ในตอนที่บ่าวรับใช้รายงาน หลงฉางเทียนส่ายหน้าพึมพำว่า “เป็นไปไม่ได้ ข้าลงดาลประตูหน้าแล้ว อาถง อาเถี่ยก็จับตัวเอาไว้แล้ว เป็นไปไม่ได้...”“แต่... ประตูหลังไม่ได้ลงดาลนี่ขอรับ” พ่อบ้านเตือน“แต่นางไม่รู้ว่าข้าจับตัวอาถงกับอาเถี่ยไว้ แล้วจะส่งคนไปอีกได้อย่างไร?” หลงฉางเทียนตื่นตระหนก หากสอบสวนนักฆ่าต่อหน้าใต้เท้าเหล่านี้จริง มันจะไม่เป็นผลดีต่อเขาอย่างยิ่ง“เจ้ากลัวอันใด? คนของหอเงาจันทร์ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ พวกเขายอมตายแต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยผู้จ้างวาน” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สุขุมมาก“แต่วิธีการของคุกทักษิณไม่ธรรมดานะขอรับ” หลงฉางเทียนเอ่ย“ข้าได้ยินมาว่า คนของหอเงาจันทร์จะเตรียมยาพิษเอาไว้ทุกคน อีกอย่าง หลายปีอย่างนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินหรือว่าคนของหอเงาจันทร์ทรยศนายที่อยู่เบื้องหลังเพราะทนกับการทรมาน บีบบังคับให้สารภาพอย่างหนักไม่ได้?” ฮูหยินผู้เฒ่ากวาดตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่ง “เก็บความลนลานของเจ้าเอาไว้ เรื่องขี้ปะติ๋วก็ลนลานแล้ว ต่อไปยังจะหวังให้เจ้าทำงานใหญ่ได้อย่างไร?” หลงฉางเทียนพิจารณาแล้วก็เห็นว่าจริง หอเงาจันทร์ไม่เคยทรยศผู้จ้างวานที่เบื้องหลังม
หลงฉางเทียนนำใต้เท้าทุกท่านไปยังเรือนที่พักของจ่านเหยียนองครักษ์คนหนึ่งต้อนรับอยู่หน้าประตู “ไทเฮาทรงรอพวกท่านอยู่ในเรือน ใต้เท้าทุกท่านโปรดตามข้าน้อยมาเถิด”องครักษ์คนนี้ก็เป็นคนที่เซ่อเจิ้งอ๋องส่งมาอยู่กับจ่านเหยียนเหมือนกัน วรยุทธ์ธรรมดา เขารับคำสั่งตรงจากอาซาน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ขัดขืนคำสั่งของจ่านเหยียนด้วย เพราะอาซานไม่เคยขัดพระเสาวนีย์ของจ่านเหยียนเช่นกันใต้เท้าทั้งหลายจัดระเบียบเครื่องแต่งกาย ก่อนจะตามองครักษ์เข้าไปจ่านเหยียนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งด้วยท่าทางซีดเซียวไร้กำลัง ราวกับได้รับความสะเทือนใจอย่างรุนแรง แม้แต่ริมฝีปากก็ยังปราศจากสีเลือดอาเสอกับเสี่ยวฮวายืนขนาบข้างตัวจ่านเหยียนด้วยท่าทางปรนนิบัติอย่างขยันขันแข็ง“ถวายบังคมหมู่โฮ่วฮองไทเฮา!” ใต้เท้าทั้งสี่คุกเข่าคำนับหลงฉางเทียนยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น ครั้นเห็นใต้เท้าสี่ท่านคุกเข่าลงก็ลังเลเล็กน้อย กลับไม่ได้คุกเข่าลงไป เพียงค้อมตัวนิดหน่อยเท่านั้น“ใต้เท้าทุกท่านโปรดลุกขึ้นยืนเถอะ!” จ่านเหยียนน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านพ่อก็อย่าได้มากพิธี ลูกรับไม่ไหว”หลังจากใต้เท้าทั้งสี่ลุกขึ้นยืนแล้วก็สบตากันทีหนึ่ง แม้จะมีคว
จ่านเหยียนยื่นมือนวดกระดูกคิ้ว ตอบอย่างอ่อนเพลียเล็กน้อย “ไม่ ข้าจะฟังอยู่ที่นี่ ดูสิว่าผู้ใดกันแน่ที่ต้องการทำร้ายข้า”อาเสอเอ่ย “ใต้เท้าทุกท่านก็สอบสวนอยู่ตรงนี้เถอะ แม้ไทเฮาจะตกพระทัย แต่ก็เสวยน้ำแกงสงบจิตแล้ว คาดว่าคงสามารถทนได้ระยะหนึ่ง”เสนาบดีกรมอาญาเฉินจึงเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลำบากไทเฮาแล้ว”จ่านเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย เอามือประคองหน้าอก ท่าทางอ่อนแอเหลือคณา ชวนให้คนที่พบเห็นรู้สึกอดใจนึกสงสารไม่ได้“ซูกงกงเชี่ยวชาญการสอบสวนมาโดยตลอด วันนี้มิสู้ให้ท่านเป็นผู้สอบสวนหลักเถอะ?” ใต้เท้าหลี่เอ่ย“ไม่ ใต้เท้าหลี่คือผู้ว่าการเมืองหลวง สมควรให้ท่านเป็นผู้สอบสวนหลัก!”“จะเป็นข้าไปได้อย่างไร? ที่นี่ยังมีใต้เท้าเสนาบดีเฉินอยู่อีกท่าน” ผู้ว่าการเมืองหลวงรีบประสานมือ“ทุกท่านมิต้องโยนกันไปโยนกันมา ใต้เท้าเฉินคือเสนาบดีกรมอาญา ท่านมาเป็นผู้สอบสวนหลักเถอะ” รองเสนาบดีกรมอาญาจางเจ๋อเถียนส่งเสียง“นั่นสิ ใต้เท้าเฉิน อย่างได้ถ่อมตนอีกเลย นี่คืองานในขอบข่ายความรับผิดชอบของท่าน” ซูกงกงเอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นข้าจะเป็นผู้สอบสวนหลัก ทุกท่านร่วมฟังการสอบสวนเถอะ” ใต้
ซูกงกงถือน้ำชาอยู่ในมือ กลับกวาดสายตาสอดส่องใต้เท้าเฉินไม่หยุด มุมปากถูกยกขึ้นเป็นมุมโค้ง ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“พูด! ใครเป็นคนบงการให้พวกเจ้าลอบปลงพระชนม์ไทเฮากันแน่!” ใต้เท้าเฉินวางถ้วยน้ำชาบนโต๊ะเบา ๆ จากนั้นก็เพ่งเล็ง แล้วถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทันใดหลงฉางเทียนจ้องนักฆ่าซึ่งเป็นผู้นำคนนั้นตาเขม็ง ในใจร้อนรน หลังจากนักฆ่าของหอเงาจันทร์ทำงานพลาดและถูกจับ ก็มิควรกัดยาพิษฆ่าตัวตายหรือ?แต่... ทั้งสิบสองคนสีหน้าหม่นหมอง ไม่ได้ทำอะไร แม้จะไม่พูด กลับทำให้คนวิตกกังวล“ไม่พูดใช่ไหม? ข้าก็อยากดูสิว่าคอของพวกเจ้าแข็งหรืออุปกรณ์ลงทัณฑ์ของข้าจะแข็งกว่า!” ใต้เท้าเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเสียดสีนอกประตูมีเสียงเดินและเสียงค้ำไม้เท้าดังมา ฮูหยินผู้เฒ่าหลงเดินมาด้วยการประคองของสาวใช้สองคน“นี่กำลังสอบสวนอยู่แน่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปาก“คารวะฮูหยินผู้เฒ่า!” ใต้เท้าทั้งหลายโค้งตัวเล็กน้อย“ใต้เท้าทุกท่านมิต้องมากพิธี!” ฮูหยินผู้เฒ่าเดินตรงมาถึงข้างตัวจ่านเหยียน จ่านเหยียนพลันขดตัวถอยไปข้างหลังตามจิตใต้สำนึก สีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัว“แม่หนูเหยียน ตกใจแล้วละสิ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“มียอดฝีมือของคุกทักษิณอยู่ จะให้คนร้ายลงมือสำเร็จได้อย่างไร? นอกเสียจากซูกงกงจะไม่เชื่อมั่นลูกน้องของตัวเอง” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวชืด ๆ“ฮูหยินผู้เฒ่าก็บอกว่าเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ ย่อมเสี่ยงไม่ได้ ข้ามั่นใจแปดเก้าส่วนว่าจะสามารถกุมตัวพวกเขาถึงคุกทักษิณได้จริง ๆ แต่มีหนึ่งถึงสองส่วนที่อาจผิดพลาด ดังนั้นข้าจะเสี่ยงไม่ได้”“หากซูกงกงเชื่อข้า ข้าจะกุมตัวไปด้วยตัวเอง” ฮูหยินผู้เฒ่าโอ้อวดตนซูกงกงหลุดหัวเราะ “จะกล้ารบกวนฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เสนาบดีกรมอาญาอยู่ที่นี่ รองเสนาบดีกรมอาญาอยู่ที่นี่ ใต้เท้าผู้ว่าการเมืองหลวงก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน มิหนำซ้ำไทเฮาก็ทรงกำกับดูแลอยู่ ฉะนั้นที่นี่ ก็คือศาล!”ซูกงกงไม่ได้มองใบหน้าชราเขียวขาวยากจะแยกแยะนั้นของฮูหยินผู้เฒ่า แต่เรียกคนโดยตรง “เด็ก ๆ ลงทัณฑ์กับนายท่านพวกนี้หน่อย!” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาและนุ่มนวล ใบหน้าก็อ่อนโยนมากเช่นกัน ราวกับกำลังพูดเรื่องผ่อนคลายอย่างยิ่งแต่ทุกคนต่างรู้ อุปกรณ์ลงทัณฑ์ของคุกทักษิณล้วนเป็นของที่โหดเหี้ยมที่สุด ชวนให้คนได้ยินก็ขวัญผวาแต่ที่ทำให้ประหลาดใจคือ ซูกงกงกลับสั่งให้คนขนอุปกรณ์ลงทัณฑ์มาด้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าสบตากับหลงฉางเทียนทีหนึ่ง คนแรกสีหน้านิ่ง ทว่าดวงตาเทามืดมีความกังวล ส่วนหลงฉางเทียนสีหน้าเคร่งเครียด ตื่นตระหนกถึงขีดสุดซูกงกงเดินมาอยู่ข้างตัวนักฆ่าคนหนึ่ง แล้วใช้มีดเฉือนเหนือศีรษะของเขาเบา ๆ เมื่อนั้นเส้นผมปอยหนึ่งก็ตกลงพื้นและติดกับรอยเลือด แม้เป่าก็ไม่ปลิว นักฆ่าผู้นั้นเพิ่งจะถูกลงแส้ไปคำรบหนึ่ง เสื้อผ้าบนตัวขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี เลือดติดกับเสื้อผ้า บางจุดที่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ยังมีเลือดหยดลงมาติ๋ง ๆเขารอซูกงกงอย่างเย็นชา สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะถ่มน้ำลายทีหนึ่ง “เจ้าหมาตอน เจ้าลงมือเต็มที่ได้เลย ถ้าปู่ร้องสักแอะ ก็ไม่ใช่พ่อของเจ้า!”“พูดอย่างไร?!” ขันทีคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างประเคนฝ่ามือไปสองฉาดดังเพียะ ๆ พร้อมตะคอกเสียงแข็งซูกงกงจุ ๆ ๆ แล้วตำหนิขันที “ดูเจ้าสิ ทำไมถึงหยาบคายอย่างนี้นะ? อย่างไรก็เป็นหนุ่มน้อยหนังเนียนเนื้อนุ่ม ควรปฏิบัติอย่างดีจึงจะถูก”เขาจับผมสั้นของนักฆ่าผู้นั้นแล้วกระชากไปข้างหลัง จึงยิ้ม “อื่ม หนังเหนียวดี ข้าชอบแบบนี้นี่แหละ” เท้าของเขาเหยียบอยู่บนน่องของนักฆ่า ได้ยินเพียงเสียงกร๊อบ ความเจ็บปวดแสดงออกบนใบหน้าของนักฆ่าเล็กน้
“ได้ ท่านระวังหน่อยนะ อย่ากรีดถูกเส้นเลือดใหญ่ที่คอเล่า ประเดี๋ยวเลือดออกมากแล้วจะหมดสนุก” จ่านเหยียนสั่ง“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะลงมือเดี๋ยวนี้ ไทเฮาทรงระวังอย่าทอดพระเนตรนะพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ตกพระทัย!” ซูกงกงกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องเขาใช้มือหนึ่งจิกผมของนักฆ่า กดศีรษะไปด้านหลัง ใบมีดบางประกายหนาวกรีดคางของเขาเบา ๆ หยดเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ซูกงกงหยิบผ้าขนหนูมาซับอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดึงไปด้านข้างให้เห็นช่องทุกคนในนั้นเบือนหน้าหนีกันหมด นักฆ่าที่ถูกถลกหนังกลัวจนปากสั่นเหมือนกัน เขาอยากฆ่าตัวตาย แต่ยาพิษในปากถูกเอาออกมานานแล้ว หากจะกัดลิ้น ตอนนี้ก็กัดไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะปากถูกซูกงกงล็อกเอาไว้ ขยับไม่ได้เขาสั่นงันงก เปล่งเสียงประโยคหนึ่งออกมาจากร่องฟัน “ลงมือสิ ปู่เจ้าไม่กลัวหรอก”“ข้าก็ไม่อยากให้เจ้ากลัวเหมือนกัน ถ้าเจ้าสารภาพตอนนี้ ข้ายังจะอารมณ์เสียอีกแน่ะ หนังดี ๆ เช่นนี้ ทำเป็นป๋องแป๋งถวายให้ไทเฮาก็ถือเป็นน้ำใจอย่างสุดซึ้งของข้าแล้ว”ซูกงกงคาบมีดเอาไว้ สองมือคลำอยู่ที่คางของเขาอย่างคล่องแคล่ว ได้ยินเพียงเสียง “ฉึก ๆ” ในที่สุดเสียงร้องโหยหวนก็เล็ดลอดออกมาจากปากของนักฆ
หลงฉางเทียนใบ้รับประทานทันทีอาเสอมุมปากยกมุมโค้งได้ใจ ที่นางต้องการก็คือผลแบบนี้นี่แหละอันที่จริง หากต้องการลงมือกับคนของหอเงาจันทร์มันยากมาก มีแต่สร้างความกดดันให้กับหลงฉางเทียนจึงจะทำให้เขาเผยพิรุธได้จ่านเหยียนดึงผ้าตาข่ายออก แล้วมองหลงฉางเทียนด้วยความตะลึงเล็กน้อย “ท่านพ่อ ท่านจะฆ่านางกำนัลของลูกหรือเจ้าคะ? นี่มันเพราะเหตุใดกัน?”ชั่วขณะ หลงฉางเทียนคิดคำแก้ตัวไม่ออก จึงได้แต่หันไปมองขอความช่วยเหลือจากฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินผู้เฒ่าหน้าตึง ตามด้วยตวาดใส่อาเสอ “เจ้ามีฐานะอะไร? ใต้เท้าทั้งหลายกำลังพิจารณาคดี เจ้าเป็นบ่าวคนหนึ่งก็กล้าสอดปาก? ไสหัวออกไปเสีย!”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เห็นฮูหยินผู้เฒ่าบันดาลโทสะ ท่าทางน่าสะพรึงเช่นนี้ ต้องไม่กล้าพูดอะไรอีกแน่แต่อาเสอกลัวเสียที่ไหน? นางเชิดหน้าอย่างทระนงและตอบว่า “คำพูดนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าช่างกล่าวได้ดีนัก ใต้เท้าทั้งหลายกำลังพิจารณาคดี แล้วฮูหยินผู้เฒ่ามาทำอันใดเจ้าคะ?”“เจ้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าใบหน้าเขียวปัด เปลี่ยนการพูดจากหนักแน่นเป็นด่าทอ “ข้าคือฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสองที่อดีตฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง ใต้เท้าทุกท่านในที่นี้เห็นข้าแ
กาสุราสำริดตกลงพื้นดัง ‘เคล้ง’ แล้วหมุนเป็นวงบนพื้นเย็นเฉียบสองรอบ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างเท้าของฮองเฮาเหลียงกุ้ยเหรินมองนางอย่างสงบ ทันใดนั้นหว่างคิ้วกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง องคาพยพย่นยู่เข้าด้วยกันด้วยความทรมาน นางเอามือไปกดท้องตามจิตใต้สำนึก จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่อตัวต่ำลง ก่อนจะล้มลงกับพื้นดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บนใบหน้ามีความทรมานและความตื่นตระหนกหวาดกลัว น้อยคนนักที่จะเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังจะมาถึงซึ่งหน้านางใช้มือหนึ่งดึงข้อเท้าของฮองเฮา และเอ่ยอย่างเจ็บปวด “ฮองเฮา ทรงตรัสแล้วว่า จะไม่ทำให้ครอบครัวหม่อมฉันลำบากใจ...”เลือกสดทะลักออกมาจากปากของนางที่ยังกล่าวไม่จบทีละคำ ๆ นางตัวกระตุก ยังไม่ทันกล่าวจบก็กรีดร้องด้วยความทุกข์ทนแสนสาหัสฮองเฮามองนางด้วยสีหน้าเย็นชา นางขยับเท้าออกเบา ๆ ไม่ได้พูด ทว่ามีความสาแก่ใจปราดผ่านเข้ามาในดวงตาไม่ว่าผู้ใดนางก็เสียสละได้ เป้าหมายคือเพื่อปกป้องตำแหน่งฮองเฮาของนางสกุลถงเป็นฮองเฮาสามชั่วอายุคน นางจะให้ตำแหน่งของตัวเองสั่นคลอนไม่ได้แม้แต่น้อยนางจ้องมองเหลียงกุ้ยเหรินอยู่อย่างนี้ กระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนจากตัวกระตุกเป็นเกร็งทื่อทีละน้อ
“ถูกต้องแล้วเพคะ ใต้เท้าเหลียงทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของถงจื่อหยา” จิ้นหรูเอ่ยจ่านเหยียนหัวเราะ “อื่ม ดีมาก!”“ได้ยินว่าพอครอบครัวใต้เท้าเหลียงทราบว่าเหลียงกุ้ยเหรินจะถูกประหารชีวิตก็เสียใจมาก เคยถวายหนังสือขอร้องต่อไทฮองไทเฮา แต่ทางไทฮองไทเฮาไม่ตอบกลับสักคำ” จิ้นหรูเพิ่งกลับถึงวันก็รู้ข่าวพวกนี้แล้ว เห็นได้ว่านางมีเส้นสายในวังมากเพียงใด“รู้แล้ว!” จ่านเหยียนยิ้ม หากคนสกุลเหลียงได้เจอกับเหลียงกุ้ยเหรินอีกครั้งจะเป็นเรื่องดีมากเพิ่งเลยยามเที่ยง ฮองเฮาก็พาคนสนิทเข้าตำหนักเย็นเหลียงกุ้ยเหรินถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นหลายวัน ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ไปแล้ว ครั้นเห็นฮองเฮามาถึงก็ไม่ทำความเคารพ เพียงฉีกยิ้มหัวเราะเหอะ ๆ ๆ กับฮองเฮาฮองเฮาปรายตามองนางด้วยความรังเกียจทีหนึ่ง หากมิใช่เพราะไม่วางใจ นางจะไม่มาด้วยตัวเองหรอก“นางเหลียง เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยโทสะเสียงกร้าวเหลียงกุ้ยเหรินกระชากเส้นผมอยู่ในมือ ฝ่ามือของนางมีเส้นผมเพิ่มขึ้นมาหลายเส้น จากนั้นจึงหัวเราะฮี่ ๆ เอ่ย “ฮองเฮา ทรงทราบหรือไม่เพคะ? ฝ่าบาทตรัสแล้ว พระองค์โปรดผมสลวยของหม่อมฉันที่สุด”ฮองเฮาหน้าบึ้ง “เจ้าบ้าไปแล
จ่านเหยียนประกาศกับภายนอก เนื่องจากได้รับความตกใจจากจวนจึงป่วยหนัก ช่วงพักฟื้นนี้จะไม่พบผู้ใดทั้งสิ้นนางปิดประตูตำหนักแล้วกล่าวกับจิ้นหรู “ข้าจะออกนอกวัง เจ้ารับผิดชอบเฝ้าอยู่ในตำหนัก แต่อย่าพูดเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด เจ้าทำเหมือนเมื่อก่อนนะ ส่งข้าวเข้ามาทุกวัน นอกจากเจ้า จี๋เสียงกับหรูอี้ ก็ห้ามไม่ให้ใครเข้ามาปรนนิบัติในตำหนัก”จิ้นหรูรีบพูด “พระองค์จะเสด็จออกไปอีกแล้วหรือ? ครั้งนี้จะไปนานเท่าใดเพคะ?”จ่านเหยียนคิดครู่หนึ่ง “นับจากวันนี้ ถ้าไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ข้าจะไม่กลับวัง”“อะไรนะ?!” จิ้นหรูเบิกตาโพลง “พระองค์ออกไปทำอะไรกันแน่เพคะ? หากในวังมีเรื่องเร่งด่วน บ่าวจะไปตามพระองค์ได้ที่ไหน?!”จ่านเหยียนดึงให้นางนั่งลง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “จิ้นหรู เจ้าฟังข้านะ เวลานี้เสนาบดีกรมคลังคือถงจื่อหยา เป็นคนของสกุลถง อำนาจท้องพระคลังอยู่ในมือของคนสกุลถง เช่นนี้จะไม่เป็นผลดีต่อเซ่อเจิ้งอ๋อง แม้หลาย ๆ ครั้งจะไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แต่เงินก็ยังต้องใช้กับหลาย ๆ เรื่อง สามทัพมิเคลื่อนเสบียงหญ้าเคลื่อนก่อน เมื่อไม่มีเงิน ก็ทำงานใหญ่ไม่ได้ ช่วงก่อนข้าออกไปตีซี้กับคุณชายสกุลใหญ่ในเมืองหลวงได้เยอ
“อื่ม!” มู่หรงฉิงเทียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะขานรับฮุ่ยอวิ่นตะลึงงัน แล้วจึงกล่าวอย่างทุกข์ใจเล็กน้อย “เมื่อก่อนทรมานอย่างนั้นยังผ่านมาได้ ตอนนี้...”“ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน พวกเราจะผิดพลาดไม่ได้” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยเรียบ“ถ้าเพื่อระงับความเจ็บปวด ข้าสามารถไปหาให้ท่านได้ แต่... ถ้าเพื่อให้สติแจ่มชัดอยู่เสมอ นั่นไม่จำเป็น ข้าเคยบอกแล้ว ตอนนี้เราจะยังไม่เคลื่อนไหว”มู่หรงฉิงเทียนมองเขา นัยน์ตาดำขลับดุจม่านราตรีเจือความร้อนรนเล็กน้อย “ฮุ่ยอวิ่น เจ้าไม่เข้าใจ ตอนนี้ข้าถอยไม่ได้แล้ว หากมิใช่เขาตาย ก็คือแคว้นต้าโจวเปลี่ยนผู้ปกครอง ทางออกเดียวของเราก็คือการทุ่มสุดตัว”ฮุ่ยอวิ่นนิ่งงันครู่หนึ่ง “เอาไว้ข้าหาหลงอู่เจอแล้วค่อยว่ากัน”มู่หรงฉิงเทียนมองเขาด้วยความผิดหวัง “ฮุ่ยอวิ่น เมื่อก่อนเจ้าไม่ลังเลเช่นนี้นี่”ฮุ่ยอวิ่นช้อนตาขึ้นพรึบมองเขา มองเขานิ่ง ๆ แล้วเอ่ยด้วยอารมณ์รุนแรงเล็กน้อย “ข้าเคยบอกแล้ว นอกจากท่านกับอาหญิง ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญ ท่านไม่เข้าใจหรือ? ข้าเหลือพวกท่านเป็นญาติเพียงสองคนแล้ว!”ท้ายน้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย สะอื้นปนความเจ็บปวดใจการที่คนคนหนึ่งมีชีวิตอย
ฉีชินอ๋องเอ่ย “ได้ ประเดี๋ยวข้าจะเข้าวัง”“ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปกำจัดปีศาจที่ไหนหรือ?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบ “จวนตระกูลหลง เขาบอกว่าปีศาจจิ้งจอกสิงร่างหลงจ่านเหยียน ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดไปแล้ว แต่วิญญาณมังกรก็กลายเป็นผุยผงไปแล้วเหมือนกัน”ทันใดนั้นสายตาเย็นชาคมกริบของมู่หรงฉิงเทียนก็ตกอยู่บนใบหน้าของฮุ่ยอวิ่น “เช่นนั้น... หลงจ่านเหยียนตายแล้วหรือ?”ฉีชินอ๋องตอบแทน “ยัง แต่นิสัยคงกลับไปเป็นหลงจ่านเหยียนที่ขี้ขลาดคนก่อนแล้ว”มู่หรงฉิงเทียนเงียบงัน สายตากลับเย็นชามากขึ้น“เทียน พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าทุกคืนเจ้าจะถูกไอหยินแว้งกัด...”มู่หรงฉิงเทียนขัดคำพูดของเขา “ข้ารู้ ก็เหมือนกับตอนแรก ข้าทนได้” แต่นึกถึงความทรมานปอดฉีกหัวใจแหลกลาญแบบนั้นแล้ว เขายังสั่นขึ้นมาเล็กน้อย“พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าหลงอู่ช่วยท่านได้ ข้าต้องตามตัวหลงอู่มาได้แน่” ฮุ่ยอวิ่นพูดอย่างปวดใจเล็กน้อยมู่หรงฉิงเทียนหัวเราะเสียงเย็น “ช่างเถอะ อย่าฝืนเลย คุณชายอายุน้อยคนหนึ่ง ไม่เห็นจะมีความสามารถเช่นนี้”สมควรจบลงแล้ว แม้จะไม่ใช่เวลา แต่การอยู่ด้วยร่างที่ตายไปแล้วเช่นนี้ ช่างทำให้เขาผิดหวังจ
ฮุ่ยอวิ่นถามอย่างร้อนใจ “พระอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”พระอาจารย์เป่ากวงตอบเสียงเบา “อย่าเสียงดัง ท่านอ๋องเพิ่งฟื้น รอให้เขารวบรวมพลังสักหน่อยแล้วค่อยเข้าไป”“ได้ เช่นนี้ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่” ฉีชินอ๋องถามพระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า เอามือเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก “หากยังไม่มีใครช่วยเขาในหนึ่งเดือน อาตมาก็จนหนทางแล้ว”ฮุ่ยอวิ่นชายตามองเขา “พระอาจารย์ ข้าขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง”“อาตมารู้ คุณชายวางใจเถอะ อาตมาจะไม่แพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน” พระอาจารย์เป่ากวงรับประกัน“เช่นนั้นก็ดี!” ฮุ่ยอวิ่นพยักหน้า สีหน้าเจ็บปวดหนักใจเล็กน้อยแม้เวลานี้จะไม่ใช่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ยามนี้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักมีหลาย ๆ คนที่เข้าร่วมกับท่านอ๋องแล้ว มีกำลังเพียงพอจะต้านทานสกุลถง ขาดอีกก้าวเดียว ต้องการแค่เงินทุนที่เพียงพอก็จะถอนรากถอนโคนราชครูถงได้แล้ว กลับมาเกิดข้อผิดพลาดในตอนนี้ หากภายนอกรู้ เกรงแต่คนที่ยังไม่มั่นคงกับจุดยืนจะหันไปเข้ากับอีกฝ่าย“แม้เวลานี้ท่านอ๋องจะปลอดภัย แต่ทุกคืนเมื่อถึงยามโฉ่ว ช่วงสองชั่วยามนี้ไอของจันทร์หยินจะรุนแรงที่สุด เขาจะทรมานมาก” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ย
ฮุ่ยอวิ่นมีกะจิตกะใจคิดเรื่องนี้ที่ไหนกัน แต่ในเมื่อฉีชินอ๋องหลงเอ่ยถึง เขาจึงคิดสักหน่อยแล้วตอบว่า “กล่าวตามตรง ไทเฮาต่างจากจ่านเหยียนที่พวกเรารู้มาเมื่อก่อนหน้านี้มาก บางทีนางอาจเป็นปีศาจจริง ๆ ก็ได้”“แต่... ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดแล้ว” ฉีชินอ๋องต้องฮุ่ยอวิ่นตาเขม็ง“อื่ม!” ฮุ่ยอวิ่นพยักหน้า“แต่... แน่ใจหรือว่ามีปีศาจจิ้งจอก? เรื่องนี้จะเหลวไหลเกินไปแล้ว”ฮุ่ยอวิ่นนิ่งงันครู่หนึ่ง “โลกกว้างใหญ่ไพศาล มีเรื่องอัศจรรย์มากมาย สิ่งที่พวกเราไม่รู้ ไม่หมายถึงว่าไม่มีอยู่จริง”ฉีชินอ๋องหดหู่ใจ “หากยึดตามการพูดของเจ้า เช่นนั้นก็คือมีปีศาจจิ้งจอกอยู่จริง ๆ ยามนี้ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดแล้ว เช่นนั้นหลงจ่านเหยียนจะกลับไปเป็นลูกอนุที่ขี้ขลาดเหมือนมุสิกเช่นเมื่อก่อนนี้หรือไม่?”“ก็เป็นไปได้!” ฮุ่ยอวิ่นตอบแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ควบคุมง่ายไทเฮาที่เขารู้จักในเวลานี้ปราดเปรื่องเกินไป จิตใจล้ำลึกเกินไป แม้จะมีด้านดีอยู่ กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากนางได้ง่ายแต่การพูดเรื่องพวกนี้ในเวลาเช่นนี้จะมีความหมายอันใด? หากพี่ชายเกิดเรื่อง แผนการทุกอย่างก็จบสิ้นลงแล้ว
เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของจ่านเหยียน แต่เขารู้สึกว่าที่จ่านเหยียนปรากฏตัวในเมืองหลวงด้วยอีกตัวตนหนึ่ง จะต้องมีเหตุผลแน่ บางที... นางอาจยอมช่วยมู่หรงฉิงเทียนด้วยตัวตนหลงอู่ก็เป็นได้“แค่ ‘อาจจะ’? มิใช่ ‘แน่นอน’ หรือ? เช่นนั้นท่านนั้นที่ท่านบอกเมื่อครู่คือใคร?” ฮุ่ยอวิ่นถามต่อ“ไม่จำเป็นต้องพิจารณาท่านนั้นแล้ว” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ย“หัวใจคนทำจากเนื้อ เชื่อว่าไม่มีผู้ใดที่หนักแน่นดั่งหินผา” ฮุ่ยอวิ่นเอยพระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า “คนผู้นี้หากอยู่บนโลกมนุษย์ก็มีอายุถึงสามร้อยปีแล้ว มีอายุมากกว่าอาตมา อาตมาได้ยินว่าบรรพบุรุษของคุณชายหลงอู่มีความเชื่อมโยงกับเขาอยู่บ้าง อีกทั้งคุณชายหลงอู่ยังเชี่ยวชาญศาสตร์นี้ ดังนั้นอาตมาขอเสนอให้คุณชายรีบตามหาเขาเถอะ”“อายุสามร้อยกว่าปี?” ฉีชินอ๋องสบตากับฮุ่ยอวิ่น ในดวงตามีความผิดหวังอยู่ลึก ๆ อายุสามร้อยกว่าปี นั่นยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ที่ไหน? กลัวแต่ไปเกิดใหม่นานแล้ว“ข้าเคยได้ยินคุณชายหลงอู่มาก่อน แต่เขามิใช่พวกเสเพลหรอกหรือ? พระอาจารย์แน่ใจหรือว่าเขาเชื่อถือได้?” ฮุ่ยอวิ่นถาม“อย่าได้ดูถูกคนที่ภายนอกสนุกสนานร่าเริง บางทีพวกเขาอาจจะคมในฝัก ใช้อีกโฉ
ฮุ่ยอวิ่นปรึกษาหารือการรับมือกับฉีชินอ๋องในจวน เวลานี้ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือต้องทำอย่างไรจึงจะรักษาชีวิตของมู่หรงฉิงเทียนได้“ไปเชิญพระอาจารย์เป่ากวงมา!” ฮุ่ยอวิ่นสั่งกับอาซิ่นอาซิ่นขานรับก็ออกจากเรือน พร้อมปิดล้อมเรือนหลิงอวิ๋นซึ่งเป็นที่พักของมู่หรงฉิงเทียนเอาไว้จะให้เรื่องที่ท่านอ๋องเกิดเรื่องแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด“นี่จะทำอย่างไรดี?” ฉีชินอ๋องจนหนทางแล้วเหมือนกัน ครั้นเห็นคนนอนหมดสติอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็ราวกับมีมีดกรีด หลายปีก่อนเขาเคยสูญเสียเสด็จพี่ไปหนหนึ่งแล้ว ตอนนี้จะต้องเกิดเรื่องซ้ำสองอีกหรือ?ไม่ ลำบากนักกว่าเขาจะรอดต่อไปได้“ลองถามพระอาจารย์เป่ากวงก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ยด้วยความกังวล“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” ฉีชินอ๋องถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นเล่าเรื่องรอบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเอ่ยว่า “หากรู้ว่าฟางจี้จื่อนั่นจะเชื่อถือไม่ได้เช่นนี้ พูดอย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วยให้ยืนวิญญาณมังกรไปเด็ดขาด!”“เขาไปกำจัดปีศาจที่ไหน?” ฉีชินอ๋องเอ่ย“ตอนที่เขาไป ข้าสั่งให้คนสะกดรอยตามเขา เขาเข้าจวนตระกูลหลง ภายหลังได้ยินว่าปีศาจจิ้งจอกเข้าสิงร่างไทเฮา กำจั