แชร์

ตอนที่ 14 หมางเมิน

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-18 11:22:49

“มิมีสิ่งใดทั้งนั้นท่านพ่อ ข้าเพียงแค่เบื่อหน่ายก็เท่านั้น ขอถามท่านพ่อจะให้ข้าไปอยู่กับญาติ เอ่อของแม่รองจริง ๆ งั้นรึ” ซูหยามองหน้าผู้เป็นพ่อที่บัดนี้มองนางราวกับเห็นผี นางเพียงคลี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะถามถึงบ้านที่นางนั้นต้องไปอยู่

“อืม ตระกูลจางนั้นมิได้เลวร้ายเป็นตระกูลใหญ่เพียงแต่อยู่ชนบทก็เท่านั้น เจ้าเดินทางไม่เกินสามวันก็ถึงแล้ว ซานเฉิงแม้จะชนบทหน่อยแต่ว่าก็อากาศดี ที่นั่นอากาศเย็นตลอดทั้งปียังไงเจ้าเตรียมชุดหนา ๆ ไปเสียเยอะหน่อยก็แล้วกัน เอาล่ะในเมื่อเจ้าตัดสินใจว่าจะไปข้าก็ไม่ขัดข้อง บางทีการที่เจ้าได้ไปทบทวนตัวเองเสียหน่อยอาจจะทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้นก็ได้ เอาไว้ให้เรื่องที่เจ้าก่อผู้คนลืมกันไปแล้วก็ค่อยกลับมาก็แล้วกัน รึว่าอยากกลับเมื่อไหร่ก็ให้ส่งจดหมายกลับมาข้าจะรีบไปรับกลับในทันทีรู้รึไม่” หลินเจียงนั้นเขาเป็นห่วงซูเหยาอยู่มาก เช่นไรก็ลูกของเขา แม่แต่สุนัขมันยังรักลูกมันแล้วมีหรือที่เขาจะไม่รัก พอพูดกับผู้เป็นบุตรสาวออกไปเช่นนั้นใจแกร่งเองก็ไหวยวบอยู่ไม่น้อย พลันดวงตาก็คลอเคลียด้วยน้ำวาววับ ชายสูงวัยกลั้นมันไว้จนบัดนี้เกรงว่าแดงก่ำแล้วกระมัง จึงเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นมิได้สบตาผู้เป็นบุตรสาวโดยตรง

“เจ้าค่ะท่านพ่อ เช่นนั้นวันนี้ลูกขอไปเดินซื้อของเสียหน่อย” ซูเหยารับคำพร้อมทำความเคารพผู้เป็นบิดา แม้อาลัยท่านย่าอยู่มากแต่การไปครั้งนี้นางขอไปพักกายพักใจเสียหน่อย หากลืมเรื่องเลวร้ายนี้หมดสิ้นแล้วจึงจะหวนคืนได้แต่หวังว่าท่านย่าจะสุขภาพแข็งแรงรอนางกลับมา

“เยว่ถานไปกันเถอะ วันนี้ข้าจะไปหาซื้อผ้าและด้ายไว้เยอะหน่อย จะได้มีงานทำแก้เบื่อไม่รู้ว่าไปที่ซานเฉิงจะมีสิ่งใดให้ข้าพอทำได้บ้าง หวังว่าที่นั่นจะไม่น่าเบื่อจนเกินไป”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ซูเหยานั่งรอเยว่ถานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับจูงกันเดินออกไปจากจวน หลังจากที่ไม่ได้ย่างกายออกไปเลยตลอดหลายวัน ส่วนอีกฟากของเรือนเยว่หลันสองแม่ลูกที่ยืนมองอยู่ก็ลอบยิ้มสะใจ แม่ในใจนึกฉงนเล็กน้อยที่นางสามารถลุกจากเตียงมาได้ รึยานั่นจะมีอะไรผิดพลาด แต่ช่างเถอะ!

“ได้สิ ได้มีอะไรทำแน่ หึซื้อผ้าซื้อด้ายเช่นนั้นรึ ฮ่า ๆ เกรงว่าจะไม่มีเวลาได้ทำสิ่งใดเลยต่างหากนอกจากปลูกผักทำสวนแลกข้าว ฮ่า ๆ แม่นมอวิ๋นที่ข้าให้ไปทำส่งไปแล้วรึยัง” ซูฉีหันมาถามไถ่สาวใช้คู่ใจว่าจดหมายที่นางลอบส่งไปให้ตระกูลจางนั้นทำสำเร็จแล้วรึไม่ หึ!ตระกูลจางนั่นใช่ญาติของนางเสียที่ไหนเล่า ญาติอุปโลกน์ขึ้นมาก็เท่านั้น หึ ๆ

วันนี้อากาศหลังฝนตกแลดูชุ่มฉ่ำพื้นถนนเปียกชื้นต้นไม้ข้างทางมีละอองหยดน้ำเกาะวาววับ หลังคากระเบื้องถูกอาบฉาบเคลือบด้วยสายฝนจนดำวาววับยามต้องกับแสงตะวันยามเช้า สายลมพัดโชยไอเย็นจากละอองฝนลอยเข้าปะทะร่างซูเหยาจนผ้าคลุมไหล่ผืนบางโบกสะบัดเย้ายวน ภาพโฉมงามเดินเด่นปะปนท่ามกลางผู้คนอยู่นั้นทำให้ซูเหยากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนได้ไม่ยาก รวมไปถึงเหล่าบัณฑิตขุนนางที่วันนี้นัดแนะดื่มกินปรึกษาหาลือข้องานราชการอยู่ชั้นบนโรงเตี๊ยม

“นั่นคุณหนูบ้านไหนเล่าช่างงดงามยิ่งนัก”

“นั่นหนะหรือ คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน หลินซูเหยา ได้ยินว่าหลายวันก่อนสร้างเรื่องขึ้นจนเสนาบดีหลินโบยด้วยตัวเองเชียวนะ นางหนะหยาบกระด้างแม้รูปโฉมงดงามก็สู้น้องสาวนางไม่ได้หรอก หลินชิงเยว่หนะงามไปทั้งกริยาทั้งรูปโฉม”

“พอ ๆ คุณชายกู้ก็เจ้านะหมายตานางไว้อยู่แล้วมิใช่หรอกรึ จะเช่นไรก็ช่างการได้ปราบสาวงามพยศย่อมตื่นเต้นกว่า ฮ่า ๆ”

“เฮ้ย ๆ เลิกเพ้อเจ้อ ๆ นางหนะทั้งพี่ทั้งน้องมิสนใจชายตาดูพวกเจ้าหรอก นู่นพวกนางหนะต่างก็หมายใจจะแต่งเข้าจวนหยางจวิ้นอ๋องกันทั้งนั่นแหละ นั้นพูดถึงก็มาเลย” ในขณะที่บุรุษในโรงเตี๊ยมกำลังถกถียงกันเรื่องสาวงาม ด้านล่างบริเวณถนนทางเดินก็มีม้าสามตัววิ่งตรงเข้ามาจากประตูเมือง เสียงสตรีกรีดร้องเยินยอก็พลันเซ็งแซ่ขึ้นจนพวกเขาเกิดนึกไม่ชอบใจ

“คุณหนู หยางจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ”

“อืม ช่างเถอะ” ซูเหยามิใคร่ใส่ใจแม้กระทั่งจะหันไปมอง นางยังคงเลือกซื้อดอกไม้ต่อไป ดอกอวี้จินเชียงสีแดงสดนี่ต่างหากที่กำลังดึงดูดความสนใจของนาง

หยางจวิ้นอ๋องควบม้าวิ่งมาอย่างเร็วก่อนจะชะลอความเร็วลงกว่าครึ่งเมื่อเริ่มเข้าสู่ประตูเมือง คราแรกตั้งใจพักอยู่ในค่ายทหารแต่หานกงกงกลับลืมเตรียมดอกโมลี่ให้ซะนี่ เช่นนั้นจึงได้ควบม้ากลับมาพักที่ตำหนักของตน หลัง ๆ เกรงว่าเขาคงเสพติดกลิ่นของมันเข้าแล้วกระมัง ที่หากมิได้กลิ่นก็จะนอนมิหลับช่างน่าแปลกประหลาด และอาการนี้เขาพึ่งมาเริ่มเป็นหลังจาก สายตาคมมองดูซูเหยาที่มิสนใจแม้แต่จะหันมามองตน เพียงเห็นนางจากที่ไกลลิ่วเขาก็มองออกแล้วว่าเป็นนาง

‘ยังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นรึ’

ยิ่งม้าวิ่งใกล้จุดที่นางยืนอยู่เขาก็ยิ่งชะลอความเร็วจนกลายเป็นว่าตอนนี้ม้าเดินย่อง ขนาดควบม้าเดินช้าเช่นนี้นางยังมิยอมหันกลับมามองเช่นนั้นรึ นี้ก็ชัดเจนแล้วเมื่อแน่ใจชัดแล้ว จ้าวหยางก็กระตุกควบม้าเร่งความเร็วมุ่งตรงกลับตำหนักด้วยความขุ่นมัวในใจ

“ไปแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”

“อืม เยว่ถานไปร้านด้านนั้นกัน”

“เจ้าค่ะ”

สองนายบ่าวเดินตะเวนซื้อของจนมืดค่ำถึงกลับถึงจวน ข้าวของมากมายถูกนำมาแยกก่อนจะเก็บใส่หีบเพื่อนำไปยังซานเฉิง และยังมิทันที่ซูเหยาจะได้ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์สาวใช้ในเรือนก็มาแจ้งว่ามีคนมาขอพบโดยมิได้แจ้งชื่อแซ่ว่าเป็นผู้ใด บอกเพียงแต่ว่ารอที่ประตูเล็กข้างเรือนของนาง

ซูเหยาขมวดคิ้วน้อย ๆ นึกเช่นไรก็นึกไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ด้วยความมิได้เฉลียวใจจึงบอกเยว่ถานให้จัดของต่อ ส่วนนางนั้นจะออกไปดูเสียหน่อย

ซูเหยาเดินลัดมาตามกำแพงจวนใหญ่เวลานี้ความมืดเริ่มโรยตัว ผู้คนในจวนต่างก็มัววุ่นวายกับการเตรียมอาหารและจัดการกับงานของตน ผู้คนในจวนจึงดูบางตามิพุ่งพล่าน ซูเหยาเดินถือโคมไฟชั่งใจเพียงครู่ก่อนจะเดินออกประตูไป และทันทีที่นางโผล่พ้นประตูก็ต้องตกใจจนสิ้นเมื่อถูกมือใหญ่ปิดปากนางแน่น ก่อนจะส่งนางขึ้นม้าพร้อมกันกับเขานั้นตวัดตัวขึ้นนั่งซ้อนแล้วเร่งควบม้าวิ่งไปอย่างเร็ว

“อื้อ นี่! ท่านอ๋องปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยสิ หยุดเดี๋ยวนี้” ซูเหยาคราแรกตกใจแต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ยิ่งโมโห อารมณ์นางตอนนี้ทั้งโกธรทั้งเกลียด ทั้งน้อยใจ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 15 ล่อลวง

