“แม่คะบ้านที่เมืองไทยของเรารีโนเวทเสร็จแล้วนะคะ” อรณิชาเดินมาบอกกับมากคุณอลิษาผู้เป็นมารดาที่เคาน์เตอร์คิดเงินในร้านอาหารไทยซึ่งเธอเป็นเจ้าของ
“ไหนขอแม่ดูรูปหน่อยสิว่าสวยไหม”
“นี่ค่ะแม่” อรณิชาส่งโทรศัพท์ของตนเองที่บริษัทรับรีโนเวทบ้านส่งมาให้เธอเมื่อตอนเย็นให้กับมารดาดู
“สวยมากเลยนะอีฟ”
“ใช่ค่ะแม่หนูก็ว่ามันสวยมาก บริษัทนี้ทำงานได้ถูกใจหนูจริงๆ ตอนเขาส่งแบบมาให้ดูลูกหนูก็ยังดูไม่ออกหรอกแต่พอเสร็จแล้วทุกอย่างมันสวยและเพอร์เฟคมากๆ กลับไปเมืองไทยครั้งนี้เห็นทีหนูจะต้องไปขอบคุณเขาด้วยตัวเองแล้วล่ะคะ”
“หนูจะไปเมืองไทยเมื่อไหร่ล่ะลูก”
“อีกสามวันค่ะแม่”
“หนูคุยกับอเล็กซ์แล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะหนูคุยกับเขาแล้ว”
“เขาว่าอะไรบ้างล่ะ”
“เขาไม่ว่าอะไรหรอกค่ะเขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำนะคะแม่ที่หนูไม่อยู่”
“ทำไมหนูพูดแบบนั้นล่ะอีฟทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เขาเอาแต่ทำงานไม่มีเวลาให้หนูเลย”
“แล้วอีฟล่ะลูกมีเวลาให้เขาหรือเปล่า”
“มีสิคะอีฟทำงานเลิกงานแค่ 5 โมงเย็นเองแต่เขาน่ะ ขลุกอยู่แต่ที่ทำงานกว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่น เราแทบไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“แต่ก็มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ลูกหาเวลาอยู่ด้วยกันใช้ชีวิตด้วยกันบ้างไม่ใช่เอาแต่ทำงานด้วยกันทั้งคู่”
“เสาร์อาทิตย์บางครั้งเขาก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน”
“แล้วทำไมหนูไม่ไปกับเขาล่ะ”
“อีฟเบื่อค่ะแม่ ไปกับพวกเขาก็คุยกันแต่เรื่องการเงินเรื่องหุ้นเรื่องธุรกิจอีฟไม่ชอบแบบนั้นเลย ก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานเขาเปลี่ยนไปมากเลยนะคะแม่ แต่ก่อนวันหยุดเขาจะพาหนูออกไปเที่ยวนอกเมืองพาไปดูหนังพาไปช้อปปิ้งแต่หลังแต่งงานมาเขาเอาแต่ทำงาน หนูคิดว่าไม่มีเขาหนูก็อยู่ได้ค่ะแม่”
“พูดอะไรยังงั้นละอีฟไม่ว่าลูกกับอเล็กซ์ต้องจับเขาคุยกันมีปัญหาอะไรก็คุยกันดี ที่เขาทำงานหนักก็เพราะครอบครัวนะ”
“แต่หนูว่าเขาบางอย่างมันก็ยากที่จะเข้าใจ บางทีหนูก็อยากจะออกมาอยู่คนเดียว”
“อย่าให้ถึงขั้นต้องออกมาอยู่คนเดียวเลยนะลูกลองปรับตัวเข้าหากันก่อนดีไหม ลูกกับเขาแต่งงานมายังไม่ทันถึงสองปีด้วยอาจมีอีกหลายหอย่างที่ต้องปรับเข้าหากันนะ” คุณอลิษาเริ่มเป็นกังวลเพราะกลัวว่าลูกสาวจะเลิกกับสามี
“เพราะแต่งมายังไม่ถึงสองปีไงคะแม่ หนูถึงคิดว่าอยากจะออกมาอยู่คนเดียว”
“แม่ไม่อยากให้หนูเลิกกับเขาเลยนะลูก ลองหาโอกาสคุยกันก่อน”
“หนูกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูจะลองคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองดูค่ะแม่ว่ายังรักเขาอยู่ไหม”
“แต่แม่ไม่อยากให้หนูทะเลาะกันก่อนไปเลย”
“เราไม่ได้ทะเลาะกันหรอกค่ะแม่ เพียงแต่เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่านั้นเอง”
“หนูคงไม่คิดจะไปอยู่ที่เมืองไทยถาวรหรอกใช่ไหมลูก”
