“น่านเย็นนี้มึงอย่าลืมไปตามนัดนะ”
“นัดอะไรวะ” น่านนทีหันมาถามเพื่อนเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเย็นนี้มีนัดอะไรเพราะถ้าหากเป็นการนัดไปกินเหล้ามันก็เป็นเรื่องปกติซึ่งไม่ต้องมีใครบอกเขาก็จะไปนั่งกินเหล้าที่ผับของรุ่นพี่ในคืนวันศุกร์อยู่แล้ว
“เดี๋ยวนะมึงลืมจริงหรือแกล้งลืมวะน่าน ปกติมึงไม่ใช่คนขี้ลืมนี่หว่า บางเรื่องกูบอกมึงไปแค่ครั้งเดียวอีกสามเดือนมึงยังจำได้เลยนะ”
“ก็ช่วงนี้กูทำงานหนักไงก็เลยลืม ว่าแต่นัดอะไรวะ”
“ก็เย็นนี้คุณอีฟเขานัดให้เราไปทานข้าวไง”
“กูไม่ไปได้ไหม”
“แต่กูรับปากเขาไว้แล้ว”
“แต่กูไม่ได้รับปาก”
“มึงอย่ามาทำเป็นเด็กหน่อยเลยว่ะน่านไปเจอกัน ไปคุยกันให้รู้เรื่องเวลามันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะเรื่องบางเรื่องลืมได้มึงก็น่าจะลืมแต่ถ้าไม่ลืมมึงก็ถามเหตุผลเขาให้รู้เรื่อง”
“ถามแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาวะ เขาก็แต่งงานไปแล้ว”
“ก็นั่นไงถามเพื่อมึงจะได้ตัดใจไง อย่าให้กูต้องพูดเรื่องนี้บ่อยๆ เลยว่าน่านบอกตรงๆ กูอยากเห็นมึงมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างและอีกอย่างกูก็สงสารผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิตมึงด้วยพวกเธอไม่ได้ผิดอะไรเลย บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงเลิกกับเขาทำไม” กษิดิศบ่นยาวเพราะอยากให้เพื่อนอกมาจากความทรงจำในอดีต
“เอองั้นกูไปก็ได้ จะได้คุยให้จบ แล้วเขานัดที่ร้านไหนกี่โมง”
“ร้านXXX ทุ่มหนึ่งอย่าไปเลทนะมึง กินข้าวเสร็จกูจะพาหนูนาไปเที่ยวต่างจังหวัดเพราะมันเป็นวันหยุดยาว”
“รู้แล้วน่า เอาเป็นว่าหนึ่งทุ่มกูจะไปเจอมึงที่ร้านก็แล้วกันนะหวังว่ามึงจะไม่หลอกให้กูไปเจอเขาตามลำพัง”
“กูไม่ใช่คนแบบนั้น ถึงแม้กูอยากจะให้มึงเจอกับเขาตามลำพังก็ตามแต่ วันนี้เขานัดมาขอบคุณเรื่องบ้านกูก็ไม่อยากเสียมารยาททิ้งให้เขาเจอกับมึงตามลำพังหรอกนะ เอาล่ะกูขอตัวไปทำงานก่อนแล้วตอนเย็นเจอกัน”
เมื่อเพื่อนเดินออกจากห้องไปแล้วน่านนทีก็พิงหลังกับเก้าอี้เขาถอนหายใจอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้อรณิชาจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแค่ไหน เขาเจอกับหญิงสาวครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกซึ่งผ่านมาถึงตอนนี้มันก็นานถึงแปดปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้เจอไม่ได้ติดต่อกัน
น่านนทีกับอรณิชาเคยคบกันสมัยที่ยังเรียนอยู่ แต่ตอนนั้นมันเป็นการคบกันแบบเด็กๆ พูดคุยเจอกันที่โรงเรียน ซื้อขนมให้กินไม่ใช่คบกันแบบผู้ใหญ่ทั้งสองไม่เคยเจอกันนอกโรงเรียนและระยะเวลาที่คบกับหญิงสาวมันก็สั้นมากแค่หนึ่งปีเท่านั้น
แต่น่านนทีก็ยอมรับเลยว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขามีความสุขมากเธอทำให้เขาขยันเรียนมากขึ้น ชายหนุ่มสอบติดคณะวิศกรรมศาสตร์และสัญญาว่าจะสร้างบ้านในฝันให้กับเธอ
แต่พอหญิงสาวเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หกเธอก็เงียบหายไปเลย ชายหนุ่มไปหาเธอที่บ้านแต่ที่บ้านก็ปิดสนิทเขาพยายามที่จะถามเพื่อนสนิทของเธอแต่ตอนนั้นมันเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ก็เลยไม่รู้จะไปตามถามจากใครที่ไหน
น่านนทีวนเวียนไปที่บ้านของหญิงสาวจนมั่นใจแล้วว่าเธอจะไม่กลับมาที่นี่ เขาทั้งงงและสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะตลอดเวลาที่คุยกันน่านนทีไม่เคยทะเลาะกับอรณิชาเลยสักครั้ง เขาไม่รู้หรอกว่ามันมีเหตุผลอะไรที่คนคนหนึ่งจะหายไปจากชีวิตของคนคนหนึ่งโดยไม่คิดจะติดต่อกลับมา นอกเสียจากว่าเวลาที่คบกันนั้นเป็นเขาที่คิดไปเองว่าเธอจริงจังด้วยอาจจะเพราะเธอยังเด็กมากแต่สำหรับเขามองทุกอย่างเป็นเรื่องจริงจัง
ในวันที่อรณิชาติดต่อเข้ามาในบริษัทเพื่อจะให้ไปรีโนเวทบ้านเขาดีใจเป็นอย่างมากแต่ก็ดีใจได้ไม่นานเมื่อรู้ว่าเธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ชายหนุ่มออกแบบบ้านให้เธออย่างเต็มความสามารถเพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้หญิงสาวคนนี้ได้ แม้รู้ว่าเธอมีครอบครัวแล้วแต่เขาก็ยังหวังดีกับเธออยู่เสมอ
ทุกครั้งที่อรณิชาติดต่อกลับมาน่านนทีจะให้กษิดิศเป็นคนคุยโทรศัพท์เพราะเขากลัวใจตัวเองกลัวว่ามันจะไปหลงรักเธออีกครั้ง และมันคงไม่ดีแน่ๆ แต่ในเมื่อวันนี้มันเลี่ยงไม่ได้ น่านนทีก็คิดว่าการออกไปเจอเธอมันอาจจะปลดล็อกปมในใจของเขา
น่านนทีอยากจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องอยากจะถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นมีอะไรที่เขาทำผิดและทำให้เธอทิ้งไป จากนั้นเรื่องทุกอย่างระหว่างเธอกับเขามันก็จะจบลง
เขาจะได้ไปมีชีวิตใหม่เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็ตามเขาก็ไม่เคยคบได้นานเพราะในใจยังเอาแต่คิดถึงอรณิชาอยู่เสมอ ระยะเวลาผ่านมานานแค่ไหนแต่มันก็ลบความรู้สึกความทรงจำของเขาไม่ได้เลย ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าในใจของเธอจะยังมีเขาหรือเปล่า เธอจำเขาได้ไหมหรือบางทีเจอกันแล้วก็อาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าก็ได้
แต่วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นน่านนทีก็ตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปเจอเธออีกครั้งเขาก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าสาวน้อยที่เขาหลงรักในอดีตโตขึ้นมาเธอจะสวยมากแค่ไหน
น่านนทีมาถึงร้านอาหารที่กษิดิศบอกตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลานัดแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมลงจากรถจนกระทั่งเวลาผ่านไปยี่สิบนาทีเพื่อนของเขาจึงโทรศัพท์มาตาม
“มึงอยู่ไหนแล้วว่ะ”
“กูเพิ่งมาถึง มึงนั่งอยู่ตรงไหนเดี๋ยวกูจะเดินเข้าไป”
“มึงเดินเข้ามาโต๊ะริมสุดด้านขวามือเลยนะ”
เมื่อกดวางสายจากเพื่อนแล้วน่านนทีก็สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เพื่อให้กำลังใจตนเองในการไปเจอกับอรณิชาอีกครั้ง
เขาเดินเข้ามาในร้านและเดินไปยังโต๊ะด้านในสุดที่ตามเพื่อนบอก
“มาสักทีนะ กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้ว” เสร็จแล้วกษิดิศทักทาย
“ขอโทษที่มาช้านะครับ” เขาก้มหัวขอโทษสองสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกษิดิศ
“เชิญนั่งก่อนค่ะ”
“ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ สองคนนี้เป็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกับเรานะ แต่อยู่คนละห้อง คนนี้ชื่อกิ่งส่วนอีกคนชื่ออีฟเป็นเจ้าของบ้าน”
“สวัสดีครับคุณกิ่งคุณอีฟ ผมชื่อน่านนทีครับเรียกน่านเฉยๆ ก็ได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณน่าน ตอนที่รับงานคุณก็น่าจะบอกว่าเคยเรียนที่เดียวกัน”
“ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องบอกครับ เพราะเรารับงานในนามบริษัทไม่ได้รับงานในนามส่วนตัว อีกอย่างถ้าคุณรู้ว่าเป็นเพื่อนคุณก็อาจจะเกรงใจจนไม่กล้าใช้งานพวกเราอย่างเต็มที่” ชายหนุ่มอธิบายทั้งที่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าบ้านหลังนี้เป็นของอรณิชาและเป็นคนอาสาจะทำงานนี้เอง
“ขอบคุณมากนะคะ คุณน่านที่ทำบ้านออกมาได้สวยมากๆ”
“ไม่เป็นไรครับผมทำทุกอย่างตามหน้าที่” น่านนทีตอบกลับแต่ไม่ยอมสบตากับอรณิชาเลย
“ไหนๆ ก็มากันพร้อมหน้าแล้วผมว่าเราทานอาหารกันดีกว่านะ พอดีว่าผมต้องไปธุระไปต่อ”
ทั้งสี่คนทานอาหารแต่ไม่ได้คุยอะไรกันมากนักน่านนทีแอบมองอรณิชาอยู่บ่อยๆ หญิงสาวเองก็แอบมองเขาอยู่เหมือนกันเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ออกแบบบ้านหลังนี้ให้เธอคืออดีตคนรักที่เคยคบหากันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
เธอและน่านนทีไม่เคยเจอกันมาแปดปีแล้วนับตั้งแต่เรียนจบก็ย้ายไปอยู่กับบิดามารดาที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับมาอีกเลย เธอไม่เคยไม่ทราบข่าวคราวของเขา ไม่เคยรู้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่ที่ไหนในเมื่อได้มาเจออีกครั้งก็ดีใจมากแต่ก็พยายามเก็บอาการเพราะกลัวเขาจะจับความรู้สึกของเธอได้
แม้จะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วแต่อรณิชาก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าตนเองไม่เคยลืมรักแรกของตนเองเมื่อสมัยเรียนชั้นมัธยมได้เลย แต่ที่จากไปโดยไม่บอกและไม่อธิบายเหตุผลเพราะคิดว่าเวลาผ่านไปจะลืมได้ หญิงสาวไม่เคยคิดที่จะกลับมาใช้ชีวิตที่นี่อีกและไม่มีเหตุจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องติดต่อเขากลับมา
แต่เมื่อวันนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งความรู้สึกเดิมๆ มันก็หวนคืนกลับมา อรณิชาค่อนข้างประหม่าและพูดน้อยกว่าเดิมมากๆ เธอรู้สึกอึดอัดและอยากให้มื้ออาหารนี้จบลงเร็วๆ
“ทำไมกินน้อยจังละอีฟ อาหารไม่อร่อยเหรอ” กิ่งกาญจน์หันมาถามเพื่อนที่ทานข้าวไปเพียงนิดก็รวบช้อนกับส้อมเข้าที่
“อร่อยสิแต่เมื่อตอนกลางวันอีฟกินขนมไปเยอะน่ะก็เลยกินข้าวได้นิดเดียว”
“อยากสั่งอะไรมาเพิ่มไหมไอศกรีมหรือของหวานล่ะร้านนี้เขาอร่อยทุกอย่างเลยนะ” กิ่งกาญจน์รีบเสนอเพื่อน
“ไม่เป็นไรหรอกอีฟอิ่มแล้วจริงๆ”
เมื่อทานอาหารเสร็จกษิดิศก็รีบแยกออกไปหาคนรักส่วนอรณิชาและกิ่งกาญจน์ก็เดินตามกันมาที่รถ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณน่านเรื่องบ้าน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณด้วยที่มาจ้างบริษัทผมถ้ามีอะไรรับใช้ก็บอกนะครับ นี่นามบัตรของผม” น่านนทีส่งนามบัตรให้กับอรณิชาหนึ่งใบและกิ่งกาญจน์อีกหนึ่งใบ
“คุณน่านคะกิ่งมีอะไรจะรบกวนนิดหนึ่งได้ไหมคะ”
“ว่ามาเลยครับ”
“พรุ่งนี้คุณน่านว่างหรือเปล่า”
“พรุ่งนี้วันเสาร์ผมว่างทั้งวันมีอะไรหรือเปล่า”
“กิ่งอยากรบกวนคุณช่วยพาอีฟไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านหน่อยได้ไหมคะ กิ่งไม่ว่างพาเพื่อนไปค่ะ”
“เฟอร์นิเจอร์มีปัญหาเหรอ” เขาหันไปถามเจ้าของบ้าน
“เปล่าหรอกค่ะ แต่อีฟอยากเปลี่ยนแต่ไม่รู้ว่าจะไปซื้อร้านไหน ดูในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่และไม่รู้จะจัดการกับของเก่ายังไง”
“ถ้าคิดว่าไม่ใช้งานจริงๆ แล้วจะขายทิ้งเป็นของเก่าก็ได้มีรถรับซื้อของเก่าอยู่หรือถ้าอยากให้มันได้ใช้ประโยชน์ ผมจะลองถามคนงานให้ว่ามีใครอยากได้ไหม”
“อีฟคิดว่าอีฟไม่อยากขายค่ะ แต่อยากยกให้คนที่จะเอาไปใช้ประโยชน์มากกว่า แต่พวกเขาต้องมายกเองนะคะเพราะอีฟคงไม่มีปัญญายกออกจากห้อง”
“ถ้ายังงั้นพรุ่งนี้คุณจัดการเก็บของใช้จำเป็นไว้ให้เรียบร้อยตอนสายผมจะให้คนงานมายกออก ส่วนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ก็ค่อยไปซื้อด้วยกันตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ”
“พรุ่งนี้ผมจะไปหาที่บ้านสักเก้าโมงนะ”
“ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เมื่อชายหนุ่มเดินกลับไปแล้วอรณิชาก็เดินตามกิ่งกาญจน์เข้ามานั่งในรถ
“จริงๆ เราไม่เห็นจะต้องรบกวนเขาเลยนะกิ่ง”
“แต่อีฟจะไปซื้อของพวกนั้นคนเดียวได้ยังไงล่ะ ให้คุณน่านเขาไปด้วยน่ะดีแล้วเกิดซื้อของไม่ได้มาตรฐานขึ้นมาจะมาเสียใจทีหลัง กิ่งคิดว่าคุณน่านเป็นคนรีโนเวทบ้านทั้งหลังให้กับอีฟ เขาก็น่าจะช่วยอีฟเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านได้ดีกว่าใคร”
“แต่เราไม่รบกวนเขาเกินไปใช่ไหม”
“ไม่หรอกเขาก็บอกแล้วนี่ว่าวันเสาร์เขาว่าง”
“กิ่งคิดว่าอีฟต้องจ่ายค่าจ้างเขาเท่าไหร่”
“เขาคงไม่หน้าเลือดถึงขั้นคิดเงินหรอกอย่างมากอีฟก็แค่เลี้ยงข้าวเขาสักมื้อแค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว”
“จะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม”
“ไม่หรอกที่นี่เมืองไทยนะ มีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้ ไม่ใช่อเมริกาที่ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด อีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับเรา”
“กิ่งจำเขาได้ไหม”
“จำได้ว่าเคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยคุยกันหรอก เขาน่าจะเป็นเด็กห้องเก่งแล้วอีฟล่ะเคยเจอเขาไหม”
“เคยเห็นที่ห้องสมุดแต่ไม่เคยคุยเหมือนกัน” อรณิชาโกหกคำโตเพราะเรื่องที่เธอกับน่านนทีคบกันตอนเรียนไม่เคยมีใครรู้
เมื่อเคลียร์เฟอร์นิเจอร์เก่าที่ไม่จำเป็นออกจากบ้านไปแล้วช่วงบ่ายน่านนทีก็พาอรณิชามายังร้านเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้านขนาดใหญ่“คุณน่านคะอีฟอยากได้เตียงนอนหลังนี้มันจะเข้าประตูบ้านของอีฟได้มั๊ย”“เข้าได้ไม่มีปัญหาแต่ผมว่ามันหลังเล็กไปหน่อยหรือเปล่า คุณน่าจะเลือกใช้ที่นอนหกฟุตดีกว่านะห้าฟุตถ้านอนสองคนมันจะอึดอัด”“ก็อีฟจะนอนคนเดียวนี่คะ ใจจริงอยากจะได้สามฟุตเลยด้วยซ้ำไปคะ”“แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากจะเปลี่ยนเป็นหกฟุตจะไม่เสียดายเงินแย่เหรอราคามันต่างกันไม่มาก”“มันก็จริงค่ะ แต่อีฟก็ยังลังเลอยู่ดี”“คุณลองคิดดูนะถ้าวันนี้คุณซื้อห้าฟุตไปแล้วเกิดเปลี่ยนใจอย่างได้หกฟุตขึ้นมาก็เท่ากับต้องทิ้งเตียงอีกหลังหนึ่งไปเลยนะ”น่านนทีรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอรณิชาถึงอยากจะเลือกเตียงนอนขนาดเล็กทั้งที่เธอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว สามีของเธอก็น่าจะมีโอกาสกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้บ้างชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอเขายังไม่มีโอกาสถามอรณิชาว่ามีเหตุผลอะไรที่เธอทิ้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อนชายหนุ่มคิดว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ คุยกับเธอเรื่องนี้เพราะเขาไม่อยากให้มันค้างคาใจอีกแล้ว
น่านนทีเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามานั่งในห้องรับแขกขณะที่หญิงสาวเดินไปหยิบเครื่องดื่มและผลไม้ในตู้เย็นมาวางให้กับเขาตรงหน้าก่อนจะนั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง“อีฟคงไม่รบกวนเวลาคุณใช่ไหมคะ”“ไม่หรอกครับ ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกันค่ะ”“คุณน่านจะคุยอะไรกับอีฟเหรอคะ” อรณิชาถามพลางมองหน้าชายหนุ่ม เธอกำลังกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องในอดีตเพราะเธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้จะมาเจอกับเขา“เราจะคุยกันแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมอีฟ”“คุณหมายถึงอะไรคะ”“ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร ทำไมต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับผมก่อนทั้งที่แต่ก่อนก็เคยสนิทกันมาก”“ก็นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตค่ะ คุณน่านอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะคะ”“ถ้าไม่อยากให้ผมพูดถึงมันคุณก็บอกเหตุผลมาก่อนสิว่าทำไมถึงทิ้งผมไปมันคาใจผมมากที่จู่ๆ คุณก็หายไปจากชีวิตผมโดยไม่บอกอะไรเลย”“เรื่องมันผ่านมาแล้วคุณจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาเหรอคะ”“คุณช่วยบอกผมได้ไหมล่ะว่าผมทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ดีตรงไหนคุณถึงทิ้งผมไปแบบนั้น อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม”“เรื่องมันผ่านมาแปดปีแล้วอีฟไม่อยากรื้อฟื้นอดีตหรอกค่ะ”“คุณใจร้ายเกินไปแล้วนะ คุณจากไปโดยไม่บอกลาแล้วกลั
วันนี้อรณิชาอยากโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดกับน่านนทีแต่ถ้าเธอทำแบบนั้นก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเธอกลัวที่จะเจอกับเขา หญิงสาวเลยจำต้องออกไปซื้อผ้าม่านกับชายหนุ่มตามที่นัดกันไว้บรรยากาศระหว่างเธอกับน่านนทีวันนี้ค่อนข้างเงียบต่างฝ่ายต่างพูดให้น้อยที่สุดจะยกเว้นก็แต่ตอนที่เขาคุยกับร้านขายผ้าม่านว่า อยากได้ผ้าม่านแบบไหนรวมถึงการนัดเวลาให้พนักงานเข้ามาติดตั้งผ้าม่าน พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วน่านนทีก็มาส่งอรณิชาที่บ้านโดยไม่ลงจากรถ“ผมไปก่อนนะถ้าพรุ่งนี้ถ้าเขามาติดผ้าม่านโทรตามผมด้วย”“แต่วันนี้คุยกับทางร้านโอเคแล้วอีฟคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ คุณไม่ต้องมาก็ได้” อรณิชาบอกเขาด้วยความเกรงใจ ตอนนี้หญิงสาวอยากจะอยู่ห่างกับเขาให้มากที่สุดเพราะคิดว่าการเจอกับเขาทุกวันคงไม่ดีเท่าไหร่สำหรับคนที่แต่งงานแล้วอย่างเธอ“ที่คุณไม่อยากให้ผมมาเพราะไม่อยากจะเจอผมใช่มั้ยล่ะ”“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันจะทำแบบนั้นแต่ที่ฉันไม่อยากให้คุณมาเพราะพรุ่งนี้มันเป็นวันจันทร์และกลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงานของคุณ”“ไม่เป็นไรหรอกการมาดูแลความเรียบร้อยบ้านลูกค้าก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งของผมนะ พรุ่งนี้ถ้าเขามาถึงก็รีบโทรบอ
เมื่อได้คุยกับสามีแล้วอรณิชาก็รู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก แต่เธอก็หวังว่าคำพูดที่พูดออกไปในวันนี้อเล็กซ์จะกลับเอาไปคิดและทบทวนดูว่าที่ผ่านมานั้นเขาเปลี่ยนไปมากจริงๆอรณิชาอยากจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง เพราะได้สัญญาต่อหน้าบาทหลวงแล้วว่าจะรักและดูแลกันไปตลอด และเธออยากจะประคับประคองชีวิตคู่ของตนเองไปให้ได้นานที่สุด แต่ก็ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายอยากจะประคับประคองร่วมกันไปกับเธอไหมนับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่อรณิชาตัดสินใจฝังยาคุมกำเนิดแบบสามปีมันทำให้ระหว่างนี้เธอไม่ต้องกังวลว่าจะท้องเพราะถ้าหากเรื่องคุยกับอเล็กซ์เรื่องนี้ไม่รู้เรื่องการจะมีลูกด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น ขนาดยังไม่มีลูกเขายังทิ้งให้เธออยู่ตามลำพังและถ้าหากมีลูกเธอก็คงจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงดูลูกคนเดียวซึ่งมันไม่ดีแน่กับเด็กที่จะเกิดมาและเธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะคิดว่าตนเองไม่มีความสามารถพออรณิชาพยายามคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบมากที่สุด บางทีเวลาที่อยู่ห่างกับเธออเล็กซ์เขาอาจจะคิดได้และกลับมาเป็นผู้ชายคนเดิมที่เธอเคยรัก แต่ถ้าหากมันไม่เป็นอย่างนั้นอรณิชาก็คิดว่าจะเลิกกับเขาอย่างเด็ดขาดเพราะถ้ายังฝืนอย
อรณิชากลับมาอยู่เมืองไทยครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่คุยกับอเล็กซ์ครั้งสุดท้ายหญิงสาวก็ไม่ได้ติดต่อเขาไปอีกเลยเธอรู้ว่าเขางานยุ่งแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้และคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเป็นแบบนี้อยู่เธอที่จะต้องถอยออกมาจากชีวิตคู่เพราะฝืนต่อไปก็คงไม่มีความสุขมันไม่ใช่แค่เรื่องเวลาเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่อเล็กซ์เปลี่ยนไปแต่มีบางอย่างที่มันติดค้างอยู่ในใจของอรณิชา เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาอเล็กซ์ไม่เคยนอนกับเธอเลย ชายหนุ่มแสดงความรักกับเธอแค่กอด และหอมแก้มก่อนไปทำงาน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากๆ สำหรับคนอายุอย่างเขาหญิงสาวไม่รู้ว่าที่อเล็กซ์ไม่มีอะไรกับเธอนานถึงหนึ่งปีเพราะเขาเบื่อเขามีปัญหาสุขภาพหรือเพราะเขามีคนอื่น เรื่องหลังสุดเป็นเรื่องที่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่เคยบอกมารดาหรือเล่าให้ใครฟังเพราะถ้าหากยังไม่แน่ใจก็ไม่อยากจะไปปรักปรำเขาหญิงสาวไม่รู้ตัวเองมีข้อบกพร่องเรื่องบนเตียงตรงไหนอเล็กซ์ถึงทำเย็นชากับเธอแบบนี้ เธอพยายามแต่งตัวยั่วยวน เอาใจเขาเวลาอยู่บนเตียงอเล็กซ์ก็ไม่สนใจเธอเลยเธอเป็นผู้หญิงอยู่ในวัยเจริญพันธุ์และย่อมมีความต้องการแต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาไปใช้บริการบาร์โฮสที่มีบริการอยู่เกลื่
“เสร็จแล้วใช่ไหมคุณน่าน”“ผมตรวจดูบ้านเสร็จแล้วแต่ผมว่าคุณน่าจะยังไม่เสร็จนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวซึ่งลุกขึ้นกำลังจะเปิดประตูให้เขาออกจากห้องนอน“คุณพูดอะไรคะ”“ก็พูดความจริงไงล่ะ”“ความจริงอะไรอีฟไม่เห็นจะรู้เรื่อง อีฟว่าคุณน่านรีบกลับไปเถอะ”“ถ้าผมกลับไปอีฟจะทำอะไรต่อเหรอ”“ก็เข้านอนสิ ฝนตกหนักอากาศเย็นแบบนี้มันเหมาะกับการนอนมากที่สุด คุณไม่อยากจะรีบกลับไปนอนรึไงล่ะ เนื้อตัวคุณเปียกหมดแล้วรีบกลับไปเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย”“คนอย่างผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกผมแข็งแรงดี” เขาพูดเน้นคำทำให้อรณิชารู้สึกแปลกกับคำพูดของชายหนุ่ม“งานเสร็จก็น่าจะรีบกลับนะ”“ผมถามอะไรอีฟตรงๆ ได้ไหม”“ยังมีเรื่องอะไรถามอีก เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันส่วนตัวแล้ว”“ถ้าเป็นเรื่องบ้านมันก็จบแล้ว แต่ผมมีเรื่องจะถามเพิ่ม”“คุณจะถามอะไรก็รีบถามมาเถอะค่ะ”“ถ้าผมกลับไปแล้วคุณจะทำแบบนั้นต่อใช่ไหมล่ะ”“แบบนั้นคือแบบไหน”“ตอบผมมาสิว่าก่อนหน้าที่ผมจะมาคุณกำลังทำอะไรอยู่”“อีฟก็นอนเล่นมือถืออยู่น่ะสิ คุณถามทำไม” หญิงสาวตอบแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน่านนที“แน่ใจนะว่านอนเล่นมือถืออยู่ แล้วไอ้ที่ม
เมื่อริมฝีปากร้อนบดจูบบนริมฝีปากอิ่มอีกครั้งตอนนี้สติของอรณิชาไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวเปิดปากรับจูบของเขาด้วยความเต็มใจเพราะคิดว่าต่อต้านไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อตอนนี้เธอเองก็มีความต้องการเป็นอย่างมากหญิงสาวได้แต่ขอโทษอเล็กซ์อยู่ในใจและคิดว่านี่จะเป็นแค่ครั้งเดียวที่เธอจะทำเรื่องแบบนี้ น่านนทีจูบจนพอใจก็ดึงชุดนอนของเธอออก ทั้งห้องสว่างจ้าทำให้เขาเห็นเรือนร่างของเธอที่มันสวยงามอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน“อีฟคุณสวยมากนะ ผัวคุณมันโง่มากๆ ที่ปล่อยให้คุณกลับมาเมืองไทย”“ถ้าอยากจะนอนกับอีฟก็เลิกพูดถึงเขาก่อนได้ไหม” อรณิชาห้ามเพราะไม่อยากจะรู้สึกผิดมากกว่านี้แต่จะให้น่านนทีหยุดร่างกายของเธอมันก็ต้องการให้เขาช่วยปลดปล่อย“ได้สิ ที่นี่มีแค่อีฟกับผม ตกลงให้ผมช่วยนะ”หญิงสาวพยักหน้าเพราะถ้าคืนนี้ไม่ได้รับการปลดปล่อยเธอก็คงจะแย่และนอนไม่หลับแน่ๆน่านนทีขบเม้นไปบนลำคอระหงจูบซับหนักเบาสลับกันจนขึ้นรอยแดงไปทั่ว ก่อนจะลากริมฝีปากร้อนมายังเนินอกอิ่ม สองมือเคล้นคลึงสองเต้าจนเต่งตึงสู้มือแล้วใช้ปลายนิ้วเขี่ยบนยอดถันจนมันแข็งชูชัน“สวยสู้มือและน่ากินมาก”ชายหนุ่มพูดออกมาตามความรู้สึกที่ไม
“ชอบไหมถูกใจหรือเปล่า”น่านนทีถามเมื่อเห็นว่าเธอกลับมาหายใจเป็นปกติ”“ชอบที่สุด”อรณิชาตอบออกมาอย่างไม่อายไม่ใช่เพราะไม่ได้นอนกับสามีมานานแต่เพราะเธอรู้สึกว่าน่านนทีมอบความสุขให้เธอไม่ใช่ตักตวงเอาแต่ความสุขให้กับตัวเองอย่างที่อเล็กซ์ทำกับเธอ เขาไม่เคยถามความรู้สึกหรือความต้องการเลยบางครั้งเขาก็ถึงสวรรค์ไปคนเดียวแล้วทิ้งให้เธออารมณ์ค้างอยู่แบบนั้น“ผมบอกแล้วว่าอีฟจะติดใจ ด๊อกกี้ไหมชอบหรือเปล่า”“ได้สิ”หญิงสาวตอบรับทันทีไม่ว่าคืนนี้น่านนทีจะบอกให้เธอทำอะไรเธอก็คงต้องยอมเขาทุกอย่างน่านนทีดึงท่อนเอ็นออกจากร่องรักแล้วจัดท่าให้หญิงสาวไปอยู่ท่าคลานเข่า แล้วกดแท่งร้อนเข้าหาเธอทีเดียวจนลึกสุดเพราะไม่อาจทนต่อท่าทางยั่วยวนของหญิงสาวได้“อื้อ....น่าน”“เจ็บเหรอ”“แค่ตกใจ”“อ่าห์ ลึกจังอีฟ”“ชอบหรือเปล่า”“ใครจะไม่ชอบก็บ้าล่ะอีฟ”เขายิ้มก่อนจะกดใบหน้าลงมาใกล้ หญิงสาวหันใบหน้าเข้าหาและเพื่อรอคอยจูบที่เขากำลังจะมอบให้จูบเร่าร้อนบดเบียดราวกับจะกระชากวิญญาณออกมาจากร่างหญิงสาวตอบสนองจูบของเขาไปตามอารมณ์ไปและความต้องการปลายลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อปลายลิ้นสาก ทำให้ชายครางในลำคออย่างพอใจกับลีลารัก
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาชายหนุ่มรูปร่างสูงดูภูมิฐานเดินประคองคนรักออกมาจากห้องตรวจแผนกสูตินรีเวชและพาเธอมานั่งรอที่เก้าอี้ทางด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนที่เขาจะลงไปที่ลานจอดรถและขับมารับหญิงสาว“หมอบอกว่าลูกของเราแข็งแรงดีคุณดีใจไหมคะอเล็กซ์”“ดีใจสิรีน่าผมทั้งดีใจและตื่นเต้นที่จะได้เป็นพ่อคนแล้ว”“คุณอยากได้ถูกผู้หญิงหรือผู้ชายคะอเล็กซ์”“ไม่ว่าจะเพศไหนก็ได้หมดเพราะเด็กที่จะเกิดมาเป็นลูกคุณกับผม แล้วคุณล่ะรีน่าอยากได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย”“รีน่าก็คิดเหมือนคุณค่ะอเล็กซ์ ขอแค่ลูกเกิดมาแล้วแข็งแรงก็ดีใจมากแล้วค่ะเพราะยังไงก็คือลูกของเรา รีน่าก็จะรักและเลี้ยงดูเขาอย่างดีค่ะ”“ผมจะดูช่วยคุณเลี้ยงลูกนะรีน่า”“แต่คุณยังไม่หย่ากับเมียคุณเลยนะอเล็กซ์ คุณจะมาดูแลรีน่าได้ยังไง”“ตอนนี้อีฟเขากลับไปเมืองไทยน่ะ ถ้าเขากลับมาครั้งนี้ผมคิดว่าจะต้องบอกเรื่องของเราให้เขารู้”“แล้วคุณอีฟเขาจะไม่โกรธและจะไม่ตามมาเอาเรื่องรีน่าที่บริษัทใช่ไหมคะ” มารีน่ากลัวว่าถ้าภรรยาของอเล็กซ์ตามมาเอาเรื่องตนเองจะอายเพื่อนในบริษัท“ไม่หรอกเธอเป็นคนบอกผมเองว่าให้ผมตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ ที่ผ่านมาผมโกหกเธอมาต
น่านนทีรู้ว่าหญิงสาวแสดงทุกอย่างออกมาตามสัญชาตญาณไม่ได้มีการเสแสร้งอะไรเลยเสร็จก็บอกว่าเสร็จเสียวก็บอกว่าเสียวมันทำให้เขารู้สึกหลงใหลกับทุกอย่างที่เป็นเธอและไม่อยากจะให้หญิงสาวกลับไปอเมริกาเลยสักนิดแต่ในเมื่ออรณิชาตัดสินใจแล้วเขาก็ยินดีจะปล่อยเธอไปแต่ก่อนไปก็อยากจะมอบความสุขให้เธอและตัวเองอย่างเต็มที่ก่อน เมื่อคิดถึงอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร เขาก็สวนสะโพกเข้าหาเธออยากบ้าคลั่ง ชายหนุ่มอยากจะให้เธอจำไว้ว่าครั้งหนึ่งเขาและเธอเคยมีความสุขร่วมกันมากมายแค่ไหน“อื้อ.....แรงไปแล้วนะน่าน”“แรงแล้ว ดีไหมชอบหรือเปล่าชอบให้กระแทกไหม”“ชอบแต่ค่ะ แต่ไม่ไหวมันจะเสร็จแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว”“เสร็จก็ปล่อยออกมาเลยอีฟร้องออกมาดังๆ เรียกชื่อผมนะที่รัก”น่านนทีออกคำสั่งด้วยเสียงแหบพร่าร่องรักที่ตอดรัดเขาในตอนนี้มันทั้งแรงและถี่รัวมากกว่าครั้งไหน“น่านขา......อ้า....น่าน”หญิงสาวกรีดร้องด้วยความสุขสมอีกครั้งร่างกายสั่นสะท้านจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ขาเรียวสั่นระริกชายหนุ่มประคองเธอไว้ในอ้อมแขนจูบซับบริเวณต้นคอของหญิงสาวเมื่อรู้สึกถึงแรงตอดรับที่เริ่มคลายตัวลงเขาก็จับหญิงสาวหันหน้ามาหาแล้วรีบพาเธอไปวางลงบนเตียงอ
น่านนทีจอดรถที่หน้าดูบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเขายังมีกุญแจรั้วรวมถึงรหัสเข้าบ้านของหญิงสาวจึงไม่จำเป็นต้องกดออดให้อรณิชาออกมาเปิดชายหนุ่มถือวิสาสะเปิดประตูบ้านเข้าไป ตอนนี้บริเวณห้องรับแขกไฟมืดสนิทเหลือแค่ไฟบริเวณห้องนอนของหญิงสาวเท่านั้นเขาแง้มประตูห้องนอนเปิดเข้าไปก็ไม่เห็นเจ้าของห้องแต่ได้ยินเสียงหญิงสาวกำลังอาบน้ำอยู่ น่านนทีกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วเดินเข้าไปหาเธอในห้องน้ำเพราะไม่อาจทนนั่งรอให้เธอออกมานอกห้องได้เลย ตั้งแต่มีความสัมพันธ์กันที่โรงแรมในคืนนั้นเขากับเธอก็ยังไม่ได้นอนด้วยกันอีกเลยและในเมื่อมันเป็นคืนสุดท้ายเขาก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสที่จะมอบความสุขให้กับคนที่เขารักชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแล้วยืนกอดอกมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวตอนนี้ฟองสบู่ปกปิดเรือนร่างของเธอไว้แต่เมื่ออรณิชาเปิดฝักบัวสายน้ำก็ชำระฟองสบู่ออกจนร่างขาวเนียนที่เขาหลงใหลปรากฏต่อสายตาหญิงสาวล้างฟองสบู่ออกจนหมดก่อนจะปิดฝักบัวแล้วหมุนตัวกลับแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้น่านนทียืนกอดอกพิงผนังห้องน้ำอยู่อีกด้านหนึ่ง“น่าน....” อรณิชารีบเอามือปิดร่างกายเป็นพัลวัน น่านนทีมองแล้วหัว