เจ้าของร่างสูงเดินดุ่ม ๆ เข้ามายังร้านขายผ้าขนาดใหญ่ในเครือตระกูลโม่ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเสียจนทุกคนพร้อมใจหลุบดวงตาลงฉับ ผู้ดูแลร้านถลันยืนขวางเบื้องหน้าของเขา ชายวัยกลางคนค้อมศีรษะลง ส่งยิ้มฝืดเฝื่อน "เอ่อ...คุณชายมาได้อย่างไรขอรับ"
โม่จ้าวหยวนปรายตามอง "ที่นี่เป็นกิจการของบ้านข้า ข้าจะมาไม่ได้เชียวหรือ"
"ไอหยา...คุณชาย ย่อมได้อยู่แล้วขอรับ เพียงแต่..."
เดิมทีโม่จ้าวหยวนแทบไม่เคยย่างกรายเข้าเหยียบพื้นที่ค้าขายสักกระผีกริ้น ซ้ำร้ายวันนี้เขายังเดินดุ่ม ๆ เข้ามาด้วยอาภรณ์ไม่เรียบร้อย
"เพียงแต่อะไร..."
"เอ่อ..." ผู้ดูแลหน้าถอดสี
"ผู้ใดมาเอะอะเอ็ดตะโรอยู่หน้าร้านกันเล่า" น้ำเสียงนุ่มนวลดังมาจากด้านใน สตรีวัยกลางคนทว่างดงามสะสวยตามวัยเดินนวยนาด เมื่อพบผู้มาเยือน นางถึงกับต้องขยี้ดวงตาถึงสองสามครา
"นี่ข้าตาฝาดหรอกหรือ"
"ท่านแม่ ตาฝาดอันใดกันเล่า" โม่จ้าวหยวนกล่าวหน้าคว่ำ
แม้เขาเป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดุดัน ทว่าเมื่อบุตรอยู่กับมารดา ไม่ว่าอายุอานามเท่าใดล้วนกลายเป็นคุณชายน้
งานวิจารณ์หนังสือได้มาถึง แม้หลี่หลานซินไม่อยากไปเพียงใด ทว่าโม่จ้าวหยวนกลับลากนางออกมาด้วยจนได้ เกรงว่าสามีในนามของนางคงอยากกลั่นแกล้งเพื่อความสนุกแน่แล้ว ระหว่างทางเป็นไปอย่างเรียบเรื่อยและชวนอึดอัด ช่วงนี้โม่จ้าวหยวนแทบไม่ออกไปเที่ยวเตร่เช่นเคยหลี่หลานซินเองก็ช่วยกิจการของตระกูลโม่อย่างขะมักเขม้น ถึงนางเป็นนักเขียนแต่ก็เรียนจบบัญชีมา การทำงานจึงคล่องแคล่วเสียจนฮูหยินโม่เอ่ยชมไม่ขาดปากโม่จ้าวหยวนจึงมักติดสอยห้อยตามนางไปด้วยเสมอแท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการช่วยแบ่งเบาแต่อย่างใด เขาเพียงจ้องจับผิดนางเพราะเกรงว่าหลี่หลานซินคิดจะปอกลอกตระกูลโม่เมื่อใดต่างหากรถม้าเคลื่อนไปเบื้องหน้าเรื่อย ๆ นับวันยิ่งอยู่ร่วมห้อง ยิ่งใกล้ชิดกันกลับทำให้หลี่หลานซินรู้สึกประดักประเดิด ดูเอาเถิดเล่นจ้องนางตาไม่กะพริบแทบทุกฝีก้าว แม้แต่กระดิกปลายนิ้วยังไม่กล้าเรื่องนอนร่วมห้องน่ะหรือ นางต้องยกเตียงนอนนุ่ม ๆ ให้กับเขา ช่วยไม่ได้ในเมื่อนางอาศัยชายคาบ้านคนอื่นอยู่เลยจำยอมเสียสละตนเอง อันตรทานเรือนร่างไปนอนบนตั่งไม้ขนาดกะทัดรัดซึ่งปูด้วยฟูกหยาบ ๆ ธรรมดาเท่านั้น เหตุใดสามีขอ
เอ่ยยังไม่ทันจบก็ต้องปิดผ้าลงพรึบ เป็นดังเขาคาดไว้ไม่มีผิด นี่สิหนาถึงบอกว่าเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน สถานที่ใดก็ไม่อาจขวางกั้นความรักหนุ่มสาวได้เลยจริง ๆชายด้านนอกลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ กล่าววาจาละล่ำละลัก "เอ่อ...คุณชายขอรับ รถม้าติดหล่ม เกรงว่าคงไปต่อไม่ได้..."ทั้งคู่ได้ยินเสียงดังจากด้านนอกสติจึงถูกเรียกกลับ เร่งผละกายออกจากกันโดยพร้อมเพรียง ต่างฝ่ายต่างปั้นหน้าไม่ถูก จะวางไม้วางมือไว้ที่ใดล้วนเกะกะเก้งก้างไปเสียหมดโม่จ้าวหยวนกระแอมเบา เขาค่อย ๆ เดินออกไปพลางลอบมองกิริยากระดากอายของหลี่หลานซิน ชายหนุ่มลอบยิ้มขัน เมื่อดวงตาคู่งามเผลอเบนหน้ามองคนตัวสูง ริมฝีปากจึงหุบลงฉับพลันหลี่หลานซินนิ่วหน้าฉงนเขายิ้มหรือหลี่หลานซินสลัดศีรษะไปมาเป็นพัลวัน มองตามแผ่นหลังกว้างหายลับตาไปไม่จริงหรอก คนเช่นเขาหรือจะยิ้มให้ แม้บอกว่าเป็นความฝันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ เหตุการณ์ไม่คาดคิดดันเกิดขึ้น หลี่หลานซินได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากด้านนอก ดูเหมือนรถม้าที่ติดหล่มไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่อย่างใด นางตัดสินใจตามออก
การตะลุมบอนเริ่มขึ้น อีกฝ่ายอาวุธครบมือ ส่วนโม่จ้าวหยวนกลับสู้เพียงลำพังด้วยมือเปล่า หลี่หลานซินร้อนใจอยากเข้าช่วยเหลือ ทว่านางมิอาจฝ่าวงล้อมเข้าไปได้โจรเหล่านั้นช่างดูถูกฝีมือนางยิ่งนัก ชะล่าใจส่งเจ้าลูกสมุนตัวกระจ้อยร้อยมาจัดการหลี่หลานซินเพียงหนึ่งคน ริมฝีปากสีกุหลาบยกโค้งหนึ่งฝั่ง อาภรณ์ที่สวมใส่รุ่มร่ามเหลือแสน แม้นจะนับว่าเป็นอุปสรรค ทว่าการแสดงฝีไม้ลายมือคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของนักกีฬาเทควันโด้สายดำเท่าใด"คิดว่าข้ากลัวโจรกระจอกเช่นพวกเจ้าหรือ จะบอกให้ว่าโจรข้างตึกเก่าที่ดักปล้น ข้าก็จัดการมาแล้ว เข้ามาเลย"หลี่หลานซินตั้งท่าพร้อมจู่โจม นางลอบมองไปอีกด้านซึ่งกำลังซัดกันอุตลุดอกซ้ายพลอยกระตุกวูบด้วยความเป็นห่วงเขากำลังรับมือกับบุรุษร่างล่ำสันกว่าตนถึงห้าคน กระนั้นนับว่าคุณชายเสเพลมีวรยุทธ์อยู่บ้าง จึงยังไม่ถือว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบเท่าใดนัก หลี่หลานซินโล่งใจไปเปาะหนึ่ง เหงื่อเย็นเริ่มผุดซึมตามง่ามนิ้วชายหน้าบากตัวผอมเกร็งแสยะยิ้ม "ข้าไม่เคยเห็นสตรีงดงามทว่าปากดีใจกล้าเช่นนี้มาก่อนเลย มาให้ข้าจับเสียดี ๆ แม่นาง แล้วข้าจะ
หลี่หลานซินนอนไร้สติราวสองวัน โม่จ้าวหยวนจึงส่งจดหมายกลับไปยังจวนเพื่อแจ้งข่าว เพียงทุกฝ่ายรับรู้ว่านางยังปลอดภัยก็ต่างคลายความกังวล แม้ฮูหยินโม่ยืนยันจะส่งรถม้ามารับ ทว่าโม่จ้าวหยวนกลับบอกปฏิเสธ เขายังไม่อยากให้เร่งเดินทางเพลานี้ เกรงว่าบาดแผลของหลี่หลานซินอาจได้รับการกระทบกระเทือน จึงไม่มีผู้ใดคัดค้านอีก รอเพียงพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยไม่บุบสลายใดก็ดียิ่งแล้วเหตุใดชีวิตพวกเขาทั้งสองจึงราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดผ่านเรื่องคอขาดบาดตายมาได้หมาด ๆ เพียงชั่วประเดี๋ยวก็ถูกเหตุการณ์เฉกเช่นเดิมกระหน่ำซ้ำหลบพายุแล้วยังเจอฝนครั้งแล้วครั้งเล่าแค่ก แค่ก"นะ...น้ำ"โม่จ้าวหยวนทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่าง รีบผินหน้ากลับทันควัน เจ้าของร่างสูงถลันกายเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ"หลานซิน"โม่จ้าวหยวนยอบกายลง อ้อมแขนแกร่งโอบประคองหลี่หลานซินให้ลุกขึ้นพิงแผงอกของตน พลางเอื้อมมือยกป้านชาขึ้นรินน้ำอุ่น ๆ ลงไปยังถ้วยชาใบเล็ก ก่อนยื่นป้อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากอันซีดเผือดไร้เลือดฝาด
หลังรอดพ้นจากเหตุการณ์ในครานั้น หลี่หลานซินและโม่จ้าวหยวนดูเข้าอกเข้าใจกันจนน่าประหลาดฮูหยินโม่ก็พลอยปลื้มปริ่มที่ลูกสะใภ้และลูกชายของตนรักใคร่กลมเกลียวกันได้เสียทีวันนี้ทุกคนจึงได้รับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"จ้าวหยวน ซินเอ๋อร์ แม่เห็นว่าพวกเจ้าแต่งงานกันมานานมากแล้ว ได้ข่าวว่าคุณชายเจียงและคุณหนูจื่ออี๋กำลังจะมีทายาท""หา..." หลี่หลานซินถือตะเกียบค้าง อาหารเต็มปากจนแก้มตุ่ย ดวงตากลมโตเบิกกว้าง"ตกใจใดเล่า" โม่จ้าวหยวนแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับหลี่หลานซินยิ้มแหย "ปะ...เปล่าเจ้าค่ะ"หลี่หลานซินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เหตุใดนางเอกชิงท้องกับพระรองไปแล้ว เช่นนั้นเรื่องหย่าควรทำอย่างไร กระนั้นตอนนี้คุณชายโม่กลับปฏิบัติต่อนางจากหลังมือเป็นหน้ามือ ปณิธานอันแรงกล้าเคยคิดว่ามั่นคงไม่มีวันสั่นคลอนก็พลอยไม่เชื่อฟังเข้าทุกที"เช่นนั้นพวกเจ้าก็มีหลานให้แม่และท่านพ่อสักคนเถิดนะ"แค่ก แค่กหลี่หลานซินเกิดสำลักอาหารเสียจนหน้าแดงหน้าดำ โม่จ้าวหยวนจึงรีบยื่นน้ำให้นางด้วยความห่วงใย&
หลี่หลานซินรู้สึกประหม่า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเกิดอาการห้อเลือด "คือ อันที่จริง ท่านไม่ได้ชอบข้าไม่ใช่หรือ"โม่จ้าวหยวนหัวเราะขัน "เจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ นับจากวันนั้นข้าก็เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเจ้า เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ""เดิมทีข้าไม่ควรเป็นฮูหยินของท่าน..." หลี่หลานซินกล่าวอู้อี้นางจะบอกเช่นไรว่าคู่แท้ของโม่จ้าวหยวนคือจูจื่ออี๋ ในเมื่ออีกฝ่ายดันชิงวิวาห์และตั้งครรภ์ไปก่อนแล้ว หลี่หลานซินจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปเสียโม่จ้าวหยวนขมวดคิ้ว "ทำไมจึงพูดเช่นนั้นเล่า""ช่างมันเถิด" หลี่หลานซินตัดบททันควัน นางไม่อยากร่ำไรแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ถึงอย่างไรนางก็เป็นภรรยาของเขาอยู่วันยังค่ำ รอดพ้นหนนี้ใช่ว่าสามารถบ่ายเบี่ยงตลอดไป"ข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นฮูหยินข้าก็ไม่เลวทีเดียว การค้าก็เก่ง... ปากหรือก็เก่งด้วยหนา" โม่จ้าวหยวนกล่าวยิ้ม ๆหลี่หลานซินจับน้ำเสียงหยอกล้อขบขันนั้นได้ใบหน้างามจึงแดงระเรื่อขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะความโมโหหรือกระดากอายกันแน่ยามขวยเขินแฝงอารมณ์โกรธเคืองกลับเพิ่มความน่าเอ็นดูยิ่ง โม่จ้าวหยวนโน้ม
โม่จ้าวหยวนกวาดสายตามองใบหน้าหวาน ริมฝีปากสีกุหลาบบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด เขาลอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดู หลี่หลานซินเริ่มขยับตัวแล้ว เปลือกตาบางเปิดปรือเนิบนาบ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นเล็กน้อยจึงทันสบประสานเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มซึ่งกำลังจับจ้องตนอยู่หลี่หลานซินรีบหลุบลงแก้เขินเพียงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ใบหน้าเนียนพลันระบายสีชมพูระเรื่อเสียงทุ้มยิ้มขัน ฝ่ามือหยาบระคายช้อนเชยปลายค้างโค้งมนแผ่วเบา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมมองตอบเขา"เป็นอะไรหรือ ไฉนไม่ยอมมองหน้าสามีเล่า"แก้มของนางแดงปลั่งจนทำอันใดไม่ถูก "ปะ…เปล่าเจ้าค่ะ"โม่จ้าวหยวนยิ้มบาง เขารู้ดีว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของนาง ริมฝีปากได้รูปจรดลงหน้าผากนูนเด่นด้วยความทะนุถนอม เอ่ยถามเสียงแผ่ว "เจ็บหรือไม่"ยิ่งได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใย ความขวยเขินยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทบทวีถามอะไรเนี่ย น่าอายชะมัดหลี่หลานซินส่ายหน้าเป็นพัลวัน ดูเหมือนโม่จ้าวหยวนไม่อยากปักใจเชื่อเท่าใด เขารั้งกายของอีกฝ่ายมาสวมกอด เพลานี้เข้าสู่ยามซื่อ
โม่จ้าวหยวนวางหน้าแทบไม่ถูก เขามองผ่านหลี่หลานซินไปเบื้องหลัง ขึงสายตามองถิงถิง เมื่ออีกฝ่ายประจันเข้ากับแววตาดุจพญามัจจุราชนางจึงรีบหลุบเปลือกตาลง ร่างกายสั่นระริกโม่จ้าวหยวนระบายลมหายใจด้วยความรู้สึกปลดปลง "หลานซินเจ้ามาได้อย่างไร"ดวงตากระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยไฟโทสะ ยิ่งคิดก็ยิ่งฝืนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว"ข้ามาได้อย่างไรหรือ ท่านคิดว่าห้องของเราห่างจากโถงนี้มากหรืออย่างไร!""หลานซิน เจ้าสงบใจก่อน ข้าอธิบายได้" โม่จ้าวหยวนสาวเท้าไปเบื้องหน้า ทว่าหลี่หลานซินกลับถอยร่นไปเบื้องหลัง เจ้าของร่างสูงจึงหยุดฝีเท้าไว้เพียงเท่านั้น"นี่คือฮูหยินท่านหรือ" เสียงสตรีกล่าวตัดบท ท่าทีของนางกลับไม่อนาทรร้อนใจ ซ้ำยังแสดงสีหน้าชวนโมโห"หุบปาก!" โม่จ้าวหยวนตวาดลั่น เขาปรายตามองสตรีที่แอบอ้างว่าตั้งท้องกับตนอย่างเคืองขุ่นโม่จ้าวหยวนรู้สึกคุ้นหน้านางอยู่บ้าง นางใช่คนที่มู่ซือเฉิงเรียกมาปรนนิบัติตนในคืนนั้นหรือไม่ หากเป็นวันดังกล่าวจริง เช่นนั้นเขาคงเมามากจนไร้สติ แล้วกระทำเรื่องน่าอายลงไปน่ะหรือหลี่
"หยวนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทั้งสองไม่ต้องไปช่วยงานหรอกนะ" ฮูหยินโม่กล่าวขณะกำลังคีบอาหารส่งให้บุตรชายและหลี่หลานซินโม่จ้าวหยวนงุนงง "ทำไมเล่าขอรับ"หลี่หลานซินก็อยากรู้เช่นกัน ตะเกียบซึ่งกำลังส่งเข้าปากจึงหยุดชะงักลง เจ้าของใบหน้าสะสวยตามวัยแย้มยิ้ม กวาดสายตามองทั้งสอง "พวกเจ้าแต่งงานกันมากี่เดือนแล้ว"โม่จ้าวหยวน "ท่านแม่ นี่ท่านจำไม่ได้เชียวหรือขอรับ น่าจะหกเดือนแล้วกระมัง""นั่นปะไร ตั้งหกเดือน เรื่องที่แม่และพ่อของเจ้าขอเอาไว้ เมื่อใดกันเล่า"โม่จ้าวหยวนและหลี่หลานซินเหลียวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "เรื่องใดหรือขอรับ""นี่น่ะ เจ้าทั้งสองมัวแต่ยุ่งกับงานที่บ้าน แทบไม่ได้พักผ่อน ร่างกายเลยไม่แข็งแรง เช่นนั้นก็หยุดหลาย ๆ วัน แม่ซื้อบ้านและที่ดินใกล้ธารน้ำตกเอาไว้ เจ้าพาน้องไปเที่ยวด้วยกันเถิด"โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้ม หลี่หลานซินก็เช่นกัน "โธ่ ท่านแม่ ข้าก็คิดว่าเรื่องใด ไปเที่ยวหรอกหรือ แต่ตอนนี้ที่ร้านยุ่งนัก""ยุ่งแล้วอย่างไร ตั้งแต่มีเมียก็กลายเป็นคนขยันขันแข็งเลยหรือ" เสียงทุ้มโพล่งตัดบท&
หลี่หลานซินสังเกตเห็นสีหน้าสตรีฝั่งตรงข้ามเศร้าหมองลง จึงทราบได้ทันทีว่าเปาลี่หม่านรู้สึกเช่นไร"ลี่หม่าน""...""ลี่หมาน""จะ...เจ้าคะ" เปาลี่หม่านสะดุ้งโหยง"เด็กในท้องของเจ้า วางแผนอนาคตเขาไว้เช่นไรหรือ" หลี่หลานซินเอ่ยถามเปาลี่หม่านส่ายศีรษะ "ข้าเองก็ยังไม่รู้เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ""เช่นนั้นเอาอย่างนี้หรือไม่ ข้ายินดีรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ" หลี่หลานซินเอ่ยจบจึงเหลียวมองโม่จ้าวหยวน "ดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"โม่จ้าวหยวนมิได้คัดค้าน เขายิ้มตอบ "ดีจ๊ะ"ฮูหยินบอกซ้ายสามีเช่นเขาก็ต้องไปทางซ้าย จะหักหลบเลี้ยวผิดทางได้เช่นไร มีหวังแม่แมวน้อยได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่แล้วทว่าเปาลี่หม่านกลับลุกพรวดขึ้น นางยอบกายลงคุกเข่าทันควัน อาการบาดเจ็บที่มีมลายหายไปสิ้น "ฮูหยินน้อย คุณชายโม่ ข้ารู้สึกละอายยิ่งนักที่คิดทำลายความรักของท่านทั้งสอง ข้าจะมีหน้าให้บุตรของตนสร้างความลำบากแก่พวกท่านอีกได้อย่างไร"หลี่หลานซินดีดกายยืนขึ้น นางรีบสาวเท้าตรงไปยังสตรีที่โขกศีรษะบนพื้นด้วยความเร่งร้อน พลางโอบประค
ยามเช้าวันรุ่งขึ้นเปาลี่หม่านไปพบโม่จ้าวหยวนที่จวนสกุลโม่จริงดังที่รับปากเจียฮ่าวซึ่งรอนางอยู่ก่อนแล้วจึงพานางตรงไปยังจวนสกุลหลี่ตามที่นายของตนฝากฝังเอาไว้ณ จวนสกุลหลี่"คุณชายโม่ ฮูหยินน้อยโม่ เถ้าแก่หลี่"เปาลี่หม่านค้อมศรีษะลงเพื่อเป็นการทักทายหลี่หลานซินเอ่ย "เจ้านั่งลงเถิด กำลังท้องกำลังไส้ เดินเหินต้องระวังหน่อยเล่า"เปาลี่หม่านได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใยจากปากของหลี่หลานซิน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพลันย้อนขึ้นเสียจนจุกอก ริมฝีปากพลอยหนักอึ้งราวถูกถ่วงดุล "ขะ...ขอบคุณท่าน ฮูหยินน้อยโม่"ท่อนขาเรียวก้าวย่างกะโผลกกะเผลกไปยังเก้าอี้หลี่หลานซินนิ่วหน้า "ลี่หม่าน ขาเจ้า..."เปาลี่หม่านชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวหน้ามองหลี่หลานซิน ใบหน้างดงามระบายรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เท้าอันบาดเจ็บค่อย ๆ ออกเดินต่อหลี่หลานซินรู้สึกเวทนานางนัก จึงพยักหน้าให้ถิงถิงช่วยพยุงอีกฝ่ายจนถึงที่หมาย ทุกคนล้วนจับจ้องเปาลี่หม่านเป็นตาเดียวทำให้นางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง"คุณชายโม่ ฮูหยินน
เวลาล่วงเลยจนถึงยามโฉ่ว [1] มีเพียงความเงียบสงบท่ามกลางราตรีกาลอันหนาวเหน็บคอยปลอบประโลม หลี่หลานซินรู้สึกอ่อนเพลียจนม่อยหลับไปเมื่อใดก็สุดจะรู้ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหลี่หลานซินพลันสะดุ้งตื่น นางดีดกายลุกขึ้นทันควันนัยน์ตาคู่งามลอบมองผ่านช่องบานประตู กวาดสายตาเหลือบซ้ายแลขวาทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าหลี่หลานซินยิ้มเยาะ "เหอะ! นี่หรือที่บอกจะไม่ยอมจากไป คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้เลยสินะ"หลี่หลานซินตัดสินใจเปิดประตูเพื่อมองดูว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วจริงหรือไม่ ขาเรียวสาวเท้าออกมาด้านนอก สอดส่ายสายตามองผ่านความมืดมิด แววตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนน้อยใจ พลันรู้สึกว่าตนเองช่างงี่เง่านัก บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดโง่งมไปกว่านางอีกกันเล่า วาจาบุรุษดั่งผายลม ยังกล้าเชื่อถือคนลิ้นสองแฉกหลี่หลานซินหมุนกายเตรียมย้อนกลับไปด้านใน จังหวะนั้นเองนางจึงพบอีกฝ่ายยืนตัวสูงโปร่งอยู่ขนาบข้าง ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มพราย"ยังไม่นอนอีกหรือ""ทะ...ท่
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "ท่านแม่ นี่ท่านใจเย็นได้อีกหรือขอรับ ลูกสะใภ้สุดหวงของท่านหายไป ท่านไม่ร้อนใจ แต่ข้าร้อนใจนะขอรับ"ฮูหยินโม่ระบายรอยยิ้มบาง "เจ้านี่นา เหมือนพ่อไม่มีผิด นางขออนุญาตกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเอง""กลับไปเยี่ยมบ้าน ไปโดยไม่มีข้าได้อย่างไร""แล้วเจ้าก่อเรื่องใดไว้ เป็นลูกผู้ชายเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง เอาล่ะ แม่ว่าเจ้าปล่อยให้นางสงบใจก่อนเถิด เจ้าเองคงเหนื่อยมาทั้งวัน ดูเอาเถิดไปมีเรื่องกับใครมาเล่า ไฉนเนื้อตัวมอมแมมเพียงนี้" ผู้เป็นมารดาจับใบหน้าบุตรชาย กวาดมองเรือนกายกำยำซึ่งสูงกว่าตนมากโขด้วยสีหน้าเป็นห่วง"ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะไปตามหลานซิน""ดึกแล้ว นางคงนอนไปแล้วกระมัง อย่าใจร้อน วันพรุ่งไปก็ยังไม่สาย""แต่สำหรับข้าแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สายแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" โม่จ้าวหยวนเบนหน้ามองเจียฮ่าว "เจียฮ่าว คืนนี้เจ้าไม่ต้องตามข้าไป พรุ่งนี้สตรีนางนั้นจะมาพบข้า หากมาแล้วให้เจ้าพานางไปที่จวนสกุลหลี่""ขอรับ"กล่าวจบโม่จ้าวหยวนจึงผละกาย กระโดดขึ้นหลังม้าอย่างร้อนรนพลางควบออกไปราวพายุหอบหนึ่ง ผู้เป็นมารด
โม่จ้าวหยวนโยนถุงเงินให้นาง พลันหมุนกายกระโดดขึ้นหลังอาชาด้วยความชำนาญ"บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน""อยู่ไม่ไกลนักเจ้าค่ะ""ดี! เช่นนั้นคงกลับเองได้กระมัง"นางพยักหน้าหงึกหงัก "ขะ...ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก วันพรุ่งข้าจะรีบไปที่จวนตระกูลโม่เพื่ออธิบายต่อฮูหยินของท่าน""แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ไป ข้าจะตามมาลากคอของเจ้า ไม่ว่าเจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะพลิกแผ่นดินหาเจ้าให้เจอ หรือหากเจ้ากล้าชิงหนีลงปรโลกข้าก็จะลงไปกระชากวิญญาณของเจ้ากลับมาอธิบายกับนางให้ได้"เปาลี่หม่านพยักหน้าระรัว นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของเขา ยิ่งเกรงกลัวเท่าใด วาจาที่เปล่งออกมาก็ยิ่งติดขัดมากขึ้นเท่านั้น"ขะ...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ วันพรุ่งท่านจะเห็นข้าอย่างแน่นอน""หึ!"โม่จ้าวหยวนแค่นยิ้มชายหนุ่มควบม้าจากไปเดี๋ยวนั้น เปาลี่หม่านค่อย ๆ ประคองกายตนลุกขึ้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ ร่างบางพยายามหอบสังขารกะโผลกกะเผลกเดินไปอีกด้านด้วยใบหน้าเปื้อนคราบฝุ่นปนรอยน้ำตาโชคดียิ่งที่จวนของนางอยู่ไม่ไกลมาก
โม่จ้าวหยวนควบม้าเพื่อออกตามหาเปาลี่หม่าน เขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่านางประสงค์สิ่งใดกันแน่ ไฉนจำต้องใส่ความเขาจนเกิดบ้านแตกสาแหรกขาดความอนธการปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิทแล้ว เขาเร่งตะบึงม้ามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ระหว่างทางโม่จ้าวหยวนได้ยินเสียงร่ำไห้เบาหวิว ทว่าเมื่อเขาเงี่ยหูฟังเสียงนั้นกลับเป็นการร้องขอความช่วยเหลืออย่างชัดถนัดหูถึงแม้ร้อนใจเพียงใดก็ตามทว่าคุณธรรมย่อมต้องมีในหมู่เพื่อนมนุษย์ ฝ่ามือแกร่งดึงบังเหียน ควบม้าหันหลังกลับ กีบเท้าทั้งสี่ห้อตะบึงไปยังเส้นทางที่คนเบื้องบนกำลังควบคุมนัยน์ตาคมปลาบหรี่มองระยะไกล เขาเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ราวสามสี่คนกำลังยืนล้อมวงและทุบตีพลางฉีกทึ้งอาภรณ์คนผู้หนึ่งอาชาสีนิลยกกีบเท้าหน้าขึ้นก่อนหยุดลง ฝุ่นผงลอยคละคลุ้งตลบอบอวล“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด!?”ชายฉกรรจ์ทั้งสามแหงนมองผู้มาเยือนพลางถ่มถุยน้ำลายด้วยความถ่อย“ไอ้หน้าอ่อนนี่เป็นใคร เรื่องของเจ้าหนี้ลูกหนี้ คนนอกไม่ต้องมายุ่ง”โม่จ้าวหยวนกดยิ้มมุมปาก เขาปรายสายตามองผู้ถูกกระทำเป็นสตรีเช่นนั้นหรือ
หลังจากหอบทองได้หนึ่งกำมือ เมื่อเห็นว่าหลี่หลานซินเดินลับตาไปแล้ว ส่วนโม่จ้าวหยวนก็มัวแต่ยืนนิ่งจังงัง สตรีนางนั้นจึงรีบพุ่งตัวออกทางบานประตูด้วยความรวดเร็วปานพายุหอบหนึ่ง"หยุดนะ!" เจียฮ่าวตะโกนเสียงดังเขาตั้งท่าออกวิ่งตามนางทว่าโม่จ้าวหยวนกลับร้องปรามขึ้น"เจียฮ่าว ปล่อยนางไป""แต่ว่า... หากปล่อยนางไปแล้วหาตัวนางไม่พบ ฮูหยินน้อยคงไม่มีทางให้อภัยท่าน""ข้ารู้แล้วว่าควรไปพบผู้ใด เตรียมม้าให้ข้า" เจ้าของใบหน้าคมสันเคร่งขรึม เขาพยายามระงับอารามร้อนรนซึ่งปะทุอยู่ภายในใจกลับลงไป เรื่องอลหม่านกระจ่างเมื่อใดเขาจะรีบกลับมาปรับความเข้าใจกับนางทันที"ขอรับ"เจียฮ่าวค้อมศีรษะ พลันสับเท้าไว ๆ ออกไปเดี๋ยวนั้นค่ำคืนนี้เขาไม่อาจข่มตานอนหรือคิดพักผ่อนได้จริง ๆ เรื่องเข้าใจผิดไม่ควรประวิงเวลาจำต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว ขณะเดียวกันโม่จ้าวหยวนกลับไม่รู้เลยว่า ห้องนอนล้วนว่างเปล่าประดุจสถานที่เปลี่ยวร้างไปเสียแล้ว ภรรยาของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น นางกำลังหอบจิตใจอันบอบช้ำกลับตระกูลของตน
โม่จ้าวหยวนวางหน้าแทบไม่ถูก เขามองผ่านหลี่หลานซินไปเบื้องหลัง ขึงสายตามองถิงถิง เมื่ออีกฝ่ายประจันเข้ากับแววตาดุจพญามัจจุราชนางจึงรีบหลุบเปลือกตาลง ร่างกายสั่นระริกโม่จ้าวหยวนระบายลมหายใจด้วยความรู้สึกปลดปลง "หลานซินเจ้ามาได้อย่างไร"ดวงตากระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยไฟโทสะ ยิ่งคิดก็ยิ่งฝืนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว"ข้ามาได้อย่างไรหรือ ท่านคิดว่าห้องของเราห่างจากโถงนี้มากหรืออย่างไร!""หลานซิน เจ้าสงบใจก่อน ข้าอธิบายได้" โม่จ้าวหยวนสาวเท้าไปเบื้องหน้า ทว่าหลี่หลานซินกลับถอยร่นไปเบื้องหลัง เจ้าของร่างสูงจึงหยุดฝีเท้าไว้เพียงเท่านั้น"นี่คือฮูหยินท่านหรือ" เสียงสตรีกล่าวตัดบท ท่าทีของนางกลับไม่อนาทรร้อนใจ ซ้ำยังแสดงสีหน้าชวนโมโห"หุบปาก!" โม่จ้าวหยวนตวาดลั่น เขาปรายตามองสตรีที่แอบอ้างว่าตั้งท้องกับตนอย่างเคืองขุ่นโม่จ้าวหยวนรู้สึกคุ้นหน้านางอยู่บ้าง นางใช่คนที่มู่ซือเฉิงเรียกมาปรนนิบัติตนในคืนนั้นหรือไม่ หากเป็นวันดังกล่าวจริง เช่นนั้นเขาคงเมามากจนไร้สติ แล้วกระทำเรื่องน่าอายลงไปน่ะหรือหลี่