“ไม่หรอกค่ะ หนูลาพักร้อนได้แค่เดือนเดียว ระหว่างนี้อเล็กซ์เขาก็จะได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองด้วยค่ะว่ายังต้องการหนูอยู่หรือเปล่า ครบหนึ่งเดือนแล้วหนูจะกลับมาหาเขาค่ะ ถึงตอนนั้นเราสองคนคงมีคำตอบให้กับตัวเอง”
“แม่อยากให้หนูใจเย็นๆ นะลูก คิดถึงอดีตที่ผ่านมาว่าลูกกับเขารักกันมากแค่ไหนก่อนที่จะตกลงแต่งงานกัน บางทีเขาก็อาจจะทำงานมาเหนื่อยก็เลยไม่เอาใจใส่เหมือนเดิม”
“เขาเหนื่อยคนเดียวที่ไหนคะแม่ หนูก็ทำงานเหนื่อยเหมือนกัน ถึงแม้ว่างานของหนูจะทำเงินได้น้อยกว่าบริษัทของเขามาก แต่หนูก็ภูมิใจที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ หนูไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปหลงเสน่ห์และตกลงแต่งงานกับเขาได้ยังไง อเล็กซ์ในอดีตกับปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะแม่”
“แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะ เรื่องของความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนถ้าหนูกับเขาจะเลิกกันจริงๆ แม่เขาคงไม่ห้ามเพราะเป็นคนที่เป็นทุกข์ไม่ใช่แม่ แม่แค่อยากให้หนูทบทวนความรู้สึกของตัวเองให้ดี เวลาหนึ่งเดือนที่เมืองไทยมันอาจจะทำให้หนูคิดอะไรได้มากขึ้นและกลับมาคุยกันอีกครั้งแม่หวังให้หนูกับเขาจะหาคำตอบให้ตัวเองเอง”
“ค่ะแม่ หนูคิดว่าถ้าได้ห่างกันสักพักความรู้สึกระหว่างเราสองคนคงจะชัดเจนขึ้นค่ะ”
“แล้วกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูจะเข้าไปอยู่ที่บ้านเลยหรือเปล่า”
“เข้าไปอยู่เลยค่ะแม่ ตอนนี้บ้านเสร็จแล้วและหนูก็ให้คนมาทำความสะอาดแล้วพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีเลยค่ะ”
“ไม่ได้กลับไปเมืองไทยตั้งหลายปีคงมีอะไรเปลี่ยนไปเยอะมากหนูคิดว่าจะอยู่คนเดียวได้ไหมลูก”
“สบายมากค่ะแม่”
“แล้วเพื่อนที่เมืองไทยล่ะได้ติดต่อใครไปหรือเปล่า”
“หนูติดต่อกับเพื่อนคนหนึ่งค่ะ เรากันอยู่บ่อยๆ บ้านเขาก็อยู่ละแวกเดียวกับบ้านเรา และเขาก็เป็นคนประสานงานกับบริษัทรีโนเวทบ้างให้ค่ะแม่”
“ไปอยู่ที่นั่นจะสะดวกไหมล่ะ แม่ว่าเช่าโรงแรมหรือคอนโดที่ใกล้รถไฟฟ้าดีไหม เวลาไปไหนจะได้เดินทางสะดวก”
“หนูว่าอยู่บ้านเราดีกว่าหนูเช่ารถไว้แล้วคงเดินทางสะดวก”
“ขับรถที่เมืองไทยก็ระวังด้วยนะ พวงมาลัยอยู่คนละฝั่งกับที่นี่ หนูอย่าขับเร็วนะ”
“ไม่เร็วหรอกค่ะแม่ อีกอย่างหนูก็ได้ยินว่าเมืองไทยรถติดมากคงขับเร็วไม่ได้หรอก”
“แม่รู้ แต่ถ้าจะออกไปเที่ยวทะเลก็ขับช้าๆ”
“ถ้าเดินทางไปกลแบบนั้นหนูคงให้เพื่อนคนไทยเป็นคนขับค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะแล้วหนูจะเที่ยวเผื่อค่ะ”
“จ้ะลูก ก่อนไปหนูจะมาหาแม่ที่นี่อีกไหม”
“คงไม่แล้วล่ะค่ะ แม่วันนี้ก็เลยคิดว่าจะมาลาแม่ไว้ล่วงหน้า”
“แม่ขออวยพรให้หนูเดินทางปลอดภัยนะลูก ใช้เวลากับตัวเองให้เต็มที่แล้วกลับมาเผชิญกับปัญหาและแก้ปัญหา”
“ค่ะแม่หนูไปก่อนนะคะฝากพ่อด้วยว่าตอนกลับหนูซื้อยาหม่องไทยมาฝากค่ะ”
อรณิชาเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิจากนั้นก็ไปติดต่อกับบริษัทเช่ารถที่ตนเองจองไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง หญิงสาวขับรถญี่ปุ่นคันเล็กไปยังบ้านที่ตนเองเคยอาศัยอยู่เมื่อแปดปีก่อน ถนนหนทางในกรุงเทพเปลี่ยนไปมาก กว่าอรณิชาจะขับรถมาถึงบ้านได้ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่เมื่อมาถึงบ้านหลังเล็กก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะตอนนี้บ้านนั้นสวยเหมือนกับบ้านในฝันที่เธออยากได้หญิงสาวยอมรับเลยว่าคนออกแบบทำได้ออกมาถูกใจเธอมากที่สุด แม้จะใช้โครงสร้างของบ้านเดิมแต่เธอก็แทบจะจำไม่ได้เลยเพราะมันเปลี่ยนไปทั้งด้านนอกและด้านในอรณิชาส่งข้อความไปบอกบิดามารดาว่าตนเองมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย พร้อมกับส่งรูปเซลฟี่ตัวเองกับบ้านหลังใหม่ซึ่งรีโนเวทจนแทบจะไม่รู้เหลือเค้าโครงเดิม ก่อนจะจะเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาเก็บในห้องที่เคยนอนมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กทั่วบริเวณบ้านสะอาดสะอ้านเพราะก่อนหน้านี้เธอได้ติดต่อบริษัททำความสะอาดให้เข้ามาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนที่ตนเองจะเดินทางมาถึงเมื่อจัดการกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เสร็จแล้วอรณิชาก็ล้มตัวลงนอนเพราะความเหนื่อยกับการเดินทางหลายสิบชั่วโมงหญิงสาวหลับไปนานจนกระทั่งรู้สึกตัวตื่
“น่านเย็นนี้มึงอย่าลืมไปตามนัดนะ”“นัดอะไรวะ” น่านนทีหันมาถามเพื่อนเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเย็นนี้มีนัดอะไรเพราะถ้าหากเป็นการนัดไปกินเหล้ามันก็เป็นเรื่องปกติซึ่งไม่ต้องมีใครบอกเขาก็จะไปนั่งกินเหล้าที่ผับของรุ่นพี่ในคืนวันศุกร์อยู่แล้ว“เดี๋ยวนะมึงลืมจริงหรือแกล้งลืมวะน่าน ปกติมึงไม่ใช่คนขี้ลืมนี่หว่า บางเรื่องกูบอกมึงไปแค่ครั้งเดียวอีกสามเดือนมึงยังจำได้เลยนะ”“ก็ช่วงนี้กูทำงานหนักไงก็เลยลืม ว่าแต่นัดอะไรวะ”“ก็เย็นนี้คุณอีฟเขานัดให้เราไปทานข้าวไง”“กูไม่ไปได้ไหม”“แต่กูรับปากเขาไว้แล้ว”“แต่กูไม่ได้รับปาก”“มึงอย่ามาทำเป็นเด็กหน่อยเลยว่ะน่านไปเจอกัน ไปคุยกันให้รู้เรื่องเวลามันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะเรื่องบางเรื่องลืมได้มึงก็น่าจะลืมแต่ถ้าไม่ลืมมึงก็ถามเหตุผลเขาให้รู้เรื่อง”“ถามแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาวะ เขาก็แต่งงานไปแล้ว”“ก็นั่นไงถามเพื่อมึงจะได้ตัดใจไง อย่าให้กูต้องพูดเรื่องนี้บ่อยๆ เลยว่าน่านบอกตรงๆ กูอยากเห็นมึงมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างและอีกอย่างกูก็สงสารผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิตมึงด้วยพวกเธอไม่ได้ผิดอะไรเลย บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงเลิกกับเขาทำไม” กษิดิศบ่นยาวเพราะอยากให้เพื
เมื่อเคลียร์เฟอร์นิเจอร์เก่าที่ไม่จำเป็นออกจากบ้านไปแล้วช่วงบ่ายน่านนทีก็พาอรณิชามายังร้านเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้านขนาดใหญ่“คุณน่านคะอีฟอยากได้เตียงนอนหลังนี้มันจะเข้าประตูบ้านของอีฟได้มั๊ย”“เข้าได้ไม่มีปัญหาแต่ผมว่ามันหลังเล็กไปหน่อยหรือเปล่า คุณน่าจะเลือกใช้ที่นอนหกฟุตดีกว่านะห้าฟุตถ้านอนสองคนมันจะอึดอัด”“ก็อีฟจะนอนคนเดียวนี่คะ ใจจริงอยากจะได้สามฟุตเลยด้วยซ้ำไปคะ”“แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากจะเปลี่ยนเป็นหกฟุตจะไม่เสียดายเงินแย่เหรอราคามันต่างกันไม่มาก”“มันก็จริงค่ะ แต่อีฟก็ยังลังเลอยู่ดี”“คุณลองคิดดูนะถ้าวันนี้คุณซื้อห้าฟุตไปแล้วเกิดเปลี่ยนใจอย่างได้หกฟุตขึ้นมาก็เท่ากับต้องทิ้งเตียงอีกหลังหนึ่งไปเลยนะ”น่านนทีรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอรณิชาถึงอยากจะเลือกเตียงนอนขนาดเล็กทั้งที่เธอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว สามีของเธอก็น่าจะมีโอกาสกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้บ้างชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอเขายังไม่มีโอกาสถามอรณิชาว่ามีเหตุผลอะไรที่เธอทิ้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อนชายหนุ่มคิดว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ คุยกับเธอเรื่องนี้เพราะเขาไม่อยากให้มันค้างคาใจอีกแล้ว
น่านนทีเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามานั่งในห้องรับแขกขณะที่หญิงสาวเดินไปหยิบเครื่องดื่มและผลไม้ในตู้เย็นมาวางให้กับเขาตรงหน้าก่อนจะนั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง“อีฟคงไม่รบกวนเวลาคุณใช่ไหมคะ”“ไม่หรอกครับ ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกันค่ะ”“คุณน่านจะคุยอะไรกับอีฟเหรอคะ” อรณิชาถามพลางมองหน้าชายหนุ่ม เธอกำลังกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องในอดีตเพราะเธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้จะมาเจอกับเขา“เราจะคุยกันแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมอีฟ”“คุณหมายถึงอะไรคะ”“ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร ทำไมต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับผมก่อนทั้งที่แต่ก่อนก็เคยสนิทกันมาก”“ก็นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตค่ะ คุณน่านอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะคะ”“ถ้าไม่อยากให้ผมพูดถึงมันคุณก็บอกเหตุผลมาก่อนสิว่าทำไมถึงทิ้งผมไปมันคาใจผมมากที่จู่ๆ คุณก็หายไปจากชีวิตผมโดยไม่บอกอะไรเลย”“เรื่องมันผ่านมาแล้วคุณจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาเหรอคะ”“คุณช่วยบอกผมได้ไหมล่ะว่าผมทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ดีตรงไหนคุณถึงทิ้งผมไปแบบนั้น อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม”“เรื่องมันผ่านมาแปดปีแล้วอีฟไม่อยากรื้อฟื้นอดีตหรอกค่ะ”“คุณใจร้ายเกินไปแล้วนะ คุณจากไปโดยไม่บอกลาแล้วกลั
วันนี้อรณิชาอยากโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดกับน่านนทีแต่ถ้าเธอทำแบบนั้นก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเธอกลัวที่จะเจอกับเขา หญิงสาวเลยจำต้องออกไปซื้อผ้าม่านกับชายหนุ่มตามที่นัดกันไว้บรรยากาศระหว่างเธอกับน่านนทีวันนี้ค่อนข้างเงียบต่างฝ่ายต่างพูดให้น้อยที่สุดจะยกเว้นก็แต่ตอนที่เขาคุยกับร้านขายผ้าม่านว่า อยากได้ผ้าม่านแบบไหนรวมถึงการนัดเวลาให้พนักงานเข้ามาติดตั้งผ้าม่าน พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วน่านนทีก็มาส่งอรณิชาที่บ้านโดยไม่ลงจากรถ“ผมไปก่อนนะถ้าพรุ่งนี้ถ้าเขามาติดผ้าม่านโทรตามผมด้วย”“แต่วันนี้คุยกับทางร้านโอเคแล้วอีฟคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ คุณไม่ต้องมาก็ได้” อรณิชาบอกเขาด้วยความเกรงใจ ตอนนี้หญิงสาวอยากจะอยู่ห่างกับเขาให้มากที่สุดเพราะคิดว่าการเจอกับเขาทุกวันคงไม่ดีเท่าไหร่สำหรับคนที่แต่งงานแล้วอย่างเธอ“ที่คุณไม่อยากให้ผมมาเพราะไม่อยากจะเจอผมใช่มั้ยล่ะ”“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันจะทำแบบนั้นแต่ที่ฉันไม่อยากให้คุณมาเพราะพรุ่งนี้มันเป็นวันจันทร์และกลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงานของคุณ”“ไม่เป็นไรหรอกการมาดูแลความเรียบร้อยบ้านลูกค้าก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งของผมนะ พรุ่งนี้ถ้าเขามาถึงก็รีบโทรบอ
เมื่อได้คุยกับสามีแล้วอรณิชาก็รู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก แต่เธอก็หวังว่าคำพูดที่พูดออกไปในวันนี้อเล็กซ์จะกลับเอาไปคิดและทบทวนดูว่าที่ผ่านมานั้นเขาเปลี่ยนไปมากจริงๆอรณิชาอยากจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง เพราะได้สัญญาต่อหน้าบาทหลวงแล้วว่าจะรักและดูแลกันไปตลอด และเธออยากจะประคับประคองชีวิตคู่ของตนเองไปให้ได้นานที่สุด แต่ก็ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายอยากจะประคับประคองร่วมกันไปกับเธอไหมนับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่อรณิชาตัดสินใจฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีมันทำให้ระหว่างนี้เธอไม่ต้องกังวลว่าจะท้องเพราะถ้าหากเรื่องคุยกับอเล็กซ์เรื่องนี้ไม่รู้เรื่องการจะมีลูกด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น ขนาดยังไม่มีลูกเขายังทิ้งให้เธออยู่ตามลำพังและถ้าหากมีลูกเธอก็คงจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงดูลูกคนเดียวซึ่งมันไม่ดีแน่กับเด็กที่จะเกิดมาและเธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะคิดว่าตนเองไม่มีความสามารถพออรณิชาพยายามคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบมากที่สุด บางทีเวลาที่อยู่ห่างกับเธออเล็กซ์เขาอาจจะคิดได้และกลับมาเป็นผู้ชายคนเดิมที่เธอเคยรัก แต่ถ้าหากมันไม่เป็นอย่างนั้นอรณิชาก็คิดว่าจะเลิกกับเขาอย่างเด็ดขาดเพราะถ้ายังฝืนอย
อรณิชากลับมาอยู่เมืองไทยครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่คุยกับอเล็กซ์ครั้งสุดท้ายหญิงสาวก็ไม่ได้ติดต่อเขาไปอีกเลยเธอรู้ว่าเขางานยุ่งแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้และคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเป็นแบบนี้อยู่เธอที่จะต้องถอยออกมาจากชีวิตคู่เพราะฝืนต่อไปก็คงไม่มีความสุขมันไม่ใช่แค่เรื่องเวลาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่อเล็กซ์เปลี่ยนไปแต่มีบางอย่างที่มันติดค้างอยู่ในใจของอรณิชา เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาอเล็กซ์ไม่เคยนอนกับเธอเลย ชายหนุ่มแสดงความรักกับเธอแค่กอด และหอมแก้มก่อนไปทำงาน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากๆ สำหรับคนอายุอย่างเขาหญิงสาวไม่รู้ว่าที่อเล็กซ์ไม่มีอะไรกับเธอนานถึงหนึ่งปีเพราะเขาเบื่อเขามีปัญหาสุขภาพหรือเพราะเขามีคนอื่น เรื่องหลังสุดเป็นเรื่องที่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่เคยบอกมารดาหรือเล่าให้ใครฟังเพราะถ้าหากยังไม่แน่ใจก็ไม่อยากจะไปปรักปรำเขาหญิงสาวไม่รู้ตัวเองมีข้อบกพร่องเรื่องบนเตียงตรงไหนอเล็กซ์ถึงทำเย็นชากับเธอแบบนี้ เธอพยายามแต่งตัวยั่วยวน เอาใจเขาเวลาอยู่บนเตียงอเล็กซ์ก็ไม่สนใจเธอเลยเธอเป็นผู้หญิงอยู่ในวัยเจริญพันธุ์และย่อมมีความต้องการแต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาไปใช้บริการบาร์โฮสที่มีบริการอยู่เกลื่
“เสร็จแล้วใช่ไหมคุณน่าน”“ผมตรวจดูบ้านเสร็จแล้วแต่ผมว่าคุณน่าจะยังไม่เสร็จนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวซึ่งลุกขึ้นกำลังจะเปิดประตูให้เขาออกจากห้องนอน“คุณพูดอะไรคะ”“ก็พูดความจริงไงล่ะ”“ความจริงอะไรอีฟไม่เห็นจะรู้เรื่อง อีฟว่าคุณน่านรีบกลับไปเถอะ”“ถ้าผมกลับไปอีฟจะทำอะไรต่อเหรอ”“ก็เข้านอนสิ ฝนตกหนักอากาศเย็นแบบนี้มันเหมาะกับการนอนมากที่สุด คุณไม่อยากจะรีบกลับไปนอนรึไงล่ะ เนื้อตัวคุณเปียกหมดแล้วรีบกลับไปเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย”“คนอย่างผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกผมแข็งแรงดี” เขาพูดเน้นคำทำให้อรณิชารู้สึกแปลกกับคำพูดของชายหนุ่ม“งานเสร็จก็น่าจะรีบกลับนะ”“ผมถามอะไรอีฟตรงๆ ได้ไหม”“ยังมีเรื่องอะไรถามอีก เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันส่วนตัวแล้ว”“ถ้าเป็นเรื่องบ้านมันก็จบแล้ว แต่ผมมีเรื่องจะถามเพิ่ม”“คุณจะถามอะไรก็รีบถามมาเถอะค่ะ”“ถ้าผมกลับไปแล้วคุณจะทำแบบนั้นต่อใช่ไหมล่ะ”“แบบนั้นคือแบบไหน”“ตอบผมมาสิว่าก่อนหน้าที่ผมจะมาคุณกำลังทำอะไรอยู่”“อีฟก็นอนเล่นมือถืออยู่น่ะสิ คุณถามทำไม” หญิงสาวตอบแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน่านนที“แน่ใจนะว่านอนเล่นมือถืออยู่ แล้วไอ้ที่ม
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาชายหนุ่มรูปร่างสูงดูภูมิฐานเดินประคองคนรักออกมาจากห้องตรวจแผนกสูตินรีเวชและพาเธอมานั่งรอที่เก้าอี้ทางด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนที่เขาจะลงไปที่ลานจอดรถและขับมารับหญิงสาว“หมอบอกว่าลูกของเราแข็งแรงดีคุณดีใจไหมคะอเล็กซ์”“ดีใจสิรีน่าผมทั้งดีใจและตื่นเต้นที่จะได้เป็นพ่อคนแล้ว”“คุณอยากได้ถูกผู้หญิงหรือผู้ชายคะอเล็กซ์”“ไม่ว่าจะเพศไหนก็ได้หมดเพราะเด็กที่จะเกิดมาเป็นลูกคุณกับผม แล้วคุณล่ะรีน่าอยากได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย”“รีน่าก็คิดเหมือนคุณค่ะอเล็กซ์ ขอแค่ลูกเกิดมาแล้วแข็งแรงก็ดีใจมากแล้วค่ะเพราะยังไงก็คือลูกของเรา รีน่าก็จะรักและเลี้ยงดูเขาอย่างดีค่ะ”“ผมจะดูช่วยคุณเลี้ยงลูกนะรีน่า”“แต่คุณยังไม่หย่ากับเมียคุณเลยนะอเล็กซ์ คุณจะมาดูแลรีน่าได้ยังไง”“ตอนนี้อีฟเขากลับไปเมืองไทยน่ะ ถ้าเขากลับมาครั้งนี้ผมคิดว่าจะต้องบอกเรื่องของเราให้เขารู้”“แล้วคุณอีฟเขาจะไม่โกรธและจะไม่ตามมาเอาเรื่องรีน่าที่บริษัทใช่ไหมคะ” มารีน่ากลัวว่าถ้าภรรยาของอเล็กซ์ตามมาเอาเรื่องตนเองจะอายเพื่อนในบริษัท“ไม่หรอกเธอเป็นคนบอกผมเองว่าให้ผมตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ ที่ผ่านมาผมโกหกเธอมาต
น่านนทีรู้ว่าหญิงสาวแสดงทุกอย่างออกมาตามสัญชาตญาณไม่ได้มีการเสแสร้งอะไรเลยเสร็จก็บอกว่าเสร็จเสียวก็บอกว่าเสียวมันทำให้เขารู้สึกหลงใหลกับทุกอย่างที่เป็นเธอและไม่อยากจะให้หญิงสาวกลับไปอเมริกาเลยสักนิดแต่ในเมื่ออรณิชาตัดสินใจแล้วเขาก็ยินดีจะปล่อยเธอไปแต่ก่อนไปก็อยากจะมอบความสุขให้เธอและตัวเองอย่างเต็มที่ก่อน เมื่อคิดถึงอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร เขาก็สวนสะโพกเข้าหาเธออยากบ้าคลั่ง ชายหนุ่มอยากจะให้เธอจำไว้ว่าครั้งหนึ่งเขาและเธอเคยมีความสุขร่วมกันมากมายแค่ไหน“อื้อ.....แรงไปแล้วนะน่าน”“แรงแล้ว ดีไหมชอบหรือเปล่าชอบให้กระแทกไหม”“ชอบแต่ค่ะ แต่ไม่ไหวมันจะเสร็จแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว”“เสร็จก็ปล่อยออกมาเลยอีฟร้องออกมาดังๆ เรียกชื่อผมนะที่รัก”น่านนทีออกคำสั่งด้วยเสียงแหบพร่าร่องรักที่ตอดรัดเขาในตอนนี้มันทั้งแรงและถี่รัวมากกว่าครั้งไหน“น่านขา......อ้า....น่าน”หญิงสาวกรีดร้องด้วยความสุขสมอีกครั้งร่างกายสั่นสะท้านจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ขาเรียวสั่นระริกชายหนุ่มประคองเธอไว้ในอ้อมแขนจูบซับบริเวณต้นคอของหญิงสาวเมื่อรู้สึกถึงแรงตอดรับที่เริ่มคลายตัวลงเขาก็จับหญิงสาวหันหน้ามาหาแล้วรีบพาเธอไปวางลงบนเตียงอ
น่านนทีจอดรถที่หน้าดูบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเขายังมีกุญแจรั้วรวมถึงรหัสเข้าบ้านของหญิงสาวจึงไม่จำเป็นต้องกดออดให้อรณิชาออกมาเปิดชายหนุ่มถือวิสาสะเปิดประตูบ้านเข้าไป ตอนนี้บริเวณห้องรับแขกไฟมืดสนิทเหลือแค่ไฟบริเวณห้องนอนของหญิงสาวเท่านั้นเขาแง้มประตูห้องนอนเปิดเข้าไปก็ไม่เห็นเจ้าของห้องแต่ได้ยินเสียงหญิงสาวกำลังอาบน้ำอยู่ น่านนทีกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วเดินเข้าไปหาเธอในห้องน้ำเพราะไม่อาจทนนั่งรอให้เธอออกมานอกห้องได้เลย ตั้งแต่มีความสัมพันธ์กันที่โรงแรมในคืนนั้นเขากับเธอก็ยังไม่ได้นอนด้วยกันอีกเลยและในเมื่อมันเป็นคืนสุดท้ายเขาก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสที่จะมอบความสุขให้กับคนที่เขารักชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแล้วยืนกอดอกมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวตอนนี้ฟองสบู่ปกปิดเรือนร่างของเธอไว้แต่เมื่ออรณิชาเปิดฝักบัวสายน้ำก็ชำระฟองสบู่ออกจนร่างขาวเนียนที่เขาหลงใหลปรากฏต่อสายตาหญิงสาวล้างฟองสบู่ออกจนหมดก่อนจะปิดฝักบัวแล้วหมุนตัวกลับแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้น่านนทียืนกอดอกพิงผนังห้องน้ำอยู่อีกด้านหนึ่ง“น่าน....” อรณิชารีบเอามือปิดร่างกายเป็นพัลวัน น่านนทีมองแล้วหัว