“หึหึ ที่แท้ก็เพราะเรื่องเงินสินะ หว่านเจินที่ตระกูลลู่เลี้ยงดูเธอส่งเสียลูกสาวเธอให้ร่ำเรียนที่ดี ๆ ซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ให้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่พวกเธอร้องขอแต่เธอกลับบอกว่าคุณพี่ไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ”“คุณพี่คะ ฉันไม่ได้ลำบากก็จริงแต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายเหมือนพวกคุณ ฉันไม่มีหน้าแม้แต่จะออกงานสังคมกับคุณพี่เหมือนคุณ อีกอย่างรุ่ยถิงก็เป็นลูกของเหมือนกัน เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้เพราะฉะนั้นทรัพย์สินในส่วนที่พวกฉันควรจะได้ก็ต้องได้”“เธอ!” / ฟางหยง“ต้องการเท่าไหร่คะ”เป็นลู่เหม่ยหลินที่ยืนขึ้นและมองหว่านเจิน สายตานี้เหว่านเจินไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ปกติเหม่ยหลินเป็นแค่พวกขี้แพ้ขาวีนที่ไม่เอาไหนแต่ในวันนี้กลับกล้าที่จะยืนเผชิญหน้ากับเธอ“ก็.. เงินสำหรับตั้งตัวกับกิจการร้านขายผ้าเล็ก ๆ ในเมืองที่ฉันดูแลอยู่ตอนนี้”“เท่าไหร่”“ห้าพันหยวนสำหรับตั้งตัว”“ห้าพันหยวน! แม่เล็กนี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับสำหรับคนสองคน อีกอย่างครอบครัวเราก็ยังต้องจ่ายค่าเสียหาย…”“ได้ค่ะ” / เหม่ยหลิน“อาหลิน!!” / เย่าหยางเหม่ยหลินมองหน้าหว่านเจินและรุ่ยถิงที่นั่งยิ้มอยู่ข้างหลัง เย่าหยางแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเ
เย่าหยางนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าความคิดของเธอจะนำเขาไปหนึ่งก้าวเสมอ ไม่ใช่สิบางทีอาจจะไปไกลกว่านั้นเพราะเขามัวแต่คิดถึงหน้าตาทางสังคมและบ้านที่เคยมีคุณพ่ออยู่ แต่ลืมคิดถึงมูลค่าของมันตามที่เหม่ยหลินพูดเขามัวแต่คิดเพียงจะขายร้านที่ทำรายได้ให้ครอบครัวซึ่งครั้งนี้เธอได้ให้สติและข้อคิดเขาและหากเป็นแบบนั้นเขาแทบจะไม่ต้องขายทรัพย์สินอื่นเพื่อจ่ายค่าเสียหายในครั้งนี้อีกเลย“อาหลินแต่การขายบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ว่าตอนนี้จะมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นมาเยอะก็ตาม”“เรื่องนี้ไม่ยากหรอกค่ะ พี่ใหญ่รู้จักคำว่านายหน้าซื้อขายที่ดินไหมคะ”“นายหน้าเหรอ”“ใช่ค่ะ เพียงแค่บอกราคาขายที่บวกค่าเหนื่อยให้เขาเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเหนื่อยและเสียเวลาขายเอง อีกอย่างทรัพย์สินเครื่องประดับที่ไม่มีความจำเป็นฉันก็จะเอาออกมาขายด้วย”“อาหลิน แต่นั่นเป็นสิ่งที่ลูกหวงมากไม่ใช่เหรอ”“แม่คะ ของนอกกายพวกนี้มีเอาไว้แค่อวดสังคม แต่ตอนที่เราลำบากสังคมไม่ได้มาช่วยเรานะคะ หากจะใช้ก็แค่ใช้ของที่มีไปก่อนแต่ถ้ามันลำบากมากก็แค่ไม่ไปเท่านั้นเอง งานพวกนี้ไม่เห็นจะมีประโยชน์เท่าไหร่เลย ก็แค่สังคมลงเรือนินทาคนอื่นเท่านั้น”เย่าหยางค
