“เอ่อ… พี่ต้าเว่ยคะแบบนี้ไม่ดีมั้งคะ”“อะไรที่ไม่ดีล่ะ รีบไปเถอะ”เขาไม่ได้ฟังเธอที่ทัดทานเขา ดูเหมือนต้าเว่ยจะอารมณ์ดีกว่าเธอด้วยซ้ำไปที่จะได้ออกมาอยู่ข้างนอกซึ่งเหม่ยหลินคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ ในสังคมยุคสมัยนี้การที่แยกบ้านออกมาจากตระกูลใหญ่ก่อนที่จะแต่งงานยังไม่เป็นที่นิยมทำกันเพราะสังคมในสมัยยุคนี้นิยมรวมอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ หากแต่งงานถึงจะแยกออกมาอยู่เอง“ผมก็แค่บอกว่ามันสะดวกเวลาไปทำงานเพราะอย่างที่คุณรู้ ตระกูลเฉินก็ไม่ได้อยู่ใกล้ที่ทำงาน อีกอย่างเราก็เป็นคู่หมั้นกันอยู่แล้ว จะเร็วหรือช้าก็ต้องแต่งงานถือว่าเป็นการฝึกการอยู่ร่วมกันก่อนแต่งยังไงล่ะ”นั่นเป็นคำที่เขาบอกไว้ ห้องชุดแต่ละห้องที่ต้าเว่ยเลือกไปดูมีราคาค่อนข้างสูง แม้ว่าจะเป็นส่วนตัวและหรูหราเงียบสงบอย่างที่เขาต้องการเธอก็คิดว่ามันยังแพงเกินไปอยู่ดีแต่เขากลับชอบและดูตื่นเต้นมากกว่าเธอเสียอีกตอนที่เลือกชมห้อง“นี่อาหลินดูห้องนี้สิ มีครัวแยกให้ด้วยผมชอบนะเพราะมันจะได้ไม่ส่งกลิ่น แล้วยังตกแต่งเรียบร้อยอีกด้วยใกล้โรงพยาบาลเดินทางแค่สิบนาที”“พี่ต้าเว่ยคะ”“ดูสิห้องนอนแยกสองห้องมีห้องรับแขก แต่อยู่สูงไปหน่อย”“ราคา
ต้าเว่ยจูงมือเหม่ยหลินและเดินออกไปพร้อมกับความโมโห ครั้งนี้ดูเหมือนว่าซีอิ๋งจะทำให้ต้าเว่ยโกรธจริง ๆ เพราะเรื่องการค้าระหว่างสองตระกูลเขายังไม่เคยคุยกับเหม่ยหลิน อีกอย่างการที่เธออ้างว่ารู้มาจากเขาว่าเหม่ยหลินจะมาช่วยงานที่โรงพยาบาลก็ยิ่งทำให้เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้มากขึ้น“พี่ต้าเว่ย อย่าโมโหเธอเลยค่ะ”“นี่คุณยังเข้าข้างเธออีกงั้นเหรอทั้ง ๆ ที่เธอเสียมารยาทกับคุณครั้งแล้วครั้งเล่า”“ที่เธอทำก็เพราะยั่วโมโหเรา หากเราดิ้นตามเธอก็ยิ่งได้ใจสิคะ อีกอย่างเธอก็โกรธที่คุณเอาแต่หนีด้วย”“แล้วผมทำไม่ถูกหรือไง”“ไม่ใช่ไม่ถูกค่ะ แค่คนอย่างซีอิ๋งที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจและเก็บกด เธออาจจะสร้างความลำบากใจให้คุณทีหลังได้ฉันก็แค่กังวลว่าเธอจะวุ่นวายกับคุณช่วงที่จะมาฝึกงาน”“เฮ้อ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”“คุณย่าอยากให้คุณถอนหมั้นกับฉันแล้วไปหมั้นกับเธอสินะคะ”ต้าเว่ยนิ่งไปทันทีเมื่อจู่ ๆ เหม่ยหลินก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็รู้ว่าคนฉลาดอย่างเหม่ยหลินคงจะรู้ในไม่ช้าต่อให้เขาไม่บอก การพบกับซีอิ๋งบ่อย ๆ แบบนี้ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาควรจะเป็นคนบอกเธอเอง“อาหลินผมไม่มีทางทำแบบนั้น”“ถึงคุณจะทำนั่นก็ไม
"นอกจากไม่ต้องขายแล้วเรายังเหลือเงินทุนเพื่อจะฟื้นฟูธุรกิจของตระกูลลู่ที่เหลือด้วยค่ะ แม่คะ พี่ใหญ่เงินที่เหลือฉันคิดว่าจะแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งให้พี่ใหญ่ไปปรับปรุงร้านที่เซี่ยงไฮ้และเพิ่มสินค้าที่จะขายในร้านมากขึ้น”“อาหลิน แต่เงินนี่น้องเป็นคนหามาได้”“แต่มันก็ได้มาจากทรัพย์สินของคุณพ่อนะคะ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้เงินก้อนนี้ยังไงในอนาคตพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็ต้องมีลูก อีกอย่างคุณแม่ก็จะไปอยู่ที่นั่นก็ต้องมีค่าใช้จ่าย เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่ในอนาคตร้านของพี่ใหญ่ต้องไปได้ดีแน่ค่ะ”“แล้วคิดจะขายอะไรเพิ่มล่ะ”“ขายยาค่ะ”“ยาเหรอ จะว่าไปเซี่ยงไฮ้นอกจากร้านขายของ เสื้อผ้าและอาหาร ร้านยาก็ยังมีน้อยจริง ๆ ด้วย”“อีกส่วนฉันจะนำมาบริหารร้านที่ท่าเรือของคุณพ่อ”“พี่เห็นด้วย”“แม่ก็เห็นด้วย หากเทียบกับบ้านหลังนี้กับร้านขายยาและผ้าที่ท่าเรือ คุณพ่อคงอยากให้เก็บร้านเอาไว้มากกว่า อาหลินลูกฉลาดมากที่เลือกเก็บร้านเอาไว้ ช่างรู้ใจคุณพ่อจริง ๆ”“แม่คะ”เธอรู้ดีว่ามันยังยากที่จะทำใจว่าคุณพ่อจากไปแล้ว ที่เธอตัดสินใจขายบ้านหลังนี้โดยไม่มีใครคัดค้านนั่นเพราะทุกคนไม่อยากจะอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและไ
ย่าโจนิ่งและค่อย ๆ หันไปมองนายพลเฉิน พยาบาลเข้ามาในห้องก่อนที่เธอจะยกมือและสั่งให้พยาบาลไปรอข้างนอก เมื่อพวกเธอออกไปแล้วย่าโจถึงได้พูดขึ้นมา“เมื่อกี้ลูกพูดว่า...”“ครับ ต้าเว่ยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง วันก่อนผมส่งเอกสารยาให้ต้าเว่ยตรวจสอบดู อีกอย่างตัวยาที่ตระกูลเหวินเสนอมาให้คุณภาพไม่ได้ดีกว่าที่ตระกูลลู่เคยเสนอและยังขายแพงกว่าสามเท่าในจำนวนลดลงกว่าครึ่ง นี่เป็นเหตุผลที่ผมยังไม่สามารถตกลงทำการค้ากับตระกูลเหวินและตระกูลหลิวได้ครับคุณแม่ อีกอย่างผมอยากจะเตือนคุณแม่ไว้ อย่าสุงสิงกับเด็กตระกูลหลิวคนนั้นมากจะดีกว่า เพราะผมคิดว่าต้าเว่ยเลือกคนถูกแล้ว”“อาเจิ้ง นี่แกก็…”“ครับ ถ้าไม่มีหลิวซีอิ๋งมาเปรียบเทียบกับลู่เหม่ยหลิน ผมก็คงไม่เห็นศักยภาพของลู่เหม่ยหลิน ขอตัวก่อนนะครับช่วงบ่ายผมยังมีประชุมสี่เหล่าทัพ”ย่าโจนั่งนิ่งในห้องทำงานที่ไร้ผู้คน หรือเธอจะตัดสินใจเลือกข้างผิดตั้งแต่แรกเพราะความน่ารักของหลิวซีอิ๋งทำให้เธอหลับหูหลับตาไปกับบางเรื่องที่ซีอิ๋งทำ แม้ว่าในงานวันเกิดของเธอครั้งก่อน ซีอิ๋งพยายามเข้าหาและหาเรื่องเหม่ยหลินก็มีต้าเว่ยที่คอยปกป้อง แต่นั่นเธอกลับมองว่าต้าเว่ยลำเอียง แต่มาวันนี้
แม้ว่าจะไม่อยากฟังที่หลิวซีอิ๋งพูด แต่ใช่ว่าเขาจะทำหลับหูหลับตากับเรื่องนี้ได้ เพราะข่าวของลู่เหม่ยหลินกับหมอโจวที่มักจะทำงานร่วมกันในห้องเรียนแพทย์ กับเธอที่คอยเป็นผู้ช่วยเขาไม่ห่างก็แทบจะทำให้ต้าเว่ยเป็นบ้าอยู่แล้วในแต่ละวัน ซึ่งเขาตัดสินใจที่จะเชื่อใจเธอแต่แค่เดินมาเห็นด้วยตาตัวเองกลับเป็นเขาที่ทนไม่ได้“คุณหมอเฉินคะ หมอใหญ่เรียกไปพบที่ห้องค่ะ”“ครับ”เขาเดินไปที่ห้องหมอใหญ่ทันทีเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน อีกอย่างเขาก็อยากจะลืมเรื่องที่เห็นสักหน่อยและค่อย ๆ สงบอารมณ์ก่อนที่จะกลับมาคุยกับเธออีกที ถึงอย่างไรเหม่ยหลินกับเขาก็พักอยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะพักในห้องเช่าเดียวกันแต่เขากับเธอก็แยกห้องนอนซึ่งต้าเว่ยให้เกียรติคู่หมั้นของเขาเสมอและทั้งคู่ก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยนอกจากจูบ“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะหมอโจวฉันจะรีบบอกเรื่องนี้กับต้าเว่ย”“ครับ เรื่องนี้คงช่วยได้มากจริง ๆ เอาล่ะไปทานข้าวกันดีกว่า”“ฉันต้องไปกินกับ…”“อ้อ จริงด้วยสิผมก็ลืมไปเลย”แต่เมื่อเหม่ยหลินไปที่ห้องของต้าเว่ย พยาบาลบอกว่าเขาไปพบหมอใหญ่ที่ห้อง เธอเองก็รอพบเขาแต่ก็เจอกับซีอิ๋งเสียก่อน“เหม่ยหลิน คุณมาทำอะไรที่นี่”“ฉัน…”“
“แต่ว่าคุณเหม่ยหลิน คุณเคยเข้าห้องผ่าตัดมาก่อนด้วยเหรอคะ”“ไม่เชื่อฉันเหรอคะ งั้นก็พาฉันไปสิคะฉันจะจัดเครื่องมือให้พวกคุณดูก่อนก็ได้ กว่าวิสัญญีจะพาคนไข้เข้าไปและเตรียมการผ่าตัดคงใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้พอมีเวลา”ทั้งสองคนลังเลเล็กน้อยแต่ว่าเธอเองก็จำเป็นจะต้องหาคนที่จะมาแทนพยาบาลที่ป่วยกะทันหันในตอนนี้“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทางนี้เลยค่ะ”พวกเธอเอาชุดพยาบาลห้องผ่าตัดให้เหม่ยหลินสวมซึ่งเธอรู้สึกว่าชุดในสมัยนี้ล้าหลังและยังไม่สะดวกสบายเหมือนยุคที่เธอจากมาและเครื่องมือเครื่องใช้ก็ยังมีไม่มากแต่ก็ใกล้เคียงกับเครื่องมือที่คุ้นเคย เธอยังพูดชื่อเครื่องมือบางอย่างที่พวกจูหลิงไม่เคยรู้จักด้วยศัพท์ชั้นสูงอีกด้วย “อันนี้ต้องใช้ อืม…ยังไม่มีเครื่องอัลตร้าโซนิกสินะถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไปก่อน”จูหลิงต้องอึ้งกับการจัดเครื่องมือได้อย่างคล่องแคล่วราวกับพยาบาลมืออาชีพของเหม่ยหลิน จูหลิงและอาเวยอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเหม่ยหลินรู้เกี่ยวกับเครื่องมือผ่าตัดทุกชิ้นในห้องนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเก่งกว่าเสี่ยวเหมยที่ป่วยเสียอีก“พี่จูหลิง ฉันจัดเครื่องมือเสร็จแล้วค่ะ พอใช้ได้ไหมคะ”“นะ นี่มัน…”“พระเจ้าที่เธอจั
“ก็ได้ค่ะ”เธอค่อย ๆ เก็บของและเดินตามเขาออกไป เกี๊ยวน้ำที่ต้าเว่ยอุ่นเอาไว้วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งคู่กินโดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ บรรยากาศดูจะอึดอัดเล็กน้อยจนเขาลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมาเทให้เธอ“อิ่มแล้วเหรอ”“ค่ะ อิ่มแล้ว”“คุณไม่ไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว”“ค่ะ ช่วงนี้ไม่ได้ไปแล้ว”“ทำไมล่ะ เพราะเรื่องวันนั้นเหรอ”“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น”แม้ว่าจะเกี่ยวแต่เธอก็เลี่ยงที่จะพูด ที่จริงเธอเริ่มทำตัวไม่ถูกเวลาที่เจอหมอโจวและเรื่องข่าวลือต่าง ๆ นั่นด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ต้าเว่ยต้องมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงในโรงพยาบาลเพราะเธออีก ซึ่งเรื่องที่เขาต่อยหมอโจวเป็นที่พูดถึงอยู่หลายวันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น และเพราะเรื่องนี้คุณย่าที่รู้ข่าวจากซีอิ๋งจึงได้ตกใจจนล้มป่วย“คุณจะพูดอะไรเหรอคะ”“แล้วสองสามวันนี้คุณไปที่ร้านตลอดเลยเหรอ”“ค่ะ ถึงเวลาที่จะต้องตรวจบัญชีพอดีฉันก็เลยขอหยุดพักงานที่โรงพยาบาลและคิดว่าคงไม่กลับไปทำอีกแล้ว”“เพราะผมเหรอ”“ไม่ใช่ค่ะ”“เพราะเขา”“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน”“คุณกลัวว่าผมจะเสียหายเหรอ”“ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คนไม่หวังดีทำร้าย ฉันรู้ว่าคุณย่าป่วยเ
“สถานการณ์ที่นั่น… แย่มากเหรอคะ”“อืม ไม่ถึงกับแย่แค่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์เพิ่ม สถานการณ์ชายแดนน่ะเอาแน่เอานอนไม่ได้เราต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอด”เหม่ยหลินรวบช้อนส้อมวางไว้ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ต้าเว่ยเองก็รู้สึกว่ากินไม่ค่อยลงหลังจากที่เห็นเธอทำหน้าแบบนี้“อะไรกันเหม่ยหลิน อิ่มแล้วเหรอจ๊ะกับข้าวไม่ถูกปากเหรอ”“เปล่าค่ะคุณป้า คือว่าช่วงนี้หนูเหนื่อย ๆ ก็เลยทานได้น้อยลงค่ะ”“อยู่นอนค้างกับป้าสักวันไหมเหม่ยหลิน”“แม่ครับ คงไม่เหมาะนะครับ”ต้าเว่ยต้องไม่ยอมอยู่แล้วเพราะเขาต้องการจะกลับไปและคุยกับเธอให้เข้าใจซึ่งหากปล่อยเวลานานไปกว่านี้เขากลัวว่าเธอจะโกรธเขามากกว่าเดิม“ทำไมล่ะนี่ก็ดึกแล้วกลับไปตอนนี้กว่าจะได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าคือว่าหนูต้องรีบไปเตรียมเอกสารที่จะให้คุณหม่าไปคุยกับคุณลุงด้วย”ต้าเว่ยรู้สึกขอบคุณที่เธอเลือกจะกลับไปกับเขาเพราะอย่างน้อยเธอก็ยังให้โอกาสเขาได้พูดบ้าง“อ้อ แบบนี้เองเหรอ แต่ยังไงก็ต้องรักษาสุขภาพบ้างนะเอาไว้ป้าจะแวะไปเยี่ยมที่ห้อง"“ค่ะคุณป้า”เมื่อทานข้าวเย็นจนเสร็จแล้วนายพลเฉินก็รีบโทรไปแจ้งที่กองทัพเรื่องข่าวดีที่เขาพึ่งจะได้รับจากเหม่ยหลินและแจ
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน