Share

บทที่ 48  

Author: ลิ่วเยว่
และสุดท้าย จิ้นหรูก็เล่าว่าฝ่าบาทได้ตรัสกลางท้องพระโรงความว่าก่อนหน้านี้พระองค์ทรงพระประชวรหนักสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด ได้มีราชโองการสั่งฝังฮองเฮาทั้งเป็นเพื่อจะเสด็จสวรรคตไปพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องโหดร้ายไร้มนุษยธรรมอย่างถึงที่สุด ฉะนั้น พระองค์จึงมีดำรัสให้ยกเลิกราชโองการฉบับนั้นเสีย

จิ้นหรูอยากให้หลงจ่านเหยียนสบายใจ แม้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จสวรรคต ทว่าเขาก็มิได้ต้องการให้มีการฝังทั้งเป็นอีกแล้ว

หลงจ่านเหยียนเพียงผุดยิ้ม และมิได้เอ่ยวาจาใดอีกเช่นเคย

จิ้นหรูคอยสังเกตสีหน้าของนางอย่างละเอียดอยู่ตลอด หวังจะจับพิรุธบางอย่างผ่านการแสดงออกทางสีหน้า ทว่าสุดท้ายนางก็ต้องผิดหวัง เพราะหลงจ่านเหยียนดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร กับสิ่งที่นางกำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย

จ่านเหยียนสวมชุดราชพิธีของฮองเฮา พูดตามตรง ด้วยรูปร่างทรวดทรงของนางตอนนี้ดูไม่เหมาะกับอาภรณ์ที่เปี่ยมล้นด้วยอำนาจและความน่าเกรงขามนี้เลย แต่กลับชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนเด็กน้อยที่แอบเอาเสื้อผ้าอาภรณ์ของผู้ใหญ่มาสวมเล่นมากกว่า

โภชนาการห่วยแตกฆ่าคนตายได้จริง ๆ!

ยุคนี้ ยังไม่มีรองเท้าส้นสูงด้วยซ้ำไป และต่อให้นางจะพยายามใช้ปัจจัยภ
Locked Chapter
Patuloy ang Pagbabasa sa GoodNovel
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 49  

    “เชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ช่างปะไร ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ไม่เคยโกหกท่าน” จ่านเหยียนเอ่ย ฮ่องเต้เงียบไปนานครู่ใหญ่ จากนั้นค่อยเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรมองหลงจ่านเหยียน “เราไม่ปลดรัชทายาท ในบรรดาพระโอรสของเรา มีเพียงเขาที่พอมีความสามารถอยู่บ้าน เราจะยอมให้ผู้ไร้ความสามารถขึ้นครองราชย์ดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เราเชื่อว่าเขามีความสามารถมากพอจะรักษาสมดุลสถานการณ์ และอีกอย่าง มีเจ้าอยู่ด้วยมิใช่หรือ?” หลงจ่านเหยียนไม่พูดอะไรอีก นางเข้าใจความหมายของฮ่องเต้ เขาต้องการให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ เพราะว่ารัชทายาทพระองค์นี้พอมีเล่ห์เหลี่ยมฝีมืออยู่บ้างและมีความทะเยอทะยานอันป่าเถื่อน วันข้างหน้าอาจมีกำลังต้านกระแสคลื่นคลั่ง ส่วนพระโอรสพระองค์อื่น หากวันหนึ่งได้ขึ้นครองราชย์ คงมีแต่จะมอบบัลลังก์ฮ่องเต้ให้คนอื่นถึงมือ จนถึงตอนนี้เขายังมุ่งมาดปรารถนาอยู่ตลอดที่จะให้ตำแหน่งฮ่องเต้ตกทอดต่อไปยังลูกหลานของตัวเขาเอง มิใช่ตกเป็นของผู้อื่น ต่อให้เป็นน้องชายแท้ ๆ ของตนเอง นั่นก็ยังไม่เพียงพอ หลงจ่านเหยียนมิได้บอกกับเขาว่า คนเรา มิอาจโลภมากเกินไป ความปรารถนาเดิมของเขาคือการปกป้องชีวิตขององค์รัชทา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที 50  

    มู่หรงฉิงเทียนมิได้แสดงความคิดเห็น เพียงแต่เหลือบสายตาขึ้นมองฮุ่ยอวิ่น “ตามหามาเนิ่นนานเพียงนี้แล้ว เจอตัวเทพโอสถแล้วหรือยัง?” แววตาของฮุ่ยอวิ่นพลันมืดไป “ยังมิได้ข่าวคราวเลย ศิษย์ของเขากล่าวว่าเขาออกพเนจรไปทั่วสี่สมุทร ไม่รู้ปลายทางอยู่แห่งหนใด ต้องรอให้เขาปรากฏตัวเท่านั้น ครั้นจะตามหาเขากลับเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งนัก” มู่หรงฉิงเทียนเปล่งเสียงอืมรับคำ ปกปิดความผิดหวังในแววตาเอาไว้ ฮุ่ยอวิ่นกล่าวปลอบโยน “วางใจเถิด ส่งคนออกไปมากเพียงนั้นแล้ว จะต้องหาเจอแน่ เพียงแต่ปัญหาคือเรื่องเวลาก็เท่านั้น อีกอย่าง เสี่ยวจงมิได้บอกหรือว่าโอสถของหมอเฉินก็พอจะได้ผลกับดวงเนตรของไท่เฟย? ไท่เฟยกล่าวว่าพอจะมองเห็นเงาแสงได้บ้างแล้ว” “ท่านเสด็จแม่ก็แค่กำลังปลอบโยนข้าก็เท่านั้น” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขากระตุกมุมปากผุดยิ้มอย่างอึมครึม “หนี้แค้นนี้ ข้าจะต้องทวงคืนจากจงเสี้ยนไทเฮากลับมาให้ได้” “การแย่งชิงความโปรดปรานในวังหลัง คือสมรภูมิที่ปราศจากเขม่าดินปืนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่อุบายของจงเสี้ยนไทเฮาชั่วร้ายอำมหิตเกินไปนัก ได้ยินยังอกสั่นขวัญหาย” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ยอย่างเย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 51  

    ตำแหน่งที่หลงจ่านเหยียนยืนอยู่ สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้พอดี ยิ่งไปกว่านั้นยังมองเห็นประกายความโศกเศร้าที่สว่างวูบออกมาจากนัยน์ตาของเขาชัดเจน ในราชวงศ์อาจจะมีการเข่นฆ่าแย่งชิงอำนาจกันไม่ขาด แต่ถึงอย่างไร ตีกระดูกหักไปก็ยังมีเส้นเอ็นเชื่อมโยง ผู้ที่จากไปแล้ว ก็เพียงพอจะทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตมีเสี้ยวขณะที่เจ็บปวดโศกเศร้าได้เสมอ เนิ่นนานครู่ใหญ่ มู่หรงฉิงเทียนค่อยเงยศีรษะขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปทางนาง สายตาของเขาเย็นชาและห่างเหิน ทว่ามารยาทที่พึงมีก็มิได้ขาดตกบกพร่อง เขาสืบเท้ามาด้านหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบา “พี่สะใภ้ ขอแสดงความเสียใจด้วย!” หลงจ่านเหยียนมิได้รู้สึกเจ็บปวดโศกเศร้าอะไร ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย นางเห็นมาก็มากแล้ว ที่เรียกว่าเกิดแก่เจ็บตาย นอกจากความแก่ชราและการเจ็บไข้ได้ป่วย อันที่จริงการเกิดและความตายนับเป็นความเมตตากรุณาจากสวรรค์ ไม่มีความจำเป็นจะต้องโศกเศร้าเสียใจเลยจริง ๆ นางผงกศีรษะเล็กน้อย “ท่านอ๋องมีน้ำใจดี” เขามิได้เอ่ยวาจาใด เพียงแต่เหลือบสายตาจ้องมองนางอีกครั้ง ก็หมุนตัวและเดินจากไป แม้แต่คำกล่าวลาก็ยังไม่มี หลงจ่านเหยียนรู้สึกว่าเขาคงจะดูแค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 52  

    หลงจ่านเหยียนเดินตามหรูหัวเข้าไปในตำหนักตามลำพัง ตำหนักชิงหนิงงดงามและหรูหรากว่าตำหนักหรูหลันของนางไปไกลมาก ใช้หยกขาวแทนอิฐ เครื่องใช้ภายในตำหนัก ล้วนทำจากไม้จันทน์ชั้นดี เสากลมสองต้นกลางท้องพระโรงสลักรูปหงส์ทะยานในเกลียวเมฆสายหมอก เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความสง่างามน่าเกรงขามของฮองไทเฮามารดาแห่งแผ่นดิน หรูหัวนำทางนางเข้าไปยังตำหนักข้าง ภายในตำหนักข้าง ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยฉากบังตาหินอ่อนสี่บานเฟี้ยม ประดับด้วยผ้าม่านสองชั้นห้อยลงมา ผ้าม่านผืนบางสีเหลืองถูกลมม้วนขึ้น เผยให้เห็นมุมเล็ก ๆ สามารถมองเห็นถงไทเฮากำลังเอกเขนกเอนกายอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยได้อย่างเลือนราง “ไทเฮาเพคะ หลงไทเฮาเสด็จมาถึงแล้วเพคะ!” หรูหัวเดินขึ้นไปด้านหน้าก่อนจะค้อมกายลงกล่าวรายงาน “อือ!” เสียงยานคางแว่วดังมาจากหลังผ้าม่านบาง มุมหนึ่งของผ้าม่านที่ยกขึ้น มีชายกระโปรงสีทองลู่ลงมาข้างตั่ง ชวนให้รู้สึกว่าสูงส่ง…ทรงอำนาจอย่างไร้ใดเปรียบ ความจริงด้วยกฎระเบียบของพระราชวัง ถงไทเฮาจะต้องคารวะจ่านเหยียน แม้จะไม่คารวะ ทว่าสองคนก็ควรยืนเสมอกันนั่งเสมอกัน นางมิควรเอาแต่เอนกายอยู่ด้านในนั้น แม้แต่ผ้าม่านยังไม่ม้วนขึ้นเสียด้วยซ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 53  

    ถงไทเฮาพลันหยัดกายขึ้นยืน และคว้าแขนของนางเอาไว้ สีหน้ามืดครึ้มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “น้องหญิงไยจึงรีบร้อนนัก? นั่งดื่มชากับข้าก่อนเถิด” แรงบีบมือของนางมีมหาศาล จนปลายเล็บจิกเข้าไปในแขนของจ่านเหยียน จ่านเหยียนพลันขมวดคิ้วขึ้น “ท่านยังมีธุระใดอีก พูดออกมาให้หมดเถิด” ถงไทเฮาหัวเราะเย็น ๆ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไยเจ้าจึงรีบร้อนนัก? นั่งคุยเล่นกับข้าก่อนมิได้หรือ?” จ่านเหยียนสะบัดมือของนางออก ก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง “ได้ ท่านอยากคุยเรื่องอะไร?” ถงไทเฮาก็ค่อย ๆ นั่งลงเช่นกัน “น้องหญิงเข้าวังมาถึงวันนี้ คงจะปรับตัวได้แล้วกระมัง?” “ได้แล้ว!” จ่านเหยียนตอบกลับอย่างรวบรัด ถงไทเฮาชี้ปลายนิ้วไปยังน้ำชาในถ้วยซึ่งตั้งอยู่หน้านาง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “น้ำชานี้ได้ยินว่าเป็นเครื่องบรรณาการมาจากตระกูลชั้นสูง รสชาติเย็นสดชื่น ไฉนน้องหญิงจึงไม่ลองลิ้มรสดูสักครั้ง?” จ่านเหยียนยกน้ำชาขึ้นมา พลางปัดเศษชาออกด้วยความเคยชิน เห็นน้ำชาใสกระจ่าง กลิ่นหอมตลบอบอวล ชาคงจะเป็นชาชั้นดีแน่ หากว่ามิได้เติมสิ่งอื่นใดลงไปด้วย ทว่า นางมีชีวิตมาตั้งกี่ร้อยปีแล้ว ยังมียาสลบแบบใดที่ไม่เค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 54  

    หน้าประตูตำหนักพลันมีแสงเงาวูบไหว นางกำนัลร่างกำยำสูงใหญ่หลายคนพลันแหวกม่านประตูเข้ามา ยืนตัวตรงอยู่ข้างกายถงไทเฮา ถงไทเฮาหยัดกายขึ้นพลางยิ้มเริงร่า บนดวงพักตร์ที่ปัดผงชาดหนาเตอะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ นางชี้นิ้วออกไป ปลายเล็บยาวงุ้มไปยังจ่านเหยียน ก่อนจะตรัสกับนางกำนัลว่า “จงไปเตรียมผ้าขาวและสุรายาพิษ ให้หมู่โฮ่วฮองไทเฮา” จ่านเหยียนก้าวเท้าเล็กน้อย ถงไทเฮาคิดว่านางจะวิ่งหนี ก็ตะคอกใส่นางกำนัลด้วยเสียงเหี้ยม “จับตัวนางไว้” นางกำนัลเหล่านั้นรีบรุดไปด้านหน้าอย่างเร็วรี่ คว้าแขนของจ่านเหยียนไว้ และบิดไปด้านหลังอย่างรุนแรง จ่านเหยียนหงุดหงิด กำลังจะบันดาลโทสะแล้ว กลับมีเสียงแจ้งรายงานของขันทีแว่วดังมาจากด้านนอกเสียก่อน “เซ่อเจิ้งอ๋องมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!” ถงไทเฮาผงะไป ตรัสอย่างร้อนใจว่า “ขวางเซ่อเจิ้งอ๋องไว้” ทันทีที่สิ้นเสียง เซ่อเจิ้งอ๋องก็นำคนเข้ามาถึงด้านในแล้ว เขาสวมอาภรณ์ตัวยาวสีดำปักลายมังกรห้าตัว พร้อมด้วยองครักษ์จำนวนหนึ่งเดินตามมาด้านหลัง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นจิ้นหรูกูกูเดินตามหลังกลุ่มองครักษ์ และเข้ามาในตำหนักด้วย จิ้นหรูสืบเท้าสวบ ๆ เดินไปข้างกายจ่านเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 55  

    วันนี้ก็แค่ละครตลกฉากหนึ่งเท่านั้น มิได้ทำให้นางบาดเจ็บอะไร ขณะเดียวกันก็ยังทำให้เข้าใจถงไทเฮาลึกซึ้งขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ บุคคลผู้นี้ช่างโง่เขลาดุจสุกร ความโหดเหี้ยมมีมากพอแล้ว ทว่าคนที่โหดเหี้ยมชั่วร้าย จำเป็นต้องมีสติปัญญาความฉลาดเฉลียวมหาศาลถึงจะลุล่วงไปได้ ทว่าถงไทเฮานั้น ไม่น่าเกรงกลัวเอาเสียเลย จ่านเหยียนยืนอยู่ริมสระบัวในอุทยานหลวง เดือนสี่ของโลกมนุษย์เต็มไปด้วยหมู่มวลบุปผาที่แย้มบาน ดอกไห่ถังดอกทับทิมฝั่งตรงข้ามออกดอกสีแดงสดงดงามบานสะพรั่งเป็นแนว ต้นไม้เขียวขจีตัดกับพวงผกาสีแดงสด ต่างยิ่งเกื้อหนุนกันให้งดงามลงตัว ในสระบัวมีดอกบัวอ่อนเพิ่งโผล่ปลายแหลมขึ้นมา ปกคลุมทั่วทั้งผืนน้ำ และเมื่อสายลมอ่อนพัดมา ตรงช่องว่างระหว่างใบบัว สามารถมองเห็นผิวน้ำขยับไหวเป็นริ้วคลื่นจากสายลม ความวิจิตรตระการตาเช่นนี้ มองแล้วนางยังเผลอเคลิบเคลิ้มล่องลอยไป คนเราเมื่อถึงวัยหนึ่งแล้ว จะเข้าใจได้เองว่า ความจริง แค่ได้ทอดสายตามองทัศนียภาพอย่างเงียบสงบเช่นนี้ ก็นับเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งแล้วเหมือนกัน “ไทเฮาเพคะ ทรงถูกรังแกหรือไม่เพคะ?” จิ้นหรูถามอย่างเป็นกังวล จ่านเหยียนผุดยิ้ม “ม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 56

    จ่านเหยียนมองตามเงาหลังของเขาด้วยความสงสัย เอ่ยถามจิ้นหรู “คนผู้นี้เขาเป็นคนเย็นชาแบบนี้ตลอดเลยหรือ?”จิ้นหรูเหลือบมองอาซานแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยกับจ่านเหยียน “จริง ๆ แล้วท่านอ๋องเป็นคนปากแข็งใจดี ไทเฮาอย่าได้เข้าใจผิด เขาทำเช่นนี้ ก็เพื่อไทเฮาเองเพคะ”“เขาดูเหมือนจะเคารพท่านมาก” จ่านเหยียนกล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิดจิ้นหรูยิ้ม “บ่าวเติบโตมาพร้อมกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน จึงสนิทสนมกับท่านอ๋องมากกว่าเล็กน้อย”“ฮ่องเต้พระองค์ก่อนกับเขามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก่อนใช่หรือไม่?” จ่านเหยียนเอ่ยถาม“ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงมีพระชนมายุมากกว่าท่านอ๋องกว่าสิบปี ตอนที่ฮ่องเต้ทรงอภิเษกสมรส ท่านอ๋องยังเป็นเพียงเด็กน้อย พึ่งพาฮ่องเต้พระองค์ก่อนมาก แต่ว่าหลังจากนั้น...” สีหน้าของจิ้นหรูกูกูเศร้าสร้อยเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรต่อถึงแม้นางจะไม่พูด จ่านเหยียนก็เข้าใจแล้ว การแย่งชิงอำนาจในราชวงศ์ ย่อมทำให้ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องและพ่อลูกกลายเป็นเหินห่าง หรือแม้กระทั่งเป็นศัตรูกัน ในระหว่างนั้น คงจะเกิดเรื่องราวมากมายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาซานไม่ได้พูดอะไร เดินตามจ่านเหยียนและจิ้นหรูกลับไปยังตำหนักชิงหนิงผู้คน

Pinakabagong kabanata

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 97

    พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบจ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงานนางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้วอย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซินจ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 96

    ครั้นหลงฉางเทียนกล่าวจบ จ่านเหยียนจึงเริ่มตกรางวัลนี่เป็นรายการที่สกุลหลงตั้งตาคอยที่สุด ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาจากคนของกรมพิธีการแล้วว่าครานี้ไทฮองไทเฮาลงทุนไปไม่น้อย ของที่เลือกมาล้วนเป็นของล้ำค่าในวังทั้งสิ้นของรางวัลแต่ละชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนบรรจุไว้ในกล่องของขวัญ ยามตกรางวัลก็มิได้พูดชัดเจนว่าคืออะไร เรียกความสับสนงุนงงจากคนที่มาร่วมงาน การตกรางวัลโดยปกติแล้ว มักจะแจ้งชื่อเรียกของรางวัลนั้น ๆ เพื่อให้คนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตกรางวัลที่ดูลึกลับเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกทว่าในเมื่อไทเฮาไม่พูด จึงไม่มีคนกล้าเปิดออกดู ได้แต่สั่งให้บ่าวรับใช้ส่งกลับไปที่เรือนของตนเองก่อน กลับไปแล้วค่อยเปิดดูหงฮวาอยากเห็นมาตลอดว่าของรางวัลที่นางได้เป็นอะไร ทว่าเห็นคนอื่นไม่เปิดดู นางเองก็ไม่กล้าเปิดเช่นกันอันที่จริงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เพราะตกรางวัลมาให้นางเพียงชุดเดียว จะดีร้ายอย่างไรยามนี้นางก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลง แม้บุตรจะยังไม่คลอดออกมา แต่ก็ควรให้เพิ่มขึ้นอีกสักสุดนางเอื้อมมือออกไปรั้งแขนเสื้อเย่เต๋อโหรว กระซิบถามว่า “ฮูหยิน ท่านว่านางควรจะตกรางวัลให้ข้าเพิ่มอีกสัก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 95

    จ่านเหยียนร้องเฮอะ “ที่หลงฉางเทียนมีนิสัยไม่มีเหตุผล ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นเช่นนี้ล้วนได้มาจากบรรพบุรุษอย่างที่คิดจริง ๆ”“เจ้ากล้านักนะ อยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลงของข้าแล้วยังจะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีก?” ผู้เฒ่าผมขาวมองมาด้วยสายตาเดือดดาลจ่านเหยียนแย้มยิ้มชั่วร้าย “กระทั่งข้าเจ้าก็ยังไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็เลยกล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้สินะ?” เมื่อจ่านเหยียนพูดจบ ก็ชูมือขาวผ่องขึ้น แหปลาสีทองปากหนึ่งพลันหล่นลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมกลุ่มดวงวิญญาณของสกุลหลงกลุ่มนั้นไว้ นางคว้าแหจับปลาแล้วใช้มือเหวี่ยงออกไป แหจับปลากลับหดเล็กลงเป็นกลุ่มก้อน แล้วบีบไว้ในมือแน่นหยางจิ่วเม่ยตกตะลึง รีบก้าวเข้าไปด้วยอยากจะร้องขอความเมตตา ทว่าจ่านเหยียนกลับมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าสนใจแต่ตัวเจ้าเองก็พอ”หยางจิ่วเม่ยชะงัก ก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง“ขึ้นไปบนแท่นบูชาเถิด ข้าจะส่งเจ้าขึ้นไปด้วยมือของข้าเอง ไม่มีใครไล่เจ้าไปได้หรอก” จ่านเหยียนชูฝ่ามือขึ้นปล่อยพลังตรงไปดันหยางจิ่วเม่ยขึ้นไปวิญญาณของหยางจิ่วเม่ยกลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หายในแท่นบูชาจ่านเหยียนใช้พลังหยินกักขังบ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 94

    ก่อนงานเลี้ยงยามเย็นจะเริ่ม อยู่ ๆ จ่านเหยียนกลับบอกว่าอยากไปกราบไหว้หยางจิ่วเม่ยมารดาแท้ ๆ ของตนที่ศาลบรรพชนสักหน่อยเย่เต๋อโหรวสั่งให้คนไปนำแท่นบูชาออกมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว กำชับให้วางไว้ข้าง ๆ เหล่าบรรพชนสกุลหลง ทั้งให้วางกระถางธูปไว้ด้วยหลงจ่านเหยียนเจาะจงจะให้เย่เต๋อโหรวไปกับนางด้วย มาตรแม้นว่าเย่เต๋อโหรวจะไม่ยินยอม ทว่าก็ยังตามเข้าไปด้วยท่าทีระมัดระวังเนื่องจากนางมีฐานะเป็นไทเฮา ย่อมไม่จำเป็นต้องคุกเข่าจิ้นหรูจุดธูปให้นาง แล้วจึงถอยออกไปในศาลบรรพชนหลงเหลือแค่จ่านเหยียนกับเย่เต๋อโหรวเท่านั้น คนรับใช้ล้วนรออยู่ด้านนอกจ่านเหยียนมองไปยังแท่นบูชาของหยางจิ่วเม่ย จึงรู้ว่าเพิ่งจะนำออกมาวางไปใหม่ เพราะว่าแท่นบูชานั้นใหม่เอี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยควันธูปเจิมเลยสักนิด“ฮูหยิน ท่านสร้างภาพได้ไม่เลวเลย” จ่านเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “บัดนี้ไทเฮามีฐานะสูงส่ง กระทั่งคำว่ามารดาก็ไม่ยอมเรียกขานกันสักคำหรือเพคะ?”“มารดา?” จ่านเหยียนหัวเราะเสียดสี “ข้าแค่กลัวว่าถ้าเรียกออกไป แล้วท่านจะรับไม่ไหวน่ะสิ”“กฎแห่งฟ้าดินแลศีลธรรมของ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 93

    นางเฉินเพิ่งเดินออกไป หงฮวาก็เข้ามาแล้ว นางตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว บัดนี้กำลังสวมใส่ชุดสีชมพูอมม่วง ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็กล่าวว่า “ฮูหยิน ไยเงินเดือนของเดือนนี้ถึงได้น้อยเช่นนี้เล่าเจ้าคะ? ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้ากำลังท้องกำลังไส้ มีที่ที่ให้ต้องใช้เงินมากมายไปหมด เงินเล็กน้อยแค่นี้ แค่ครึ่งเดือนก็ยังไม่พอเลย”เย่เต๋อโหรวมองนางเล็กน้อย แล้วกล่าว “เดือนนี้ในจวนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินเดือนของทุกเรียนจึงลดลงเช่นกันหมด มิใช่ว่าให้ไฉ่หลีไปบอกเจ้าแล้วหรือ?”“ท่านลดเงินของผู้อื่นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แต่นี่ข้ากำลังท้องอยู่ หมอบอกว่าครรภ์นี้ของข้าเป็นผู้ชาย หากมีอะไรผิดพลาดไป ท่านแม่ทัพต้องไม่ปล่อยข้าไว้แน่” หงฮวากล่าวด้วยดวงตาเยือกเย็นซึ่งเจือแววข่มขู่เล็กน้อยเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย “พอแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะแบ่งจากส่วนของข้าให้เจ้าครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้คนนำไปมอบให้เจ้า เช่นนี้พอใจแล้วกระมัง?”หงฮวาถึงได้ยิ้มออกมา “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”นางชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “นึกไม่ถึงว่าหลงจ่านเหยียนจะกลับมาเยี่ยมบ้านมารดา การต้อนรับคงใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยสินะเจ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 92

    เช้าวันต่อมา รางวัลของกรมพิธีการก็มาถึง บรรจุเอาไว้เต็มรถม้าสองคันใหญ่ ล้วนเป็นของที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้แก่หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเอาไว้แจกจ่ายเป็นรางวัลระหว่างที่เดินทางกลับบ้านที่เรียกว่ากลับสู่บ้านเกิดในสภาพเต็มยศ ก็เป็นเช่นนี้เองเกี้ยวหงส์หยุดอยู่ในตรอกตำหนักหรูหลาน ขันทีแลนางกำนัลยืนเรียงเป็นสองแถว ตามอยู่ด้านหลังกองทหารเกียรติยศ ห่างไกลกันถึงหนึ่งลี้จิ้นหรูและกัวอวี้ประคองจ่านเหยียนออกมา วันนี้จ่านเหยียนสวมชุดชาววังจากผ้าไหมปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูดอกบัวดอกใหญ่ซึ่งสวมใส่เป็นประจำ เครื่องประดับเกศาก็ปักอย่างเรียบง่าย บนผมทรงอาชาร่วงปักปิ่นทองห้อยหางหงส์ พร้อมด้วยปิ่นหยกเขียวที่ช่วยเสริมให้ดูสง่างามขึ้นท่ามกลางความงดงามนางนั่งอยู่บนเกี้ยวหงส์ กองทหารเกียรติยศคอยเปิดทางให้อยู่ด้านหน้าราตรีอันมืดมิดคืนหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน นางก็ถูกหามเข้าวังไปเช่นนี้ กะพริบตาเพียงครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งปีเสียแล้ว คนสกุลหลงรอรับเกี้ยวหงส์ที่หน้าประตูจวนตั้งแต่เช้าแล้ว ครั้นได้ยินเสียงของกองทหารเกียรติยศดังขึ้น หลงฉางเทียนก็รีบสั่งให้คนออกมาต้อนรับทันทีพรมสีแดงผืนหนึ่งทอดยาวตั้งแต่

I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status