“ก็ได้ค่ะ”เธอค่อย ๆ เก็บของและเดินตามเขาออกไป เกี๊ยวน้ำที่ต้าเว่ยอุ่นเอาไว้วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งคู่กินโดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ บรรยากาศดูจะอึดอัดเล็กน้อยจนเขาลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมาเทให้เธอ“อิ่มแล้วเหรอ”“ค่ะ อิ่มแล้ว”“คุณไม่ไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว”“ค่ะ ช่วงนี้ไม่ได้ไปแล้ว”“ทำไมล่ะ เพราะเรื่องวันนั้นเหรอ”“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น”แม้ว่าจะเกี่ยวแต่เธอก็เลี่ยงที่จะพูด ที่จริงเธอเริ่มทำตัวไม่ถูกเวลาที่เจอหมอโจวและเรื่องข่าวลือต่าง ๆ นั่นด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ต้าเว่ยต้องมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงในโรงพยาบาลเพราะเธออีก ซึ่งเรื่องที่เขาต่อยหมอโจวเป็นที่พูดถึงอยู่หลายวันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น และเพราะเรื่องนี้คุณย่าที่รู้ข่าวจากซีอิ๋งจึงได้ตกใจจนล้มป่วย“คุณจะพูดอะไรเหรอคะ”“แล้วสองสามวันนี้คุณไปที่ร้านตลอดเลยเหรอ”“ค่ะ ถึงเวลาที่จะต้องตรวจบัญชีพอดีฉันก็เลยขอหยุดพักงานที่โรงพยาบาลและคิดว่าคงไม่กลับไปทำอีกแล้ว”“เพราะผมเหรอ”“ไม่ใช่ค่ะ”“เพราะเขา”“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน”“คุณกลัวว่าผมจะเสียหายเหรอ”“ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คนไม่หวังดีทำร้าย ฉันรู้ว่าคุณย่าป่วยเ
“สถานการณ์ที่นั่น… แย่มากเหรอคะ”“อืม ไม่ถึงกับแย่แค่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์เพิ่ม สถานการณ์ชายแดนน่ะเอาแน่เอานอนไม่ได้เราต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอด”เหม่ยหลินรวบช้อนส้อมวางไว้ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ต้าเว่ยเองก็รู้สึกว่ากินไม่ค่อยลงหลังจากที่เห็นเธอทำหน้าแบบนี้“อะไรกันเหม่ยหลิน อิ่มแล้วเหรอจ๊ะกับข้าวไม่ถูกปากเหรอ”“เปล่าค่ะคุณป้า คือว่าช่วงนี้หนูเหนื่อย ๆ ก็เลยทานได้น้อยลงค่ะ”“อยู่นอนค้างกับป้าสักวันไหมเหม่ยหลิน”“แม่ครับ คงไม่เหมาะนะครับ”ต้าเว่ยต้องไม่ยอมอยู่แล้วเพราะเขาต้องการจะกลับไปและคุยกับเธอให้เข้าใจซึ่งหากปล่อยเวลานานไปกว่านี้เขากลัวว่าเธอจะโกรธเขามากกว่าเดิม“ทำไมล่ะนี่ก็ดึกแล้วกลับไปตอนนี้กว่าจะได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าคือว่าหนูต้องรีบไปเตรียมเอกสารที่จะให้คุณหม่าไปคุยกับคุณลุงด้วย”ต้าเว่ยรู้สึกขอบคุณที่เธอเลือกจะกลับไปกับเขาเพราะอย่างน้อยเธอก็ยังให้โอกาสเขาได้พูดบ้าง“อ้อ แบบนี้เองเหรอ แต่ยังไงก็ต้องรักษาสุขภาพบ้างนะเอาไว้ป้าจะแวะไปเยี่ยมที่ห้อง"“ค่ะคุณป้า”เมื่อทานข้าวเย็นจนเสร็จแล้วนายพลเฉินก็รีบโทรไปแจ้งที่กองทัพเรื่องข่าวดีที่เขาพึ่งจะได้รับจากเหม่ยหลินและแจ
ต้าเว่ยเงียบลงไป ที่แท้เธอกับเขาถูกหลิวซีอิ๋งปั่นหัวอยู่นี่เอง คิดแล้วก็เจ็บใจ ผู้หญิงคนนี้สร้างความวุ่นวายให้เขาไม่หยุดตั้งแต่ทำให้เขาและเหม่ยหลินทะเลาะกัน ปล่อยข่าวลือและยังทำให้คุณย่าเขาป่วยเพราะเธอโทรไปบอกว่าเขามีเรื่องกับหมอโจวที่โรงพยาบาล“ที่ผ่านมาผมคงจะใจดีกับผู้หญิงคนนี้มากเกินไปสินะ”“อะไรนะคะ”“เปล่า วันนั้นพอผมคุยกับหมอใหญ่เสร็จแล้วผมวุ่นวายใจมากที่จะต้องห่างจากคุณไปสามเดือน แล้วพอลงมาก็เห็นคุณกับหมอโจวนั่งอยู่ด้วยกันก็เลยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ อีกอย่างเขาเองก็พูดออกมาว่า…”“คุณไม่ไว้ใจฉันเหรอคะ”“ไม่ใช่นะ ผมไว้ใจคุณแต่ไม่ไว้ใจเขา คุณก็รู้ว่าผมขี้หึงมากขนาดไหนไม่ชอบเห็นเขาอยู่ใกล้ ๆ คุณ ดังนั้นที่คุณเลือกที่จะไม่ไปทำงานกับเขาทำให้ผมรู้สึกโล่งใจมากขึ้นแต่กลับห่วงเรื่องนี้แทน เหม่ยหลินคุณคิดยังไงหากว่าผมจะขอให้คุณไปพักกับคุณแม่ที่บ้านผมในช่วงที่ผมไปที่กองทัพ”“คุณเป็นห่วงเรื่องนี้เหรอคะ”“ผมต้องป้องกันแมลงทุกตัวที่จะมาเกาะแกะคุณ อย่างน้อยอยู่ในสายตาคุณแม่ก็ยังวางใจได้ ตอนนี้คุณก็ไปทำงานที่ท่าเรือ อีกอย่างคุณแม่ก็พูดแล้วว่าให้คุณใช้รถที่บ้านไปรับไปส่งผมก็เลยวางใจ เหม่ยหลินถือว่า
ประโยคสุดท้ายเขาแทบไม่ทันได้ฟังเมื่อเขาก้มลงจูบเธออีกครั้ง แม้ว่าจะเร่าร้อนและหนักหน่วงแต่ครั้งนี้เหม่ยหลินตั้งรับทันแล้วเธอจึงไม่ว่าเขา ร่างบางถูกรวบและวางไปที่เตียงนุ่มอีกครั้งก่อนที่เขาจะเริ่มปลดชุดของเธอออกทีละชิ้น แม้จะเหนียมอายไปบ้างแต่ท่ามกลางแสงไฟในห้องของเขากลับเห็นความสวยงามตรงหน้าจนทำให้บางอย่างตื่นขึ้นมา“อาหลิน คุณแน่ใจนะที่จะให้ผมทำแบบนี้ หากว่าเริ่มแล้วจากนี้ผมจะหยุดไม่ได้แล้วนะครับคุณคู่หมั้น”“ฉัน… อยากให้คุณกอดค่ะต้าเว่ย มาสิคะ”เขาค่อย ๆ ควบคุมสติก่อนที่มันจะกระเจิงมากไปกว่านี้ เพียงแค่เสียงเรียกของเธอก็ทำเขาแทบบ้าแล้ว ไม่นานเขาก็ต้องรีบปลดเข็มขัดและชุดของเขาออกเพื่อให้บางอย่างที่แข็งตึงอยู่ข้างล่างได้ออกมาหายใจบ้าง“อ๊ะ ต้าเว่ย”เขาค่อย ๆ ดึงสายบราและชุดชั้นในที่เหลือออกแต่เธอยังยั้งมือเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงใช้แค่ฝ่ามือเลื่อนลงไปเพื่อจะสัมผัสโนนเนื้อด้านล่างที่เริ่มแฉะชื้นเพราะมือเขา มืออีกข้างกำลังบีบเคล้นหน้าอกที่พอดีมือของเขาพร้อมกับลิ้นที่กระดกรัวอยู่ปลายยอดเรียกเสียงครางจากคู่หมั้นสาว“อ๊าา ต้าเว่ย อ๊าา”ลิ้นของเขารัวระริกไปที่ยอดอกของเธอพร้อมกับนิ้วที่สอดเข้
เหม่ยหลินรีบเบี่ยงหน้าหนีและเงียบลงในทันที เธอรู้ว่าต้าเว่ยในตอนนี้ไม่ได้เหมือนต้าเว่ยที่จะสุภาพและให้เกียรติเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขากลายร่างเป็นพ่อพันธุ์หมาป่าที่จ้องจะกินกวางสาวอย่างเธอได้ตลอดเวลา ในห้องพักที่เช่าอยู่ด้วยกันนั่นแทบจะไม่มีที่ไหนเลยที่เขาจะว่างเว้น ไม่ต้องถามเลยว่าเขาจะกล้าทำบนรถหรือเปล่า “ทำไมเงียบล่ะ ผมเองก็ยังไม่เคยลอง…”“รีบไปเถอะค่ะฉันขอร้องล่ะ ฉันหิวจนแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้วอย่าพึ่งรังแกกันตอนนี้เลย”เธอบอกเขาอย่างจริงจัง ต้าเว่ยหันไปมองคู่หมั้นของเขาก็นึกสงสารขึ้นมาอยู่ไม่น้อยแต่เพราะเขาเหลือเวลาที่จะอยู่กับเธอน้อยลงแล้ว พรุ่งนี้เช้าเขาต้องออกเดินทางและต้องห่างเธอไปเกือบสามเดือน“วันนี้เราไปกินข้าวข้างนอกกันนะ”“คุณบอกว่า…”“ผมพาคุณไปซื้อของโปรดคุณแน่ครับแค่อยากจะไปทานข้าวเย็นกับคุณสักมื้อก่อนจะเดินทางเท่านั้นเอง”“แต่ฉันคิดว่าจะทำของแห้งติดไปให้คุณสักหน่อย ทางเหนือหนาวแต่ดูจากเวลาแล้วตอนนี้คงจัดเตรียมไม่ทันแล้วคงได้แค่ซื้อพวกอาหารกระป๋องและของที่พร้อมกินเลยติดตัวไปเท่านั้น”“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนั้นหรอก ทางกองทัพไม่ได้ขาดเสบียงเสียหน่อย ที่พวกเขาขาดคือยานะ
“คุณพูดมากจังเลยนะคะ มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะหึงอีกเหรอคะ”“หึงสิ ถึงคุณจะแต่งงานกับผมแล้วหรือมีลูกให้ผมอีกสักครึ่งโหล หึงก็คือหึงอยู่ดี ผมไม่ชอบให้คนมองคุณไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้คุณ ผมหวงได้ทุกเวลาและคิดว่าชาตินี้ก็คงไม่หายหรอก”“เฮ้อ แล้วแบบนี้จะไปทำงานได้อย่างสงบเหรอคะ ทำไมไม่พาฉันไปด้วยเสียเลยล่ะคะ”“ไม่ได้ ผมไม่มีทางให้คุณไปที่ลำบากแบบนั้นเลิกคิดได้เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้พูดแบบนี้”“ทีคุณไม่เห็นจะกลัวความลำบากเลยนี่คะทำไมฉันจะไปลำบากกับคุณด้วยไม่ได้ฉันเองก็เคยทำงานในโรงพยาบาลนะคะ หากตอนนี้เก็บของก็น่าจะ…อื้อ… อื้อ ต้าเว่ยเดี๋ยวก่อน”เขาหันมาจูบเธอแรง ๆ และเริ่มแรงขึ้นจนเธอรู้สึกว่านี่คือการลงโทษจากเขา เธอคิดแบบนั้นจริง ๆ หากว่าเขาไปที่แบบนั้นได้ทำไมเธอจะติดตามไปช่วยเขาไม่ได้ล่ะ เพราะเรื่องยาของหม่าเซินกับกองทัพเธอก็จัดการให้เรียบร้อยแล้ว“อย่าพูดแบบนี้อีก คุณรับปากผมแล้วว่าจะอยู่ดูแลคุณย่าให้ผมลืมแล้วเหรอ”“แต่ฉันก็ทนลำบากได้”“ถึงทนได้ก็ไม่อนุญาตอย่าแม้แต่จะคิดเข้าใจไหม”เหม่ยหลินปัดมือเขาและนอนตะแคงหันหลังให้ต้าเว่ยทันที เขาพึ่งจะเห็นเธองอนแบบจริงจังเป็นครั้งแรกก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกแต่เขา
เหม่ยหลินเผลอตีไปที่หน้าอกเขาแรง ๆ หนึ่งทีเพราะคำพูดที่หน้าไม่อายของเขา แม้จะเป็นการกระซิบแต่ก็ทำให้หน้าเธอร้อนผ่าวและรู้ว่าใบหูของเธอคงแดงจัดเพราะเธอร้อนไปถึงหู“แม้แต่เวลานี้คุณก็ยังพูด นี่เป็นตัวตนจริง ๆ ของคุณใช่ไหมที่ผ่านมาคุณหมอที่เย็นชา นิ่ง สุขุมและเป็นสุภาพบุรุษคนนั้นเป็นตัวปลอมใช่ไหม”“อะไรกันล่ะ ผมก็แค่หยอกล้อกับภรรยาแล้วมันผิดตรงไหนกัน”“เรื่องแบบนี้มันควรจะเอาออกมาพูดเหรอคะ คนหน้าไม่อาย”ต้าเว่ยดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้งเพื่อซึมซับกลิ่นและสัมผัสอบอุ่นของเธอครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะต้องห่างจากเธอไปสามเดือนเพื่อเดินทางไปทางเหนือ“ดูแลตัวเองให้ดีนะอาหลิน ผมเป็นห่วงคุณมากแล้วอย่าออกมาข้างนอกโดยที่ไม่มีคนติดตามถือว่าผมขอร้องคุณได้ไหม ดูแลตัวเองเพื่อผมได้ไหมครับคนดี”เหม่ยหลินรู้ดีว่าต้าเว่ยเป็นห่วงเธอ เพราะตลอดเวลาที่เธอเกิดเรื่องก็มักจะมีเขาอยู่ข้าง ๆ และคอยดูอยู่เสมอ เมื่อนึกถึงตรงนี้ปากของเธอก็เริ่มเบ้ออกเหมือนเด็ก ๆ ที่จะเริ่มร้องไห้ก่อนที่ต้าเว่ยจะดึงแก้มเธอ“อย่าร้องนะ ถ้าคุณร้องไห้ตอนนี้ผมคงเดินขึ้นรถไปไม่ได้”เธอรีบสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ด้วยสีหน้าที่ประหลาดจนเขาอดขำไม่ได้แ
เหม่ยหลินไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ หยิบผ้าผสมน้ำอุ่นค่อย ๆ ประคบไปที่ต้นขาของคุณย่าที่เธอให้นอนอยู่ที่เตียงไม้บุนวมและค่อย ๆ นวดเบา ๆ ย่าโจรู้สึกดีขึ้นจนเคลิ้มไป เธอไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้ว“อืม ยอดไปเลย มันดีจริง ๆ นะเนี่ยเธอทำเรื่องแบบนี้ได้ เคยเรียนมาเหรอ”เหม่ยหลินชะงักไป ในชาติก่อนเธอมักจะดูแลครูซ่งแบบนี้เหมือนกัน แต่พอมาในชาตินี้เธอยังไม่มีโอกาสใช้วิชานวดแบบนี้กับใครเลย“คือว่าตอนที่เรียนในมหาวิทยาลัยก็มีสอนบ้างนิดหน่อยค่ะคุณย่า”“อ้อ แบบนี้เอง เรียนมหาลัยนี่ดีจริง ๆ มีความรู้เยอะเลยไม่น่าเชื่อ อืม… ถ้าได้ชาของเธอมาจิบตอนนี้คงจะดีมากเลย”“คุณย่าคะ นี่พึ่งจะสิบโมงเองนะคะยังนอนไม่ได้ค่ะ”“นั่นสิ ๆ แต่ว่ามันชวนง่วงดีจริง ๆ นะ” การมาของเหม่ยหลินทำให้พยาบาลทั้งสองของย่าโจได้มีโอกาสได้พักทำเรื่องส่วนตัว เพราะมีเหม่ยหลินที่ช่วยดูแลคุณย่าแทนพวกเธอได้ จะมีก็แต่ตอนที่คุณย่าโจนอนพักผ่อนเท่านั้นที่เหม่ยหลินจะไปทำอย่างอื่น“นี่อะไรน่ะ”“ชาเขียวผสมผลไม้ค่ะ ดื่มตอนบ่ายคุณย่าจะได้สดชื่นขึ้น”“สีสวยเชียวแล้วนั่นล่ะ”เหม่ยหลินหยิบขนมถั่วเขียวรูปดอกโบตั๋นมาให้คุณย่า เพียงแค่เห็นเธอก็มอ
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน