เมื่อทั้งหมดทานข้าวเสร็จแล้วเหม่ยหลินที่เริ่มตั้งสติได้ก็เข้าเรื่องที่จะคุยด้วยทันที“คุณเหม่ยหลินแน่ใจเหรอครับ บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นกลางเมืองหากจะขายจริง ๆ ผมว่าคงจะมีคนสนใจมากและอาจจะได้ราคาดีหากนำเข้าประมูล”“ประมูลเหรอคะ”“ใช่ครับ เป็นเรื่องใหม่สำหรับที่นี่แต่ที่ปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้จะใช้วิธีเพื่อขายที่ดินและเพิ่มมูลค่า ยิ่งบ้านที่ตกแต่งแบบนี้พร้อมกับมีทุกอย่างครบพร้อมอีกทั้งอยู่ใจกลางเมืองมีแต่คนที่จะแย่งกันซื้อ ไม่ต้องห่วงนะครับผมไม่เอาเปรียบคุณแน่เพราะผมถือว่านาน ๆ ทีเหล่าเฉินจะออกปากขอให้ผมช่วยเขาสักที”เหม่ยหลินหันมามองต้าเว่ยที่ยิ้มให้เพื่อนของเขาอย่างซาบซึ้งใจและยกน้ำสีอำพันชนแก้วกับอี้เหิงก่อนจะหันมามองเหม่ยหลิน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่“เลิกห่วงเรื่องนั้นได้แล้ว เหล่าอี้รับปากเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่าวันที่ประมูลเราก็แค่ไปดูเท่านั้นเองคุณตั้งราคาเอาไว้บ้างหรือเปล่าล่ะ"“พี่ใหญ่บอกว่ารวมพื้นที่ทั้งหมดและตัวบ้าน น่าจะขายได้ราว ๆ สองหมื่นหยวนค่ะ”“เหล่าอี้นายว่ายังไง เคยเห็นผ่าน ๆ บ้างไหมบ้านตระกูลลู่น่ะ”“เคยเห็น ที่อยู่ถนน…. นั่นใช่ไหม ฉันขับรถผ่านบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเ
“ลู่เหม่ยหลิน” กับชีวิตพยาบาลสาวที่แสนวุ่นวายในโรงพยาบาลใหญ่ ปีนี้เธออายุยี่สิบหกปีแล้ว สี่ปีกับอาชีพพยาบาลที่เธอพยายามร่ำเรียนจนสำเร็จจากเด็กกำพร้าพ่อแม่ที่เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเล็ก ๆ ในกวางโจว มาตอนนี้เธอสามารถทำงานและมีรายได้เพื่อไปช่วยเหลือน้อง ๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอี้หม่าเถินได้แล้ว“มาเด็ก ๆ มากินขนมเร็ว ๆ เข้าวันนี้พี่ได้ขนมมาเยอะแยะเลย ไม่ต้องแย่งกันได้ทุกคน”“พี่ใหญ่วันนี้มีคัพเค้กด้วยเหรอ”“ใช่แล้วเป็นของโรงแรมชื่อดังเลยนะ พี่แวะไปช่วยงานเพื่อเขาเลยให้มา กินเยอะ ๆนะ”“ลู่เหม่ยหลิน” ทำงานทุกอย่างที่จะสร้างรายได้ให้กับเธอได้ อีกทั้งเธอยังช่วยครูพี่เลี้ยงดูแลเด็กและช่วยทำบัญชีให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตั้งแต่จบมัธยมปลายหลังจากเห็นน้องที่พึ่งเข้ามาใหม่ตายเพราะความหนาวเธอก็ปฏิญาณตนว่าจะเรียนพยาบาลเพื่อจะได้ดูแลทุกคนในสถานรับเลี้ยงเด็กนี้ได้เพื่อจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลง “อาหลินกลับมาแล้วเหรอ”“ครูซ่ง กลับมาแล้วค่ะวันนี้แวะไปที่โรงแรมไปช่วยเชฟทำอาหารมาดูสิคะ เชฟให้ขนมเด็ก ๆ มาเพียบเลยค่ะ”“ดีจริง ๆ เก็บเอาไว้บ้างนะเธอผอมเกินไปแล้ว งานที่โรงพยาบาลก็ยุ่งมากอย
“อะไรนะคะ คุณหนูปวดหัวเหรอคะ”“เปล่า ๆ แค่บ่นไปเรื่อยน่ะ แล้วว่าแต่คุณชายเฉินอะไรนี่เขาชอบฉันหรือเปล่า”“อืม เรื่องนี้…”แค่เห็นสีหน้าของอาหงเธอก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ “คือว่าทางคุณนายที่เป็นลูกสาวอดีตนายพล คุณตาของคุณหนูรู้จักกับนายพลเฉินคุณพ่อของคุณชายรองเฉิน...”“สรุปก็คือเหมือนกับว่าบ้านฉันบังคับเขากลาย ๆ สินะ”“ยังมีเงื่อนไขความช่วยเหลือที่จะส่งยาและเครื่องนุ่งห่มให้กองทัพ ตระกูลเฉินก็เลยรับเงื่อนไขนี้ค่ะ”“หึหึ น่าดีใจยิ่งนัก ไม่มีฉันอยู่ในเหตุผลนั้นเลยเกิดมาสวยแบบไร้ค่าเสียแล้วสิ”“คุณหนูบ่นอะไรนะคะ”“เปล่า ๆ ไปเถอะขึ้นได้แล้วมั้งตัวจะเปื่อยอยู่แล้ว”“ค่ะ ๆ”อาหงใช้เวลาไม่นานก็แต่งตัวให้เธอออกมาสวยราวกับอยู่ในภาพฝันยุคเก่าที่เธอเคยมองจากนิตยสารและซีรีส์ในทีวี แต่ก็ต้องยอมรับว่าลู่เหม่ยหลินคนนี้สวยมากจนไร้ที่ติ การที่เธอหลงตัวเองได้นั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยสักนิด“พระเจ้านี่ฉันเหรอ”“อาหลินเสร็จหรือยังลูก ตายแล้วทำไมสวมแค่ไข่มุกเส้นเดียวล่ะไม่ได้สิ ติดเข็มกลัดนี้เพิ่มไปหน่อย ต่างหูล่ะเอามาเร็ว ๆ เข้า”“มะ คุณแม่คะ มันมากไปหน่อยหนูหนักค่ะ”“ฟางหยง” ถึงกับตกใจเมื่อมองมาท
ห้องส่วนตัวลู่เหม่ยหลินที่เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องมีทั้งพ่อแม่ของเธอและผู้ใหญ่อีกสองคนซึ่งเป็นผู้หญิงหน้าตายิ้มแย้มใจดีและผู้ชายที่ดุอีกคนหนึ่ง ซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเขาคือนายพลเฉินพ่อของคุณชายเฉินคนนั้นอย่างแน่นอน“อ้าวอาหลินมาแล้วเหรอ มาทักทายคุณลุงคุณป้าเร็ว ๆ เข้า”เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างเรียบร้อยจนแม้แต่นายพลเฉินเองก็คิดว่าเธอแสร้งทำ เขาแสยะยิ้มนิดหน่อยเพราะไม่ได้ชอบพอเธอแต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าไม่ชอบเมื่อเธอหันมาโค้งทักทายพวกเขา“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ลู่เหม่ยหลินค่ะขอโทษด้วยนะคะที่ให้คุณลุงกับคุณป้าต้องรอนาน”ของนายพลเฉินถึงกับนิ่งไปเมื่อได้ยินลู่เหม่ยหลินที่ยืนทักทายและเอ่ยปากขอโทษพวกเขาเพียงแค่เดินเข้ามาช้า หรือนี่จะเป็นท่าทีใหม่ที่บ้านตระกูลลู่อบรมลูกสาวมางั้นเหรอ“ไม่เป็นไรหรอกเราเองก็พึ่งมา นั่งก่อนสิลูกชายผมต่างหากที่เสียมารยาทจนป่านนี้ก็ยังมาไม่ถึงเลย”“ขอบคุณค่ะ”นายพลเฉินต้องตกใจอีกครั้งเมื่อลู่เหม่ยหลินเอ่ยขอบคุณที่เขาเชิญเธอนั่ง ไวน์ขาวในมือแกว่งไปมาพร้อมกับมองท่าทางที่เปลี่ยนไปจากคนหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวผู้ใหญ่อย่างเธอ แต่ผ่
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกใจไปเล็กน้อย คุณนายเฉินถึงขึ้นยกมือทาบอกเพราะไม่เคยคิดว่าเหม่ยหลินจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา แม้ว่าเฉินต้าเว่ยจะมองเธอนิ่ง ๆ ก็ตาม“หนูก็แค่ถามดูเท่านั้นเอง”“ได้ ไม่ผิดหรอกยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ที่จริงการหมั้นหมายก็เป็นส่วนหนึ่งหากว่าในอนาคตเธอไม่ยินยอม ก็สามารถถอนหมั้นกับผมได้เลย”เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะแอบยิ้มออกมา นี่ยังไม่ทันหมั้นกับเขาก็นึกถึงเรื่องถอนหมั้นแล้วงั้นเหรอ เขาเป็นเพื่อนเล่นของเธอหรือไง ตลอดเวลาเอาแต่พูดถึงเขาตามงานสังคมและข่มขู่ผู้หญิงหลายคนที่คิดจะเข้าหาเขาแต่ทำไมมาวันนี้กลับอยากจะถอนหมั้นเองเสียอย่างนั้น“เอาเป็นว่าอย่าพึ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะคะ คุณลู่คะฉันว่าเรามาคุยเรื่องจัดงานกันดีกว่าค่ะ แขกที่จะเชิญมามีแค่ญาติ ๆ..”หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อหันมามองตาดุ ๆ ของแม่เธอก็ทำให้เหม่ยหลินรู้สึกอึดอัดเธอจึงขอตัวออกไปเดินเล่นในสวนเพื่อลดความเครียดในวันนี้ ซึ่งเธอออกไปไม่นานเฉินต้าเว่ยก็ตามเธอออกไปสวนด้านนอก"ให้ตายเถอะ มีโอกาสเกิดมาเป็นลูกคนรวยสักทีก็อยากจะอยู่ใช้เงินสักหน่อยทำไมจะต้องรีบหมั้นแล้วมาแต่งงานกับอีตาหน้าตายนั่นด้วยล่ะ"เธอบ่นไปพร้อม
“ฟางหยง” เพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบตามหลังจากที่เหม่ยหลินพูดตอกกลับสองแม่ลูกกลับไปโดยที่เธอไม่ต้องออกแรง คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเธอจะโตขึ้นมากขนาดนี้ หว่านเจินเหมือนกับถูกน้ำกรดสาดหน้าก็ไม่ปาน แม้แต่รุ่ยถิงก็ยังรู้สึกได้ว่าลู่เหม่ยหลินรับมือได้ยากกว่าเดิม“ว่าแต่รุ่ยถิงเรียนบัญชีมาไม่ใช่เหรอ ดีดลูกคิดเป็นหรือยัง”“คือว่า... ก็พอได้ค่ะ”“แค่พอได้เหรอ แย่จังที่จริงจะอาศัยเครื่องคิดเลขสมัยใหม่มาช่วยคิดน่ะใคร ๆ ก็เรียนได้แต่ศิลปะการดีดลูกคิดลับสมองได้ดีกว่า นี่คงไม่บอกนะว่าสอบผ่านมาได้ด้วยการใช้เครื่องคิดเลขช่วยน่ะ”“แต่ว่า… อาจารย์ก็ไม่ได้ห้ามให้เอาเข้าไปสอบนี่คะ”“ไอหยา!! อะไรนะอาถิงนี่ยังดีดลูกคิดไม่เป็นงั้นเหรอ แต่ที่ร้านของเราใช้ดีดลูกคิดตลอด ถึงจะคิดเงินได้เร็วพ่อบอกแล้วไงว่าอย่าไปพึ่งเครื่องมือพวกนี้มากมันเชื่อถือไม่ได้ ไม่ได้เรื่องเลย รีบ ๆ เอาของไปเก็บเถอะไป”“คุณพ่อคะ...”“คุณพ่อคะบัญชีที่เอามาให้หนูตรวจเมื่อวันก่อนมีผิดอยู่สองหน้านะคะ พ่อจะเอาไปให้ลุงกวงตรวจก่อนก็ได้ค่ะ ดูเหมือนว่าจะมีเงินเกินอยู่สามหยวนที่หาที่มาไม่ได้ น่าจะคิดเงินลูกค้าเกินหรือไม่ก็ลุงกวงคงลืมลงรายการไว้ค่ะ”“งั้
“น้องรู้เรื่องยาจีนพวกนี้ด้วยเหรอ”“คือว่าตอนเรียนมหาลัยมีอาจารย์มาสอนก็ครูพักลักจำมานิดหน่อยค่ะ”“คิดไม่ถึงว่าจะรู้มากถึงขนาดซื้อตำรับยาได้แต่ว่ายานั่นก็ทำให้อาเซียงลดอาการแพ้ท้องลงไปได้จริง ๆ นะครับคุณแม่ อาเซียงยังบอกว่าดื่มยาทุกคืนก่อนนอนแล้วเหมือนหลับสนิทไปเลยตื่นเช้ามาก็สดชื่นไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากอาหลิน”“ลองชิมขนมสิ น้องทำเองเลยนะเอาไว้รอต้อนรับลูกกลับบ้าน”รุ่ยถิงนั่งนิ่งราวกับเป็นอากาศ หว่านเจินเองก็ไม่ต่างกันเมื่อทุกคนหันความสนใจไปที่ขนมและชารสเลิศที่ลู่เหม่ยหลินเป็นคนสรรหามาให้“จริงสิ พี่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาหลินจะชอบอะไร พี่ก็เลยซื้อสร้อยมุกมาให้”“โอ้โหพี่รองได้สร้อยมุกเลยเหรอคะ”รุ่งอิงเผลอตัวพูดออกไปด้วยความน้อยใจซึ่งสำหรับเธอแล้วสร้อยมุกนั่นมันสวยมากและน่าจะดีกว่าลูกคิดที่เธอได้รับ“พี่รองคะ เมื่อกี้พี่บอกว่าลูกคิดของพี่เริ่มพังแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่เอาสร้อยมุกนั่นมาแลกกับลูกคิดอันนี้ของฉันดีไหมคะ”เหม่ยหลินหันมาที่พี่ใหญ่ก่อนที่จะหันไปที่สายตาละโมบของรุ่ยถิงที่กำลังมองกล่องไข่มุกของเธอซึ่งเป็นของขวัญที่เย่าหยางตั้งใจซื้อมาให้ เหม่ยหลินปิดฝากล่องลงพร้อมกับความตกใจของรุ่ยถ
เจ้าสาวในชุดกี่เพ้าเต็มรูปแบบพิธีการสีแดงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแขกในงานที่รีบหันไปดูก่อนที่เฉินหยวนลี่จะเดินมาเปิดประตูให้กับเจ้าบ่าวลงมาจากรถทันทีที่หมอเฉินในชุดสูทสีดำเนคไทแดงติดเข็มกลัดเจ้าบ่าวกางเกงสีดำเดินลงมาก็สะกดทุกสายตาให้หันไปมองโดยเฉพาะ “ลู่รุ่ยถิง” ที่ตกตะลึงกับความหล่อของว่าที่พี่เขยในทันที“แม่… นั่นคือ”“หมอเฉินยังไงล่ะ เฉินต้าเว่ยคุณชายรองตระกูลเฉิน”“เขาหล่อจังเลย ที่จริงแล้วหนูก็แต่งกับเขาได้ใช่ไหมคะถ้าพี่รองยอมเพราะตามธรรมเนียมแล้วผู้ชายมีเมียหลายคนได้ไม่ใช่เรื่องแปลก”“จะบ้าเหรอคิดอะไรแบบนั้น”“ก็…. หนูว่าเขาดูดีออกนี่คะอีกอย่างเขาเป็นถึงคุณหมอและตระกูลเฉินก็ยังเป็นตระกูลทหารที่เก่าแก่มีชื่อเสียง”“อยากเป็นเมียน้อยเหมือนแม่เหรอ แกเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ นี้ไปได้เลยแม่ไม่มีทางยอมให้แกเป็นเบี้ยล่างนังลูกเมียใหญ่นั่นอีกหรอก”แต่ลู่รุ่ยถิงกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่น่ามองและมีเสน่ห์เท่ากับเฉินต้าเว่ยมาก่อนเลย เขาทั้งดูดี หล่อและดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อหยวนลี่ยื่นช่อดอกไม้ให้เฉินต้าเว่ยก็เดินเข้าไปข้างในตรงที่โต๊ะพิธีหมั้นที่มีเจ้าสาวของเขานั่งอยู่วัน