Share

บทที่ 83

Author: ลิ่วเยว่
“เหลียงกุ้ยเหรินน่าจะรู้คร่าว ๆ เช่นกัน แต่นางก็ต้องลองเสี่ยงดู เพราะไม่ว่าลูกของนางจะหลุดออกมาหรือไม่ ขอเพียงพิสูจน์ว่าหยวนผิดใส่ชะมดเช็ดไว้ในถุงหอม ทำให้ทารกในครรภ์ของนางไม่มั่นคง นางก็ต้องโดนเล่นงานเหมือนกัน” จ่านเหยียนกล่าว

“แล้วหมอหลวงหลี่รู้ได้อย่างไรเพคะ?” จิ้นหรูเอ่ยถาม

“เหลียงกุ้ยเหรินอยากลอบติดสินบนหมอหลวงเพื่อปิดบังฮองเฮา แต่หมอหลวงหลี่รับเงินของเหลียงกุ้ยเหรินแล้วกลับหักหลังเหลียงกุ้ยเหริน คนเช่นนี้ ต่อให้ตายร้อยครั้งก็ยังไม่สาสม” จ่านเหยียนเอ่ยอย่างเย็นชา

“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพคะ!” จิ้นหรูพูดอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เงยหน้ามองจ่านเหยียน “คุณหนูใหญ่รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรเพคะ?”

จ่านเหยียนแย้มยิ้ม เล่นไข่มุกราตรีในมือ “ใต้หล้านี้ ขอเพียงข้าอยากรู้ก็ไม่มีเรื่องใดที่ข้าไม่อาจรู้ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนาง กัวอวี้กับจิ้นหรูก็สบตายิ้มให้กัน ดีเหลือเกิน ดูเหมือนว่าคุณหนูใหญ่กำลังจะลงมือโจมตีแล้ว

“อันที่จริงคุณหนูใหญ่ไม่จำเป็นต้องช่วยหยวนผินเลย ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ เหตุใดจู่ ๆ ถึงอยากไปหาเรื่องคนตระกูลถงเพคะ?” จิ้นหรูเอ่ยถา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 84

    ภายในตำหนักเฟยเฟิ่งถงไทเฮาถงยังไม่ได้จากไป นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือในท้องพระโรง เก้าอี้ตัวนี้เป็นเก้าอี้ที่จ่านเหยียนนั่งเมื่อครู่นี้นางโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าที่เดิมทีหมองคล้ำยิ่งดูอึมครึมมากขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่นางจะส่งสายตาเย็นเยียบราวกับเกาทัณฑ์ไปหาฮองเฮา “เจ้าดูสิว่าเจ้าทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง? เหตุใดที่หาเรื่องให้นังแพศยานั่นออกมาด้วย?”ฮองเฮาถูกหลงจ่านเหยียนทำลายเรื่องดี ๆ และถูกกักบริเวณ ในใจรู้สึกคับข้องใจมากแล้ว เมื่อเห็นถงไทเฮาตำหนินางอีกก็อดตาแดงไม่ได้เช่นกัน “ท่านป้า ใครจะคาดคิดนางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้? เมื่อก่อนเห็นนางหลบอยู่ในตำหนักหรูหลานเหมือนกับกระต่าย ยังนึกว่าไม่มีความน่ากลัวเสียอีก” ความเคียดแค้นแล่นวาบขึ้นมาในดวงตาอึมครึมของถงไทเฮา “นางแย่งตำแหน่งของข้าไม่ว่า ตอนนี้ยังกล้ากำเริบเสิบสานเหนือหัวข้าอีก นางเห็นว่าคนตระกูลถงของเรารังแกง่ายจริง ๆ หรือไร?” “ท่านป้า ท่านว่าตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเพคะ?” ฮองเฮาเอ่ยถามอย่างคับแค้นใจ “หรือว่าหม่อมฉันต้องโดนกักบริเวณสามเดือนเต็มจริง ๆ หรือเพคะ? “เจ้าก็นะ” ถงไทเฮากวาดมองนางแวบหนึ่ง “ก็ควรคิดทบทวนให้ดี ๆ หยวนผินได้รับโปรดป

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 85

    ถงไทเฮาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกัวเจียเสี่ยงว่า “รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดถึงถูกลงโทษให้คุกเข่า?”กัวเจียเสี่ยงตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ได้ยินนางกำนัลที่กวาดพื้นตรงหน้าประตูบอกว่าตอนที่หยวนผินบุกเข้าไปในตำหนักหรูหลาน ได้เห็นเรื่องที่ไม่ควรเห็นเข้า หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเลยโกรธเกรี้ยวเพราะเหตุนี้พ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องที่ไม่ควรเห็น?” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ตำหนักหรูหลานนี้มีเรื่องอะไรที่ไม่อาจให้คนเห็นได้?” นางกล่าวจบก็ส่งเสียงถุยทันที นึกถึงข่าวลือในวังก่อนหน้านี้ “คิดว่านางกำลังแอบนัดพบนักดนตรีผู้นั้นแล้วถูกหยวนผินเจอเข้า” ถงไทเฮาส่งเสียงอืม “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองความคิดไปจัดการหยวนผินแล้ว นางเห็นเรื่องเสื่อมเสียของสตรีนางนั้นเข้า สตรีนางนั้นย่อมไม่ปล่อยนางเอาไว้แน่”นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองฮองเฮาอย่างตำหนิอีกครั้ง “ไม่ใช่ข้าจะว่าเจ้า แต่เจ้าใจแคบเกินไปแล้ว หยวนผินถือว่าเป็นคนว่านอนสอนง่าย เจ้ายังพุ่งเป้าไปที่นางเช่นนี้อีก มิน่าล่ะฝ่าบาทถึงไม่เสด็จมาหาเจ้า”ฮองเฮาเอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “ฝ่าบาทไม่เสด็จมาก็เพราะโดนนังจิ้งจอกหยวนผินผู้นั้นล่อลวงจิตใจ หา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 86

    เช้าวันรุ่งขึ้น จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง“สวรรค์ ผีหลอกแล้วจริง ๆ!” ฮุ่ยอวิ่นเดินเข้ามาด้วยสภาพหน้าตามอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อเข้าประตูมาแล้วก็ร้องตะโกนมู่หรงฉิงเทียนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะหนังสือ มู่หรงฉิงเทียนเงยหน้าจากโต๊ะหนังสือ ดวงตาเฉียบแหลมภายใต้คิ้วเรียวกวาดมองอย่างเฉยชา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”“วันนี้ได้ยินเรื่องประหลาดมา!” ฮุ่ยอวิ่นนั่งลงมา ใบหน้ายังคงมีสีหน้าตกตะลึง“พูดมา!” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง“วันนี้อาซานออกมารายงาน บอกว่าเมื่อวานหลงจ่านเหยียนออกจากตำหนักหรูหลาน แถมยังไปช่วยหยวนผินที่ตำหนักเฟยเฟิ่งของฮองเฮาด้วย ทำลายแผนการใส่ร้ายหยวนผินของฮองเฮาจนยับเยิน ไม่เพียงแค่นั้น นางยังกดดันถงไทเฮา ถงไทเฮาทำได้เพียงโกรธจัดต่อหน้านางเท่านั้น!”“เล่ามาทีละขั้น!” สายตาของมู่หรงฉิงเทียนฉายแววประหลาดใจ แต่สีหน้ากลับสงบนิ่งมากฮุ่ยอวิ่นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักเฟยเฟิ่งเมื่อวานนี้ให้มู่หรงฉิงเทียนทราบทีละอย่าง แม้แต่เรื่องจ่านเหยียนสังหารหมอหลวงหลี่ก็เล่าออกมาจนหมดมู่หรงฉิงเทียนเชยตาขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “นางเป็นคนสั่งฆ่าหมอหลวงหลี่จริง ๆ หรือ?”“ใช่แล้ว แค่คำพูดประโย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 87

    ฤดูใบไม้ร่วง ปีที่สามสิบเจ็ดของรัชสมัยเกาจง เวลานั้นเกาจงทรงประชวรหนัก จึงให้ถงไท่ซือบริหารราชการแผ่นดินแทน ถงไท่ซือใช้โทษฐานว่าตระกูลหนานกงก่อกบฏ กวาดล้างวงศ์ตระกูลหนานกงสามพันเจ็ดร้อยยี่สิบเจ็ดชีวิตคุณชายเล็กของตระกูลหนานกงโชคดีหนีรอดมาได้เพราะติดตามแม่นมออกจากเมืองไปไหว้พระขอพร วงศ์ตระกูลหนานกงทั้งหมดจึงเหลือสายเลือดแค่เขาคนเดียวคุณชายเล็กผู้นี้ ปีนั้นมีอายุแค่แปดปี เขาก็คือฮุ่ยอวิ่นในปัจจุบันส่วนบุตรีของแม่ทัพหนานกงคืออวิ๋นกุ้ยเฟยในเวลานั้น นางเป็นป้าของฮุ่ยอวิ่นเนื่องจากก่อนที่เกาจงจะสิ้นพระชนม์ ได้ออกพระราชโองการห้ามไม่ให้ผู้ใดลงโทษอวิ๋นกุ้ยเฟย ดังนั้นกุ้ยเฟยจึงรอดพ้นเภทภัยมาได้ แต่ว่าหลังจากที่เกาจงสวรรคตไปไม่กี่ปีก็ถูกจงเสี้ยนฮองไทเฮาในเวลานั้นวางยาพิษจนตาบอด มือเท้าถูกตัดเส้นเอ็นอวิ๋นกุ้ยเฟยผู้นี้ก็คือพระมารดาแท้ ๆ ของมู่หรงฉิงเทียน ปัจจุบันถูกแต่งตั้งเป็นอวิ๋นกุ้ยไท่เฟย พำนักอยู่ในจวนอันหนิงอ๋องร่วมกับมู่หรงฉิงเทียนดวงตาของมู่หรงฉิงเทียนมีความอาฆาตเคียดแค้นใจ เขาหลับตาลงช้า ๆ ปกปิดคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนอย่างรุนแรงในดวงตา สีหน้าก็ค่อย ๆ สงบนิ่งขึ้นมา“ฮุ่ยอวิ่น วันนั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 88

    ด้านนอกสวนดอกไม้ แสงแดดสดใสราวกับทองคำสาดส่องลงมาบนดอกไม้หลากสีสันโดยไม่มีความตระหนี่เลยแม้แต่น้อย มีสตรีนางหนึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้นานที่ทำจากไม้ไผ่ในสวนดอกไม้ นางหลับตา ใบหน้ามีรอยยิ้มจาง ๆ ที่สงบนิ่งสตรีที่สวมชุดอาภรณ์สีเทาเฝ้าอยู่ข้างกายนาง ดึงผ้าห่มบางขึ้นมาคลุมถึงไหล่ให้นาง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็เงยหน้าขึ้น ดวงหน้ามีรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้ามาส่งเสียงดังชู่ว์ “ท่านอ๋อง คุณชายฮุ่ยอวิ่น กุ้ยไท่เฟยเพิ่งหลับไป อย่าทำให้นางตื่นเลยเพคะ”ฮุ่ยอวิ่นเด็ดใบไม้ขึ้นมาหนึ่งใบ ก่อนจะเดินเข้าไปปัดขนตาของอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มซุกซนว่า “ยังจะแสร้งหลับอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยลืมตาขึ้น นัยน์ตามืดมนไร้สีสัน ทว่ารอยยิ้มตรงมุมปากกลับยิ่งลึกขึ้น “ก็ยังปิดบังเด็กบ้าอย่างเจ้าไม่ได้อยู่ดี”“เป็นเพราะทักษะการแสดงของไท่เฟยแย่เกินไป ขนตากระตุกตลอดเลย” ฮุ่ยอวิ่นเอื้อมมือไปปัดดอกไม้ที่ร่วงหล่นบนบ่าของนางออก“เสด็จแม่ วันนี้รู้สึกว่าเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยถามอวิ๋นกุ้ยไท่เฟยเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นท่วงท่ามองมู่หรงฉิงเทียน ก่อนจะยิ้มพลางตอบกลับว่า “ดีข

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 89

    “ไปเถิด อย่าพูดร่ำไรเลย ข้ารู้ว่าพวกเจ้ายุ่ง ไม่ต้องมาคารวะทุกวันหรอก ข้ามีอาจู๋อยู่เป็นเพื่อน สบายดีแล้ว”แม้นางจะพำนักอยู่ในเรือนจิ้งหนิงมาเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะตัดขาดจากโลกภายนอก เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นภายนอก นางล้วนรู้ดีดวงตามืดบอดไปแล้ว แต่หัวใจกลับยิ่งกระจ่างแจ้งหลังจากที่มู่หรงฉิงเทียนกับฮุ่ยอวิ่นจากไปแล้ว อาจู๋ก็ถือชามายืนอยู่ข้างกายอวิ๋นกุ้ยไท่เฟย แล้วเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “จะไม่บอกท่านอ๋องกับคุณชายฮุ่ยอวิ่นจริง ๆ หรือเพคะ?”“ไม่บอกแล้ว จะได้ไม่ต้องทำให้พวกเขาเสียสมาธิเพราะข้า” ความกังวลปกคลุมบนดวงหน้าของอวิ๋นกุ้ยไท่เฟย ก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา“เพียงแต่ว่าคงจะปกปิดไว้ได้ไม่นานเท่าไรนัก” อาจู๋กล่าว“ปิดได้หนึ่งวันก็ปิดหนึ่งวันเถิด ข้าช่วยเหลือพวกเขาไม่ได้แล้ว ไม่อาจเป็นตัวถ่วงพวกเขาได้ตลอดไป” อวิ๋นกุ้ยไท่เฟยพูดพลางหน้าอกกระเพื่อมขึ้นมา เสียงไอดังครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็กระอักเลือดออกมาอาจู๋ประคองนางไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เสียงกลับฟังไม่ออกถึงความผิดปกติ “รีบกลับไปพักผ่อนเถิดเพคะ”ป่วยมานานหลายปีขนาดนี้ กินยามานานหลายปีถึงเพียงนี้ ทำให้ร่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 90

    คำตอบของหมอหลวงเกินความคาดหมายของไทฮองไทเฮาเล็กน้อย “สุขภาพของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาแย่มากมาโดยตลอดพ่ะย่ะค่ะ หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยขาดยาเลย อีกทั้งกระหม่อมไปจับชีพจรทุก ๆ สิบวัน ชีพจรของนางเบาบางลึกและเชื่องช้า บางครั้งมีบางครั้งไม่มี เป็นลักษณะของอาการป่วยเรื้อรังพ่ะย่ะค่ะ” “จะแสร้งป่วยได้หรือไม่?” ไทฮองไทเฮาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม“ไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ อยากจะแสร้งป่วยไม่ใช่เรื่องง่ายดายถึงเพียงนี้ มนุษย์ไม่สามารถควบคุมชีพจรของตนเองได้พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงเฉินกล่าว “การแสร้งป่วยสามารถทำได้แค่บนสีหน้า เสียงและรูปร่างเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าขอเพียงตรวจชีพจรสักครั้งล้วนไม่อาจปกปิดการเสแสร้งทุกอย่างไว้ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็แปลกนัก เมื่อวานนางไปที่ตำหนักเฟยเฟิ่ง สีหน้าแดงระเรื่อ เรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม ไม่เหมือนผู้ป่วยเรื้อรังเลยสักนิดเดียว”หย่าจู้มองหมอหลวง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “มีตัวยาอะไรที่สามารถทำให้คนกระปรี้กระเปร่า หรือนิสัยเปลี่ยนแปลงอย่างมากหรือไม่?”หมอหลวงเฉินเงยหน้ามองหย่าจู้แวบหนึ่ง “หากกูกูถามเช่นนี้ ก็มีอยู่จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ไทฮองไทเฮาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เป็นยาอะไ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 91

    “เพียงแต่ พวกเขาคงจะไม่กล้าหรอกกระมัง?” หย่าจู้กล่าวอย่างเป็นกังวล“พวกเขาไม่กล้าหรือ? มีข้าคอยหนุนนำอยู่ที่นี่ทั้งคน พวกเขาจะไม่กล้าได้อย่างไร?” ไทฮองไทเฮาเข้าใจหลงฉางเทียนเป็นอย่างยิ่ง “ครั้งนั้นหลงจ่านเหยียนเข้าวังมาได้อย่างไร? ในใจของพวกเขาย่อมรู้ดี และคงกินปูนร้อนท้องไม่น้อย ด้วยกลัวว่าหลงจ่านเหยียนจะเล่นงานหาทางแก้แค้น หากลงมือชิงความได้เปรียบไว้ก่อนได้ ใยจะต้องมาพะว้าพะวังอีก?”หย่าจู้แย้มยิ้มออกมา “ก็ยังเป็นเหล่าจู่จ้งที่ทรงพระปรีชา”พระราชเสาวนีย์ของไทฮองไทเฮามีไปยังตำหนักหรูหลานก่อน จากนั้นจึงส่งไปยังจวนตระกูลหลงหลงฉางเทียนนำผู้ใหญ่และเด็กทั้งจวนออกมารับพระราชโองการ ขันทีประกาศพระราชโองการประคองเขาลุกขึ้น บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กว่า “ท่านแม่ทัพ ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่?”หลงฉางเทียนเข้าใจทันทีว่ายังมีความประสงค์อื่นในการมาที่นี่อีก จึงรีบโค้งกายพลางกล่าว “เชิญกงกง!”เขานำทางกงกงประกาศราชโองการเข้าไปยังห้องตำรา หลังจากสั่งให้คนยกน้ำชาแล้วจึงเอ่ยถาม “ไทฮองไทเฮายังมีอันใดรับสั่งอีกหรือ?”กงกงประกาศราชโองการแย้มยิ้มแ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 97

    พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบจ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงานนางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้วอย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซินจ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 96

    ครั้นหลงฉางเทียนกล่าวจบ จ่านเหยียนจึงเริ่มตกรางวัลนี่เป็นรายการที่สกุลหลงตั้งตาคอยที่สุด ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาจากคนของกรมพิธีการแล้วว่าครานี้ไทฮองไทเฮาลงทุนไปไม่น้อย ของที่เลือกมาล้วนเป็นของล้ำค่าในวังทั้งสิ้นของรางวัลแต่ละชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนบรรจุไว้ในกล่องของขวัญ ยามตกรางวัลก็มิได้พูดชัดเจนว่าคืออะไร เรียกความสับสนงุนงงจากคนที่มาร่วมงาน การตกรางวัลโดยปกติแล้ว มักจะแจ้งชื่อเรียกของรางวัลนั้น ๆ เพื่อให้คนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตกรางวัลที่ดูลึกลับเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกทว่าในเมื่อไทเฮาไม่พูด จึงไม่มีคนกล้าเปิดออกดู ได้แต่สั่งให้บ่าวรับใช้ส่งกลับไปที่เรือนของตนเองก่อน กลับไปแล้วค่อยเปิดดูหงฮวาอยากเห็นมาตลอดว่าของรางวัลที่นางได้เป็นอะไร ทว่าเห็นคนอื่นไม่เปิดดู นางเองก็ไม่กล้าเปิดเช่นกันอันที่จริงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เพราะตกรางวัลมาให้นางเพียงชุดเดียว จะดีร้ายอย่างไรยามนี้นางก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลง แม้บุตรจะยังไม่คลอดออกมา แต่ก็ควรให้เพิ่มขึ้นอีกสักสุดนางเอื้อมมือออกไปรั้งแขนเสื้อเย่เต๋อโหรว กระซิบถามว่า “ฮูหยิน ท่านว่านางควรจะตกรางวัลให้ข้าเพิ่มอีกสัก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 95