    “หากไม่อยากตกม้าตายทั้งคู่ก็อยู่นิ่ง ๆ”“อ๊ะ” ซูเหยาผวาตกใจเมื่อถูกมือหนากอดกระชับเข้าที่เอวคอดหลังจากถูกเสียงห้าวดุทั้งบีบเข้าที่เอวของนางอย่างแรง“จะพาข้าไปที่ใด”“ข้า! เหอะ” จ้าวหยางวันนี้หลังจากที่นางมิสนใจเขาที่ตลาด เมื่อกลับตำหนักในใจก็ไม่อาจนิ่งสงบที่ถูกนางเมิน ในหัวเฝ้าคิดถึงแต่ท่าทางหันหลังมิยอมกลับมามองของนาง และเมื่อใจมิอาจสงบลงได้จึงต้องการไปถามเสียให้รู้ความ จึงให้เหยียนเฟิงไปแจ้งกับบ่าวรับใช้เรือนนางอย่างลับ ๆ ส่วนเขานั้นไม่อาจไปอย่างโจ่งแจ้งนักจึงได้ไปรอที่ประตูข้างเรือนนางแทน“ตำหนักป่าไผ่”“ข้าไม่อยากไป”“ข้า ๆ ใครสอนให้พูดเช่นนี้ห๊ะ ไม่อยากไปแล้วเช่นไร” เมื่อเห็นว่าจ้าวหยางเริ่มมีอารมณ์ซูเหยาจึงได้เงียบเสียงลง เวลานี้ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นักด้วยเพราะเขาควบม้าเร็วเสียจนน่ากลัวจึงจำต้องนั่งเงียบ ๆ สงบปากสงบคำแทนจ้าวหยางพานางควบม้าไม่นานก็เข้าสู่เขตตำหนักป่าไผ่ บ่าวรับใช้ถูกไล่ไปเสียหมดทั้งตำหนักในเวลานี้จึงมีเพียงเขาและนาง ส่วนเหยียนเฟิงนั้นก็คงลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ มิได้เข้ามารบกวน“ลงมา!” จ้าวหยางชูมือขึ้นเพื่อให้นางจับ แต่ดูท่าวันนี้นางกลับดื้อดึง ท่าทางนั่งหลังตรงเชิดหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 16 พยัคฆ์ร่ายสวาท

    “ข้าดื่มหมดแล้ว ท่านอ๋องโปรดทำตามที่รับปากด้วยเพคะ” ซูเหยาเมื่อรู้ตัวว่าชักดื่มจนเลยเถิดนี่ก็นับว่าสามจอกแล้วจึงได้หยุดแม้รสชิของสุรานี้ช่างนุ่มละมุนลิ่นเสียจริงจนยากจะวางลง ซูเหยาเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากรสชาติสุราที่ติดที่ริมฝีปากอย่างแสนเสียดาย โดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้จ้าวหยางนั้นจดจ้องนางราวกับราชสีเตรียมตะครุบเหยื่ออยู่รอมล่อ“อึก” จ้าวหยางถึงกับต้องแลบลิ้นหนาเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนตามนาง แต่ครั้นเมื่อเงยหน้ามองไปยังใบหน้างามกลับพบว่านางเสมองพื้นมิสบตาเขา นางทำราวกับเป็นนางกำนัลต่ำต้อยที่ไม่กล้ามองผู้เป็นนายเสียอย่างนั้นซึ่งท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวคล้ายต่ำต้อยหนักหนาของนางทำให้จ้าวหยางไม่ชอบใจเท่าไรนัก จนต้องขบกรามและกำมือแน่นเพื่อคลายอารมณ์ และครู่ต่อมานางก็เกือบทำให้เขาแทบหลุดยิ้มขันเมื่อท้องนางส่งเสียงร้องประท้วงน้อย ๆ ส่วนเจ้าตัวนั้นที่ทำท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวก็คงเขินอายกระมังบัดนี้แก้มนางถึงได้ซับสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก‘หิวแล้วเหตุใดไม่พูด’ จ้าวหยางบ่นนางในใจ อันที่จริงเขาเตรียมมาเสียหมดทุกอย่างนั่นแหละ เขาให้หานกงกงเตรียมของที่นางชอบตั้งหลายอย่างแต่เป็นนางที่ทำให้เขาเสียอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 17 ถ้อยแถลงเเจ้งฤทัย

    คราเมื่อร่างใหญ่ผลักนางออกจากอ้อมอกซูเหยาก็ผวาตามแต่ไขว้คว้าไว้ไม่ทัน ดวงตานางพลันสั่นไหวระริกส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าแต่มิอาจเอ่ย ในใจเกิดกระแสเสียใจตีตื้น ท่านอ๋องจะดูมิออกเชียวหรือว่านางบัดนี้ต้องการสิ่งใด สุราที่เขาให้นางดื่มนั่นเกรงว่าจะไม่ใช่เพียงสุราธรรมดาเป็นแน่ ทั้งวันนี้ที่เอาใจนางสารพัดนั่นอีก กะจะกลั่นแกล้งนางจนถึงคราสุดท้ายก่อนจากลาเลยรึไร‘หยางจวิ้นอ๋องท่านเห็นเพียงข้าเป็นตัวตลกรึเช่นไร นึกอยากนำพาก็เข้าหา นึกเบื่อหน่ายก็ผลักไสเช่นนั้นหรือ’ซูหยางกล้ำกลืนในอกจนต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นกลั้นหยดน้ำตา นึกขอบคุณหยาดสายฝนอยู่มิน้อยที่ช่างตกได้ถูกเวลาดีนัก มันช่างช่วยปกปิดความอ่อนแอของนางได้เสียดิบดีซูเหยามิได้ก้าวเข้าหาแต่นางกลับพยายามยกมือขึ้นลูบตามเนื้อตัวของตนเองไปมาอย่างทรมาน นางมองจ้าวหยางอย่างตัดพ้อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างกล้ำกลืนและนั่นเองที่หยดน้ำตาที่กักเก็บไว้ร่วงหล่นลงมาแข่งกับหยาดสายฝน ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนอย่างน่าสงสาร นางกลั้นใจหันหลังให้ หยางจวิ้นอ๋องคิดฝืนพาร่างอันสั่นเทาขึ้นจากน้ำด้วยตนเองจ้าวหยางที่เห็นนางกระทำเช่นนั้นซ้ำแผนที่วางไว้ก็ไม่เป็นไปดั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 18 โชคชะตา

    บัดนี้ตำหนักเทียนจื่อนั้นวุ่นวายแต่เช้าตรู่เมื่อได้รับข่าว หานกงกงวิ่งวุ่นตระเตรียมข้าวของด้วยใจหวาดหวั่น แคว้นเฉิงหยางไร้ศึกมาเนิ่นนานครานี้เกิดศึกนับว่าใหญ่อยู่มากซ้ำผู้เป็นนายต้องออกเดินทางกะทันหันจึงวุ่นวายอยู่มากนักหยางจวิ้นอ๋องเองมิได้ให้ตระเตรียมสิ่งใดมากนักข้าวของไม่จำเป็นล้วนแต่ไม่เอาสิ่งใดไป แต่ที่หานกงกงวิ่งวุ่นอยู่คือกำลังรวบรวมเอาดอกโม่ลี่ที่ทั้งสดและตากแห้งตระเตรียมห่อให้เขาอยู่ต่างหากเล่า ซึ่งนั้นหยางจวิ้นอ๋องนึกชื่นชมเขาอยู่ในใจที่คราบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติเช่นนี้เจ้านี่ยังห่วงหาแต่ดอกไม้อยู่ได้ร่างสูงองอาจระความสนใจเร่งสวมใส่ชุดเกราะดำให้เรียบร้อย ก่อนมิลืมหยิบอาวุธดาบคู่ใจเสร็จเรียบร้อยดีก็เดินออกมาหน้าตำหนักที่มีผู้เป็นมารดายืนร้องไห้รอคอยท่าอยู่เคียงข้างกับเสด็จปู่ที่มีสีหน้าเป็นกังวลฉายชัด“เสด็จแม่ เสด็จปู่” จ้าวหยางคำความเคารพอย่างนอบน้อมก่อนจะเข้าสวมกอดทั้งสองเสียแน่น ทั้งสามใช้เวลาล่ำลามินานก็จำต้องผละห่าง ก่อนจะหันกลับมามองผู้เป็นมารดาที่ยืนน้ำตาซึมมองตนจนลับสายตาบัดนี้วังหลวงบรรยากาศโศกเศร้าลงถนัดตา พระชายาก็ตระเตรียมขบวนเสด็จไปวัดทันทีหลังหยางจวิ้นอ๋องออก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 19 ลาจากอดีต

    วันนี้บรรยากาศเรือนเยว่หลันในจวนหลังใหญ่ดูจะวุ่นวายแต่เช้าตรู่ เหล่าฮูหยินนั้นออกมายืนกำกับคอยดูสาวใช้ขนข้าวของคุณหนูใหญ่ของบ้านขึ้นรถม้าคันใหญ่ด้วยตนเอง และตามติดมาด้วยเสนาบดีเจียงที่เดินควงแขนมากับฮูหยินรอง รั้งท้ายด้วยคุณหนูรองของบ้านที่วันนี้นั้นทั้งสองแม่ลูกแต่งตัวสวยผิดหูผิดตา หนำซ้ำใบหน้ายังแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลาอย่างผิดวิสัย“ท่านพ่อ ท่านย่า เอ่อแม่รอง ข้าลานะเจ้าคะ” ซูเหยาเดินตรงมาทำความเคารพก่อนจะเอ่ยลา ร่างบอบบางตรงเข้าสวมกอดผู้เป็นย่าก่อนจะลังเลที่จะสวมกอดผู้เป็นพ่อดีรึไม่แต่สุดท้ายก็มิได้ทำทั้งสองพ่อลูกทำเพียงมองสบตากันนิ่งก่อนที่หลินเจียงจะเอ่ยออกมาในที่สุดในใจเกิดนึกสงสารบุตรสาวที่ต้องลำบากระเห็จไปอย่างต่างเมือง“หากอยากกลับก็จงรีบให้คนส่งจดหมายมาข้าจะรีบไปรับกลับทันทีรู้รึไม่”“เจ้าค่ะท่านพ่อ” ซูเหยาแย้มยิ้มน้ำตารื้นกับถ้อยคำผู้เป็นพ่อ“ซูเหยาเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีนะรู้รึไม่ หากตระกูลจางไม่ดีกับเจ้าให้รีบส่งข่าวมาบอกแม่เลยนะ” ซูฉีจับมือรวบเข้าจับเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานแย้มยิ้มเสียแนบเนียน ท่าทางรักซูเหยาประหนึ่งลูกในครรภ์นั้นได้ผลดียิ่งนักเพราะนั้นเรียกสายตาชื่นชมจากหลิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 20 ทางเส้นขนาน

    อีกฟาก ณ ชายแดนเหนือหยางจวิ้นอ๋องหลังจากวิ่งม้าทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดพักมีเพียงแวะเปลี่ยนม้าระหว่างทางก็เท่านั้นเช่นนี้ใช้เวลาสามวันก็มาถึง สายตาเหี้ยมเกรียมดุจพยัคฆ์ร้ายแผ่กลิ่นอายสังหารเหี้ยมออกมาโดยมิรู้ตัวควบม้าฝุ่นตลบหยุดลงที่หน้าค่ายนั้น เมื่อเหล่าทหารแลเห็นก็กลายเป็นฮึกเหิมปลุกกำลังเมื่อผู้นำที่แท้จริงนั้นได้หวนกลับคืนมานำทัพดั่งเดิม เมื่อมาถึงก่อนอื่นจ้าวหยางเรียกประชุมเหล่านายกองแม่ทัพที่ประจำที่หน้าด้านเพื่อถามไถ่พร้อมทั้งสอบถามถึงกำลังทหารในมือว่าในเวลานี้มีมากน้อยเพียงใด“รายงานหยางจวิ้นอ๋องขณะนี้ทหารฝั่งเรามีห้าหมื่นนายหากกองกำลังของเหออ๋องจากทางใต้มาสมทบทันในอีกสามวันข้างหน้ากำลังฝั่งเราก็จะมากกว่าพวกเฮ่ยหลงพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพประจำหน้าด่านถวายคำรายงาน“แล้วกำลังฝ่ายเฮ่ยหลงมีมากน้อยเพียงใด” จ้าวหยางมองแผนที่ด้วยใบหน้าเครียดขึง“คาดว่าเจ็ดหมื่นพ่ะย่ะค่ะ”“บัดซบ! อีกสามวันเกรงว่าจะมิทันการ ไม่ได้การล่ะตอนนี้พวกเฮ่ยหลงอยู่ที่ใด” จ้าวหยางสบถเสียงเหี้ยมเป็นเท่าตัว ส่วนใบหน้าเคร่งขรึมจนเหล่าทหารเองนั้นก็ยังหวาดกลัว“ตอนนี้เริ่มเหยียบชายป่าอีกไม่เกินห้าสิบลี้เกรงว่าจะถึงหมู่บ้านเซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 21 ช่วงชีวิต

    ณ ภูเขาเฟิ่งซาน“คุณหนูเหตุใดเราต้องมาเก็บมู่ตานฮวานี่เองละเจ้าคะ ทั้งที่วางขายในตลาดก็ออกมากแถมราคายังถูกกว่าเฉิงหยางกว่าครึ่ง” เยว่ถานเดินเก็บมู่ตานฮวาไปพลางบ่นไปพลาง จนซูเหยาเห็นก็ได้แต่แย้มยิ้มส่ายศีรษะไปมาช้า ๆ ก่อนจะสูดเอาความหอมของมู่ตานฮวาเข้าเสียเต็มปอดป่าซานเฉิงนี่อุดมสมบูรณ์ดีจริง ๆ ซูเหยากวาดตามองไปทั่วป่าที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นแซมสลับกับต้นมู่ตานฮวาที่แข่งกันเบ่งบานสีแดงบ้าง ขาวบ้าง ชมพูบ้าง ช่างเป็นภาพที่งดงามราวอยู่ท่ามกลางสวรรค์ ดวงหน้างดงามแย้มยิ้มอย่างนึกชอบใจ‘อันที่จริงข้าตัดสินใจเช่นนี้ก็นับว่าดีมาก ไม่ต้องทนเห็นหน้าสองแม่ลูกจอมเลียนแบบนั่นแถมยังได้ทำในสิ่งที่ข้าชอบ หึ! ก็นับว่าต้องขอบคุณคนผู้นั้นที่ทำให้ข้าแจ่มแจ้ง ที่ผ่านมาช่างเสียเวลาและโง่เง่าสิ้นดี หึ!’ ซูเหยาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่าตนเองนึกชมดอกไม้งามอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ใยถึงเชื่อมโยงถึงบุรุษไร้ใจผู้นั้นได้ ก่อนจะได้เสียงของเยว่ถานร้องเรียกให้ตื่นจากภวังค์“คุณหนู! ท่านว่าแต่ข้าท่านดูท่านเถอะ มู่ตานฮวาในมือท่านกำมันช้ำหมดแล้วเจ้าค่ะ”“ห๊ะ เอ่อคือข้าใจลอยไป เอาเถอะ ๆ เจ้ารีบเก็บให้พอเสร็จแล้วจะได้ไปฝั่งโน่นต่อเมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18
  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 22 เมื่อคราหวนคืน

    เป็นอีกคราในรอบปีที่จวนเสนาบดีหลินกลับมามีชีวิตชีวาคึกครื้นอีกคราเมื่อคุณหนูใหญ่หลินซูเหยาหวนคืนกลับเฉิงหยางครานี้นั้นสร้างความปิติความยินดีให้กับเหล่าฮูหยินและเสนาบดีเจียงผู้พ่อเป็นอย่างมากเสนาบดีหลินเจียงนั้นถึงขนาดจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้แก่นางเลยทีเดียว ซึ่งการที่ผู้เป็นพ่อของนางแสดงการใส่ใจถึงเพียงนี้แน่นอนว่ามันสร้างความริษยาให้เกิดในใจสองแม่ลูกซูฉีและคุณหนูรองของบ้านอยู่มิน้อย“ท่านแม่มันกลับมาแล้ว ดูสิเจ้าคะ ซ้ำท่านพ่อยังจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียด้วย ท่านแม่” ชิงเยว่เขย่าแขนผู้เป็นมารดาไปมาอย่างเอาแต่ใจ ใบหน้างอง้ำไม่สบอารมณ์ และช่างน่าชังนักไหนท่านแม่บอกนางว่าส่งนางไปอยู่ชนบท ชนบทเช่นไรนางถึงได้งดงามเสียขนาดนี้ เหตุใดนางถึงชอบทำตัวโดดเด่นกว่านางเสียร่ำไป“เจ้าอย่าห่วงไปเลย งานเลี้ยงคืนนี้แม่จะกำจัดนางออกจากจวนอย่างถาวรเอง หึ ๆ” ซูฉีคลี่ยิ้มให้กับแผนการล่วงหน้าที่กำลังจะมาถึงและดูเหมือนว่าผู้เป็นสามีนั้นก็เห็นดีเห็นงามกับนางไปด้วย ก่อนจะมีสีหน้าไม่พอใจที่เห็นผู้เป็นสามีและแม่สามัญนั้นออกไปยืนรอต้อนรับลูกสาวนอกไส้นางถึงหน้าประตูใหญ่“ซูเหยา ซูเหยาของย่าเจ้ามาแล้ว ๆ” ทันทีที่รถม้าห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-18

บทล่าสุด

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 44 ครรลอง ของสองเรา

    หลังจากดูถูกหยางจวิ้นอ๋องครานั้นซูเหยาก็ไม่คิดจะทำอีกเลย เขาพละกำลังล้นเหลือราวม้าศึกมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยจนซูเหยาประจักษ์แจ้งแก่ใจนัก หลังจากวันนั้นนางก็ร่างกายอ่อนแรงนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่นางมักเวียนศีรษะอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังต้องเทียวไปมาระหว่างจวนตระกูลหลินกับตำหนักป่าไผ่ทำให้หลายวันมานี้นางถึงกับทนไม่ไหวเวียนศีรษะจนสำรอกออกมาเสียกลางทาง ทั้งร่างกายมิมีแรงไหนจะทั้งรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีกเล่าแต่อาการเหล่านี้นั้นช่างน่าประหลาดยิ่งซูเหยาค้นพบว่าอาการนางจะทุเลาลงถึงขั้นหายไปเมื่อได้สูดดมกลิ่นกายของหยางจวิ้นอ๋อง ซึ่งน่าประหลาดนักทำให้หลัง ๆ มานี้จากที่เขาติดนางกลายเป็นนางที่ติดเขาแทนไปเสียแล้ว“ท่านอ๋อง”“ซูเหยาลุกขึ้นก่อนเถิดท่านหมอมาแล้ว” ซูเหยาฝืนอาการเวียนศีรษะหน้ามืดนางพยายามมองดูจ้าวหยางแต่กลับพบว่าบัดนี้มิได้มีเพียงหมอหลวง กลับมีญาติฝั่งนางมาครบอีกแม้กระทั่งพระชายาและท่านปู่ของเขาก็ยังมาด้วย นางเห็นเช่นนั้นก็พยายามลุกขึ้นเพื่อถวายความเคารพ แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ทัดทานเอาไว้เสียก่อนเมื่อเห็นใบหน้านางซีดเผือดมิสู้ดีนัก“ซูเหยาเจ้าไม่ต้องลุก ๆ นอนลง ๆ เดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจให

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 43 คลี่คลาย

    [จวนตระกูลหลิน]ซูเหยาบัดนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเมื่อบิดาเอาแต่จ้องตนแต่มิยอมพูดจา นางจึงได้แต่ก้มหน้าแล้วจับชายอาภรณ์พลิกไปพลิกมาแทนเมื่อเริ่มรู้ถึงสถานการณ์กดดัน และเป็นนางที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาก่อน ส่วนท่านย่านั้นมิได้ถูกเชิญออกมากลัวว่าได้ยินเรื่องราวของนางแล้วเดี๋ยวเป็นการซ้ำเติมอาการเข้าไปใหญ่“ท่านพ่อ...”“เจ้ารู้ความผิดตัวเองรึไม่!” หลินเจียงเอ่ยด้วยใบหน้าเข้มน้ำเสียงราบเรียบจนซูเหยานึกขยาดเสียวสันหลังวาบดวงตาเริ่มแดงก่ำเจือด้วยหยาดน้ำวาววับ“ทะท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขะข้าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย ละลูก”“นางมิผิด หากจะผิดล้วนเป็นข้าที่ผิด” จ้าวหยางที่นึกเป็นห่วงนางหลังพูดคุยกับมารดาเสร็จก็รีบควบม้าวิ่งทะยานตรงมาหานางที่จวนในทันที“ทะท่านอ๋อง” เสนาบดีเจียงลุกขึ้นทำความเคารพตามปกติแต่บรรยากาศโดยรอบนั้นกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกอึมครึม“ท่านหลินเป็นข้าทั้งนั้นที่ผิดเจ้าอย่าได้โทษนาง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนถูกล่อลวงจากข้าทั้งนั้น”“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นเป็นข้าเองที่ชอบท่านอ๋องมาก” ซูเหยาที่นึกกลัวผู้เป็นพ่อที่มีท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 42 โฉมหน้าที่แท้จริิง

    การที่องค์ชายรองประคองมารดาเดินมาชมบุปผาในอีกด้านนั้นก็พอดีกับเหล่าขุนนางที่ว่าราชการจบ ไท่จื่อเฟยจึงได้ถือโอกาสเชิญพวกเขามาดื่มชา ชมบุปผางามเพื่อผ่อนคลายจากงานราชกิจ โดยทุกอย่างนั้นล้วนถูกจ้าวหยางและมารดาจัดแจงความเป็นไปไว้เสียหมดสิ้น“ท่านแม่ ๆ ท่านแม่ว่าป่านนี้พี่สาวของข้านางจะเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ หึ!”.”ก็คงนอนตายอยู่ใต้หน้าผาลึกแล้วกระมัง ฮ่า ๆ ช่างเถอะคนมันไม่มีวาสนาก็เหมือนแม่นางนั้นแหละ ชะตาอาภัพผู้ใดจะคิดกันเล่านังเด็กซูเหยานั้นออกจะเก่งกาจจะมาตายง่ายดายถึงเพียงนี้ หึ ๆ”“แต่ท่านแม่หากท่านพ่อรู้เล่าเจ้าคะ ท่านพ่อต้องถามหานางแน่ ๆ” ชิงเยว่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาก็กลับเกิดหวาดกลัวขึ้นในใจ“พ่อเจ้าหนะรึโง่สิ้นดีหนะสิ ขนาดฮูหยินใหญ่นางตายเพียงข้าโกหกเพียงนิด บีบน้ำตาเสียหน่อยเขาก็คิดเสียแล้วว่าการตายของนางเป็นอุบัติเหตุ” ซูฉีที่นางมั่นใจเพียงนี้นั้นก็เพราะตระกูลนางกว้างขวางซ้ำร่ำรวยทำสิ่งใดจึงมิต้องได้เปลืองแรงมากนัก สองแม่ลูกพูดคุยกันเพลิดเพลินโดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้คนที่อยู่นอกห้องนั้นได้ยินถ้อยคำพวกนางเสียหมดสิ้น“ซูฉี! หลินชิงเยว่! ” เสนาบดีหลินเดินออกมาอย่างเลื่อนลอยแต่ใ

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 41 กระชากหน้ากาก

    “ท่านแม่ ๆ มีเทียบเชิญเข้าเฝ้าพระชายาเช่นนั้นรึเจ้าคะ” ชิงเยว่รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาผู้เป็นมารดาที่เรือน หลายวันมานี้นางมิต้องสำรวมสิ่งใด ท่านย่าป่วย ท่านพ่ออยู่ว่าช่วยราชกิจฝ่าบาทในวัง อีกทั้งนังพี่สาวตัวดีหายสาบสูญ ดูเถิดคนในเรือนนางยังคิดว่านายหญิงพวกมันอยู่ที่ตำหนักป่าไผ่ หึ! เป็นซากศพเฝ้าหน้าผาลึกต่างหากเล่า ช่วยมิได้ใครใช้ให้เจ้ากล้ามาแย่งชิงความชอบขององค์ชายรองกับข้า“ใช่ ๆ เจ้าหนะหัดสำรวมเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นเกิดผู้ใดทะเล่อทะล่าเข้ามาเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อละก็ไม่ดีแน่” ซูฉียิ้มปริ่มนึกปลาบปลื้มในใจที่เทียบเชิญเขียนชื่อชิงเยว่กับนางเพียงสองคน ไม่มีชื่อนังเด็กซูเหยา ใช่สิ! จะมีได้เช่นไรในเมื่อนางส่งมันไปหาแม่มันด้วยมือตนเอง หึ!“แม่นมอวิ๋นเร็วเข้าไปเตรียมรถม้าให้เร็ว ข้าจะพาลูกข้าไปซื้อหาอาภรณ์ใหม่เสียหน่อยเข้าวังครานี้จะน้อยหน้าสตรีอื่นได้เช่นไร”“เจ้าค่ะฮูหยิน”“ท่านแม่ดีที่สุด วันพรุ่งลูกต้องโดดเด่นกว่าใครในงานชมบุปผาให้ได้” ชิงเยว่ยิ้มอีกทั้งกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน[ตำหนักเทียนจื่อ]“ท่านอ๋องพระองค์อยู่นิ่ง ๆ เถิดเลิกกลั่นแกล้งข้าเพียงครู่ ข้าขอดูเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนั้น

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 40 พยานรัก

    “แค่ก ๆ” เสียงไอแห้ง ๆ ติดกันเรียกความสนใจให้จ้าวหยางที่อ่านฎีกาต้องรีบวางมือและเข้ามาโอบประชิดร่างบางเข้าแนบอก พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ลูบตามตัวนางไปมาอย่างต้องการปลอบประโลม“ซูเหยาเป็นเช่นไร ยังเจ็บส่วนใดอยู่รึไม่ ข้าขอโทษ ๆ ข้าไม่น่าเอาแต่ใจนัดเจ้าออกมาวันนี้เลยจริง ๆ ข้าขอโทษ หากว่าข้าไปช่วยไว้ไม่ทันป่านนี้ ๆ เกรงว่าข้าคงจะเสียเจ้าไปแล้ว” จ้าวหยางพูดทั้งหมดความที่มีอยู่ในใจเสียหมดสิ้นจนทำให้ซูเหยาที่ถูกกดศีรษะให้แนบชิดฝังแน่นกับอกแกร่งต้องลอบยิ้มกับแผ่นอกกว้างทั้งน้ำตา พร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ยกขึ้นทำทีคล้ายจะกอดตอบ นางชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจโอบกอดร่างหนาไว้เฉกเช่นกัน“ซูเหยา” จ้าวหยางที่รับรู้ว่านางกอดตอบตนมาเช่นนั้นก็เผยยิ้มดีใจ ทั้งสองตกอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกันมีเพียงเสียงลมหายใจระหว่างกันให้ได้ยิน ซ้ำไร้การเอื้อยเอ่ยบทสนทนาใด ๆ ออกมาใช้เพียงใจและกายสื่อความรู้สึกถึงกันและกัน“องค์ชาย...อะเอ่อคือกระหม่อม คือกระหม่อมว่าควรออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเฟิงที่บังเอิญเข้ามาถูกจังหวะก็รีบหันตัวกลับแทบจะในทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักจนจ้าวหยางเอ่ยออกคำสั่งให้รายงานได้จึงได้

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 39 ลอบทำร้าย

    หลังจากวันนั้นซูเหยาก็รู้สึกหายใจโล่งนักที่หยางจวิ้นอ๋องมิได้มาตามตื้อก่อกวนนาง แต่นั้นเพียงกลางวันกลางคืนเล่าท่านอ๋องกลับทำตัวเป็นโจร บุปผาลอบเข้าออกเรือนนางราวเรือนตน ทั้งที่นางจ้างคนมาเฝ้าเรือนนางมากขึ้นแต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรค ทั้งนางข่มขู่ก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว นางใช้สารพัดวิธีแต่ก็มิอาจขัดขวางเขาได้ และเหตุผลที่ให้แก่นางคือ ทำลูกและวันนี้เป็นอีกวันที่นางถูกเขาเชิญให้ไปตำหนักป่าไผ่เหตุผลแกมข่มขู่คือให้หมอหลวงตรวจชีพจรว่านางนั้นท้องแล้วรึไม่ และเป็นนางเองที่เริ่มคิดแล้วว่าสรุปเป็นผู้ใดกันแน่ที่อยากมีลูกเขานั้นดูจริงจังกว่านางมากนัก ซ้ำยังน่าไม่อายกลับกางตำรากามสูตรบ้าบอนั่นให้นางดูถึงท่วงท่าทำรักที่ว่าท่าใดได้บุตรชายท่าใดได้บุตรสาวอีกทั้งให้นางเลือก องค์ชายรองผู้นี้เดิมทีสุขุมเยือกเย็นมาบัดนี้นางกลับค้นพบอีกตัวตนหนึ่งของเขาเข้าเสียอย่างนั้น“คนหน้าไม่อายชิ!” ซูเหยาที่เดินทางมาเพียงลำพังโดยเข้าใจว่าขึ้นรถม้าที่นางขึ้นนั่งนั้นเป็นของตำหนักป่าไผ่ส่งมารับ จึงได้แต่บ่นต่อว่าหยางจวิ้นอ๋องกับลมกับฟ้าโดยหารู้ไม่ว่ารถม้าที่ตนนั่งมานั้นหาใช่ของตำหนักป่าไผ่ไม่“ท่านแม่จะได้ผลแน

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 38 เจ้าแผนการ

    ซูเหยาหลับไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ แต่เวลานี้เหตุใดถึงได้เมื่อยขบเช่นนี้“โอ๊ย ซี้ด” ซูเหยานิ่วหน้าน้อย ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้น เมื่อสายตาเริ่มคุ้นชินกับความสว่างบรรยากาศที่แปลกไป ทำให้นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นไม่นานก็ต้องตกใจตาเบิกกว้างว่าที่นี่คือที่ใด“นี่ข้า! มาอยู่ที่นี่ได้เช่นไรกัน”“ก็ข้าพามาหนะสิ ตื่นแล้วรึ” จ้าวหยางที่บัดนี้ได้ย้ายห้องทรงงานมาไว้ในห้องนอนเพื่อเฝ้ามองซูเหยาเป็นที่เรียบร้อย แต่แทนที่เขาจะสะสางราชกิจเขากลับนึกมีอารมณ์สุนทรีนั่งจับพู่กันนั่งวาดรูปนางซะอย่างนั้น‘ให้ตายเถอะ ข้าไม่สามารถละความสนใจจากเจ้าได้เลยจริง ๆ’“ท่ะ เอ่อพระองค์บอกว่าพาข้ามา เช่นนั้น...” ซูเหยาบัดนี้หน้าซีดเผือด ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงมองอาภรณ์บนตัวที่ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นชุดสีขาวตัวบางเบาปักลวดลายวิจิตร แต่กะนั้นเพียงครู่ดวงตากลมโตก็วาววับกรุ่นโกรธซูเหยาบัดนี้ได้แต่เกิดคำถามขึ้นในใจ นางประคองตัวเองลุกขึ้น ช้า ๆ ก่อนจะมิลืมย่อตัวทำความเคารพด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะทำทีก้าวจากไปจ้าวหยางเองเห็นเช่นนั้นก็นึกแปลกใจ เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของนางจึงรีบทิ้งพู่กันกระโจนเข้าไปขวางน

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 37 เงาใจ

    ยามไฮ่ (22.00 น.)ร่างของสตรีเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำคลุมผ้าปิดบังใบหน้าควบม้าวิ่งพุ่งทะยานตรงไปยังด้านตะวันตกของเมืองโดยอาศัยแสงจากเงาต้นไม้ช่วยอำพรางเพื่อมิให้ตนนั้นเป็นที่โดดเด่นรึโจ่งแจ้งนัก และเหตุที่ซูเหยามินึกหวั่นเกรงและออกมาเพียงคนเดียวนั้นก็เพราะว่าเมืองเฉิงหยางมิเคยหลับใหลผู้คนพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลาเพราะร้านรวงและภัตตาคาร หอสังคีต ทั้งหอนางโลมมีมากมายคึกคัก แต่ครั้นพอเข้าเขตฝั่งตะวันตกของเมืองกลับเริ่มสงบเงียบและผู้คนบางตาซูเหยาจูงม้าเข้าคอกที่ตรียมไว้ลูบคอเจ้าม้าสีขาวสองถึงสามคราก็ปลดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกเปลี่ยนเป็นถือแล้วเดินตรงเข้าเรือนที่มีแสงสว่างน้อย ๆ พอส่องทาง นางยืนถอนหายใจมองเข้าในในเรือนเพียงครู่ในใจรู้สึกตื่นเต้นอีกทั้งหนักอึ้งอยู่มิน้อย ‘เอาเถอะข้าเองก็รักเด็กมากและหวังจะเลี้ยงเขาให้ดี ๆ หวังว่าคงมิได้เลวร้ายอะไร’ ซูเหยาก้าวเดินช้า ๆ จนแทบเป็นเอื่อยและมิได้เร่งรีบนักก่อนจะแลเห็นแสงสว่างจากโคมไฟที่จุดสว่างแต่พอมองให้เห็นเพียงทางเดิน‘คงมาแล้วสินะ’“นายท่าน” เสียงเข้มทุ่มนุ่มลึกเอ่ยทักทาย ร่างสูงใหญ่นั่งดื่มสุรารอผู้เป็นนายอย่างใจเย็น กลิ่นดอกโม่ลี่ผสมกับมู่ตานอบอวลไปท

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 36 บัณฑิตตกยาก

    “คุณหนู ทะทั้งหมดนี่ของคุณหนูรึเจ้าคะ” เยว่ถานตาเบิกกว้างเมื่อเข้ามาหาคุณหนูของตนที่ด้านในห้องกลับเจอคุณหนูตนกำลังนั่งนับสมบัติที่มีด้วยใบหน้าจริงจัง“อืม” ซูเหยาที่กำลังนั่งคำนวณเงินและสมบัติที่ตนมีครบถ้วนแล้วก็แย้มยิ้มกว้าง ไม่น่าเชื่อว่าที่จริงแล้วข้าก็ร่ำรวยเช่นกันนะเนี่ย ร่างบอบบางลุกจากเตียงมายืนมองสมบัติของตนด้วยแววตาเปล่งประกายวาววับ“ทองคำ ไข่มุก เครื่องประดับ ตั๋วเงิน หยกเนื้อดี ล้วนเป็นของข้าทั้งหมด ฮ่า ๆ เจ้าดูสิเยว่ถานแต่ก่อนข้าไม่คิดสนใจ วันนี้นำออกมานับดูแล้วข้าก็คือเศรษฐีและคงร่ำรวยไม่ต่างจากท่านพ่อ ฮ่า ๆ”“ใช่ ๆ คุณหนูของบ่าวทั้งงามทั้งร่ำรวย ในเฉิงหยางท่านไม่เป็นรองผู้ใดแน่นอน” เยว่ถานเอ่ยชมไม่เกินจริง ถึงแม้ความร่ำรวยนี้จะเป็นของคุณหนูแต่ว่านางเองที่เป็นสาวใช้ก็พลอยรู้สึกร่ำรวยไปด้วย“เช่นนั้น...วันนี้ข้าจะไปซื้อเรือนเอาไว้ทำเรือนสตรี และเงินส่วนนี้ซื้อตัวบุรุษ!”“ห๊า!”“ชู่วว เจ้าเงียบ ๆ หน่อยสิ” ซูเหยารีบกระโจนมาปิดปากเยว่ถานแทบไม่ทัน นางเองไม่อยากปวดหัวหากสองแม่ลูกนั่นรู้เข้าต้องมาหาเรื่องนางเป็นแน่“คุณหนูท่านเลอะเลือนไปรึเจ้าคะ จะซื้อบุรุษไปใย” เยว่ถานรีบกร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status