึงขยับยื่นหน้าไปมองคนนอนราบอยู่บนที่นั่ง คนเจ็บพยายามหยัดกายลุกนั่งแม้ตาจะยังปิดอยู่“คุณชายอย่าขยับเลยเจ้าค่ะ ท่านยังเจ็บอยู่” เขายังนึกว่าตนเองถูกจับตัวมาเสียแล้วแต่พอได้ยินเสียงหวานจึงลืมตามองคนพูด ใบหน้างดงามเบื้องหน้าทำให้คนเจ็บเกือบลืมหายใจ ใบหน้าห่างเพียงช่วงเอื้อมมือเท่านั้น สีหน้าที่เคยซีดเซียวเพราะเพลียจากการเสียเลือดกลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ“มะ...แม่นาง” คนเจ็บขยับปากพูดเสียงแผ่วเบา นางรู้ว่าบุรุษตรงหน้าอึดอัดท่าทางตอนนี้ จึงขยับไปนั่งพิงด้านในรถม้าเช่นเดิม เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลายมากขึ้น“คุณชายไม่ต้องเกรงใจ นอนพักก่อนเถิด หากมีสิ่งใดอยากถามรอคุณชายดีขึ้นย่อมมีโอกาสได้ถาม” นางว่าเช่นนั้นเขาจึงไม่มีสิ่งใดอยากพูดอีก นอนราบไปกับที่นั่งเช่นเดิ
บทนำล้างตระกูลกลางเหมันต์ฤดู คืนหิมะโปรยปราย คฤหาสน์ใหญ่โตตระกูลหวงกลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนมิขาดช่วง ไม่เว้นแม้ริมกำแพง ใต้ต้นไม้ ซอกมุมเรือน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นบนหิมะขาวยิ่งเห็นยิ่งให้สลดใจ เด็กเล็กเด็กน้อย บ่าว ไพร่ อายุไม่เท่าไรก็ถูกคมดาบคมกระบี่ปลิดชีพจนสิ้นทั้งคฤหาสน์เมืองทั้งเมืองตกอยู่ภายใต้ความเงียบกลางลมหิมะ น่าสลดใจนักตระกูลหวงเคยมีความดีความชอบมากมายเป็นที่นับหน้าถือตา เพียงคืนเดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นตระกูลผู้คิดก่อการกบฏ มีผู้คนมากมายไม่คิดเช่นนั้นแต่จะทำอย่างไรได้นี่คือพระบัญชาของกษัตริย์ กวาดล้างตระกูลหวงให้สิ้นมิเว้นผู้ใดไม่รู้โชคดีหรือร้ายบุตรสาวเพียงคนเดียวกลับไม่อยู่ในคฤหาสน์นางป่วยไข้อยู่หลายวัน มารดาจึงส่งไปรักษายังวัดบนเขา นางจึงรอดพ้นจากการฆ่าล้างตระกูลคืนนี้ คฤหาสน์หลังใหญ่ตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ เช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุตรสาวอย่างหวงซิ่วอิงยังมีชีวิตอยู่7 ปีผ่านไปหอสุราอิงฮวาในตอนนี้มีชื่ออย่างมากเรื่องหญิงงามล่มเมือง ผู้คนมากมายจึงพากันมายลโฉม วันนี้ของทุกเดือนตั้งแต่สี่ปีก่อนทำให้หอสุรานี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ผู้คนแวะเวียนมามิขาดเพื่อให้ได้ชมการประมู