    จ่านเหยียนร้องเฮอะ “ที่หลงฉางเทียนมีนิสัยไม่มีเหตุผล ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นเช่นนี้ล้วนได้มาจากบรรพบุรุษอย่างที่คิดจริง ๆ”“เจ้ากล้านักนะ อยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลงของข้าแล้วยังจะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีก?” ผู้เฒ่าผมขาวมองมาด้วยสายตาเดือดดาลจ่านเหยียนแย้มยิ้มชั่วร้าย “กระทั่งข้าเจ้าก็ยังไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็เลยกล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้สินะ?” เมื่อจ่านเหยียนพูดจบ ก็ชูมือขาวผ่องขึ้น แหปลาสีทองปากหนึ่งพลันหล่นลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมกลุ่มดวงวิญญาณของสกุลหลงกลุ่มนั้นไว้ นางคว้าแหจับปลาแล้วใช้มือเหวี่ยงออกไป แหจับปลากลับหดเล็กลงเป็นกลุ่มก้อน แล้วบีบไว้ในมือแน่นหยางจิ่วเม่ยตกตะลึง รีบก้าวเข้าไปด้วยอยากจะร้องขอความเมตตา ทว่าจ่านเหยียนกลับมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าสนใจแต่ตัวเจ้าเองก็พอ”หยางจิ่วเม่ยชะงัก ก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง“ขึ้นไปบนแท่นบูชาเถิด ข้าจะส่งเจ้าขึ้นไปด้วยมือของข้าเอง ไม่มีใครไล่เจ้าไปได้หรอก” จ่านเหยียนชูฝ่ามือขึ้นปล่อยพลังตรงไปดันหยางจิ่วเม่ยขึ้นไปวิญญาณของหยางจิ่วเม่ยกลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หายในแท่นบูชาจ่านเหยียนใช้พลังหยินกักขังบ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 94

    ก่อนงานเลี้ยงยามเย็นจะเริ่ม อยู่ ๆ จ่านเหยียนกลับบอกว่าอยากไปกราบไหว้หยางจิ่วเม่ยมารดาแท้ ๆ ของตนที่ศาลบรรพชนสักหน่อยเย่เต๋อโหรวสั่งให้คนไปนำแท่นบูชาออกมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว กำชับให้วางไว้ข้าง ๆ เหล่าบรรพชนสกุลหลง ทั้งให้วางกระถางธูปไว้ด้วยหลงจ่านเหยียนเจาะจงจะให้เย่เต๋อโหรวไปกับนางด้วย มาตรแม้นว่าเย่เต๋อโหรวจะไม่ยินยอม ทว่าก็ยังตามเข้าไปด้วยท่าทีระมัดระวังเนื่องจากนางมีฐานะเป็นไทเฮา ย่อมไม่จำเป็นต้องคุกเข่าจิ้นหรูจุดธูปให้นาง แล้วจึงถอยออกไปในศาลบรรพชนหลงเหลือแค่จ่านเหยียนกับเย่เต๋อโหรวเท่านั้น คนรับใช้ล้วนรออยู่ด้านนอกจ่านเหยียนมองไปยังแท่นบูชาของหยางจิ่วเม่ย จึงรู้ว่าเพิ่งจะนำออกมาวางไปใหม่ เพราะว่าแท่นบูชานั้นใหม่เอี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยควันธูปเจิมเลยสักนิด“ฮูหยิน ท่านสร้างภาพได้ไม่เลวเลย” จ่านเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “บัดนี้ไทเฮามีฐานะสูงส่ง กระทั่งคำว่ามารดาก็ไม่ยอมเรียกขานกันสักคำหรือเพคะ?”“มารดา?” จ่านเหยียนหัวเราะเสียดสี “ข้าแค่กลัวว่าถ้าเรียกออกไป แล้วท่านจะรับไม่ไหวน่ะสิ”“กฎแห่งฟ้าดินแลศีลธรรมของ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 93

    นางเฉินเพิ่งเดินออกไป หงฮวาก็เข้ามาแล้ว นางตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว บัดนี้กำลังสวมใส่ชุดสีชมพูอมม่วง ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็กล่าวว่า “ฮูหยิน ไยเงินเดือนของเดือนนี้ถึงได้น้อยเช่นนี้เล่าเจ้าคะ? ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้ากำลังท้องกำลังไส้ มีที่ที่ให้ต้องใช้เงินมากมายไปหมด เงินเล็กน้อยแค่นี้ แค่ครึ่งเดือนก็ยังไม่พอเลย”เย่เต๋อโหรวมองนางเล็กน้อย แล้วกล่าว “เดือนนี้ในจวนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินเดือนของทุกเรียนจึงลดลงเช่นกันหมด มิใช่ว่าให้ไฉ่หลีไปบอกเจ้าแล้วหรือ?”“ท่านลดเงินของผู้อื่นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แต่นี่ข้ากำลังท้องอยู่ หมอบอกว่าครรภ์นี้ของข้าเป็นผู้ชาย หากมีอะไรผิดพลาดไป ท่านแม่ทัพต้องไม่ปล่อยข้าไว้แน่” หงฮวากล่าวด้วยดวงตาเยือกเย็นซึ่งเจือแววข่มขู่เล็กน้อยเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย “พอแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะแบ่งจากส่วนของข้าให้เจ้าครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้คนนำไปมอบให้เจ้า เช่นนี้พอใจแล้วกระมัง?”หงฮวาถึงได้ยิ้มออกมา “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”นางชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “นึกไม่ถึงว่าหลงจ่านเหยียนจะกลับมาเยี่ยมบ้านมารดา การต้อนรับคงใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยสินะเจ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 92

    เช้าวันต่อมา รางวัลของกรมพิธีการก็มาถึง บรรจุเอาไว้เต็มรถม้าสองคันใหญ่ ล้วนเป็นของที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้แก่หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเอาไว้แจกจ่ายเป็นรางวัลระหว่างที่เดินทางกลับบ้านที่เรียกว่ากลับสู่บ้านเกิดในสภาพเต็มยศ ก็เป็นเช่นนี้เองเกี้ยวหงส์หยุดอยู่ในตรอกตำหนักหรูหลาน ขันทีแลนางกำนัลยืนเรียงเป็นสองแถว ตามอยู่ด้านหลังกองทหารเกียรติยศ ห่างไกลกันถึงหนึ่งลี้จิ้นหรูและกัวอวี้ประคองจ่านเหยียนออกมา วันนี้จ่านเหยียนสวมชุดชาววังจากผ้าไหมปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูดอกบัวดอกใหญ่ซึ่งสวมใส่เป็นประจำ เครื่องประดับเกศาก็ปักอย่างเรียบง่าย บนผมทรงอาชาร่วงปักปิ่นทองห้อยหางหงส์ พร้อมด้วยปิ่นหยกเขียวที่ช่วยเสริมให้ดูสง่างามขึ้นท่ามกลางความงดงามนางนั่งอยู่บนเกี้ยวหงส์ กองทหารเกียรติยศคอยเปิดทางให้อยู่ด้านหน้าราตรีอันมืดมิดคืนหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน นางก็ถูกหามเข้าวังไปเช่นนี้ กะพริบตาเพียงครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งปีเสียแล้ว คนสกุลหลงรอรับเกี้ยวหงส์ที่หน้าประตูจวนตั้งแต่เช้าแล้ว ครั้นได้ยินเสียงของกองทหารเกียรติยศดังขึ้น หลงฉางเทียนก็รีบสั่งให้คนออกมาต้อนรับทันทีพรมสีแดงผืนหนึ่งทอดยาวตั้งแต่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status