เมื่อเขาพูดจบคุณย่าถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าต้าเว่ยจะกล้าเถียงเธอซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดในบ้านแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องผิดเพราะสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ถูกต้องทั้งหมด “ต้าเว่ยพ่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ที่จริงทางฝั่งสะใภ้ตระกูลหลิวเองก็ทำการค้า และแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยและกว้างขวางเท่ากับตระกูลลู่แต่ว่าก็พอที่จะช่วยเหลือได้”“นี่พวกเราจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอครับ ค่าเสียหายตระกูลลู่ก็ยินดีที่จะจ่ายให้กองทัพโดยไม่ได้เรียกร้องหรือต่อรองอะไรเลยสักนิดอีก ทั้งพวกเขายังสูญเสียหัวหน้าตระกูลไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่กองทัพกลับตอบแทนโดยที่ทิ้งพวกเขาเพราะว่าตระกูลลู่ช่วยเหลือกองทัพไม่ได้แล้วงั้นเหรอครับ”“เฮ้อ… แต่ว่ายาที่ต้องใช้กองทัพก็จำเป็นเร่งด่วน”“แล้วยังไงครับ ครั้งก่อนคุณพ่อก็มาคุยกับผมแบบนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมไม่ได้เต็มใจหมั้นแต่พ่อก็อ้างว่าเพื่อกองทัพและเพื่อประเทศชาติ มาตอนนี้ผมกับเหม่ยหลินหมั้นหมายกันแล้วคุณพ่อกลับจะให้ผมทิ้งเธอเพื่อไปขอความช่วยเหลืออีกตระกูลหนึ่งงั้นเหรอครับ ผมทำไม่ได้ครับและขอปฏิเสธ”“ต้าเว่ย แต่ว่าหากว่าทางตระกูลลู่ยินยอมล่ะ”“คุณย่าครับ!! ผมรู้ว่าคุณย่าชื่นชอบซ
“คุณ…”ต้าเว่ยก้มลงจูบคนข้าง ๆ ซึ่งเมื่อได้สัมผัสกลิ่นกายเธออีกครั้งก็พลันทำให้เขาใจเย็นลงได้อย่างน่าประหลาด ทั้งความโกรธที่เก็บมาจากที่บ้านและความหึงหวงเธอก็พลันลดลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ“รีบไปรีบมา ผมจะรออยู่ที่ห้องพัก”“จริงสิ นี่ค่ะเสี่ยวหลงเปาฉันทำเมื่อเช้านี้คิดว่าคุณคงยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาก็เลยเอามาเผื่อค่ะ”“คิดว่าจะไม่ได้กินเสียแล้ว งั้นผมจะเอาไปกินที่ห้องรอคุณก็แล้วกันนะ”เหม่ยหลินยิ้มให้เขาก่อนจะเดินไปที่ตึกข้าง ๆ ตึกของเขา เมื่อเข้ามาที่ห้องพักก็เริ่มเปลี่ยนชุดและสวมเสื้อกาวน์ซึ่งวันนี้เขาเข้ามาเพียงแค่ตรวจคนไข้ที่ยังนอนพักอยู่เท่านั้นเพราะตอนเที่ยงเขาก็จะกลับออกไปกับเหม่ยหลินเพื่อไปพบนายหน้าที่เธอขอให้เขาช่วยเมื่อวันก่อน“คุณพอจะรู้จักคนที่ทำอาชีพนายหน้าไหมคะ”“นายหน้าเหรอ นายหน้าแบบไหนกันล่ะ เหมือนกับพนักงานขายแบบนี้หรือเปล่า”“ประมาณนั้นค่ะ แบบว่าคนที่รับหาคนซื้อของ หรือเป็นคนกลางที่เจรจาเกี่ยวกับการซื้อขาย คนกลางระหว่างคนขายกับคนซื้อ”“อืม ผมรู้จักคนที่คุณว่าอยู่คนหนึ่งเป็นเพื่อนผมเอง ที่บ้านเขาซื้อขายและทำบ้านเช่าคิดว่าน่าจะพอรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”“นั่นแหละค่ะที่
เมื่อทั้งหมดทานข้าวเสร็จแล้วเหม่ยหลินที่เริ่มตั้งสติได้ก็เข้าเรื่องที่จะคุยด้วยทันที“คุณเหม่ยหลินแน่ใจเหรอครับ บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นกลางเมืองหากจะขายจริง ๆ ผมว่าคงจะมีคนสนใจมากและอาจจะได้ราคาดีหากนำเข้าประมูล”“ประมูลเหรอคะ”“ใช่ครับ เป็นเรื่องใหม่สำหรับที่นี่แต่ที่ปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้จะใช้วิธีเพื่อขายที่ดินและเพิ่มมูลค่า ยิ่งบ้านที่ตกแต่งแบบนี้พร้อมกับมีทุกอย่างครบพร้อมอีกทั้งอยู่ใจกลางเมืองมีแต่คนที่จะแย่งกันซื้อ ไม่ต้องห่วงนะครับผมไม่เอาเปรียบคุณแน่เพราะผมถือว่านาน ๆ ทีเหล่าเฉินจะออกปากขอให้ผมช่วยเขาสักที”เหม่ยหลินหันมามองต้าเว่ยที่ยิ้มให้เพื่อนของเขาอย่างซาบซึ้งใจและยกน้ำสีอำพันชนแก้วกับอี้เหิงก่อนจะหันมามองเหม่ยหลิน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่“เลิกห่วงเรื่องนั้นได้แล้ว เหล่าอี้รับปากเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่าวันที่ประมูลเราก็แค่ไปดูเท่านั้นเองคุณตั้งราคาเอาไว้บ้างหรือเปล่าล่ะ"“พี่ใหญ่บอกว่ารวมพื้นที่ทั้งหมดและตัวบ้าน น่าจะขายได้ราว ๆ สองหมื่นหยวนค่ะ”“เหล่าอี้นายว่ายังไง เคยเห็นผ่าน ๆ บ้างไหมบ้านตระกูลลู่น่ะ”“เคยเห็น ที่อยู่ถนน…. นั่นใช่ไหม ฉันขับรถผ่านบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเ
“คุณหว่านครับ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในข้อสัญญาที่ผมให้คุณอ่านดู แต่ว่าคุณไม่ได้อ่าน”“ไม่ใช่สิ เป็นแบบนี้ไม่ถูกต้องนี่มันเรื่องของฉันคนเดียวแต่ทำไมต้องถึงกับไม่ให้รุ่ยถิงใช้แซ่ลู่ แล้วจากนี้หากว่าตระกูลลู่แบ่งทรัพย์สินที่เหลือลูกของฉันก็ไม่มีสิทธิ์น่ะสิ!”เย่าหยางขมวดคิ้วและคาดไม่ถึงว่าหว่านเจินจะยังโลภในทรัพย์สินส่วนอื่น ๆ ที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ทั้ง ๆ ที่ป่าวประกาศเรียกร้องเรื่องขอเงินนี้เองแต่กลับบอกว่าเป็นส่วนเฉพาะของตัวเองคนเดียว“แม่…. คุณหว่านครับผมกับทนายกวนแจ้งพวกคุณแล้วว่าให้อ่านหนังสือสัญญาก่อนที่จะเซ็นลงไปแล้วนะครับ”“ไม่ใช่นะอาหยางแม่เล็กไม่รู้ว่าเหม่ยหลินจะใช้วิธีนี้จัดการกับน้องด้วย ยังไงน้องก็เป็นน้องเล็กของอาหยางนะทำไมทำกับน้องแบบนี้ละ”“คุณหว่านคะ ก่อนหน้านั้นคุณเสนอเงื่อนไขนี้เองว่าจะรับเพียงเงินห้าพันหยวนและโฉนดที่ดินร้านในเมืองกวางโจว เอกสารสัญญาร่างอย่างชัดเจนและรับรู้ทั้งสองฝ่ายแต่เพราะคุณโลภและไม่รอบคอบ เลือกจะไม่อ่านสัญญาก็รีบร้อนเซ็น ทุกคนในที่นี้รวมถึงฉันกำชับบอกคุณครบทุกคนว่าให้อ่านเงื่อนไขในสัญญาก่อนที่จะเซ็น”“ไม่! ฉันไม่ยอมรับ สัญญานั่นทำขึ้นมาเพื่อหลอกให้ฉั
“เอ่อ… พี่ต้าเว่ยคะแบบนี้ไม่ดีมั้งคะ”“อะไรที่ไม่ดีล่ะ รีบไปเถอะ”เขาไม่ได้ฟังเธอที่ทัดทานเขา ดูเหมือนต้าเว่ยจะอารมณ์ดีกว่าเธอด้วยซ้ำไปที่จะได้ออกมาอยู่ข้างนอกซึ่งเหม่ยหลินคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ ในสังคมยุคสมัยนี้การที่แยกบ้านออกมาจากตระกูลใหญ่ก่อนที่จะแต่งงานยังไม่เป็นที่นิยมทำกันเพราะสังคมในสมัยยุคนี้นิยมรวมอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ หากแต่งงานถึงจะแยกออกมาอยู่เอง“ผมก็แค่บอกว่ามันสะดวกเวลาไปทำงานเพราะอย่างที่คุณรู้ ตระกูลเฉินก็ไม่ได้อยู่ใกล้ที่ทำงาน อีกอย่างเราก็เป็นคู่หมั้นกันอยู่แล้ว จะเร็วหรือช้าก็ต้องแต่งงานถือว่าเป็นการฝึกการอยู่ร่วมกันก่อนแต่งยังไงล่ะ”นั่นเป็นคำที่เขาบอกไว้ ห้องชุดแต่ละห้องที่ต้าเว่ยเลือกไปดูมีราคาค่อนข้างสูง แม้ว่าจะเป็นส่วนตัวและหรูหราเงียบสงบอย่างที่เขาต้องการเธอก็คิดว่ามันยังแพงเกินไปอยู่ดีแต่เขากลับชอบและดูตื่นเต้นมากกว่าเธอเสียอีกตอนที่เลือกชมห้อง“นี่อาหลินดูห้องนี้สิ มีครัวแยกให้ด้วยผมชอบนะเพราะมันจะได้ไม่ส่งกลิ่น แล้วยังตกแต่งเรียบร้อยอีกด้วยใกล้โรงพยาบาลเดินทางแค่สิบนาที”“พี่ต้าเว่ยคะ”“ดูสิห้องนอนแยกสองห้องมีห้องรับแขก แต่อยู่สูงไปหน่อย”“ราคา
ต้าเว่ยจูงมือเหม่ยหลินและเดินออกไปพร้อมกับความโมโห ครั้งนี้ดูเหมือนว่าซีอิ๋งจะทำให้ต้าเว่ยโกรธจริง ๆ เพราะเรื่องการค้าระหว่างสองตระกูลเขายังไม่เคยคุยกับเหม่ยหลิน อีกอย่างการที่เธออ้างว่ารู้มาจากเขาว่าเหม่ยหลินจะมาช่วยงานที่โรงพยาบาลก็ยิ่งทำให้เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้มากขึ้น“พี่ต้าเว่ย อย่าโมโหเธอเลยค่ะ”“นี่คุณยังเข้าข้างเธออีกงั้นเหรอทั้ง ๆ ที่เธอเสียมารยาทกับคุณครั้งแล้วครั้งเล่า”“ที่เธอทำก็เพราะยั่วโมโหเรา หากเราดิ้นตามเธอก็ยิ่งได้ใจสิคะ อีกอย่างเธอก็โกรธที่คุณเอาแต่หนีด้วย”“แล้วผมทำไม่ถูกหรือไง”“ไม่ใช่ไม่ถูกค่ะ แค่คนอย่างซีอิ๋งที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจและเก็บกด เธออาจจะสร้างความลำบากใจให้คุณทีหลังได้ฉันก็แค่กังวลว่าเธอจะวุ่นวายกับคุณช่วงที่จะมาฝึกงาน”“เฮ้อ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”“คุณย่าอยากให้คุณถอนหมั้นกับฉันแล้วไปหมั้นกับเธอสินะคะ”ต้าเว่ยนิ่งไปทันทีเมื่อจู่ ๆ เหม่ยหลินก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็รู้ว่าคนฉลาดอย่างเหม่ยหลินคงจะรู้ในไม่ช้าต่อให้เขาไม่บอก การพบกับซีอิ๋งบ่อย ๆ แบบนี้ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาควรจะเป็นคนบอกเธอเอง“อาหลินผมไม่มีทางทำแบบนั้น”“ถึงคุณจะทำนั่นก็ไม
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน